แชร์

ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.7

ผู้เขียน: จ้าวฮุ่ยอิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-03 01:41:13

  แม่น้ำเฟิ่ง

  แม่น้ำเฟิ่งอยู่ในเขตรอยต่อระหว่างเมืองผิงหยางและเมืองหยง ขวางกั้นระหว่างสองเมืองใหญ่ของแคว้นฉิน บริเวณต้นแม่น้ำมีบ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็กถูกสร้างขึ้นอยู่ริมลำธารฝั่งเขตเมืองหยง ภายในบริเวณกว้างขวางมีรั้วรอบขอบชิด จัดแบ่งเป็นสัดเป็นส่วน มีเรือนนอนแยกเป็นกิจจะลักษณะ เรือนครัวและห้องโถงเล็กๆ จัดวางไว้อย่างสวยงาม ตัวบ้านทำจากไม้ไผ่เขียวยืนต้นสูง เนื้อแข็งแรงทานทน ทำให้บ้านออกมาสวยงามและน่าอยู่

  ภายในห้องนอนบนเตียงไม้ไผ่ปูด้วยเสื่อกลางเก่ากลางใหม่ทาบทับด้วยฟูกนอน ปรากฏร่างระหงของหญิงสาวนางหนึ่งนอนหมดสตินานกว่าห้าวัน บริเวณหน้าอกและคอมีผ้าพันแผลราวกับว่าได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าสวยงดงามบัดนี้แลดูขาวซีดเซียว ริมฝีปากอิ่มไร้สิ้นสีเลือดเจือจางด้วยเพราะทั่วร่างถูกพิษและเพิ่งถูกขับออกไปจนหมด

  ร่างอวบของสตรีสูงวัยอายุประมาณห้าสิบเศษๆ นามว่าฉางอี๋นั่วกำลังเป่ายาซึ่งเคี่ยวมาอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นเวลานาน โดยมีชายสูงวัยแลดูมีอายุนั่งอยู่บนโต๊ะกลางห้องกำลังค่อยๆ จิบน้ำชาพลางมองคนเจ็บที่ถูกช่วยขึ้นมาจากก้นแม่น้ำเมื่อห้าวันก่อน

  “ท่านพี่! แม่นางผู้นี้หมดสติเข้าวันที่ห้าแล้ว ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ นางไม่ฟื้นขึ้นมาจะทำอย่างไรต่อไปดี” ฮูหยินฉางเอ่ยถามสามีของนาง

  ชายชราในวัยหกสิบปีเจ้าของแซ่หยงนามว่าอู่ คนทั่วไปเรียกว่าหยงอู่ ชายชรามีอาชีพเก็บสมุนไพรและหาของป่าไปขายในเมืองหลวง แต่หามีผู้ใดล่วงรู้ว่าชายชราวัยไม้ใกล้ฝั่งเช่นนี้แท้จริงแล้วคือหมอเทวดา จากแคว้นจงซานซึ่งภายหลังได้ล่มสลายด้วยถูกแคว้นจิ้นบุกยึดดินแดน ทำให้ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในแคว้นฉินและมีครอบครัวอยู่ที่นี่ สองสามีภรรยาดำรงชีวิตอยู่กลางป่าเขาอย่างมีความสุขโดยไร้สิ้นบุตรสืบสกุลแต่อย่างใด

  จวบจนกระทั่งทั้งสองนำเรือออกมาหาปลากลางแม่น้ำในขณะที่กำลังไหลเชี่ยวกราก น้ำใหม่พัดพาฝูงปลามากมายมาติดกับดักของสองสามีภรรยาที่ทำขึ้น และทั้งสองบังเอิญมาพบเห็นการฆ่าอย่างเลือดเย็นต่อหน้าต่อตาด้วยความบังเอิญ ทันทีที่ร่างของหญิงสาวถูกโยนลงในแม่น้ำ หยงอู่และภรรยาจึงได้ดำน้ำลงไปช่วยสตรีที่ถูกถ่วงน้ำขึ้นมาก่อนจะจมดิ่งลงก้นแม่น้ำและพบว่านางถูกเข็มเงินอาบยาพิษ 

  ครั้นนำร่างไร้วิญญาณขึ้นมาจากก้นแม่น้ำได้เป็นผลสำเร็จและพบว่านางได้สิ้นลมหายใจไปแล้ว แต่จู่ๆ นางก็สำลักน้ำออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุพร้อมกลับมาหายใจดั่งเดิม ทำให้หมอเทวดาหยงอู่จากแคว้นจงซานรีบเร่งลงมือรักษากำจัดพิษที่อยู่ในร่างของสตรีผู้เคราะห์ร้ายให้ออกไปจากกายอย่างเร่งด่วน และหมอเทวดาหยงอู่ก็สามารถช่วยชีวิตนางได้เป็นผลสำเร็จ

  ร่างสันทัดลุกจากตั่งที่นั่งอยู่ เดินตรงไปที่ร่างของหญิงสาวที่ยังนอนหมดสติมานานกว่าห้าวัน สองนิ้วจับจุดชีพจรเพื่อตรวจจังหวะหายใจว่าเป็นเช่นไรบ้าง พร้อมรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าบางๆ

  “พลังหยินหยางของนางกลับมาเป็นปกติแล้ว ยาพิษที่ทำลายทวารทั้งเจ็ดบัดนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกไม่นานนางก็จะฟื้นขึ้นมาเอง รอเวลาว่าเมื่อไรจะลืมตาตื่นขึ้นมาเท่านั้น” หยงอู่บอกกลับไปท่ามกลางความโล่งใจของภรรยา

  “ดีจริงๆ เลยท่านพี่ที่เด็กสาวผู้นี้รอดปลอดภัย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ แลดูบอบบางเช่นนี้ คนพวกนั้นจะสามารถฆ่าได้ลงคอ มิหนำซ้ำยังใช้วิธีการฆ่าอย่างเลือดเย็นยิ่งนัก ดูสิ! ท่าทางยังไม่ออกเรือนเสียด้วยกระมัง อายุไม่น่าจะเกินสิบหกสิบเจ็ดเสียด้วยซ้ำไป” ผู้เป็นภรรยากล่าวพร้อมนั่งเพ่งพิศเด็กสาวที่ตนและสามีเพิ่งช่วยชีวิต

