Home / รักโบราณ / แม่ทัพร้ายโหยหารัก / ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.5

Share

ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.5

last update Last Updated: 2025-01-03 01:40:52

  เมื่อจู่ๆ จางเพ่ยอันก็หมดสติไปต่อหน้าต่อตาของเพื่อนร่วมงาน ร่างของหญิงสาวถูกช่วยชีวิตเบื้องต้นอย่างเร่งด่วนเพื่อทำให้เธอกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของจางเพ่ยอันที่ยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล มาถึงทันทีที่มีการแจ้งจากทีมงาน

  ทีมแพทย์ฉุกเฉินรีบช่วยกันปั้มหัวใจอย่างเร่งด่วนเพื่อให้คนไข้กลับมาหายใจได้ดั่งเดิม 

  “หัวใจหยุดเต้นไปประมาณหนึ่งนาทีเศษๆ เห็นจะได้ ตอนนี้ปั้มหัวใจกลับคืนมาได้แล้วแต่อาการยังน่าเป็นห่วง ความดันต่ำยังไม่ยอมขึ้นเลย รีบนำขึ้นรถเร็วๆ เข้า” ทีมแพทย์ฉุกเฉินเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียดก่อนจะรีบยกร่างของสาวน้อยวัยใสขึ้นเปล

  “นี่ฉันตายแล้วอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวเอ่ยออกมาทันทีเมื่อเห็นทีมแพทย์คลี่ผ้าสีขาวคลุมร่างของเธอเอาไว้อย่างมิดชิด ใบหน้าถูกสายออกซิเจนครอบเอาไว้เพื่อช่วยให้เธอได้หายใจสะดวก พร้อมยกร่างขึ้นไปไว้บนรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของเพื่อนร่วมงาน

  “ทำไมอันอันถึงได้เป็นแบบนี้... คุณหมอทำไมจู่ๆ ถึงได้ล้มฟาดพื้นทั้งยืนแบบนั้นคะ” หัวหน้าทีมวิจัยถามทีมแพทย์ช่วยเหลือด้วยความตื่นตระหนก

  “เป็นอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ อาจจะเกิดจากความเครียดหรือพักผ่อนน้อยและก็มาจากสาเหตุอื่นๆ อีกหลายอย่างด้วย ถ้ายังไงรบกวนติดต่อญาติของคนไข้ด้วยนะครับ เพราะมีเอกสารหลายอย่างที่ต้องให้ความยินยอมในการรักษา” ทีมแพทย์ฉุกเฉินอธิบายกลับไป

  “อะ… เออ… ดะ... ได้ค่ะ ฉันเป็นญาติของอันอันกะ… ก็… ไม่ห่างมากเท่าไร” หัวหน้าทีมวิจัยตัดสินใจแอบอ้างเป็นญาติของหญิงสาวเอ่ยตอบกลับไปทันทีเพื่อสะดวกในการรักษาพยาบาล อย่างน้อยเธอเป็นผู้บังคับบัญชาย่อมมีอำนาจเซ็นคำสั่งและช่วยเหลือลูกน้องของเธอได้

  “ถ้าเช่นนั้นรบกวนคุณขึ้นไปพร้อมกับรถด้วยเลยครับ จะได้เซ็นเอกสารอนุญาตให้ทำการรักษา” ทีมแพทย์กล่าวพร้อมดันร่างหัวหน้างานทีมวิจัยขึ้นรถทันที ท่ามกลางสายตาของลูกน้องซึ่งแต่ละคนได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก

  ในขณะที่ดวงวิญญาณของจางเพ่ยอันได้แต่ยืนมองความโกลาหลที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเธอ ก่อนจะได้ยินเสียงดวงวิญญาณพี่สาวฝาแฝดของเธอเอ่ยขึ้น

  “พวกเราไปกันเถอะ เมื่อเกิดก็ต้องตายเป็นเช่นนี้ ชาติที่แล้วเจ้าเกิดมาแต่ตายก่อนข้า แต่ชาตินี้ข้ายังไม่ได้เกิด แต่เจ้ากลับได้มาเกิดก่อน ในขณะที่ข้าเพิ่งจะตายจากชาติที่แล้ว” พี่สาวฝาแฝดกล่าวเป็นปริศนา

  คำกล่าวที่แฝงเร้นปริศนาของจางเจี๋ยอี้ ทำให้น้องสาวฝาแฝดหันกลับมามองด้วยความสงสัย

  “ฉันไม่เข้าใจที่พี่พูดเลย สรุปสั้นๆ ตอนนี้เราสองคนต่างตายแล้วด้วยกันทั้งคู่ใช่ไหม” หญิงสาวถามกลับไป

