Share

พระเชษฐาปีศาจ 1.1

last update Last Updated: 2025-01-04 10:15:58

  ในขณะเดียวกัน

  เมืองหลวง

  พระราชพิธีฝังพระศพ

  ขบวนแห่พระศพอดีตเจ้าผู้ครองแคว้น กำลังตั้งขบวนเป็นแถวยาวออกจากตำหนักส่วนกลางเพื่อเคลื่อนขบวนไปยังสุสานหลวงของราชวงศ์ บรรดาพระโอรสที่ประสูติจากอดีตเจ้าผู้ครองแคว้นรวมด้วยกันสิบห้าพระองค์ ทยอยเสด็จมาเข้าร่วมขบวนโดยมีเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ปัจจุบัน ฉินรุ่ยกงพระดำเนินนำหน้าพระอนุชาทั้งหมด

  หากจะว่ากันไปแล้วฉินรุ่ยกงกับองค์ชายอิ๋งหยางพระเชษฐาทรงพระอ่อนชันษาเพียงแค่ห้าวันเท่านั้น จึงทำให้กลายเป็นองค์ชายรอง ซึ่งแคว้นฉินได้จัดลำดับเชื้อพระวงศ์เอาไว้อย่างชัดเจน และต่างล่วงรู้กันดีว่าแท้จริงแล้ว เจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์จริงจะต้องเป็นองค์ชายอิ๋งหยาง พระเชษฐาองค์โตซึ่งประสูติจากฮองเฮาพระองค์แรก

  “พิธีฝังพระศพของอดีตเจ้าผู้ครองแคว้น หากองค์ชายใหญ่ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นนั้น ผู้ที่จะต้องถือป้ายวิญญาณและพระดำเนินนำหน้าพระองค์แรกจะต้องเป็นองค์ชายอิ๋งหยาง ตามโบราณราชประเพณีใช่หรือไม่”

  “ตามโบราณราชประเพณีเป็นเช่นนั้นมิผิดแต่อย่างใด”

  “แต่พระองค์จวนเจียนสิ้นพระชนม์แล้วถึงอย่างไรก็มิอาจมาร่วมพิธีได้อยู่ดี”

  “อย่ามาเลย ขืนมาคงวุ่นวายเป็นแน่ ฝ่าบาทจะต้องอยู่ไม่เป็นสุขกว่าผู้ใด ใครๆ ก็ล่วงรู้ดีว่าพระองค์ทรงหวาดระแวงว่าพระเชษฐาจะหวนกลับมาทวงราชบัลลังก์คืน นี่ถ้าองค์ชายใหญ่สิ้นพระชนม์ลงคนที่ดีพระทัยมากกว่าใครก็คือฝ่าบาทนี่แหละ”

  เสียงบรรดาข้าราชบริพารต่างพากันโจษขานจนเอ็ดอึงได้ยินไปทั่วบริเวณงาน ครั้นเจ้าผู้ครองแคว้นทรงเสด็จออกจากตำหนักที่ประทับเตรียมพร้อมเริ่มเคลื่อนขบวนพระศพไปยังสุสานหลวง หากแต่ตลอดเส้นทางที่ทรงพระดำเนินไปยังขบวนแห่ ถ้อยเจรจาของขุนนางน้อยใหญ่และข้าราชบริพารในราชสำนักเล็ดลอดเข้าสู่พระกรรณทำให้พระองค์ล่วงรู้ว่าเหล่าขุนนางในราชสำนักมีความคิดเช่นไร

  พระพักตร์คมคายถมึงทึงแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยทรงไม่พอพระทัยเมื่อได้ยินการกล่าวถึงพระเชษฐาองค์โตเล็ดลอดมาถึงพระกรรณ ในขณะที่องค์ชายสามอิ๋งเฟิ่งซึ่งเดินตามหลังมาติดๆ แสยะยิ้มเหยียดด้วยความสะพระทัยเมื่อได้ทอดพระเนตรอาการของพระเชษฐามีปฏิกิริยาออกมาเช่นนั้น

  “ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่าเจ้าจะทนฟังข้าราชบริพารและขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนักเอ่ยถึงอิ๋งหยางได้สักกี่น้ำ หึหึหึหึ” เสียงพระสรวลดังเบาๆ อยู่ในพระศอก่อนจะได้ยินพระเชษฐามีรับสั่งถามกลับมา

  “มีอะไรน่าขันอย่างนั้นรึอิ๋งเฟิ่ง” ฉินรุ่ยกงรับสั่งถามด้วยพระอารมณ์เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

  “ฝ่าบาทจะสนพระทัยไปใย กระหม่อมแค่ขบขันความคิดของเหล่าขุนนาง จับความรู้สึกได้ว่าภายในราชสำนักเวลานี้มีเสียงสนับสนุนอิ๋งหยางมากกว่าที่คิดไว้อีกนะพ่ะย่ะค่ะ คงเป็นเพราะผลงานอันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกแคว้น แน่นอนว่าพสกนิกรย่อมที่จะปลอดภัยหากมีเจ้าผู้ครองแคว้นแข็งแกร่งเช่นนั้น แต่กระหม่อมว่ามีตาช่างหามีแววไม่เสียมากกว่า”

  พระพักตร์ที่ถมึงทึงอยู่ก่อนหน้านี้แล้วพลันบึ้งตึงมากยิ่งขึ้นไปอีกครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น ฉินรุ่ยกงมิทรงต้องการได้ยินหรือผู้ใดเอ่ยถึงพระนามพระเชษฐาแม้แต่น้อย หากแม้นไม่ติดว่าวันนี้เป็นพิธีฝังพระศพของพระราชบิดา พระองค์จะต้องมีรับสั่งตวาดเอ็ดอึงเหล่าข้าราชบริพารเป็นแน่แท้

  ทันใดนั้นเอง

  ยังมิทันจะถึงขบวนพระศพ พระเนตรกลับต้องเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลันครั้นทอดพระเนตรบุรุษสูงใหญ่นั่งอยู่บนหลังอาชาสีดำทะมึน ฉลองพระองค์สีขาวเพื่อไว้ทุกข์ของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง หากแต่พระพักตร์กลับปิดบังด้วยหน้ากากสีเงินเอาไว้ ท่วงท่าองอาจน่าเกรงขาม ช่างสง่างามทว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยวด แม้ว่าจะทอดพระเนตรจากจุดที่ทรงประทับอยู่ค่อนข้างไกล แต่พระองค์กลับจดจำลักษณะเด่นดังกล่าวได้อย่างแม่นยำ

