เก้านาฬิกาของเช้าวันใหม่ ชีวาพรเตรียมการพูดคุยกับคุณป๊อบ มันเป็นการเป็นสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ซึ่งทุกอย่างผ่านได้ด้วยดี ชีวาพรมีทางเลือกสองทาง นั่นคือทำงานในโรงแรมใหญ่ที่อยู่กลางเมือง หรืออยู่ประจำโรงแรมสาขาที่ตั้งอยู่ชานเมือง ซึ่งที่แห่งนี้ไม่ไกลจากบ้านหลังเดิมนัก หากนั่นแหละ ปัจจุบันบ้านหลังนั้นไม่ใช่ของเธอแล้ว เพราะมันถูกขายไปแล้ว
“ถ้าคุณกวางทำงานที่สาขาชานเมือง ที่นั่นมีห้องพักสำหรับพนักงานไว้พักชั่วคราว คุณสามารถพักจนกว่าจะหาที่อยู่ถาวรได้” “กวางสนใจทำงานที่โรงแรมสาขาชานเมืองค่ะ แต่กวางตั้งใจจะหาที่อยู่เอง” “ทำไมล่ะครับ คุณกวางไม่เข้าไปดูห้องพักก่อนหรือ ผมคิดว่าห้องกว้างและสะดวกสบายพอสำหรับอยู่คนเดียว” “กวางไม่ได้อยู่คนเดียว” “คุณกวางมีครอบครัวมาด้วยหรือครับ” “ใช่ค่ะ” คุณป๊อบชะงัก เขาเหลือบมองใครสักคนที่อยู่อีกฝั่งซึ่งชีวาพรไม่อาจมองเห็น เพราะมันพ้นจากรัศมีกล้องโทรศัพท์ ชั่วขณะนั้นเธอรู้สึกใจแป้วพิกล เพราะกลัวพลาดโอกาสทำงาน “กวางจัดการเรื่องส่วนตัวไม่ให้กระทบกับงานได้ค่ะ กวางเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กไว้แล้ว ถ้างานเข้าออกเป็นเวลา มันก็ไม่มีปัญหา กวางบริหารเวลาได้” สิ้นคำพูดนั้น คนในหน้าจอโทรศัพท์เลิกคิ้วสูง สีหน้าเหมือนประหลาดใจอีกรอบ ในขณะที่คนนั่งไม่ห่างจากชีวาพรถึงกับถอนหายใจยาว น้องพร้อมกำลังเกาะเดิน พ่อหนูน้อยขย่มตัวอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะใสดังขึ้นมาเหมือนกับว่าเจ้าตัวถูกใจอะไรสักอย่าง ชีวาพรหันไปมองลูก เรียวปากบางเม้มแน่น ความจำเป็นมันบีบบังคับ...เมื่อชีวาพรต้องย้ายกลับกรุงเทพฯ เธอจำเป็นต้องทำงานเพื่อให้มีรายได้มาเลี้ยงตัวเองและลูก เธอต้องนำลูกไปฝากในสถานรับเลี้ยงเด็กในตอนกลางวัน เธอเลือกสถานที่ที่ได้มาตรฐานและราคาอยู่ในระดับที่เธอจ่ายไหวไว้แล้ว ใครบอกว่าเงินไม่จำเป็น...นาทีนี้ชีวาพรเถียงขาดใจ ถ้าเธอมีเงินมากพอ เธอจะขออยู่กับลูกจนลูกเข้าเรียนอนุบาล เธอจะไม่ยอมให้ลูกห่างจากอกตั้งแต่ยังไม่ครบหนึ่งขวบอย่างแน่นอน “ผมขอโทษที่ต้องถาม คุณกวางมีลูกใช่ไหมครับ” พอได้ยินคำถาม ชีวาพรก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอยังไม่ได้บอกคุณป๊อบว่าเธอมีลูกหนึ่งคน พลันรู้สึกโล่งใจว่าที่แท้สีหน้าประหลาดใจของเขามีต้นเหตุมาจากเรื่องนี้เอง เธอหายไปนานกว่าหนึ่งปี จู่ๆ ก็โทร.