  “สำหรับข้านั้นตายแล้ว และข้ามาพบเจ้าเพราะอยากจะขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้เจ้าต้องตายเมื่อชาติที่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะระลึกชาติได้และสามารถเห็นอดีตหรืออนาคตได้อีก” จางเจี๋ยอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิดอย่างเห็นได้ชัดและตอบคำถามในสิ่งที่นางตอบได้เท่านั้น

  ในขณะที่น้องสาวฝาแฝดยืนฟังเรื่องราวทุกอย่างด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้คิดอะไรหรือติดใจแต่ประการใด

  “อย่าคิดมากเลย พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้ฉันตายเป็นเพราะถึงคราวด้วยกระมังก็เลยต้องพบจุดจบแบบนั้น ไหนๆ ฉันก็ตายแล้ว พี่บอกเองไม่ใช่เหรอมีเกิดก็ต้องมีตายยังไงล่ะ ฉันเกิดมาแล้วตอนนี้ก็ตายแล้วด้วย เดี๋ยวก็แค่รอกลับไปเกิดใหม่ เพียงแต่ว่าจะได้ไปเกิดที่ไหนเท่านั้นเอง”

  หญิงสาวกล่าวพร้อมเอียงคอมองพี่สาวฝาแฝดในชาติอดีตด้วยความชื่นชม ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อน้องสาวของนางยังไม่รู้ว่าดวงจิตจะต้องกลับไปสถิตใหม่ทันที

  ใบหน้ารูปไข่งดงามรัญจวนจิต ดวงตากลมโตดำขลับแวววาวรับกับจมูกโด่งสวย ริมฝีปากอิ่มหยักได้รูป ช่างโฉมสะคราญล่มแคว้นสมคำเล่าลือยิ่งนัก

  “พี่สวยจังเลย เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงในสมัยโบราณสวยมากๆ ขนาดนี้ แต่ทำไมจิตรกรสมัยนั้นถึงได้วาดภาพทำร้ายตัวตนจริงๆ เจ้าของภาพก็ไม่รู้เนอะแต่ละภาพขี้เหร่สุดๆ ไปเลย ถ้าอันอันสวยเหมือนพี่บ้างก็ดีน่ะสิ แต่พี่ดูฉันสิเทียบพี่แล้วไม่ได้ครึ่งแม้แต่นิดเดียว” ดวงวิญญาณของจางเพ่ยอันบ่นพึมพำเป็นการใหญ่

  “หากแม้นเจ้ามิสิ้นชีพไปเสียก่อน เจ้างดงามไม่แตกต่างจากข้าแม้แต่น้อย เราสองคนเป็นฝาแฝดกันลืมไปแล้วหรือไร สาเหตุที่ชาตินี้ของเจ้าไม่งดงามดั่งเช่นชาติปางก่อนเพราะว่าชาติที่แล้วตายก่อนอายุขัยอันควร ยังไม่เติบโตชาตินี้ความงดงามจึงปรากฏดั่งเช่นสตรีที่ยังไม่เจริญวัยเต็มที่” จางเจี๋ยอี้อธิบายให้น้องสาวได้เข้าใจ

  “อ่อ... อย่างนั้นเหรอเจี๋ยเจี๋ย เป็นเพราะว่าข้าตายตอนอายุหกขวบ ก็เลยสวยตามประสาเด็กหกขวบใช่ไหม แล้วพี่อายุเท่าไรแล้วตอนตาย” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย

  “วันที่ข้าตายครบอายุปีที่สิบเจ็ดพอดี วันตายและวันเกิดของข้าเป็นวันเดียวกันดั่งที่เจ้าได้เห็นว่าข้าถูกทำให้ตายได้เยี่ยงไร ข้าหมดอายุขัยแล้วไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกต่อไป” เสียงนั้นกล่าวออกมาเต็มไปด้วยความเศร้า 

  ในขณะที่จางเพ่ยอันรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี เธอโอบกอดพี่สาวในอดีตชาติเพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัวเธอเมื่อไม่เห็นมีอะไรนอกจากความว่างเปล่า

  “พวกเราจะไปไหนกันจะเดินแบบไร้จุดหมายแบบนี้น่ะเหรอ ในเมื่อเราตายแล้วด้วยกันทั้งคู่ ก็ควรจะต้องไปสวรรค์หรือไม่ก็ต้องรายงานตัวกับยมทูตสิ นี่ไม่เห็นอะไรเลย” หญิงสาวบ่นรำพึงรำพัน ในขณะคนที่สวมกอดเธออยู่ในขณะนั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆ ขึ้นบนใบหน้า