  ทันทีที่ทอดพระเนตรหน้ากากสีเงินสุรเสียงมีรับสั่งขึ้นมาทันที 

  “อิ๋งหยาง!” รับสั่งพระนามที่ทรงชิงชัง แต่ในขณะเดียวกันเกรงกลัวและหวาดระแวงมากที่สุดด้วยทรงสัมผัสกลิ่นอายสังหารของพระเชษฐาช่างน่าสะพรึงกลัวเป็นยิ่งนัก

  และมีเพียงพระองค์เท่านั้นที่จดจำพระเชษฐาต่างพระมารดาได้เป็นอย่างดี ด้วยทรงประสูติเดือนเดียวกันแต่ห่างกันเพียงแค่ห้าวันเท่านั้น และทรงเคยทอดพระเนตรพระเชษฐาประทับอยู่อย่างโดดเดี่ยวในตำหนักที่แยกออกไปไกลจากเขตพระราชฐานชั้นใน พระพักตร์สวมหน้ากากเอาไว้ตลอดเวลา

  อีกทั้งพระอนุชาองค์อื่นๆ มิเคยได้พานพบพระเชษฐาองค์โตเลยสักครา บางพระองค์เพิ่งประสูติ บางพระองค์ก็ยังมิทันได้ประสูติ และบางพระองค์เพิ่งจะเยาว์ชันษาดั่งเช่นองค์ชายสาม ซึ่งในขณะที่พระเชษฐาองค์โตถูกส่งไปพำนักอยู่เมืองชายแดน ทรงมีพระชนมายุเพียงแค่สองชันษาเท่านั้น ยังมิอาจจำความได้แม้แต่น้อย

  ทันทีที่ฉินรุ่ยกงทอดพระเนตรพระเชษฐาปรากฏพระวรกายอยู่ด้าน หน้าขบวนพระศพ พระบาทหยุดชะงักโดยพลันมิยอมก้าวพระดำเนินอีกต่อไป เป็นเหตุให้เหล่าพระอนุชาซึ่งเสด็จพระดำเนินตามหลังมาต่างต้องหยุดตามท่ามกลางความแปลกใจของทุกพระองค์

  “ฝ่าบาทหยุดเสด็จทำไมพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดจึงไม่พระดำเนินต่อไป” องค์ชายอิ๋งเฟิ่งรับสั่งถามด้วยความแปลกพระทัย ในขณะที่พระเชษฐายืนนิ่งไม่ไหวติง พลางทอดพระเนตรจับจ้องอยู่แต่ตรงพระพักตร์

  ครั้นองค์ชายสามทอดพระเนตรเช่นนั้นพระองค์หันกลับไปทิศทางดังกล่าวทันใด ก่อนจะทอดพระเนตรหัวหน้ากองทหารรักษาวังวิ่งหน้าตาตื่นตรงมายังจุดที่บรรดาเชื้อพระวงศ์ชายทั้งหมดทรงยืนอยู่ในขณะนี้

  ทันทีที่มาถึงหัวหน้ารักษาวังรีบกราบทูลรายงานทันที

  “กราบทูลฝ่าบาท องค์ชายใหญ่เสด็จมาร่วมพระราชพิธีฝังพระศพพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงกราบทูล 

  “อะไรนะ! เจ้าพี่อิ๋งหยางเสด็จมาอย่างนั้นเหรอ” สุรเสียงองค์ชายสามรับสั่งออกมาโดยพลันครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น ท่ามกลางสุรเสียงเอ็ดอึงของพระอนุชาดังขึ้นตามติดมา

  “เจ้าพี่อิ๋งหยางเสด็จมาได้อย่างไรกัน ได้ยินข่าวว่าทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสในศึกต้าเหลียงจนสิ้นพระชนม์ไปแล้วมิใช่หรอกรึ”

  “ข่าวว่าจวนเจียนใกล้จะสิ้นพระชนม์น่ะ ฟังมาผิดหรือเปล่า แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ทรงบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้นจะหายเป็นปกติจนสามารถมาร่วมพระราชพิธีฝังพระศพได้อย่างไรกัน”

  “ถ้าเช่นนั้นข่าวที่ได้ยินมาก็หาใช่ความจริงน่ะสิ ตรงกันข้ามทรงไม่เป็นอะไรเลยเสียมากกว่า”

  สุรเสียงเอ็ดอึงของเหล่าอนุชาที่แสดงความคิดเห็นออกมาต่างๆ นานา ทำให้ฉินรุ่ยกงหันกลับไปทอดพระเนตรอนุชาที่จับมือเป็นพันธมิตรกันด้วยสายพระเนตรที่เต็มไปด้วยคำถาม

  “นี่น่ะหรือผลงานของเจ้า! คุยเสียดิบดีว่าสามารถกำจัดอิ๋งหยางได้แน่นอน นี่ไงล่ะ...กำจัดอีท่าไหนถึงได้มาร่วมมางานฝังพระศพของเสด็จพ่อในวันนี้ได้ เจ้าเองก็ล่วงรู้ดีว่าหากอิ๋งหยางมางานวันนี้อำนาจของข้าจะถูกคนผู้นั้นสั่นคลอนเพียงใด!” รับสั่งถามสุรเสียงเย็นยะเยียบ

  ในขณะที่พระอนุชาได้แต่ยืนก้มพระพักตร์นิ่ง หากแต่ภายในพระทัยเต็มไปด้วยแรงพิโรธที่ถูกพระเชษฐาต่อว่าพระองค์เช่นนี้ ทว่าพระเชษฐารองยังไม่ร้ายกาจเท่ากับพระเชษฐาองค์โตแม้แต่น้อย สิ่งที่ทรงต้องกังวลอย่างยิ่งยวดคือการปรากฏพระวรกายของพระเชษฐาอิ๋งหยางอยู่ในนี้

  “เหตุใดคนผู้นี้ไม่ตายอย่างที่คิดเอาไว้ โผล่หัวมาในงานนี้ได้เยี่ยงไร... บัดซบสิ้นดี!” รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัย ท่ามกลางเสียงเอ็ดอึงที่เริ่มแผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง ต่างโจษขานกับการปรากฏพระวรกายขององค์ชายอิ๋งหยาง

  “หุบปาก!” พระสุรเสียงตวาดดังก้องครั้นทรงได้ยินเสียงเอ็ดอึงจนฟังไม่ได้ศัพท์

  ผู้คนทุกชีวิตที่อยู่ในบริเวณนั้นเงียบงันลงไปโดยพลัน แต่ละคนรีบก้มหน้ามองพื้นโดยมิได้นัดหมายเมื่อพระพักตร์ที่สวมหน้ากากสีเงินหันกลับมาทอดพระเนตร ความรู้สึกของชีวิตที่อยู่ภายในบริเวณนั้นต่างกลัวตายกันทั้งสิ้น หากหน้ากากสีเงินนั้นถูกปลดออกจากพระพักตร์