  “ท่านพี่คิดเหมือนกับข้าหรือไม่ เด็กสาวผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ยิ่งมองยิ่งงาม ทั้งหน้าตาและผิวพรรณต้องมาจากตระกูลชั้นสูงแน่ๆ เลยหรือท่านคิดเห็นเช่นไร”

  หยงอู่นั่งเพ่งพิศมองใบหน้างามของเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กัน

  “แม่หนูคนนี้งดงามดั่งคำของเจ้าจริงนั่นแหละ ส่วนจะเป็นใครมาจากไหนเอาไว้รอนางฟื้นขึ้นมาค่อยถามไถ่ก็แล้วกันนะฮูหยิน” หยงอู่ตอบกลับไป

  ทันใดนั้นเอง

  “เจี๋ยเจี๋ย! เจี๋ยเจี๋ยไปไหนรอด้วย! พี่รอฉันด้วย!” หญิงสาวเพ้อเรียกหาพี่สาวฝาแฝดออกมา พลางยื่นมือพยายามที่จะไขว่คว้าคนที่เธอเรียกให้หวนกลับคืนมาให้ได้

  พรึบ!!! เปลือกตาที่ปิดสนิทพลันเปิดขึ้นมาทันใด ดวงตากลมโตสีดำสนิทกลอกกลิ้งไปมา 

  หญิงสาวเห็นเพดานด้านบนทำจากไม้ไผ่นำมาวางเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ตัวบ้านล้วนทำจากไม้ไผ่ทั้งสิ้นไม่เว้นแม้กระทั่งเครื่องเรือนล้วนทำจากไม้ไผ่ทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเตียงเล็กๆ ที่ยกสูงจากพื้นมาเพียงเล็กน้อยมีผ้าสีขาวบางๆ ถูกรัดมุมไว้ทั้งสองข้าง เผยให้เห็นร่างของสตรีและบุรุษสูงวัยกำลังส่งยิ้มให้

  “ฟื้นแล้วท่านพี่!” เสียงฮูหยินของหยงอู่เอ่ยขึ้นมาทันที เมื่อเห็นแม่สาวน้อยรู้สึกตัวและหันมามองทั้งคู่

  “ที่นี่ที่ไหน! เราตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้” จางเพ่ยอันรำพึงอยู่ภายในใจ

  ร่างระหงพยายามลุกขึ้นจากฟูกนอน โดยมีฮูหยินฉางตรงเข้าประคองร่างของแม่สาวน้อยคนงามให้ลุกขึ้นนั่ง ท่ามกลางสายตาของหญิงสาวซึ่งกำลังมองสองสามีภรรยาด้วยความแปลกใจ

  “เจ้าฟื้นแล้วเช่นนี้ค่อยหายห่วงขึ้นมาหน่อย... เอ้า! ดื่มยานี่เสียสิ นี่คือยาถอนพิษที่เจ้าได้รับมาจะได้กำจัดพิษที่มีอยู่ในกายของเจ้าให้หมด” กล่าวพร้อมยื่นถ้วยยาส่งให้หญิงสาว ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังนั่งงงกับคำกล่าวของฮูหยินฉาง แต่ก็ยื่นมือรับถ้วยยามาถือไว้แบบงงๆ พลางก้มลงดมกลิ่นยาที่ช่างฉุนเสียนี่กระไร

  “นี่คือยาถอนพิษอย่างนั้นเหรอ! เราถูกพิษมาตั้งแต่เมื่อไร... อันที่จริงฉันหัวใจวายตายไม่ใช่เหรอ แล้วก็ได้พบกับเจี๋ยเจี๋ย จริงสิเจี๋ยเจี๋ยไปไหน! ทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่แบบนี้” หญิงสาวรำพึงรำพันก่อนจะได้ยินเสียงของสายน้ำจากลำธารและเสียงคล้ายน้ำตกกระทบหินผาไม่ไกลจากที่นี่เท่าใดนัก

  “เออ… คุณตาคุณยายคะ ที่นี่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ ทำไมเหมือนว่าที่นี่จะอยู่กลางป่า ละ... แล้ว หนูเป็นอะไรไปเหรอคะ... จริงๆ แล้วต้องอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่อยู่ในที่แบบนี้… อีกอย่างพี่สาวของหนู! เห็นพี่สาวฝาแฝดของหนูไหม” จางเพ่ยอันถามกลับไปด้วยความอยากรู้

  ในขณะที่สองสามีภรรยาหันกลับมามองหน้ากันด้วยความงุนงง เมื่อถูกเด็กสาวหน้าตาสวยงามถามกลับมาเช่นนั้นเล่นเอาไม่รู้จะเริ่มต้นตอบเช่นไรดี

  “แม่หนูเจ้าจดจำอะไรได้บ้าง” หยงอู่เอ่ยถามกลับไปพลางมองหน้าเด็กสาว ที่มีท่าทางงุนงงและแปลกประหลาดใจกับสิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้น

  “จะ… จำอะไรได้บ้างอย่างนั้นเหรอคะ” จางเพ่ยอันทวนประโยคของชายชราก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปทันที

  “หนูจำได้ว่ากำลังยืนอยู่บนสะพานเพื่อรอรถคันใหม่ของศูนย์วิจัยมาเปลี่ยน แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดหัวใจวายล้มลง… แล้วหนูก็มากับพี่สาวฝาแฝด คุณตาคุณยายเห็นพี่สาวของหนูไหม เราสองคนเดินจูงมือมาด้วยกัน” หญิงสาวเล่าเรื่องราวของเธอแต่ไม่ถึงกับหมดเปลือก ด้วยการพบวิญญาณพี่สาวฝาแฝดใช่ว่าจะมีคนเชื่อหากเล่าให้ผู้ใดฟัง จึงเอ่ยแต่เรื่องของเธอเท่านั้น

  ในขณะที่สองสามีภรรยายิ่งฟังยิ่งงงเข้าไปกันใหญ่ ทั้งสองได้แต่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะได้ยินเสียงหยงอู่เอ่ยขึ้น