  “เจ้าสามารถไปต่อได้ เพราะถูกลิขิตให้ต้องกลับไป แต่สำหรับข้าเวลาหมดลงแล้ว นับแต่นี้จงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แทนข้า ช่วยท่านพ่อท่านแม่และตระกูลของเราให้อยู่รอดปลอดภัยจากเหล่าคนโฉด และจงกลับไปหาคนรักที่เฝ้ารอคอยและโหยหาอยู่ทุกทิวาและราตรี ชีวิตของเจ้าได้หวนกลับคืนมาแล้ว เจ้าก็คือข้าและข้าก็คือเจ้าจงจดจำเอาไว้ให้ดี และข้าก็มาส่งเจ้าถึงที่แล้วอันอัน!!!” สิ้นเสียงของพี่สาวฝาแฝด ดวงวิญญาณของจางเพ่ยอันถูกพี่สาวในอดีตชาติผลักเธอจนหัวคะมำ ดวงวิญญาณลอยละลิ่วลงสู่เบื้องล่างไปอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงตะโกนร้องดังออกมาสุดเสียง

  “เจี๋ยเจี๋ย! เจี๋ยเจี๋ย!” เสียงร้องเรียกจากดวงวิญญาณของจางเพ่ยอันที่แผดเสียงกึกก้องเมื่อครู่ ค่อยๆ เงียบงันเลือนหายไปในที่สุด

  ท่ามกลางกลุ่มไอควันขาวในโลกแห่งวิญญาณ แสงสว่างเรืองรองปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเป็นเส้นทางไปสู่ภพใหม่ของจางเจี๋ยอี้ ร่างระหงจากที่เปียกชุ่มโชกค่อยๆ เลือนหายพร้อมอาภรณ์สีขาวสะอาดเข้ามาแทนที่ 

  ใบหน้างดงามอิ่มเอิบเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ปลดปล่อยพันธนการทางใจ ที่รู้สึกผิดกับการตายของน้องสาวฝาแฝด เมื่อจางเพ่ยอันให้อภัยและเข้าใจพี่สาวของนาง ดวงวิญญาณค่อยๆ ก้าวเดินตรงไปยังเส้นทางทอดยาวที่เต็มไปด้วยแสงสว่างเรืองรองเพื่อนำพานางไปสู่ภพที่คู่ควร

Related chapters

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.6

    ยุคอดีต ฮั่นจง เมืองชายแดนแคว้นฉิน จวนแม่ทัพ พระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจอิ๋งหยาง ในฉลองพระองค์สีดำทะมึนทรงนั่งประทับภายในห้องพระบรรทม โดยมีหมอในเมืองฮั่นจง มาถวายการรักษาบาดแผลแปลกประหลาดที่อยู่บริเวณพระอุระ ผ้าพันแผลผืนใหม่ถูกนำมาพันรอบพระวรกายใหญ่ด้วยมืออันสั่นเทาของคนเป็นหมอ เมื่อต้องถวายการรับใช้องค์ชายปีศาจซึ่งเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกแคว้น “เจ้ากลัวข้ามากอย่างนั้นรึ มือจึงสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา ข้าคงเป็นปีศาจมากกระนั้นสิ” รับสั่งถามสุรเสียงเย็นยะเยียบ สายพระเนตรจับจ้องใบหน้าหมอที่มาทำการรักษาพระองค์อยู่ในขณะนี้เขม็ง ในขณะที่คนเป็นหมอรีบทรุดกายลงพื้นก้มคำนับไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองแต่อย่างใดด้วยความกลัวเกรง แม้ว่าในขณะนี้องค์ชายอิ๋งหยางจะสวมหน้ากากสีเงินปิดบังพระพักตร์เอาไว้ก็ตามที แต่มิอาจลดทอนความน่ากลัวและน่าเกรงขามของพระองค์ลดน้อยถอยลงไปได้เลย “กะ… กระหม่อมสมควรตายพ่ะย่ะค่ะที่แสดงอาการออกมาเช่นนั้น ตะ... แต่… แต่กระหม่อมก็กลัวพระองค์จริงๆ มิขอปิดบังแต่ประการใด บรรดาหมอทั่วเมืองฮั่นจงต่างมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากกระหม่อมแม้แต่น้อย” “เช่นนั้นรึ!”รับสั่งออกมาสั้นๆ พ