  พระวรกายใหญ่กระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว พร้อมพระดำเนินย่างสามขุมตรงเข้าไปหาบรรดาพระอนุชาทั้งหลายที่พากันยืนอยู่ไม่ไกลจากจุดขบวนพระศพเท่าใดนัก และท่าทีดังกล่าวทำให้ฉินรุ่ยกงก้าวพระบาทถอยหลังด้วยความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

  “องครักษ์! ขวางเอาไว้อย่าให้เข้ามาหาข้า” รับสั่งเรียกหาองครักษ์จ้าละหวั่น

  ทันทีที่เจ้าผู้ครองแคว้นมีรับสั่งเช่นนั้น เหล่าทหารองครักษ์เตรียมชักดาบเพื่อถวายอารักขา แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหน้ากากสีเงินหันกลับมาทอดพระเนตร

  “พวกเจ้ากล้ารึ!” รับสั่งตวาดกลับไปสายพระเนตรเย็นยะเยียบจับจ้องเหล่าทหารองครักษ์เขม็ง

  เอื๊อก!!! บรรดาทหารองครักษ์ต่างกลืนน้ำลายลงคอไปตามๆ กัน แต่ละคนรีบเก็บอาวุธพร้อมก้าวถอยหลังเข้าไปประจำจุดของตนเองตามเดิม ท่ามกลางความตกพระทัยของฉินรุ่ยกง

  “พวกหน้าโง่! ข้าเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นเหตุใดจึงไม่ทำการอารักขา ใยจึงไม่ฟังคำสั่งของข้า!!!” รับสั่งตวาดกองทหารองครักษ์ด้วยความพิโรธอย่างยิ่งยวด หากแต่ยังมิทันจะมีรับสั่งสิ่งใดสุรเสียงของพระเชษฐาตวาดกร้าวกลับมา

  “หุบปากซะอิ๋งเหว่ย!” รับสั่งพร้อมพระดำเนินเพียงก้าวเดียวก็มาปรากฏพระวรกายอยู่ตรงหน้าพระอนุชารอง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของทุกๆ พระองค์ 

  หมับ!!! พระหัตถ์ยกขึ้นจับพระศอของอนุชารองทันทีที่เสด็จมาถึง ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามดิ้นรนแต่ก็หารอดออกจากการเกาะกุมของพระเชษฐาไปได้ และนั่นทำให้บรรดาพระอนุชาทั้งหลายต่างพากันก้าวถอยหลังให้พ้นรัศมีบริเวณนั้นทันที รวมถึงองค์ชายสามด้วยเช่นกัน ทรงก้าวถอยหลังเอาตัวรอดเป็นพระองค์แรก

  “ถอยตั้งหลักก่อนดีกว่า เกิดเหตุอะไรขึ้นจะได้หนีเอาตัวรอดได้ทัน ไม่คิดเลยว่าเจ้าพี่อิ๋งหยางช่างน่าสะพรึงกลัวเสียนี่กระไร... บรื้อออ!!!” รับสั่งพึมพำพลางเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา

  องค์ชายอิ๋งหยางทอดพระเนตรพระอนุชารองผ่านหน้ากากสีเงิน รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนพระพักตร์หากแต่มิมีผู้ใดสามารถเห็นได้ว่าช่างน่าสะพรึงกลัวเยี่ยงไร

  “จะ... เจ้า... เจ้าพี่จะทรงทำอะไรข้า แล้วเหตุใดจึงพระดำเนินเร็วนักเล่า เพียงก้าวเดียวก็ถึงตัวข้าแล้ว นี่พระองค์ทรงเป็นปีศาจดั่งคำเล่าลือจริงๆ หรือพ่ะยะค่ะ” เจ้าผู้ครองแคว้นรับสั่งถามสุรเสียงสั่น

   ในขณะเดียวกันก็ไม่วายพยายามให้ร้ายว่าพระเชษฐาทรงเป็นปีศาจอยู่ร่ำไปในขณะเดียวกันทรงพยายามดิ้นรนที่จะแกะพระหัตถ์ของพระเชษฐาที่ทรงประคองพระศอของพระองค์อยู่ในขณะนี้ด้วยพระหัตถ์เพียงข้างเดียว

  “กลัวข้ามากถึงเพียงนี้เชียวรึอิ๋งเหว่ย!” รับสั่งถามสุรเสียงเย็นยะเยือก

  เอื๊อก!!! ฉินรุ่ยกงกลืนน้ำลายลงคอทันทีครั้นได้ยินพระเชษฐาถามกลับมาเช่นนั้น

  “จะ... เจ้า...เจ้าพี่คิดว่าพระองค์ทรงไม่น่ากลัวอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

  ครั้นองค์ชายอิ๋งหยางทรงได้ยินพระอนุชามีรับสั่งยอมรับออกมาเช่นนั้น พระหัตถ์ที่กำลังบีบพระศอเพียงแค่เบาๆ ทว่าตรงกันข้ามกับคนถูกบีบไม่ได้เบามือแต่ประการใด แต่กลับหนักหน่วงหายใจแทบไม่ออกเสียด้วยซ้ำ พลางโน้มพระวรกายที่มีความสูงมากกว่าพระอนุชาห่างกันหลายคืบเลยทีเดียว ทำให้อนุชารองพระวรกายแลดูเล็กลงไปครั้นเทียบกับพระเชษฐาที่สูงใหญ่ บึกบึนน่าเกรงขามสมเป็นนักรบเจนศึกสงคราม

  “หายใจไม่ออกรึ!” รับสั่งถามกลับไปเบาๆ

  “พะ... พ่ะย่ะค่ะ” เจ้าผู้ครองแคว้นรับสั่งตอบกลับไปด้วยความยากเย็น

  พรืด!!! พระหัตถ์ใหญ่กระชากออกจากพระศอของอนุชารองทันใด 

  ตุบ!!! พระวรกายของฉินรุ่ยกงทรุดฮวบลงกับพื้นทันทีครั้นถูกปล่อยเป็นอิสระ

  แค่ก แค่ก แค่ก!!! สุรเสียงไอดังขึ้นติดต่อกัน ก่อนจะหยุดลงโดยพลันเมื่อพระเชษฐาทรุดพระวรกายลงนั่งยองอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ พร้อมใช้นิ้วพระหัตถ์เชยปลายคางให้เงยขึ้นทอดพระเนตร