ไปของานจากเขาพร้อมกับพ่วงลูกน้อยไปด้วย เป็นใครก็คงสงสัยทั้งนั้น “ใช่ค่ะ ลูกของกวางเป็นผู้ชาย ตอนนี้แกอายุสิบเดือน กวางคุยกับสถานรับเลี้ยงเด็กที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านเอาไว้แล้ว กวางคิดว่าไม่มีปัญหาค่ะ โรงเรียนรับเลี้ยงลูกให้กวางได้” เมื่อหาสถานรับเลี้ยงเด็กสำหรับน้องพร้อมได้แล้ว ชีวาพรจึงพยายามหางานที่อยู่ในเส้นทางเดียวกันเพื่อสะดวกในการรับส่งลูก ซึ่งโรงแรมสาขาชานเมืองที่คุณป๊อบเสนอมาให้นั้นมันช่างลงตัว...เธอตั้งความหวังไว้กับงานนี้ ดังนั้นระหว่างที่เจ้าของโรงแรมยังไม่ตอบรับ เธอจึงต้องลุ้นใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ “คุณกวางยังพักที่บ้านหลังเดิมหรือครับ” สีหน้าของคุณป๊อบส่อแววงุนงง เขาเหลือบมองใครสักคนที่คาดว่าอยู่ใกล้ๆ จนชีวาพรต้องรีบแก้ความเข้าใจให้เขาเสียใหม่ “โอ๊ะ! ไม่ใช่ค่ะ คุณพ่อขายบ้านไปแล้ว แต่กวางคุ้นเคยกับละแวกบ้านเดิม พอย้ายกลับกรุงเทพฯ กวางเลยมองหาที่พักแถวบ้านหลังเดิม กวางติดต่อคอนโดเช่าไว้แล้ว พอดีแถวนั้นมีสถานที่รับเลี้ยงเด็กด้วย มันเลยลงตัวสำหรับกวาง” “ผมเข้าใจแล้วครับ เอาเป็นว่าผมรับคุณกวางเข้าทำงาน ส่วนเงินเดือนก็ตกลงตามคุณกวางเรียกมา ถ้าคุณกวางติดปัญหาอะไร ให้คุณโทร.ไปที่เลขาฯ ของผม เดี๋ยวผมจะให้เบอร์ของเขาไว้ คุณเริ่มทำงานได้ทันทีที่คุณพร้อม” คุณป๊อบตอบรับชีวาพรเข้าทำงาน เขาพยายามให้ความช่วยเหลือเท่าที่พอจะช่วยได้ และยังเข้าใจได้ว่าการได้กลับไปในสถานที่เดิมๆ ที่ตัวเองคุ้นเคย มันคงเป็นความอุ่นใจเดียวที่เธอเหลืออยู่ ถึงแม้บ้านหลังนั้นไม่ใช่บ้านของเธอแล้ว แถมไม่มีคนในครอบครัวเหลืออยู่สักคนก็ตาม... เมื่อวางสายจากชีวาพร ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงถามจากภรรยา ซึ่งเธอได้ฟังการพูดคุยครั้งนี้ด้วย “เด็กสิบเดือนคนนั้นเป็นลูกของใคร” “ลูกของคุณกวางไง เมื่อกี้เธอบอกเราเอง” “แพทรู้ว่าเด็กเป็นลูกของคุณกวาง แต่ใครเป็นพ่อของเด็ก!” “ไม่รู้ ผมไม่ได้ถาม เพราะมันไม่มีผลกับงาน คุณกวางรับปากว่าเธอจัดการเรื่องส่วนตัวได้ มันหมายถึงเธอเลี้ยงลูกของเธอได้ สำหรับผมก็ไม่มีคำถามอื่นแล้ว” สามีหมดข้อสงสัย หากแพทริเซียยังรู้สึกคาใจ เธอได้ยินเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากที่ดังแทรกเข้ามาตลอดการสัมภาษณ์งานจนนึกอยากเห็นเด็กน้อยคนนั้น แน่นอนว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกชายของชีวาพรตามที่เธอบอกไว้ เด็กมีอายุสิบเดือน แต่แพทริเซียยังไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ชีวาพรแต่งงานใหม่หรือเปล่า...