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.7

    แม่น้ำเฟิ่ง แม่น้ำเฟิ่งอยู่ในเขตรอยต่อระหว่างเมืองผิงหยางและเมืองหยง ขวางกั้นระหว่างสองเมืองใหญ่ของแคว้นฉิน บริเวณต้นแม่น้ำมีบ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็กถูกสร้างขึ้นอยู่ริมลำธารฝั่งเขตเมืองหยง ภายในบริเวณกว้างขวางมีรั้วรอบขอบชิด จัดแบ่งเป็นสัดเป็นส่วน มีเรือนนอนแยกเป็นกิจจะลักษณะ เรือนครัวและห้องโถงเล็กๆ จัดวางไว้อย่างสวยงาม ตัวบ้านทำจากไม้ไผ่เขียวยืนต้นสูง เนื้อแข็งแรงทานทน ทำให้บ้านออกมาสวยงามและน่าอยู่ ภายในห้องนอนบนเตียงไม้ไผ่ปูด้วยเสื่อกลางเก่ากลางใหม่ทาบทับด้วยฟูกนอน ปรากฏร่างระหงของหญิงสาวนางหนึ่งนอนหมดสตินานกว่าห้าวัน บริเวณหน้าอกและคอมีผ้าพันแผลราวกับว่าได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าสวยงดงามบัดนี้แลดูขาวซีดเซียว ริมฝีปากอิ่มไร้สิ้นสีเลือดเจือจางด้วยเพราะทั่วร่างถูกพิษและเพิ่งถูกขับออกไปจนหมด ร่างอวบของสตรีสูงวัยอายุประมาณห้าสิบเศษๆ นามว่าฉางอี๋นั่วกำลังเป่ายาซึ่งเคี่ยวมาอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นเวลานาน โดยมีชายสูงวัยแลดูมีอายุนั่งอยู่บนโต๊ะกลางห้องกำลังค่อยๆ จิบน้ำชาพลางมองคนเจ็บที่ถูกช่วยขึ้นมาจากก้นแม่น้ำเมื่อห้าวันก่อน “ท่านพี่! แม่นางผู้นี้หมดสติเข้าวันที่ห้าแล้ว ยังไม่ยอมฟื้นขึ้น

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระเชษฐาปีศาจ 1.1

    ในขณะเดียวกัน เมืองหลวง พระราชพิธีฝังพระศพ ขบวนแห่พระศพอดีตเจ้าผู้ครองแคว้น กำลังตั้งขบวนเป็นแถวยาวออกจากตำหนักส่วนกลางเพื่อเคลื่อนขบวนไปยังสุสานหลวงของราชวงศ์ บรรดาพระโอรสที่ประสูติจากอดีตเจ้าผู้ครองแคว้นรวมด้วยกันสิบห้าพระองค์ ทยอยเสด็จมาเข้าร่วมขบวนโดยมีเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ปัจจุบัน ฉินรุ่ยกงพระดำเนินนำหน้าพระอนุชาทั้งหมด หากจะว่ากันไปแล้วฉินรุ่ยกงกับองค์ชายอิ๋งหยางพระเชษฐาทรงพระอ่อนชันษาเพียงแค่ห้าวันเท่านั้น จึงทำให้กลายเป็นองค์ชายรอง ซึ่งแคว้นฉินได้จัดลำดับเชื้อพระวงศ์เอาไว้อย่างชัดเจน และต่างล่วงรู้กันดีว่าแท้จริงแล้ว เจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์จริงจะต้องเป็นองค์ชายอิ๋งหยาง พระเชษฐาองค์โตซึ่งประสูติจากฮองเฮาพระองค์แรก “พิธีฝังพระศพของอดีตเจ้าผู้ครองแคว้น หากองค์ชายใหญ่ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นนั้น ผู้ที่จะต้องถือป้ายวิญญาณและพระดำเนินนำหน้าพระองค์แรกจะต้องเป็นองค์ชายอิ๋งหยาง ตามโบราณราชประเพณีใช่หรือไม่” “ตามโบราณราชประเพณีเป็นเช่นนั้นมิผิดแต่อย่างใด” “แต่พระองค์จวนเจียนสิ้นพระชนม์แล้วถึงอย่างไรก็มิอาจมาร่วมพิธีได้อยู่ดี” “อย่ามาเลย ขืนมาคงวุ่นวายเป็นแน่ ฝ่าบาทจะต้องอยู

    Last Updated : 2025-01-04
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระเชษฐาปีศาจ 1.2

    ณ บ้านน้อยริมลำธาร “คุณยายเอาอีก!” เสียงหวานส่งเสียงเจื้อยแจ้วร้องขอข้าวจากฮูหยินฉางที่กำลังตักข้าวให้หญิงสาวจนพูนชาม จางเพ่ยอันรีบเอื้อมมือรับชามข้าวด้วยความดีใจ พลางใช้ตะเกียบที่ทำจากไม้ไผ่คีบข้าวเข้าปากด้วยความหิว เนื้อปลาย่างจนสุกหอมน่ากินและน้ำแกงปลา เพื่อบำรุงกำลังทำให้หญิงสาวเจริญอาหารอย่างยิ่งยวด “คุณยายทำกับข้าวอร่อยจังเลยค่ะ อร่อยมากๆ อร่อยจริงๆ นะ” เธอพูดชมไม่ขาดปากพร้อมพุ้ยข้าวไปด้วย สองสามีภรรยาหันไปมองหน้ากันก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ เมื่อฟังคำพูดของสาวน้อยตรงหน้าไม่เข้าใจ ในขณะที่จางเพ่ยอันเริ่มจะรู้สึกตัวว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือไร ใยผู้อาวุโสทั้งสองจึงได้นั่งเงียบงันอยู่เช่นนั้น “เอ่อ... หนูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมตากับยายถึงนั่งมองหน้าแบบนั้นคะ” หญิงสาวเอ่ยถามกลับไปพร้อมเคี้ยวข้าวที่อยู่ในปากพลางยกน้ำแกงซดตามไปด้วย ก่อนจะได้ยินหยงอู่เอ่ยขึ้น “แม่หนู... เจ้าเป็นคนแคว้นใดรึ เป็นชาวเมืองฉินหรือเปล่า เหตุใดถ้อยเจรจราของเจ้าจึงแลดูแปลกชอบกลนัก ข้าและฮูหยินพยายามตั้งใจฟังเจ้าพูดอยู่เป็นนานแต่ก็หาเข้าใจถ้อยคำของเจ้าแต่อย่างใด” ครั้นหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นตะเกียบที่กำลังคี