  “มองหน้าข้าอิ๋งเหว่ย!!!” สุรเสียงรับสั่งเฉียบขาด ดังจนได้ยินไปทั่วบริเวณ

  ฉินรุ่ยกงไม่มีทางหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธได้แต่อย่างใด จำต้องเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรพระเชษฐาซึ่งมีหน้ากากสีเงินปิดบังพระพักตร์ด้วยความจำยอม

  “ข้ากลับเมืองหลวงครั้งนี้เพียงแค่ต้องการฝังพระศพเสด็จพ่อ อย่าตื่นตระหนกหรือหวาดระแวงเกินกว่าเหตุ หาไม่แล้วข้าราชบริพารจะคิดว่าเจ้าเกรงกลัวข้าผู้เป็นพระเชษฐาพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก จงทำตนให้สมกับเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่” รับสั่งกำชับสุรเสียงเย็นยะเยียบ

  “ขะ... เข้าใจพะย่ะค่ะ” ฉินรุ่ยกงรับสั่งตอบกลับไป 

  พระเนตรปิดลงทันทีด้วยความหวาดกลัวพระเชษฐามิยอมลดน้อยถอยลงไปแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามการพบกันครั้งนี้ในรอบสิบเอ็ดปี ซึ่งต่างฝ่ายเจริญวัยเต็มที่แล้ว ทว่าพระองค์กับพระเชษฐาใยจึงช่างแตกต่างกันดั่งฟ้ากับเหวเช่นนี้ ก่อนจะได้ยินสุรเสียงของพระเชษฐาดังกระหึ่ม

  “ข้ากลับเมืองหลวงครั้งนี้! เพียงแค่ต้องการมาฝังพระศพพระบิดา อนุชาของข้าทั้งหลายจงอย่าวิตกหรือหวั่นเกรงว่าข้ากลับมาเพื่อจุดประสงค์อื่น! แต่ตามโบราณราชประเพณีของแคว้นฉิน พระโอรสองค์โตของอดีตเจ้าผู้ครองแคว้นจะต้องถือป้ายวิญญาณนำหน้าเชื้อพระวงศ์อื่นๆ และเป็นผู้นำในการทำพิธีฝังพระศพ”

  รับสั่งพร้อมกวาดสายพระเนตรไปทั่วบริเวณ ซึ่งเหล่าพระอนุชาและบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าราชบริพารยืนฟังกันอย่างคับคั่ง

  “เพราะฉะนั้นพวกเจ้าทั้งหลาย! รีบไปตั้งแถว! ถึงเวลาเคลื่อนขบวนพระศพแล้ว!!!” สุรเสียงดังกึกก้องจนทำให้ทุกชีวิตที่อยู่ภายในบริเวณนั้นหยุดชะงักไปชั่วขณะ

  แต่แล้วเพียงครู่ต่างพากันรู้สึกพระองค์ บรรดาพระอนุชารีบวิ่งตรงดิ่งไปตั้งแถวกันอย่างเป็นระเบียบ ท่ามกลางความพึงพอพระทัยขององค์ชายอิ๋งหยาง

  “กองทหารองครักษ์ถวายอารักขาขบวนพระศพอดีตเจ้าผู้ครองแคว้น!” สุรเสียงมีพระบัญชากับกองทหารองครักษ์รักษาวังออกไปทันที

  “พ่ะย่ะค่ะ!!!” กองทหารองครักษ์ขานรับเสียงกึกก้อง ก่อนจะพากันแยกย้ายทำหน้าที่ของตนโดยไม่ต้องมีรับสั่งย้ำเป็นอีกครั้งที่สองแต่ประการใด

  ท่ามกลางรอยแสยะยิ้มเหยียดขององค์ชายปีศาจซึ่งถูกหน้ากากสีเงินปิดบังพระพักตร์

  “ก็แค่นั้น… มีแต่เด็กอ่อนหัดช่างผิดไปจากที่ข้าคิดเอาไว้เสียนี่กระไร” รับสั่งสุรเสียงรำพึง 

  เมื่อการมาเมืองหลวงเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี หลังจากถูกพระบิดาเนรเทศให้ไปอยู่ชายแดนทรงกลับมาเพื่อหยั่งเชิงกำลังและประเมินความคิดของเหล่าราชวงศ์และบรรดาขุนนางในราชสำนักว่ามีความคิดกับพระองค์เช่นไรในยามนี้ หากแต่จุดประสงค์ที่แท้จริงนั่นก็คือ 

  ต้องการลบความเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นต้นเหตุที่จะทำให้แคว้นล่มสลายหากได้ขึ้นครองแคว้น ซึ่งมาจากคำพูดของโหรหลวงเพียงประโยคเดียวเท่านั้น และเป็นประโยคที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับพระองค์จนถึงทุกวันนี้

  พระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายอิ๋งหยางพระดำเนินตรงไปประจำตำแหน่งของพระองค์ทันที ป้ายวิญญาณของพระบิดาถูกนำมามอบให้ในฐานะทรงเป็นพระโอรสองค์โต พระบาทก้าวนำหน้าพระดำเนินออกไปอย่างมั่นคง โดยมีพระอนุชาองค์อื่นๆ เสด็จตามหลังอย่างเป็นระเบียบไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ปัจจุบันยังต้องพระดำเนินตามหลังพระเชษฐาต่างพระมารดา ด้วยความรู้สึกอดสูพระทัยอย่างยิ่งยวด

  พระองค์เป็นถึงเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ปัจจุบันแต่มิอาจมีพระราชอำนาจในตัวเองอย่างล้นเหลือดั่งเช่นพระเชษฐาแม้แต่น้อย เสียงชื่นชมของเหล่าข้าราชบริพารต่างเริ่มมีกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทิศทางที่เปลี่ยนไป ไม่เว้นแม้กระทั่งพระอนุชาองค์อื่นๆ ที่ยังไม่เคยพานพบพระเชษฐาพระองค์ใหญ่ บัดนี้กลับกลายเป็นว่า หันมาชื่นชมในความองอาจที่เต็มไปด้วยพระราชอำนาจสมเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นเป็นยิ่งนัก