เด็กคนนั้นเป็นลูกของสามีใหม่ หรือเด็กเป็นลูกติดท้องตอนที่เจ้าตัวไปจากสามีเก่ากันแน่เก้านาฬิกาของเช้าวันใหม่ ชีวาพรเตรียมการพูดคุยกับคุณป๊อบ มันเป็นการเป็นสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ซึ่งทุกอย่างผ่านได้ด้วยดี ชีวาพรมีทางเลือกสองทาง นั่นคือทำงานในโรงแรมใหญ่ที่อยู่กลางเมือง หรืออยู่ประจำโรงแรมสาขาที่ตั้งอยู่ชานเมือง ซึ่งที่แห่งนี้ไม่ไกลจากบ้านหลังเดิมนัก หากนั่นแหละ ปัจจุบันบ้านหลังนั้นไม่ใช่ของเธอแล้ว เพราะมันถูกขายไปแล้ว“ถ้าคุณกวางทำงานที่สาขาชานเมือง ที่นั่นมีห้องพักสำหรับพนักงานไว้พักชั่วคราว คุณสามารถพักจนกว่าจะหาที่อยู่ถาวรได้”“กวางสนใจทำงานที่โรงแรมสาขาชานเมืองค่ะ แต่กวางตั้งใจจะหาที่อยู่เอง”“ทำไมล่ะครับ คุณกวางไม่เข้าไปดูห้องพักก่อนหรือ ผมคิดว่าห้องกว้างและสะดวกสบายพอสำหรับอยู่คนเดียว”“กวางไม่ได้อยู่คนเดียว”“คุณกวางมีครอบครัวมาด้วยหรือครับ”“ใช่ค่ะ”คุณป๊อบชะงัก เขาเหลือบมองใครสักคนที่อยู่อีกฝั่งซึ่งชีวาพรไม่อาจมองเห็น เพราะมันพ้นจากรัศมีกล้องโทรศัพท์ ชั่วขณะนั้นเธอรู้สึกใจแป้วพิกล เพราะกลัวพลาดโอกาสทำงาน“กวางจัดการเรื่องส่วนตัวไม่ให้กระทบกับงานได้ค่ะ กวางเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กไว้แล้ว ถ้างานเข้าออกเป็นเวลา มันก็ไม่มีปัญหา กวางบริหารเวลาได้”สิ้นคำพูดนั้น คนในหน้า
เมื่อเวลาในเมืองไทยต่างจากเมืองเพิร์ทแค่หนึ่งชั่วโมง ดังนั้นทันทีที่แพทริเซียรู้ความคืบหน้าของอดีตพี่สะใภ้ของเพื่อนสนิท มันจึงไม่ติดขัดอะไรที่เธอจะโทร.ไปบอกให้เขารู้อย่างไม่รีรอ“ก่อไม่ต้องห่วงเมียเก่าของธีร์แล้ว เพราะเธอมีคนดูแลแล้ว”“หมายถึงอะไร? กวางมีแฟนใหม่เหรอ?”“อืม...พวกเขามีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน”คนปลายสายนิ่งไป จนแพทริเซียต้องถามด้วยความอยากรู้“ผิดหวังหรือโล่งใจ”“แพทถามผิดคนหรือเปล่า”“นั่นสินะ แพทควรถามธีร์มากกว่า...แต่แพทคิดว่าตัวเองได้คำตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาถาม”“คำตอบว่า...?”