    Last Updated : 2025-01-04
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   แผนทวงคืน 1.1

    พระตำหนักจินไท่ (ตำหนักที่ประทับฉินรุ่ยกง) “ปัง!” เสียงพระหัตถ์กระทบลงบนโต๊ะตรงพระพักตร์ด้วยความพิโรธอย่างยิ่งยวด “บัดซบสิ้นดี! ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว เจ้าอิ๋งหยางเจาะจงมาปรากฏตัวในวันนี้ ตั้งใจหักหน้าข้าชัดๆ” สุรเสียงรับสั่งเกรี้ยวกราด พระพักตร์สั่นระริกอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเงยขึ้นทอดพระเนตรพระอนุชาซึ่งนั่งอยู่บนตั่งที่ประทับตรงข้ามกับพระองค์ “เป็นไงล่ะ! เจ้าแผนการมากไม่ใช่เหรอ ผลงานออกมาให้เห็นแล้ววันนี้ อิ๋งหยางไม่เป็นอะไรเลย! อาการจวนเจียนใกล้ตายหาปรากฏให้เห็น ตรงกันข้าม ข้า! รวมไปถึงพวกเจ้าทุกคนที่จะพากันตาย!” รับสั่งถามพระอนุชากลับไป ในขณะที่องค์ชายสามทรงครุ่นคิดอย่างหนักว่าเหตุใดแผนลอบสังหารจึงพังไม่เป็นท่าเช่นนี้ ครั้นทรงได้ยินพระเชษฐารับสั่งถามด้วยพระอารมณ์กราดเกรี้ยวกลับมาเช่นนั้น ความอดทนที่เก็บกดเอาไว้ภายในมาโดยตลอดเริ่มจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว “เลิกโวยวายจะได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ ก่อนจะเที่ยวโทษผู้อื่นทรงมองพระองค์เองด้วยเถอะว่าสามารถต้านทานอำนาจของอิ๋งหยางได้หรือไม่ ขนาดยังไม่ได้ทำอ

    Last Updated : 2025-01-05
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   แผนทวงคืน 1.2

    3 เดือนผ่านไป ณ บ้านหลังน้อยริมลำธาร “อันอันเอ๊ย!!!” เสียงเรียกของฮูหยินผู้เฒ่าดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องนอนของหลานสาวคนสวย “เสร็จแล้วท่านยาย!” เสียงหวานตอบกลับมาพร้อมประตูห้องนอนเปิดออกกว้าง จางเพ่ยอัน ยืนส่งยิ้มแก้มแทบแตกก่อนจะค่อยๆ หุบลงโดยพลันพลางก้มลงสำรวจตัวเองเมื่อฮูหยินฉางยืนมองเสื้อผ้าที่เธอกำลังสวมใส่อยู่บนเรือนร่างอยู่ในขณะนี้ ด้วยเพราะเสื้อผ้าสตรีแม้จะเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาก็ตาม แต่ด้วยรูปโฉมอันงดงามยิ่งของร่างนี้จึงทำให้โดดเด่นเป็นอันตรายต่อตัวนางอย่างยิ่งยวด ยามอยู่บ้านน้อยริมลำธาร แม้หญิงสาวจะสวมใส่เสื้อผ้าสีพื้นธรรมดาแต่ก็ไม่มีผู้ใดมาพบเห็นแต่อย่างใด หากแต่วันนี้เป็นวันที่เธอจะต้องเดินทางนำสมุนไพรที่หายากและของป่านำไปส่งที่ร้านยาและโรงหมอในเขตเมืองหลวงซึ่งเป็นลูกค้าประจำ ภายในหนึ่งเดือนจะเข้าเมืองหลวงเพียงหนึ่งครั้งเพื่อนำสมุนไพรที่หายากไปส่ง ซึ่งในเวลาที่ผ่านมาสองสามีภรรยาจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปพร้อมกัน แต่คราวนี้หยงอู่เกิดหกล้มก้นกบกระแทกพื้นทำให้เดินไม่ได้ หากจะทิ้งเอาไว้ที่บ้านเพียงผู้เดียวฮูหย