  “ท่าทางแม่หนูคงจะสูญเสียความทรงจำไปบางส่วนเสียแล้วกระมัง ข้าและฮูหยินไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าบอกแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ยืนยันกับเจ้าได้นั่นก็คือ ข้าสองคนช่วยเจ้าขึ้นมาจากการโดนถ่วงน้ำก่อนจะจมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำเฟิ่ง”

  “หา! หนูนะเหรอถูกถ่วงน้ำ!” จางเพ่ยอันเอ่ยออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

  “ใช่! เจ้าถูกถ่วงน้ำให้กลายเป็นผีเฝ้าก้นแม่น้ำเฟิ่ง ถามจริงเถอะเด็กสาวเช่นเจ้าซึ่งอยู่ในวัยยังมิทันออกเรือนด้วยซ้ำไป เหตุใดจึงมีเรื่องบาดหมางถึงกับต้องถูกสังหารเอาชีวิต เจ้าถูกเข็มเงินอาบยาพิษร้ายแรงจนทำลายทวารทั้งเจ็ดสูญสิ้นลมหายใจไปก่อนหน้าที่ข้าสองคนจะลงไปช่วยเสียอีก”

  คำกล่าวของหยงอู่ทำให้จางเพ่ยอันนึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีตของพี่สาวฝาแฝดซึ่งเธอได้เห็นขึ้นมาทันที 

  “นั่นมันเหตุการณ์วันลอบสังหารที่เกิดขึ้นกับเจี๋ยเจี๋ย มิใช่เหรอ” หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจพร้อมเสียงของฮูหยินฉางเอ่ยแทรกขึ้น

  “แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะลิขิตยังมิให้เจ้าถึงที่ตายกระมังแม่หนู จู่ๆ เจ้าก็กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง ทั้งๆ ที่หยุดหายใจไปสักพักแล้ว พวกข้าจึงนำเจ้ากลับมารักษาที่กระท่อมริมลำธารจนเจ้าฟื้นขึ้นมานี่แหละ”

  ถ้อยคำของฮูหยินฉางทำให้จางเพ่ยอันนั่งนิ่งเหมือนถูกสตัฟฟ์เอาไว้ไม่มีผิด ครั้นได้ยินเช่นนั้นดวงตากลมโตเพ่งมองใบหน้าสองสามีภรรยาได้อย่างชัดเจน ไม่มีอาการพร่าเลือนแม้แต่น้อย ด้วยหญิงสาวสายตาสั้นถึงแปดร้อยต้องใส่คอนแทกต์เลนส์จึงจะเห็นทุกอย่างชัดเจน

  มือเรียวยกขึ้นจับใบหน้าของเธอไปมาก่อนจะจับดวงตาทั้งสองข้าง เมื่อเห็นทุกอย่างเป็นปกติ 

  “หน้ากลมๆ หายไป ตาของฉันที่มองอะไรไม่ชัดตอนนี้เห็นอะไรชัดแจ๋วเลย” หญิงสาวพึมพำออกมาเบาๆ

  มือค่อยๆ สำรวจร่างกายของเธอในขณะนี้ไปทั่ว ก่อนจะเลื่อนลงไปจับหน้าอกอวบอิ่ม ซึ่งมีขนาดใหญ่ล้นมือเลยทีเดียว หากเทียบขนาดในปัจจุบันก็ไม่ต่ำกว่าคัปดีหรือประมาณสามสิบเจ็ดนิ้วปาเข้าไปนั่น ในขณะที่หน้าอกของจางเพ่ยอันระดับไม้กระดานเรียกพี่ก็ว่าได้

  “โอ้โฮ! นม! นมใหญ่จริงๆ เลยวุ้ย” จางเพ่ยอันกล่าวออกมาพร้อมดวงตาลุกวาว ก่อนจะเห็นใบหน้าสะท้อนอยู่ในน้ำซึ่งเป็นยาแก้พิษอยู่ในชามยาที่กำลังถืออยู่ในขณะนี้ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาทันที

  ตึก!!! ชามยาที่ถืออยู่ในมือวางลงบนขอบเตียงทันใด หญิงสาวสะบัดผ้าห่มออกจากกายพร้อมลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงร้องห้ามปราม

  “แม่หนูอย่ารีบด่วนลุกขึ้น! เจ้าเพิ่งจะฟื้น” ฮูหยินฉางรีบร้องเตือนในขณะที่อีกฝ่ายอยู่ในภาวะสับสนว่าจะตกใจก็มิใช่หรือจะดีใจก็มิอาจรู้ได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่จะบอกได้นั่นก็คือ

  “กระจก! กระจก! หนูอยากได้กระจก! เอามาให้หนูทีตา! ยาย!” หญิงสาวร้องเรียกหากระจกส่องเงากับสองสามีภรรยาจ้าละหวั่นไปหมด

  “อยากได้กระจกส่องเงาอย่างนั้นเหรอ... รอเดี๋ยว! ข้าจะไปเอามาให้” ฮูหยินฉางบอกเด็กสาว พร้อมรีบก้าวออกไปจากห้องนอนดังกล่าว

  เพียงครู่ฮูหยินฉางกลับเข้ามาพร้อมกับกระจกสัมฤทธิ์ที่ขัดจนขึ้นเป็นมันวาว สามารถส่องเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจนพร้อมรีบยื่นส่งให้แม่สาวน้อย

  “เอ้านี่กระจกของเจ้า แม่หนู”

  จางเพ่ยอันมองกระจกสัมฤทธิ์ที่ขัดจนขึ้นเป็นมันสะท้อนเงาวาววับ

  “หา! นี่น่ะเหรอกระจกของคุณยาย” หญิงสาวถามกลับไปทันทีเมื่อเห็นกระจกหน้าตาโบราณยื่นส่งให้เธอ ก่อนจะรีบหยิบจากมือฮูหยินฉางพร้อมรีบนำมาส่องใบหน้าของตัวเองทันที

  ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน ครั้นเห็นเงาสะท้อนอยู่ในกระจก

  “เฮ้ย! นี่มัน... เจี๋ยเจี๋ย!” จางเพ่ยอันรำพึงเรียกชื่อพี่สาวฝาแฝดของเธอ ก่อนจะยกกระจกขึ้นมาส่องใบหน้าอีกรอบเพื่อความแน่ใจ