“ธีร์โล่งใจน่ะสิ แพทรู้นะว่าธีร์อยากเลิกกับคุณกวาง แต่คุณกวางยื้อไว้จนธีร์กระอักกระอ่วนใจ ทำอะไรเด็ดขาดก็ไม่ได้ เพราะมันคงดูใจร้ายมากเกินไป แพทยังจำเรื่องของก่อกับยิหวาได้ ตอนก่อเลิกกับยิหวา ยิหวากุเรื่องว่าตัวเองท้อง แล้วก่อปฏิเสธเสียงแข็งว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยิหวาไม่มีวันท้อง ตอนนั้นก่อโดนสับเละไม่เหลือชิ้นดี”เสียงกระแอมหนักๆ ดังตามมา...แพทริเซียยอมหยุดตัวเองเมื่อคิดได้ว่าทั้งก่อฤกษ์ทั้งหวันยิหวาต่างมีชีวิตใหม่ไปทั้งคู่แล้ว เธอไม่ควรรื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมาอีก หากเธอไม่ได้รู้สึกผิดที่พลั้งปากพูดออ
ห้องชุดแบบหนึ่งห้องนอน ขนาดห้องแค่พออยู่ นิสามองไปรอบๆ ห้อง แล้วขมวดคิ้วมุ่นมันอุดอู้เกินไป สงสารเจ้าก้อนน้อยจัง...หากเธอไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะรู้ว่าชีวาพรเลือกที่พักที่ดีที่สุดเท่าที่กำลังเอื้อมถึงแล้ว ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสถานการณ์การเงินของเพื่อนคงไม่ดีนัก“ฉันยังค้างเงินเธออีกหนึ่งแสนกว่าบาท ฉันจะขอคืนสี่หมื่นก่อน พอสิ้นเดือน ฉันจะได้เงินค่ารื้อถอนร้าน ฉันค่อยปิดหนี้ทั้งหมดให้เธอ”“ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอมีเงินเท่านี้ใช่ไหม เก็บไว้กินใช้เถอะ ฉันยังมีเงินสำรองใช้ทั้งปีและฉันกำลังจะมีงานที่โรงแรมทำ ส่วนเธอยังไม่มีอะไรแน่นอน ค่อยคืนฉันตอนที่เธอได้เงินมาแล้ว”มันเป็นจริงอย่างที่ชีวาพรพูด เงินสี่หมื่นที่นอนอยู่ในบัญชีเป็นเงินก้อนสุดท้ายของเธอ เธอควรเก็บไว้กินข้าวและจ่ายค่าเช่าห้องระหว่างหาช่องทางทำมาหากินต่อไป แต่พอหันไปมองหลานรักที่กำลังเกาะโซฟาเดิน เธอก็รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย...เฮ้อ! ทำไงดีล่ะ อยากให้บูบุ๊ยมีที่อยู่ที่ดีกว่านี้ “มันไม่ได้แย่ แค่ห้องเล็กลง ตึกนี้มีคนอยู่เป็นครอบครัวตั้งหลายห้อง ห้องแค่นี้แต่เขาอยู่กันหลายคนได้ ส่วนฉันอยู่กับน้องพร้อมแค่สองคน เรามีพื้นที่ใช้สอยมากก