Related chapters

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระเชษฐาปีศาจ 1.2

    ณ บ้านน้อยริมลำธาร “คุณยายเอาอีก!” เสียงหวานส่งเสียงเจื้อยแจ้วร้องขอข้าวจากฮูหยินฉางที่กำลังตักข้าวให้หญิงสาวจนพูนชาม จางเพ่ยอันรีบเอื้อมมือรับชามข้าวด้วยความดีใจ พลางใช้ตะเกียบที่ทำจากไม้ไผ่คีบข้าวเข้าปากด้วยความหิว เนื้อปลาย่างจนสุกหอมน่ากินและน้ำแกงปลา เพื่อบำรุงกำลังทำให้หญิงสาวเจริญอาหารอย่างยิ่งยวด “คุณยายทำกับข้าวอร่อยจังเลยค่ะ อร่อยมากๆ อร่อยจริงๆ นะ” เธอพูดชมไม่ขาดปากพร้อมพุ้ยข้าวไปด้วย สองสามีภรรยาหันไปมองหน้ากันก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ เมื่อฟังคำพูดของสาวน้อยตรงหน้าไม่เข้าใจ ในขณะที่จางเพ่ยอันเริ่มจะรู้สึกตัวว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือไร ใยผู้อาวุโสทั้งสองจึงได้นั่งเงียบงันอยู่เช่นนั้น “เอ่อ... หนูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมตากับยายถึงนั่งมองหน้าแบบนั้นคะ” หญิงสาวเอ่ยถามกลับไปพร้อมเคี้ยวข้าวที่อยู่ในปากพลางยกน้ำแกงซดตามไปด้วย ก่อนจะได้ยินหยงอู่เอ่ยขึ้น “แม่หนู... เจ้าเป็นคนแคว้นใดรึ เป็นชาวเมืองฉินหรือเปล่า เหตุใดถ้อยเจรจราของเจ้าจึงแลดูแปลกชอบกลนัก ข้าและฮูหยินพยายามตั้งใจฟังเจ้าพูดอยู่เป็นนานแต่ก็หาเข้าใจถ้อยคำของเจ้าแต่อย่างใด” ครั้นหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นตะเกียบที่กำลังคี

    Last Updated : 2025-01-04
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   แผนทวงคืน 1.1

    พระตำหนักจินไท่ (ตำหนักที่ประทับฉินรุ่ยกง) “ปัง!” เสียงพระหัตถ์กระทบลงบนโต๊ะตรงพระพักตร์ด้วยความพิโรธอย่างยิ่งยวด “บัดซบสิ้นดี! ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว เจ้าอิ๋งหยางเจาะจงมาปรากฏตัวในวันนี้ ตั้งใจหักหน้าข้าชัดๆ” สุรเสียงรับสั่งเกรี้ยวกราด พระพักตร์สั่นระริกอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเงยขึ้นทอดพระเนตรพระอนุชาซึ่งนั่งอยู่บนตั่งที่ประทับตรงข้ามกับพระองค์ “เป็นไงล่ะ! เจ้าแผนการมากไม่ใช่เหรอ ผลงานออกมาให้เห็นแล้ววันนี้ อิ๋งหยางไม่เป็นอะไรเลย! อาการจวนเจียนใกล้ตายหาปรากฏให้เห็น ตรงกันข้าม ข้า! รวมไปถึงพวกเจ้าทุกคนที่จะพากันตาย!” รับสั่งถามพระอนุชากลับไป ในขณะที่องค์ชายสามทรงครุ่นคิดอย่างหนักว่าเหตุใดแผนลอบสังหารจึงพังไม่เป็นท่าเช่นนี้ ครั้นทรงได้ยินพระเชษฐารับสั่งถามด้วยพระอารมณ์กราดเกรี้ยวกลับมาเช่นนั้น ความอดทนที่เก็บกดเอาไว้ภายในมาโดยตลอดเริ่มจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว “เลิกโวยวายจะได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ ก่อนจะเที่ยวโทษผู้อื่นทรงมองพระองค์เองด้วยเถอะว่าสามารถต้านทานอำนาจของอิ๋งหยางได้หรือไม่ ขนาดยังไม่ได้ทำอ

    Last Updated : 2025-01-05
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   แผนทวงคืน 1.2

    3 เดือนผ่านไป ณ บ้านหลังน้อยริมลำธาร “อันอันเอ๊ย!!!” เสียงเรียกของฮูหยินผู้เฒ่าดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องนอนของหลานสาวคนสวย “เสร็จแล้วท่านยาย!” เสียงหวานตอบกลับมาพร้อมประตูห้องนอนเปิดออกกว้าง จางเพ่ยอัน ยืนส่งยิ้มแก้มแทบแตกก่อนจะค่อยๆ หุบลงโดยพลันพลางก้มลงสำรวจตัวเองเมื่อฮูหยินฉางยืนมองเสื้อผ้าที่เธอกำลังสวมใส่อยู่บนเรือนร่างอยู่ในขณะนี้ ด้วยเพราะเสื้อผ้าสตรีแม้จะเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาก็ตาม แต่ด้วยรูปโฉมอันงดงามยิ่งของร่างนี้จึงทำให้โดดเด่นเป็นอันตรายต่อตัวนางอย่างยิ่งยวด ยามอยู่บ้านน้อยริมลำธาร แม้หญิงสาวจะสวมใส่เสื้อผ้าสีพื้นธรรมดาแต่ก็ไม่มีผู้ใดมาพบเห็นแต่อย่างใด หากแต่วันนี้เป็นวันที่เธอจะต้องเดินทางนำสมุนไพรที่หายากและของป่านำไปส่งที่ร้านยาและโรงหมอในเขตเมืองหลวงซึ่งเป็นลูกค้าประจำ ภายในหนึ่งเดือนจะเข้าเมืองหลวงเพียงหนึ่งครั้งเพื่อนำสมุนไพรที่หายากไปส่ง ซึ่งในเวลาที่ผ่านมาสองสามีภรรยาจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปพร้อมกัน แต่คราวนี้หยงอู่เกิดหกล้มก้นกบกระแทกพื้นทำให้เดินไม่ได้ หากจะทิ้งเอาไว้ที่บ้านเพียงผู้เดียวฮูหย

    Last Updated : 2025-01-05
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หยางหยาง 1.1