    Last Updated : 2025-01-05
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หยางหยาง 1.1

    เมืองหลวงหยงเมืองหลวงใหญ่แห่งแคว้นฉินอันรุ่งเรืองในเวลานี้ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลาย ที่ทยอยเข้ามาตั้งรกรากบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ จากอดีตซึ่งเคยเป็นเพียงแคว้นนอกสายตา ห่างไกลและมีพื้นที่ส่วนใหญ่ทุรกันดาร ชาวแคว้นฉินเป็นเพียงกลุ่มคนเร่ร่อน ดำรงอยู่ได้ด้วยการเลี้ยงสัตว์ แต่ในขณะเดียวกัน เป็นนักต่อสู้และมีน้ำอดน้ำทนสูง สามารถอดทนต่อความยากลำบากได้ทุกข์สภาวะ ทว่าเพียงไม่กี่ร้อยปีจากแคว้นเล็กๆ กลับยิ่งใหญ่และขยายอาณาเขตครอบครองดินแดนแถบตะวันตกได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงระยะสิบปีที่ผ่านมา ได้ทำสงครามปราบชนเผ่าชวนหรงซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาอย่างยาวนานได้อย่างราบคาบและบุกตีดินแดนเล็กๆ รวมไปถึงแคว้นใหญ่ในยุคนั้นได้เป็นผลสำเร็จมากมาย ขยายอำนาจออกไปจนกลายเป็นหนึ่งในสิบแคว้นใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงในขณะนั้น และจางเพ่ยอัน ดวงวิญญาณของหญิงสาวในยุคอนาคต จากปีคริสต์ศักราช 2018 ได้หวนคืนกลับมาในยุคอดีตกาลและที่สำคัญเป็นยุคในอดีตชาติของเธอที่เคยถือกำเนิดมาแล้วเมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งเธอเป็นถึงบุตรสาวฝาแฝดของอัครเสนาบดีจางฟง และมีชื่อแซ่ในชาตินี้ว่าจางเพ่ยอัน เช่นเดียวกับชาติปัจจุบัน ทว่าในชาติอดีต

    Last Updated : 2025-01-06
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หยางหยาง 1.2

    ในขณะเดียวกันยุคปัจจุบันนครซีอาน ณ โรงพยาบาลเกาซินร่างอรชรของหญิงสาวในวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปี นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีเครื่องวัดความดันและท่อนำส่งอาหารหล่อเลี้ยงร่างกายที่นอนหมดสติมานานกว่าหนึ่งเดือน ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทำให้สาวน้อยจางเพ่ยอัน อยู่ในสภาพไม่ตายก็เหมือนตายหรือทางการแพทย์เรียกว่าสภาพผัก ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานจากศูนย์วิจัยที่เดินทางมาเยี่ยมหญิงสาว ต่างพากันยืนมองร่างที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ในขณะนั้น ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาและสงสารอย่างยิ่งยวด “หัวหน้าไปพบคุณหมอเจ้าของไข้แล้วเป็นยังไงบ้างคะ อันอันมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมไหม และเมื่อไรจะฟื้นขึ้นมา นี่ก็เดือนกว่าเข้าไปแล้วที่อยู่ในสภาพแบบนี้” เพื่อนร่วมงานของแม่สาวน้อยเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้ เฮ้อ! เสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จากสตรีสาวใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้างานดังออกมาทันที “ความหวังว่าจะหายหรือกลับมาเป็นปกติดั่งเดิมไม่มีใครตอบได้หรอกแม้กระทั่งหมอเจ้าของไข้ก็ตอบไม่ได้ อันอันหัวใจล้มเหลวและหยุดเต้นไปนาน เธอตายไปแล้วตอนรถฉุกเฉินมาถึง แต่พอถูกปั้มหัวใจจนกลับมาหายใจได้อีกครั้งจะว่าโชคร