  “ทำไม… ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ นี่มันร่างของเจี๋ยเจี๋ยในชาติที่แล้วไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าฉันย้อนกลับมาเกิดใหม่ในอดีตชาติของตัวเอง” หญิงสาวรำพึงรำพันออกมา ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องนอนเพื่อไปนอกตัวบ้าน

  “ที่นี่คือยุคอดีตของฉันจริงๆ น่ะเหรอ! ฉันกลับมาจริงๆ หรือนี่” หญิงสาวกล่าวพร้อมเดินออกนอกประตูบ้านไปทันที ท่ามกลางสายตาของสามีภรรยาที่มองตามด้วยความเป็นห่วง

  “ท่านพี่แม่หนูเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ ท่าทางแปลกประหลาดชอบกลนัก” ฮูหยินฉางเอ่ยถามสามีของนาง

  “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน บางทีนางอาจจะกำลังฟื้นความทรงจำให้หวนกลับ มาก็อาจเป็นได้นะ” หยงอู่ตอบภรรยากลับไป

  ร่างงามระหงของหญิงสาวโฉมสะคราญล่มเมือง ค่อยๆ เดินออกจากตัวบ้านจนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงริมธารของแม่น้ำ ทั่วบริเวณบ้านเต็มไปด้วยป่าดงดิบล้อมรอบและสายน้ำไหลผ่านหน้าอยู่ไหนขณะนี้ จางเพ่ยอันหันไปมองจนทั่วบริเวณพร้อมความทรงจำในอดีตชาติของเธอและพี่สาวฝาแฝดปรากฏให้เธอได้เห็นในจิตสัมผัสขึ้นมาทันที ตั้งแต่ต้นจนถึงวาระสุดท้ายชีวิตของจางเจี๋ยอี้และของจางเพ่ยอันในชาติอดีต

  ตุบ!!! ร่างอรชรทรุดฮวบลงกับพื้นดินตรงหน้าลำธาร เมื่อล่วงรู้ว่าดวงจิตของเธอได้มาสถิตอยู่ในร่างของพี่สาวฝาแฝดที่อุตส่าห์ไปตามหาถึงในยุคปัจจุบัน และนำเธอกลับมาในยุคอดีตนี้อีกครั้ง

  “พี่ให้ฉันกลับมาเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไป แต่กลับให้ฉันอยู่คนเดียวแทนที่จะมีพี่อยู่ด้วย ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังในยุคโบราณแบบนี้น่ะเหรอเจี๋ยเจี๋ย” เธอรำพึงรำพันถึงพี่สาวฝาแฝด พลางเงยหน้ามองไปรอบบริเวณที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ขึ้นอัดแน่นเต็มไปหมด

  “นี่ฉันกลับเข้ามาอยู่ในยุคประวัติศาสตร์ช่วงไหนก็ไม่รู้” หญิงสาวรำพึงรำพัน พลางจ้องใบหน้าแสนสวยผ่านทางกระจกสัมฤทธิ์ซึ่งเธอถือติดมือมาด้วย

  มือเรียวรีบยกกระจกขึ้นมาส่องให้เห็นใบหน้าชัดๆ อีกคราเมื่ออยู่นอกตัวบ้าน แสงสว่างในเวลากลางวันทำให้เห็นใบหน้าโฉมสะคราญล่มเมืองได้อย่างชัดเจนจนเธอถือกระจกค้างมองเงาที่สะท้อนออกมานั้นถึงกับตะลึงตะลานไปเลยทีเดียว

  “ว้าว! แม่เจ้าโว้ย! สวยเป๊ะโดนใจเป็นบ้าเล้ยยยย!” หญิงสาวกล่าวพร้อมหัวเราะชอบอกชอบใจเป็นการใหญ่ด้วยความรู้สึกดีใจเมื่ออยู่ในร่างใหม่ซึ่งเป็นของพี่สาวฝาแฝดในชาติอดีตของเธอ

  ครั้นสองมือเอื้อมลงไปจับหน้าอกพร้อมขยำไปมาเบาๆ ใบหน้าสวยปรากฏสายตาเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะกรีดร้องออกมาจนสุดเสียงพร้อมตะโกนก้องออกมาทันทีด้วยความดีใจ

  “ฉันมีนมแล้วเว้ยยยย!!!”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระเชษฐาปีศาจ 1.1

    ในขณะเดียวกัน เมืองหลวง พระราชพิธีฝังพระศพ ขบวนแห่พระศพอดีตเจ้าผู้ครองแคว้น กำลังตั้งขบวนเป็นแถวยาวออกจากตำหนักส่วนกลางเพื่อเคลื่อนขบวนไปยังสุสานหลวงของราชวงศ์ บรรดาพระโอรสที่ประสูติจากอดีตเจ้าผู้ครองแคว้นรวมด้วยกันสิบห้าพระองค์ ทยอยเสด็จมาเข้าร่วมขบวนโดยมีเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ปัจจุบัน ฉินรุ่ยกงพระดำเนินนำหน้าพระอนุชาทั้งหมด หากจะว่ากันไปแล้วฉินรุ่ยกงกับองค์ชายอิ๋งหยางพระเชษฐาทรงพระอ่อนชันษาเพียงแค่ห้าวันเท่านั้น จึงทำให้กลายเป็นองค์ชายรอง ซึ่งแคว้นฉินได้จัดลำดับเชื้อพระวงศ์เอาไว้อย่างชัดเจน และต่างล่วงรู้กันดีว่าแท้จริงแล้ว เจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์จริงจะต้องเป็นองค์ชายอิ๋งหยาง พระเชษฐาองค์โตซึ่งประสูติจากฮองเฮาพระองค์แรก “พิธีฝังพระศพของอดีตเจ้าผู้ครองแคว้น หากองค์ชายใหญ่ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นนั้น ผู้ที่จะต้องถือป้ายวิญญาณและพระดำเนินนำหน้าพระองค์แรกจะต้องเป็นองค์ชายอิ๋งหยาง ตามโบราณราชประเพณีใช่หรือไม่” “ตามโบราณราชประเพณีเป็นเช่นนั้นมิผิดแต่อย่างใด” “แต่พระองค์จวนเจียนสิ้นพระชนม์แล้วถึงอย่างไรก็มิอาจมาร่วมพิธีได้อยู่ดี” “อย่ามาเลย ขืนมาคงวุ่นวายเป็นแน่ ฝ่าบาทจะต้องอยู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระเชษฐาปีศาจ 1.2

    ณ บ้านน้อยริมลำธาร “คุณยายเอาอีก!” เสียงหวานส่งเสียงเจื้อยแจ้วร้องขอข้าวจากฮูหยินฉางที่กำลังตักข้าวให้หญิงสาวจนพูนชาม จางเพ่ยอันรีบเอื้อมมือรับชามข้าวด้วยความดีใจ พลางใช้ตะเกียบที่ทำจากไม้ไผ่คีบข้าวเข้าปากด้วยความหิว เนื้อปลาย่างจนสุกหอมน่ากินและน้ำแกงปลา เพื่อบำรุงกำลังทำให้หญิงสาวเจริญอาหารอย่างยิ่งยวด “คุณยายทำกับข้าวอร่อยจังเลยค่ะ อร่อยมากๆ อร่อยจริงๆ นะ” เธอพูดชมไม่ขาดปากพร้อมพุ้ยข้าวไปด้วย สองสามีภรรยาหันไปมองหน้ากันก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ เมื่อฟังคำพูดของสาวน้อยตรงหน้าไม่เข้าใจ ในขณะที่จางเพ่ยอันเริ่มจะรู้สึกตัวว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือไร ใยผู้อาวุโสทั้งสองจึงได้นั่งเงียบงันอยู่เช่นนั้น “เอ่อ... หนูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมตากับยายถึงนั่งมองหน้าแบบนั้นคะ” หญิงสาวเอ่ยถามกลับไปพร้อมเคี้ยวข้าวที่อยู่ในปากพลางยกน้ำแกงซดตามไปด้วย ก่อนจะได้ยินหยงอู่เอ่ยขึ้น “แม่หนู... เจ้าเป็นคนแคว้นใดรึ เป็นชาวเมืองฉินหรือเปล่า เหตุใดถ้อยเจรจราของเจ้าจึงแลดูแปลกชอบกลนัก ข้าและฮูหยินพยายามตั้งใจฟังเจ้าพูดอยู่เป็นนานแต่ก็หาเข้าใจถ้อยคำของเจ้าแต่อย่างใด” ครั้นหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นตะเกียบที่กำลังคี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   แผนทวงคืน 1.1

    พระตำหนักจินไท่ (ตำหนักที่ประทับฉินรุ่ยกง) “ปัง!” เสียงพระหัตถ์กระทบลงบนโต๊ะตรงพระพักตร์ด้วยความพิโรธอย่างยิ่งยวด “บัดซบสิ้นดี! ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว เจ้าอิ๋งหยางเจาะจงมาปรากฏตัวในวันนี้ ตั้งใจหักหน้าข้าชัดๆ” สุรเสียงรับสั่งเกรี้ยวกราด พระพักตร์สั่นระริกอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเงยขึ้นทอดพระเนตรพระอนุชาซึ่งนั่งอยู่บนตั่งที่ประทับตรงข้ามกับพระองค์ “เป็นไงล่ะ! เจ้าแผนการมากไม่ใช่เหรอ ผลงานออกมาให้เห็นแล้ววันนี้ อิ๋งหยางไม่เป็นอะไรเลย! อาการจวนเจียนใกล้ตายหาปรากฏให้เห็น ตรงกันข้าม ข้า! รวมไปถึงพวกเจ้าทุกคนที่จะพากันตาย!” รับสั่งถามพระอนุชากลับไป ในขณะที่องค์ชายสามทรงครุ่นคิดอย่างหนักว่าเหตุใดแผนลอบสังหารจึงพังไม่เป็นท่าเช่นนี้ ครั้นทรงได้ยินพระเชษฐารับสั่งถามด้วยพระอารมณ์กราดเกรี้ยวกลับมาเช่นนั้น ความอดทนที่เก็บกดเอาไว้ภายในมาโดยตลอดเริ่มจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว “เลิกโวยวายจะได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ ก่อนจะเที่ยวโทษผู้อื่นทรงมองพระองค์เองด้วยเถอะว่าสามารถต้านทานอำนาจของอิ๋งหยางได้หรือไม่ ขนาดยังไม่ได้ทำอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   แผนทวงคืน 1.2

    3 เดือนผ่านไป ณ บ้านหลังน้อยริมลำธาร “อันอันเอ๊ย!!!” เสียงเรียกของฮูหยินผู้เฒ่าดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องนอนของหลานสาวคนสวย “เสร็จแล้วท่านยาย!” เสียงหวานตอบกลับมาพร้อมประตูห้องนอนเปิดออกกว้าง จางเพ่ยอัน ยืนส่งยิ้มแก้มแทบแตกก่อนจะค่อยๆ หุบลงโดยพลันพลางก้มลงสำรวจตัวเองเมื่อฮูหยินฉางยืนมองเสื้อผ้าที่เธอกำลังสวมใส่อยู่บนเรือนร่างอยู่ในขณะนี้ ด้วยเพราะเสื้อผ้าสตรีแม้จะเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาก็ตาม แต่ด้วยรูปโฉมอันงดงามยิ่งของร่างนี้จึงทำให้โดดเด่นเป็นอันตรายต่อตัวนางอย่างยิ่งยวด ยามอยู่บ้านน้อยริมลำธาร แม้หญิงสาวจะสวมใส่เสื้อผ้าสีพื้นธรรมดาแต่ก็ไม่มีผู้ใดมาพบเห็นแต่อย่างใด หากแต่วันนี้เป็นวันที่เธอจะต้องเดินทางนำสมุนไพรที่หายากและของป่านำไปส่งที่ร้านยาและโรงหมอในเขตเมืองหลวงซึ่งเป็นลูกค้าประจำ ภายในหนึ่งเดือนจะเข้าเมืองหลวงเพียงหนึ่งครั้งเพื่อนำสมุนไพรที่หายากไปส่ง ซึ่งในเวลาที่ผ่านมาสองสามีภรรยาจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปพร้อมกัน แต่คราวนี้หยงอู่เกิดหกล้มก้นกบกระแทกพื้นทำให้เดินไม่ได้ หากจะทิ้งเอาไว้ที่บ้านเพียงผู้เดียวฮูหย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หยางหยาง 1.1