    เมืองหลวงหยงเมืองหลวงใหญ่แห่งแคว้นฉินอันรุ่งเรืองในเวลานี้ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลาย ที่ทยอยเข้ามาตั้งรกรากบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ จากอดีตซึ่งเคยเป็นเพียงแคว้นนอกสายตา ห่างไกลและมีพื้นที่ส่วนใหญ่ทุรกันดาร ชาวแคว้นฉินเป็นเพียงกลุ่มคนเร่ร่อน ดำรงอยู่ได้ด้วยการเลี้ยงสัตว์ แต่ในขณะเดียวกัน เป็นนักต่อสู้และมีน้ำอดน้ำทนสูง สามารถอดทนต่อความยากลำบากได้ทุกข์สภาวะ ทว่าเพียงไม่กี่ร้อยปีจากแคว้นเล็กๆ กลับยิ่งใหญ่และขยายอาณาเขตครอบครองดินแดนแถบตะวันตกได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงระยะสิบปีที่ผ่านมา ได้ทำสงครามปราบชนเผ่าชวนหรงซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาอย่างยาวนานได้อย่างราบคาบและบุกตีดินแดนเล็กๆ รวมไปถึงแคว้นใหญ่ในยุคนั้นได้เป็นผลสำเร็จมากมาย ขยายอำนาจออกไปจนกลายเป็นหนึ่งในสิบแคว้นใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงในขณะนั้น และจางเพ่ยอัน ดวงวิญญาณของหญิงสาวในยุคอนาคต จากปีคริสต์ศักราช 2018 ได้หวนคืนกลับมาในยุคอดีตกาลและที่สำคัญเป็นยุคในอดีตชาติของเธอที่เคยถือกำเนิดมาแล้วเมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งเธอเป็นถึงบุตรสาวฝาแฝดของอัครเสนาบดีจางฟง และมีชื่อแซ่ในชาตินี้ว่าจางเพ่ยอัน เช่นเดียวกับชาติปัจจุบัน ทว่าในชาติอดีต

    Last Updated : 2025-01-06
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หยางหยาง 1.2

    ในขณะเดียวกันยุคปัจจุบันนครซีอาน ณ โรงพยาบาลเกาซินร่างอรชรของหญิงสาวในวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปี นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีเครื่องวัดความดันและท่อนำส่งอาหารหล่อเลี้ยงร่างกายที่นอนหมดสติมานานกว่าหนึ่งเดือน ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทำให้สาวน้อยจางเพ่ยอัน อยู่ในสภาพไม่ตายก็เหมือนตายหรือทางการแพทย์เรียกว่าสภาพผัก ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานจากศูนย์วิจัยที่เดินทางมาเยี่ยมหญิงสาว ต่างพากันยืนมองร่างที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ในขณะนั้น ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาและสงสารอย่างยิ่งยวด “หัวหน้าไปพบคุณหมอเจ้าของไข้แล้วเป็นยังไงบ้างคะ อันอันมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมไหม และเมื่อไรจะฟื้นขึ้นมา นี่ก็เดือนกว่าเข้าไปแล้วที่อยู่ในสภาพแบบนี้” เพื่อนร่วมงานของแม่สาวน้อยเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้ เฮ้อ! เสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จากสตรีสาวใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้างานดังออกมาทันที “ความหวังว่าจะหายหรือกลับมาเป็นปกติดั่งเดิมไม่มีใครตอบได้หรอกแม้กระทั่งหมอเจ้าของไข้ก็ตอบไม่ได้ อันอันหัวใจล้มเหลวและหยุดเต้นไปนาน เธอตายไปแล้วตอนรถฉุกเฉินมาถึง แต่พอถูกปั้มหัวใจจนกลับมาหายใจได้อีกครั้งจะว่าโชคร

    Last Updated : 2025-01-06
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   สวรรค์เข้าข้าง 1.1

    “เจ้ารู้จักชื่อของข้า!” รับสั่งถามกลับไปพร้อมสายพระเนตรลุกโชนวาววับอย่างน่าสะพรึงกลัวพระหัตถ์หนาอีกข้างหมายพระทัยตรงเข้าบีบลำคอเล็กๆ ของบุรุษตรงพระพักตร์เหวอออ!!! จางเพ่ยอันซึ่งสามารถเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้ารีบทิ้งพระหัตถ์ใหญ่ของพระองค์อย่างรวดเร็ว“ท่านจะบีบคอข้าทำไม ข้ารู้ทันหรอกนะ!” หญิงสาวโวยวายต่อว่ากลับไปทันทีพร้อมยกมือของเธอจับลำคอของตัวเองเอาไว้มิให้ถูกบีบ ท่ามกลางความแปลกพระทัยขององค์ชายปีศาจ บุรุษร่างเล็กตรงพระพักตร์เหตุใดจึงล่วงรู้ว่าพระองค์ทรงหมายจะทำสิ่งใด“ล่วงรู้ได้อย่างไรว่าข้าหมายใจว่าจะทำเช่นนั้นกับเจ้า!” รับสั่งถามกลับไปทันทีพลางทอดพระเนตรเขม็ง“ข้าล่วงรู้ก็แล้วกัน! แต่ท่านสบายใจได้ปากของข้าไม่มีทางที่จะหาความตายใส่ตัวเองหรอกถ้าคิดอยากจะอยู่ต่อไปก็ต้องรูดซิปปากตัวเองให้สนิท” หญิงสาวพูดพลางทำท่าเอามือลากตรงมุมริมฝีปากอีกข้างไปยังอีกข้างประกอบให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร“รูดซิปปาก!” รับสั่งทวนประโยคของหญิงสาวก่อนจะเดาเอาเองตามความคาดเดาของพระองค์“ถ้าข้าจะเดาความหมายของเจ้าคงหมายถึงปิดปากใช่หรือไม่” รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้“ตามนั้น! ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว” จางเพ่ยอ

    Last Updated : 2025-01-07
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   สวรรค์เข้าข้าง 1.2

    ทันใดนั้นเองสายพระเนตรเหลือบไปกระทบกับกลุ่มคนที่คอยติดตามองค์ชายปีศาจและองครักษ์ซึ่งคอยถวายอารักขาพระองค์เพียงแค่สองนาย ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านั้นเพียรเฝ้าหาโอกาสหมายกำจัดองค์ชายใหญ่ให้สิ้นพระชนม์ตามที่ได้รับคำสั่ง ในขณะที่จางเพ่ยอันอาศัยจังหวะที่ตัวเล็กและบอบบาง รีบเดินหลบฉากเข้าไปปะปนกับชาวบ้านที่เริ่มเดินหนาแน่นแทรกเข้ามา เป็นเหตุให้เธอคลาดสายพระเนตรจากองค์ชายอิ๋งหยางไปโดยพลัน ครั้นทรงหันกลับมาทอดพระเนตรอีกครา บุรุษร่างเล็กพลันเลือนหายไปในเหล่าฝูงชน“หายไปแล้ว!” รับสั่งออกมาทันที“องค์ชายพวกนั้นตามมาทันแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เฝ้าคอยตามเสด็จรีบกราบทูลรายงานทันใด“รู้แล้ว! พวกเจ้าพากันแยกย้ายออกค้นหาเด็กหนุ่มที่ข้าคุยด้วยเมื่อสักครู่ ไม่ว่ายังไงก็ตามจับตัวมาให้ได้!” รับสั่งกำชับ“แต่พระองค์จะทรงอยู่เพียงลำพังนะพ่ะย่ะค่ะ หากพวกกระหม่อมออกแยกย้ายพากันค้นหาเด็กหนุ่มผู้นั้นตามพระบัญชา” องครักษ์ผู้ติดตามกราบทูลถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงพระพักตร์ภายใต้หน้ากากหนังสีดำหันกลับมาทอดพระเนตรองครักษ์ทั้งสองทันที“ไป! นักฆ่ากระจอกเหล่านั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก! รีบไปจับเด็กห