    Last Updated : 2025-01-06

Latest chapter

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ดวงพิฆาต รักนิรันดร์ (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตตำหนักจินไท่ทั่วบริเวณในเวลานี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แจกันดินเผาขนาดใหญ่วาดลวดลายเป็นลายเมฆและนกยูงสลับไปมา เพิ่มความสวยงามได้อย่างลงตัวและแจกันดังกล่าวเต็มไปด้วยกิ่งดอกเหมยปักลงบนแจกันวางตั้งไว้บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทมเพื่อให้คนงามได้สูดกลิ่นหอมดังกล่าวร่างอรชรของจางเพ่ยอันบัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นพระบรรทม และเธอหลับใหลอยู่เช่นนี้มานานนับเดือนแล้ว โดยมีสายตาของพระสวามีผู้หล่อเหลาจับจ้องอยู่กับดวงหน้างามของพระชายาอยู่ตลอดเวลา พระองค์จะเพียรเข้าคอยมาดูแลพระชายาเพียงหนึ่งเดียวทันทีที่เสร็จภารกิจจากการออกว่าราชการในท้องพระโรงเหตุการณ์ในวันที่รัชทายาทหลี่จิ้งบุกโจมตีพระราชวังหลวงของต้าฉินอย่างอุกอาจ และจบลงคือเซ่นสังเวยพระชนม์ชีพของพระองค์ให้กับแม่ทัพปีศาจพร้อมชีวิตทหารต้าหลู่ไปอีกนับไม่ถ้วน ต่างพากันสิ้นชีพวิบัติโรยรากลายเป็นหินไปชั่วพริบตาเหตุการณ์ในวันนั้นเล่าลือไปอย่างกว้างขวางจนล่วงรู้ไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และต่างพากันขยาดแม่ทัพปีศาจกันอย่างถ้วนหน้า จนมีคำกล่าวติดปากออกมา

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.1

    ในขณะเดียวกันบริเวณลานกว้างหน้าท้องพระโรงกองทหารของแคว้นต้าหลู่และกองทหารจากต้าฉิน ต่างวิ่งเข้าโจมตีปะทะกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันขาวพร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลและเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างแตกฮือแยกย้ายกันหนีตายจนจ้าละหวั่น เมื่อทหารต้าหลู่บุกเข้ามาถึงในท้องพระโรงและปะทะกับจางฟงอัครเสนาบดีที่เคยเป็นขุนศึกในวัยหนุ่มแม้จะมีอายุมากถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม แต่จางฟงมีวิทยายุทธ์ในระดับสูงจึงเป็นฝ่ายใช้อาวุธออกปกป้องเหล่าขุนนางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งตามไปสมทบกับกองทหารของตนและกองทหารขององค์ชายปีศาจที่ยกตามมาช่วยอย่างทันท่วงที ทั่ววังหลวงเต็มไปด้วยซากศพมากมายมิรู้ใครเป็นใครท่ามกลางความวุ่นวายองค์ชายปีศาจอิ๋งหยางและองค์ชายหลี่จิ้ง รัชทายาทจากต้าหลู่กำลังปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในขณะที่องค์ชายหลี่จิ้งถือทวนยาวและองค์ชายอิ๋งหยางใช้ดาบง้าวอาวุธประจำพระวรกายไล่ฟาดฟันองค์ชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง“เจ้าเอาอันอันของข้าไปไว้ไหน! เอาคนของข้าคืนมา!!

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.2

    ทันทีที่พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายปีศาจเงยขึ้นทอดพระเนตร ทหารของต้าหลู่ที่กำลังมองมาที่พระองค์เป็นจุดเดียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อร่างค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ติดตามด้วยเสียงของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมา“แม่ทัพปีศาจ!!!” เสียงเรียกขานดังออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบงันลงไปโดยพลันเมื่อทุกอย่างกลับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ลมหายใจของเหล่าทหารต้าหลู่หลุดลอยไปทันใดนับหนึ่งพันนายที่แออัดอยู่ภายในท้องพระโรงท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายหลี่จิ้ง ครั้นได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่มีผู้คนกล่าวขานเลื่องลือมานานแสนนาน และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงพระพักตร์ในขณะนี้“เป็นความจริงหรือนี่! คนผู้นี้คือแม่ทัพปีศาจอิ๋งหยางอย่างนั้นหรอกรึ!” องค์ชายหลี่จิ้งรับสั่งได้เพียงเท่านั้นองค์ชายปีศาจหันกลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทผู้นั้นทันที โดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ตั้งตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าก็สิ้นชีพไปโดยมิรู้ตัว พระเศียรค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียไปทั่วพระวรกายก่อนจะกลืนกินจนกระทั่งยืนแข็ง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.2

    ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.1

    บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.3

    พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.2

    ยามเหม่าพระราชวังหลวงร่างอรชรแน่งน้อยของจางเพ่ยอันสวมเสื้อผ้าบุรุษสะพายกระเป๋าล่วมยาเดินเคียงคู่มากับพระสวามีปีศาจ ฉลองพระองค์เครื่องแบบราชองครักษ์ฝ่ายใน เดินตามติดชายาคนงามของพระองค์ไปอย่างกระชั้นชิดมิให้คลาดสายพระเนตรไปได้แม้แต่น้อย โดยเป้าหมายในขณะนี้คือพระศพขององค์ชายรองซึ่งจนถึงเวลานี้ มิมีหมอหลวงคนใดล่วงรู้เลยว่าสาเหตุการสิ้นพระชนม์นั้นเกิดจากอะไรกันแน่องค์ชายปีศาจพระดำเนินนำหน้าพร้อมจูงมือพระชายา ผ่านสายตาเหล่านางกำนัลและขันทีมากมายหลายสิบคู่ โดยไม่สนพระทัยสายตาของผู้ใดแม้แต่น้อยที่กำลังจับจ้องบุรุษทั้งสองกำลังเดินจูงมือเคียงคู่ไปด้วยกัน ก่อนจะหยุดลงเมื่อมาถึงพระตำหนักบูรพา ภายในห้องเก็บพระศพ มีผ้าขาวผืนขนาดใหญ่ขวางกั้นโลงพระศพและแท่นบูชาป้ายวิญญาณเพื่อให้เชื้อพระวงศ์และบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้ามาเซ่นไหว้บริเวณด้านนอก ภายในห้องดังกล่าวมีนางกำนัลและขันทีคอยทำหน้าที่ดูแลพระศพให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา และทันทีที่มาถึงองค์ชายปีศาจมีรับสั่งออกไปทันที“เปิดฝาโลง! องค์ชายอิ๋งเฟิ่งมีรับสั่งให้ท่านหมอมาตรวจหาสาเหตุการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรอง” สิ้นพระสุรเสียงขององค์ชายปีศาจบรรดาขันที

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.1

    เรือนบูรพา ปัง! ปัง! ปัง! เสียงเคาะประตูห้องดังเอ็ดอึงขึ้นระหว่างกลางดึกในขณะที่คู่สามีภรรยากำลังนอนหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียกับบทเสพสังวาสที่มอบให้กันตั้งแต่ยามสายในห้องหนังสือและยังมาต่อเนื่องในห้องนอนกันอีก ก่อนจะพากันหมดแรงไปด้วยกันก็เข้ายามโฉว่ “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ! เกิดเรื่องใหญ่ในวังแล้ว! ทรงตื่นบรรทมอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของจางฮั่นดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องนอน พร้อมร่างของรองแม่ทัพโม่โฉวและหรงซิ่วต่างพากันยืนอยู่ด้วยพร้อมกันในขณะนี้ เพียงครู่ภายในห้องบรรทมที่มีแต่ความมืดมิดมีแสงสว่างจากโคมไฟขึ้นมาทันที พร้อมเสียงจากคนที่อยู่ด้านในเปิดบานประตูออกด้วยความรวดเร็ว พร้อมพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายอิ๋งหยางพระดำเนินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นรองแม่ทัพคนสนิททั้งสองปรากฏกายในยามวิกาลเช่นนี้ “มีเหตุสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ! พวกเจ้าจึงรีบร้อนพากันมาหาข้าในยามวิกาลเช่นนี้” รับสั่งถามกลับไปทันใด “องค์ชายรองสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” โม่โฉวรีบกราบทูลรายงานทันที องค์ชายปีศาจทรงยืนนิ่งไปชั่วขณะครั้นทรงได้ยินรายงานเช่นนั้น “อิ๋งเหว่ยตายได้อย่างไร!” รับสั่งถามกลับไป “ตอนนี้บรรดาหมอ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ปิ่นหงส์แทนข้า ปิ่นมังกรแทนหัวใจ 1.2

    สามวันผ่านไปภายในห้องหนังสือร่างงามแน่งน้อยในชุดสีขาวลออตาของสตรีสาวที่เต็มไปด้วยยศศักดิ์ ผมสีดำยาวสยายถูกเกล้าขึ้นสูงเป็นสัญลักษณ์ของหญิงที่สมรสแล้ว พรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับผมล้ำค่ามีทั้งทองคำและหยกเนื้องามชั้นดีเสียบไว้ที่บริเวณผมที่ถูกเกล้าขึ้น ใบหน้าแสนสวยถูกแต่งแต้มพองามมิต้องประเคนเครื่องประทินโฉมอะไรมากมาก คนสวยยังไงก็เอาอยู่ดวงตากลมโตสีหยาดน้ำผึ้งกำลังนั่งมองแผ่นไม้ไผ่ที่เป็นตำรายาสูตรลับของหยงเซี๊ยะกำลังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนลุกโชน ก่อนจะโยนตำราดวงดาวลงไปเผาอีกเช่นกัน ราวกับว่าหญิงสาวล่วงรู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นเพราะมีการแย่งชิงตำราดังกล่าวเกิดขึ้นนั่นเองท่ามกลางสายพระเนตรของพระสวามีปีศาจ ทรงพระดำเนินเข้ามาด้วยความแปลกพระทัยเมื่อทอดพระเนตรพระชายาคนงามกำลังเผาตำราโบราณของหยงเซี๊ยะด้วยมือของนางเอง“อันอัน! เหตุใดเจ้าจึงเผาตำราที่ท่านตามอบให้มาเล่า เกิดเหตุสิ่งใดขึ้นหรือไรตำราทั้งสองนั้นเป็นของล้ำค่าทางด้านการรักษาและดูดวงดาวมิใช่รึ” พระองค์รับสั่งถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้ใบหน้าแสน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status