    เมืองหลวงหยงเมืองหลวงใหญ่แห่งแคว้นฉินอันรุ่งเรืองในเวลานี้ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลาย ที่ทยอยเข้ามาตั้งรกรากบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ จากอดีตซึ่งเคยเป็นเพียงแคว้นนอกสายตา ห่างไกลและมีพื้นที่ส่วนใหญ่ทุรกันดาร ชาวแคว้นฉินเป็นเพียงกลุ่มคนเร่ร่อน ดำรงอยู่ได้ด้วยการเลี้ยงสัตว์ แต่ในขณะเดียวกัน เป็นนักต่อสู้และมีน้ำอดน้ำทนสูง สามารถอดทนต่อความยากลำบากได้ทุกข์สภาวะ ทว่าเพียงไม่กี่ร้อยปีจากแคว้นเล็กๆ กลับยิ่งใหญ่และขยายอาณาเขตครอบครองดินแดนแถบตะวันตกได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงระยะสิบปีที่ผ่านมา ได้ทำสงครามปราบชนเผ่าชวนหรงซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาอย่างยาวนานได้อย่างราบคาบและบุกตีดินแดนเล็กๆ รวมไปถึงแคว้นใหญ่ในยุคนั้นได้เป็นผลสำเร็จมากมาย ขยายอำนาจออกไปจนกลายเป็นหนึ่งในสิบแคว้นใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงในขณะนั้น และจางเพ่ยอัน ดวงวิญญาณของหญิงสาวในยุคอนาคต จากปีคริสต์ศักราช 2018 ได้หวนคืนกลับมาในยุคอดีตกาลและที่สำคัญเป็นยุคในอดีตชาติของเธอที่เคยถือกำเนิดมาแล้วเมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งเธอเป็นถึงบุตรสาวฝาแฝดของอัครเสนาบดีจางฟง และมีชื่อแซ่ในชาตินี้ว่าจางเพ่ยอัน เช่นเดียวกับชาติปัจจุบัน ทว่าในชาติอดีต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-06
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หยางหยาง 1.2

    ในขณะเดียวกันยุคปัจจุบันนครซีอาน ณ โรงพยาบาลเกาซินร่างอรชรของหญิงสาวในวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปี นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีเครื่องวัดความดันและท่อนำส่งอาหารหล่อเลี้ยงร่างกายที่นอนหมดสติมานานกว่าหนึ่งเดือน ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทำให้สาวน้อยจางเพ่ยอัน อยู่ในสภาพไม่ตายก็เหมือนตายหรือทางการแพทย์เรียกว่าสภาพผัก ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานจากศูนย์วิจัยที่เดินทางมาเยี่ยมหญิงสาว ต่างพากันยืนมองร่างที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ในขณะนั้น ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาและสงสารอย่างยิ่งยวด “หัวหน้าไปพบคุณหมอเจ้าของไข้แล้วเป็นยังไงบ้างคะ อันอันมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมไหม และเมื่อไรจะฟื้นขึ้นมา นี่ก็เดือนกว่าเข้าไปแล้วที่อยู่ในสภาพแบบนี้” เพื่อนร่วมงานของแม่สาวน้อยเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้ เฮ้อ! เสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จากสตรีสาวใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้างานดังออกมาทันที “ความหวังว่าจะหายหรือกลับมาเป็นปกติดั่งเดิมไม่มีใครตอบได้หรอกแม้กระทั่งหมอเจ้าของไข้ก็ตอบไม่ได้ อันอันหัวใจล้มเหลวและหยุดเต้นไปนาน เธอตายไปแล้วตอนรถฉุกเฉินมาถึง แต่พอถูกปั้มหัวใจจนกลับมาหายใจได้อีกครั้งจะว่าโชคร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-06
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   สวรรค์เข้าข้าง 1.1

    “เจ้ารู้จักชื่อของข้า!” รับสั่งถามกลับไปพร้อมสายพระเนตรลุกโชนวาววับอย่างน่าสะพรึงกลัวพระหัตถ์หนาอีกข้างหมายพระทัยตรงเข้าบีบลำคอเล็กๆ ของบุรุษตรงพระพักตร์เหวอออ!!! จางเพ่ยอันซึ่งสามารถเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้ารีบทิ้งพระหัตถ์ใหญ่ของพระองค์อย่างรวดเร็ว“ท่านจะบีบคอข้าทำไม ข้ารู้ทันหรอกนะ!” หญิงสาวโวยวายต่อว่ากลับไปทันทีพร้อมยกมือของเธอจับลำคอของตัวเองเอาไว้มิให้ถูกบีบ ท่ามกลางความแปลกพระทัยขององค์ชายปีศาจ บุรุษร่างเล็กตรงพระพักตร์เหตุใดจึงล่วงรู้ว่าพระองค์ทรงหมายจะทำสิ่งใด“ล่วงรู้ได้อย่างไรว่าข้าหมายใจว่าจะทำเช่นนั้นกับเจ้า!” รับสั่งถามกลับไปทันทีพลางทอดพระเนตรเขม็ง“ข้าล่วงรู้ก็แล้วกัน! แต่ท่านสบายใจได้ปากของข้าไม่มีทางที่จะหาความตายใส่ตัวเองหรอกถ้าคิดอยากจะอยู่ต่อไปก็ต้องรูดซิปปากตัวเองให้สนิท” หญิงสาวพูดพลางทำท่าเอามือลากตรงมุมริมฝีปากอีกข้างไปยังอีกข้างประกอบให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร“รูดซิปปาก!” รับสั่งทวนประโยคของหญิงสาวก่อนจะเดาเอาเองตามความคาดเดาของพระองค์“ถ้าข้าจะเดาความหมายของเจ้าคงหมายถึงปิดปากใช่หรือไม่” รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้“ตามนั้น! ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว” จางเพ่ยอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   สวรรค์เข้าข้าง 1.2