    Last Updated : 2025-01-07
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   สวรรค์เข้าข้าง 1.3

    เหวอ!!!! เสียงอุทานดังลั่นอย่างตื่นตระหนกออกมาโดยพลันฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!!! เสียงแหวกว่ายคล้ายอาวุธพุ่งตรงมาจากริมฝั่งแม่น้ำอย่างไม่คาดฝันฉึก ฉึก ฉึก ฉึก!!! ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงหมายปักเข้าที่ร่างของบุรุษที่กำลังวิ่งหนีจนมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ ก่อนจะหันหลังกลับใช้ดาบกวัดแกว่งไปมาเพื่อมิให้ฝูงลูกธนูเสียบไปทั่วกายทว่าลูกธนูบางส่วนกลับเล็ดลอดพุ่งตรงมายังลำเรือซึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่ในขณะนั้นฉึก! ฉึก! ฉึก! ลูกธนูพุ่งตรงปักเข้าที่หน้าอกของคนเรือถึงสามดอกเลยทีเดียว จนผงะถอยหลังต่อหน้าต่อตาของหญิงสาวซึ่งกำลังนั่งตกตะลึงที่จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างไม่คาดฝันตูม!!! ร่างของคนเรือที่ถูกลูกธนูปักจนผงะถอยหลังร่วงหล่นไปจากเรืออย่างรวดเร็ว“ท่านลุง!!!” จางเพ่ยอันตะโกนร้องเรียกคนเรือจนสุดเสียงด้วยความตกใจสุดขีดและนั่นทำให้บุรุษที่กำลังโดนตามล่าหันกลับมามองเรือลำน้อยที่กำลังลอยลำอยู่กลางแม่น้ำในขณะนั้นทันที ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดลอยละลิ่วมุ่งตรงไปที่เรือดังกล่าวอย่างรวดเร็วตุบ!!! ร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าค้ำศีรษะอยู่ตรงหน้าของจางเพ่ยอัน ท่ามกลางความตกตะลึงของหญิงสาว“เฮ้ย! อะไรกันนี่! เป็นท่านอ

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ดวงพิฆาต รักนิรันดร์ (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตตำหนักจินไท่ทั่วบริเวณในเวลานี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แจกันดินเผาขนาดใหญ่วาดลวดลายเป็นลายเมฆและนกยูงสลับไปมา เพิ่มความสวยงามได้อย่างลงตัวและแจกันดังกล่าวเต็มไปด้วยกิ่งดอกเหมยปักลงบนแจกันวางตั้งไว้บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทมเพื่อให้คนงามได้สูดกลิ่นหอมดังกล่าวร่างอรชรของจางเพ่ยอันบัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นพระบรรทม และเธอหลับใหลอยู่เช่นนี้มานานนับเดือนแล้ว โดยมีสายตาของพระสวามีผู้หล่อเหลาจับจ้องอยู่กับดวงหน้างามของพระชายาอยู่ตลอดเวลา พระองค์จะเพียรเข้าคอยมาดูแลพระชายาเพียงหนึ่งเดียวทันทีที่เสร็จภารกิจจากการออกว่าราชการในท้องพระโรงเหตุการณ์ในวันที่รัชทายาทหลี่จิ้งบุกโจมตีพระราชวังหลวงของต้าฉินอย่างอุกอาจ และจบลงคือเซ่นสังเวยพระชนม์ชีพของพระองค์ให้กับแม่ทัพปีศาจพร้อมชีวิตทหารต้าหลู่ไปอีกนับไม่ถ้วน ต่างพากันสิ้นชีพวิบัติโรยรากลายเป็นหินไปชั่วพริบตาเหตุการณ์ในวันนั้นเล่าลือไปอย่างกว้างขวางจนล่วงรู้ไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และต่างพากันขยาดแม่ทัพปีศาจกันอย่างถ้วนหน้า จนมีคำกล่าวติดปากออกมา

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.1

    ในขณะเดียวกันบริเวณลานกว้างหน้าท้องพระโรงกองทหารของแคว้นต้าหลู่และกองทหารจากต้าฉิน ต่างวิ่งเข้าโจมตีปะทะกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันขาวพร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลและเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างแตกฮือแยกย้ายกันหนีตายจนจ้าละหวั่น เมื่อทหารต้าหลู่บุกเข้ามาถึงในท้องพระโรงและปะทะกับจางฟงอัครเสนาบดีที่เคยเป็นขุนศึกในวัยหนุ่มแม้จะมีอายุมากถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม แต่จางฟงมีวิทยายุทธ์ในระดับสูงจึงเป็นฝ่ายใช้อาวุธออกปกป้องเหล่าขุนนางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งตามไปสมทบกับกองทหารของตนและกองทหารขององค์ชายปีศาจที่ยกตามมาช่วยอย่างทันท่วงที ทั่ววังหลวงเต็มไปด้วยซากศพมากมายมิรู้ใครเป็นใครท่ามกลางความวุ่นวายองค์ชายปีศาจอิ๋งหยางและองค์ชายหลี่จิ้ง รัชทายาทจากต้าหลู่กำลังปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในขณะที่องค์ชายหลี่จิ้งถือทวนยาวและองค์ชายอิ๋งหยางใช้ดาบง้าวอาวุธประจำพระวรกายไล่ฟาดฟันองค์ชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง“เจ้าเอาอันอันของข้าไปไว้ไหน! เอาคนของข้าคืนมา!!