    ทันใดนั้นเองสายพระเนตรเหลือบไปกระทบกับกลุ่มคนที่คอยติดตามองค์ชายปีศาจและองครักษ์ซึ่งคอยถวายอารักขาพระองค์เพียงแค่สองนาย ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านั้นเพียรเฝ้าหาโอกาสหมายกำจัดองค์ชายใหญ่ให้สิ้นพระชนม์ตามที่ได้รับคำสั่ง ในขณะที่จางเพ่ยอันอาศัยจังหวะที่ตัวเล็กและบอบบาง รีบเดินหลบฉากเข้าไปปะปนกับชาวบ้านที่เริ่มเดินหนาแน่นแทรกเข้ามา เป็นเหตุให้เธอคลาดสายพระเนตรจากองค์ชายอิ๋งหยางไปโดยพลัน ครั้นทรงหันกลับมาทอดพระเนตรอีกครา บุรุษร่างเล็กพลันเลือนหายไปในเหล่าฝูงชน“หายไปแล้ว!” รับสั่งออกมาทันที“องค์ชายพวกนั้นตามมาทันแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เฝ้าคอยตามเสด็จรีบกราบทูลรายงานทันใด“รู้แล้ว! พวกเจ้าพากันแยกย้ายออกค้นหาเด็กหนุ่มที่ข้าคุยด้วยเมื่อสักครู่ ไม่ว่ายังไงก็ตามจับตัวมาให้ได้!” รับสั่งกำชับ“แต่พระองค์จะทรงอยู่เพียงลำพังนะพ่ะย่ะค่ะ หากพวกกระหม่อมออกแยกย้ายพากันค้นหาเด็กหนุ่มผู้นั้นตามพระบัญชา” องครักษ์ผู้ติดตามกราบทูลถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงพระพักตร์ภายใต้หน้ากากหนังสีดำหันกลับมาทอดพระเนตรองครักษ์ทั้งสองทันที“ไป! นักฆ่ากระจอกเหล่านั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก! รีบไปจับเด็กห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07

บทล่าสุด

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ดวงพิฆาต รักนิรันดร์ (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตตำหนักจินไท่ทั่วบริเวณในเวลานี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แจกันดินเผาขนาดใหญ่วาดลวดลายเป็นลายเมฆและนกยูงสลับไปมา เพิ่มความสวยงามได้อย่างลงตัวและแจกันดังกล่าวเต็มไปด้วยกิ่งดอกเหมยปักลงบนแจกันวางตั้งไว้บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทมเพื่อให้คนงามได้สูดกลิ่นหอมดังกล่าวร่างอรชรของจางเพ่ยอันบัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นพระบรรทม และเธอหลับใหลอยู่เช่นนี้มานานนับเดือนแล้ว โดยมีสายตาของพระสวามีผู้หล่อเหลาจับจ้องอยู่กับดวงหน้างามของพระชายาอยู่ตลอดเวลา พระองค์จะเพียรเข้าคอยมาดูแลพระชายาเพียงหนึ่งเดียวทันทีที่เสร็จภารกิจจากการออกว่าราชการในท้องพระโรงเหตุการณ์ในวันที่รัชทายาทหลี่จิ้งบุกโจมตีพระราชวังหลวงของต้าฉินอย่างอุกอาจ และจบลงคือเซ่นสังเวยพระชนม์ชีพของพระองค์ให้กับแม่ทัพปีศาจพร้อมชีวิตทหารต้าหลู่ไปอีกนับไม่ถ้วน ต่างพากันสิ้นชีพวิบัติโรยรากลายเป็นหินไปชั่วพริบตาเหตุการณ์ในวันนั้นเล่าลือไปอย่างกว้างขวางจนล่วงรู้ไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และต่างพากันขยาดแม่ทัพปีศาจกันอย่างถ้วนหน้า จนมีคำกล่าวติดปากออกมา

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.1

    ในขณะเดียวกันบริเวณลานกว้างหน้าท้องพระโรงกองทหารของแคว้นต้าหลู่และกองทหารจากต้าฉิน ต่างวิ่งเข้าโจมตีปะทะกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันขาวพร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลและเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างแตกฮือแยกย้ายกันหนีตายจนจ้าละหวั่น เมื่อทหารต้าหลู่บุกเข้ามาถึงในท้องพระโรงและปะทะกับจางฟงอัครเสนาบดีที่เคยเป็นขุนศึกในวัยหนุ่มแม้จะมีอายุมากถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม แต่จางฟงมีวิทยายุทธ์ในระดับสูงจึงเป็นฝ่ายใช้อาวุธออกปกป้องเหล่าขุนนางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งตามไปสมทบกับกองทหารของตนและกองทหารขององค์ชายปีศาจที่ยกตามมาช่วยอย่างทันท่วงที ทั่ววังหลวงเต็มไปด้วยซากศพมากมายมิรู้ใครเป็นใครท่ามกลางความวุ่นวายองค์ชายปีศาจอิ๋งหยางและองค์ชายหลี่จิ้ง รัชทายาทจากต้าหลู่กำลังปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในขณะที่องค์ชายหลี่จิ้งถือทวนยาวและองค์ชายอิ๋งหยางใช้ดาบง้าวอาวุธประจำพระวรกายไล่ฟาดฟันองค์ชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง“เจ้าเอาอันอันของข้าไปไว้ไหน! เอาคนของข้าคืนมา!!

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.2

    ทันทีที่พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายปีศาจเงยขึ้นทอดพระเนตร ทหารของต้าหลู่ที่กำลังมองมาที่พระองค์เป็นจุดเดียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อร่างค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ติดตามด้วยเสียงของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมา“แม่ทัพปีศาจ!!!” เสียงเรียกขานดังออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบงันลงไปโดยพลันเมื่อทุกอย่างกลับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ลมหายใจของเหล่าทหารต้าหลู่หลุดลอยไปทันใดนับหนึ่งพันนายที่แออัดอยู่ภายในท้องพระโรงท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายหลี่จิ้ง ครั้นได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่มีผู้คนกล่าวขานเลื่องลือมานานแสนนาน และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงพระพักตร์ในขณะนี้“เป็นความจริงหรือนี่! คนผู้นี้คือแม่ทัพปีศาจอิ๋งหยางอย่างนั้นหรอกรึ!” องค์ชายหลี่จิ้งรับสั่งได้เพียงเท่านั้นองค์ชายปีศาจหันกลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทผู้นั้นทันที โดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ตั้งตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าก็สิ้นชีพไปโดยมิรู้ตัว พระเศียรค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียไปทั่วพระวรกายก่อนจะกลืนกินจนกระทั่งยืนแข็ง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.2

    ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.1

    บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.3

    พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.2

    ยามเหม่าพระราชวังหลวงร่างอรชรแน่งน้อยของจางเพ่ยอันสวมเสื้อผ้าบุรุษสะพายกระเป๋าล่วมยาเดินเคียงคู่มากับพระสวามีปีศาจ ฉลองพระองค์เครื่องแบบราชองครักษ์ฝ่ายใน เดินตามติดชายาคนงามของพระองค์ไปอย่างกระชั้นชิดมิให้คลาดสายพระเนตรไปได้แม้แต่น้อย โดยเป้าหมายในขณะนี้คือพระศพขององค์ชายรองซึ่งจนถึงเวลานี้ มิมีหมอหลวงคนใดล่วงรู้เลยว่าสาเหตุการสิ้นพระชนม์นั้นเกิดจากอะไรกันแน่องค์ชายปีศาจพระดำเนินนำหน้าพร้อมจูงมือพระชายา ผ่านสายตาเหล่านางกำนัลและขันทีมากมายหลายสิบคู่ โดยไม่สนพระทัยสายตาของผู้ใดแม้แต่น้อยที่กำลังจับจ้องบุรุษทั้งสองกำลังเดินจูงมือเคียงคู่ไปด้วยกัน ก่อนจะหยุดลงเมื่อมาถึงพระตำหนักบูรพา ภายในห้องเก็บพระศพ มีผ้าขาวผืนขนาดใหญ่ขวางกั้นโลงพระศพและแท่นบูชาป้ายวิญญาณเพื่อให้เชื้อพระวงศ์และบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้ามาเซ่นไหว้บริเวณด้านนอก ภายในห้องดังกล่าวมีนางกำนัลและขันทีคอยทำหน้าที่ดูแลพระศพให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา และทันทีที่มาถึงองค์ชายปีศาจมีรับสั่งออกไปทันที“เปิดฝาโลง! องค์ชายอิ๋งเฟิ่งมีรับสั่งให้ท่านหมอมาตรวจหาสาเหตุการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรอง” สิ้นพระสุรเสียงขององค์ชายปีศาจบรรดาขันที

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.1

    เรือนบูรพา ปัง! ปัง! ปัง! เสียงเคาะประตูห้องดังเอ็ดอึงขึ้นระหว่างกลางดึกในขณะที่คู่สามีภรรยากำลังนอนหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียกับบทเสพสังวาสที่มอบให้กันตั้งแต่ยามสายในห้องหนังสือและยังมาต่อเนื่องในห้องนอนกันอีก ก่อนจะพากันหมดแรงไปด้วยกันก็เข้ายามโฉว่ “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ! เกิดเรื่องใหญ่ในวังแล้ว! ทรงตื่นบรรทมอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของจางฮั่นดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องนอน พร้อมร่างของรองแม่ทัพโม่โฉวและหรงซิ่วต่างพากันยืนอยู่ด้วยพร้อมกันในขณะนี้ เพียงครู่ภายในห้องบรรทมที่มีแต่ความมืดมิดมีแสงสว่างจากโคมไฟขึ้นมาทันที พร้อมเสียงจากคนที่อยู่ด้านในเปิดบานประตูออกด้วยความรวดเร็ว พร้อมพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายอิ๋งหยางพระดำเนินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นรองแม่ทัพคนสนิททั้งสองปรากฏกายในยามวิกาลเช่นนี้ “มีเหตุสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ! พวกเจ้าจึงรีบร้อนพากันมาหาข้าในยามวิกาลเช่นนี้” รับสั่งถามกลับไปทันใด “องค์ชายรองสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” โม่โฉวรีบกราบทูลรายงานทันที องค์ชายปีศาจทรงยืนนิ่งไปชั่วขณะครั้นทรงได้ยินรายงานเช่นนั้น “อิ๋งเหว่ยตายได้อย่างไร!” รับสั่งถามกลับไป “ตอนนี้บรรดาหมอ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ปิ่นหงส์แทนข้า ปิ่นมังกรแทนหัวใจ 1.2

    สามวันผ่านไปภายในห้องหนังสือร่างงามแน่งน้อยในชุดสีขาวลออตาของสตรีสาวที่เต็มไปด้วยยศศักดิ์ ผมสีดำยาวสยายถูกเกล้าขึ้นสูงเป็นสัญลักษณ์ของหญิงที่สมรสแล้ว พรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับผมล้ำค่ามีทั้งทองคำและหยกเนื้องามชั้นดีเสียบไว้ที่บริเวณผมที่ถูกเกล้าขึ้น ใบหน้าแสนสวยถูกแต่งแต้มพองามมิต้องประเคนเครื่องประทินโฉมอะไรมากมาก คนสวยยังไงก็เอาอยู่ดวงตากลมโตสีหยาดน้ำผึ้งกำลังนั่งมองแผ่นไม้ไผ่ที่เป็นตำรายาสูตรลับของหยงเซี๊ยะกำลังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนลุกโชน ก่อนจะโยนตำราดวงดาวลงไปเผาอีกเช่นกัน ราวกับว่าหญิงสาวล่วงรู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นเพราะมีการแย่งชิงตำราดังกล่าวเกิดขึ้นนั่นเองท่ามกลางสายพระเนตรของพระสวามีปีศาจ ทรงพระดำเนินเข้ามาด้วยความแปลกพระทัยเมื่อทอดพระเนตรพระชายาคนงามกำลังเผาตำราโบราณของหยงเซี๊ยะด้วยมือของนางเอง“อันอัน! เหตุใดเจ้าจึงเผาตำราที่ท่านตามอบให้มาเล่า เกิดเหตุสิ่งใดขึ้นหรือไรตำราทั้งสองนั้นเป็นของล้ำค่าทางด้านการรักษาและดูดวงดาวมิใช่รึ” พระองค์รับสั่งถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้ใบหน้าแสน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status