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.2

    ทันทีที่พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายปีศาจเงยขึ้นทอดพระเนตร ทหารของต้าหลู่ที่กำลังมองมาที่พระองค์เป็นจุดเดียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อร่างค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ติดตามด้วยเสียงของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมา“แม่ทัพปีศาจ!!!” เสียงเรียกขานดังออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบงันลงไปโดยพลันเมื่อทุกอย่างกลับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ลมหายใจของเหล่าทหารต้าหลู่หลุดลอยไปทันใดนับหนึ่งพันนายที่แออัดอยู่ภายในท้องพระโรงท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายหลี่จิ้ง ครั้นได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่มีผู้คนกล่าวขานเลื่องลือมานานแสนนาน และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงพระพักตร์ในขณะนี้“เป็นความจริงหรือนี่! คนผู้นี้คือแม่ทัพปีศาจอิ๋งหยางอย่างนั้นหรอกรึ!” องค์ชายหลี่จิ้งรับสั่งได้เพียงเท่านั้นองค์ชายปีศาจหันกลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทผู้นั้นทันที โดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ตั้งตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าก็สิ้นชีพไปโดยมิรู้ตัว พระเศียรค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียไปทั่วพระวรกายก่อนจะกลืนกินจนกระทั่งยืนแข็ง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.2

    ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.1

    บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.3

    พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.2

    ยามเหม่าพระราชวังหลวงร่างอรชรแน่งน้อยของจางเพ่ยอันสวมเสื้อผ้าบุรุษสะพายกระเป๋าล่วมยาเดินเคียงคู่มากับพระสวามีปีศาจ ฉลองพระองค์เครื่องแบบราชองครักษ์ฝ่ายใน เดินตามติดชายาคนงามของพระองค์ไปอย่างกระชั้นชิดมิให้คลาดสายพระเนตรไปได้แม้แต่น้อย โดยเป้าหมายในขณะนี้คือพระศพขององค์ชายรองซึ่งจนถึงเวลานี้ มิมีหมอหลวงคนใดล่วงรู้เลยว่าสาเหตุการสิ้นพระชนม์นั้นเกิดจากอะไรกันแน่องค์ชายปีศาจพระดำเนินนำหน้าพร้อมจูงมือพระชายา ผ่านสายตาเหล่านางกำนัลและขันทีมากมายหลายสิบคู่ โดยไม่สนพระทัยสายตาของผู้ใดแม้แต่น้อยที่กำลังจับจ้องบุรุษทั้งสองกำลังเดินจูงมือเคียงคู่ไปด้วยกัน ก่อนจะหยุดลงเมื่อมาถึงพระตำหนักบูรพา ภายในห้องเก็บพระศพ มีผ้าขาวผืนขนาดใหญ่ขวางกั้นโลงพระศพและแท่นบูชาป้ายวิญญาณเพื่อให้เชื้อพระวงศ์และบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้ามาเซ่นไหว้บริเวณด้านนอก ภายในห้องดังกล่าวมีนางกำนัลและขันทีคอยทำหน้าที่ดูแลพระศพให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา และทันทีที่มาถึงองค์ชายปีศาจมีรับสั่งออกไปทันที“เปิดฝาโลง! องค์ชายอิ๋งเฟิ่งมีรับสั่งให้ท่านหมอมาตรวจหาสาเหตุการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรอง” สิ้นพระสุรเสียงขององค์ชายปีศาจบรรดาขันที

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.1

    เรือนบูรพา ปัง! ปัง! ปัง! เสียงเคาะประตูห้องดังเอ็ดอึงขึ้นระหว่างกลางดึกในขณะที่คู่สามีภรรยากำลังนอนหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียกับบทเสพสังวาสที่มอบให้กันตั้งแต่ยามสายในห้องหนังสือและยังมาต่อเนื่องในห้องนอนกันอีก ก่อนจะพากันหมดแรงไปด้วยกันก็เข้ายามโฉว่ “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ! เกิดเรื่องใหญ่ในวังแล้ว! ทรงตื่นบรรทมอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของจางฮั่นดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องนอน พร้อมร่างของรองแม่ทัพโม่โฉวและหรงซิ่วต่างพากันยืนอยู่ด้วยพร้อมกันในขณะนี้ เพียงครู่ภายในห้องบรรทมที่มีแต่ความมืดมิดมีแสงสว่างจากโคมไฟขึ้นมาทันที พร้อมเสียงจากคนที่อยู่ด้านในเปิดบานประตูออกด้วยความรวดเร็ว พร้อมพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายอิ๋งหยางพระดำเนินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นรองแม่ทัพคนสนิททั้งสองปรากฏกายในยามวิกาลเช่นนี้ “มีเหตุสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ! พวกเจ้าจึงรีบร้อนพากันมาหาข้าในยามวิกาลเช่นนี้” รับสั่งถามกลับไปทันใด “องค์ชายรองสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” โม่โฉวรีบกราบทูลรายงานทันที องค์ชายปีศาจทรงยืนนิ่งไปชั่วขณะครั้นทรงได้ยินรายงานเช่นนั้น “อิ๋งเหว่ยตายได้อย่างไร!” รับสั่งถามกลับไป “ตอนนี้บรรดาหมอ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ปิ่นหงส์แทนข้า ปิ่นมังกรแทนหัวใจ 1.2

    สามวันผ่านไปภายในห้องหนังสือร่างงามแน่งน้อยในชุดสีขาวลออตาของสตรีสาวที่เต็มไปด้วยยศศักดิ์ ผมสีดำยาวสยายถูกเกล้าขึ้นสูงเป็นสัญลักษณ์ของหญิงที่สมรสแล้ว พรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับผมล้ำค่ามีทั้งทองคำและหยกเนื้องามชั้นดีเสียบไว้ที่บริเวณผมที่ถูกเกล้าขึ้น ใบหน้าแสนสวยถูกแต่งแต้มพองามมิต้องประเคนเครื่องประทินโฉมอะไรมากมาก คนสวยยังไงก็เอาอยู่ดวงตากลมโตสีหยาดน้ำผึ้งกำลังนั่งมองแผ่นไม้ไผ่ที่เป็นตำรายาสูตรลับของหยงเซี๊ยะกำลังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนลุกโชน ก่อนจะโยนตำราดวงดาวลงไปเผาอีกเช่นกัน ราวกับว่าหญิงสาวล่วงรู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นเพราะมีการแย่งชิงตำราดังกล่าวเกิดขึ้นนั่นเองท่ามกลางสายพระเนตรของพระสวามีปีศาจ ทรงพระดำเนินเข้ามาด้วยความแปลกพระทัยเมื่อทอดพระเนตรพระชายาคนงามกำลังเผาตำราโบราณของหยงเซี๊ยะด้วยมือของนางเอง“อันอัน! เหตุใดเจ้าจึงเผาตำราที่ท่านตามอบให้มาเล่า เกิดเหตุสิ่งใดขึ้นหรือไรตำราทั้งสองนั้นเป็นของล้ำค่าทางด้านการรักษาและดูดวงดาวมิใช่รึ” พระองค์รับสั่งถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้ใบหน้าแสน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status