เช้าวันต่อมา รถรับจ้างขนของจากเชียงรายแล่นมาถึงคอนโดมิเนียมที่อยู่ย่านรามอินทราในเวลาสาย หลังจากข้าวของถูกขนย้ายเข้าไปในห้องพักของผู้อาศัยที่ย้ายมาอยู่ใหม่เรียบร้อยแล้ว พวกเธอก็ใช้เวลาจัดห้องเกือบทั้งวัน ซึ่งกว่าจะเสร็จลงได้ก็แทบหมดแรงหากมีคนคนหนึ่งที่ยังสดชื่น เจ้าตัวคลานออกมาจากห้องนอนแล้วนั่งมองแม่กับคุณน้า ก่อนจะยิ้มเผล่หน้าเป็น“หนูตื่นแล้วหรือคะ”ชีวาพรปราดไปอุ้มลูกชายตัวกลมไว้ในอ้อมแขน ในระหว่างที่จัดห้องอยู่ด้านนอก เธอพาลูกเข้าไปนอนกลางวันอยู่ในห้องนอนขนาดเล็กที่กั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วนแม้เป็นสถานที่แปลกใหม่ แต่น้องพร้อมไม่ได้ร้องไห้งอแงเมื่อตื่นนอนแล้วไม่เห็นแม่ แต่เจ้าตัวกลมกลับคลานออกมาหาแม่ตามเสียงพูดคุยที่ได้ยินด้วยตัวเอง“เด็กอะไรรู้ความขนาดนี้ ไม่รู้ว่าพอพาไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก บูบุ๊ยจะร้องไห้หรือเปล่า”นิสาพูดไปตามความรู้สึก หากชีวาพรหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด เธอพยายามเข้มแข็ง หากหัวอกของแม่ย่อมไม่อยากห่างจากลูก เธอมีความเป็นห่วงลูกอยู่เต็มหัวใจ จนถึงวันนี้เธอยังกลัวไปสารพัด...กลัวว่าใครจะทำให้ลูกของเธอเจ็บ เมื่อลูกกลัวและร้องไห้ แล้วจะมีใครอุ้มและปลอบโยนลูกของเธอไ
มือเรียวบางลูบศีรษะเล็กทุยที่มีเรือนผมสีดำปกคลุม น้องพร้อมเป็นเด็กทารกที่มีผมดกดำและนุ่มมือ อีกทั้งแววตาที่เหมือนรู้ความเกินกว่าเด็กวัยสิบเดือน ยังไม่นับรวมถึงการเจริญเติบโตด้านร่างกายที่ได้ไต่ไปอยู่ตรงขอบบนของเกณฑ์เด็กวัยเดียวกันแล้ว...ทั้งหมดนี้ทำให้น้องพร้อมกลายเป็นเด็กน้อยที่น่ารักและน่ามองสำหรับผู้คนที่ได้พบเห็น บ่อยครั้งที่ใครต่อใครมักเข้ามาทักทายและหยอกเย้าลูกของเธอ ชีวาพรนำลูกใส่ในเป้อุ้มเด็กแล้วเดินเลียบถนนในซอยเข้าไปด้านใน ทารกน้อยตื่นตาตื่นใจ ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเธอก็พูดคุยกับลูกไปด้วย “เมื่อก่อนคุณตา คุณลุง คุณป้า และแม่เคยอยู่ที่นี่ บ้านเดิมของเราอยู่ในซอยนี้ แม่จะพาน้องพร้อมไปดูบ้านของครอบครัวเรานะคะ”ทารกวัยสิบเดือนอาจไม่เข้าใจว่าแม่กำลังพูดเรื่องอะไร แต่เจ้าตัวคงจับสัญญาณความรู้สึกของแม่ได้ ดวงหน้าเล็กกลมจึงเงยขึ้นไปมองแม่ จนแม่ต้องก้มลงไปหอมแก้มกลมๆ...ซึ่งเพียงเท่านั้นคนเป็นแม่ก็ได้รับรอยยิ้มอย่างเด็กอารมณ์ดีจากลูกคืนมาแล้ว“ตอนแม่เป็นเด็ก หลังกลับจากโรงเรียน แม่จะชวนพี่เลี้ยงออกมาเดินเล่นในซอยนี้ โน่นไง น้องพร้อมเห็นไหม รถเข็นขายขนมยังอยู
โชคดีที่การสัญจรบนถนนกำลังคล่องตัว หากรถทุกคันยังแล่นไปช้าๆ คนในรถสปอร์ตคันสีดำรู้สึกมือไม้สั่น เขาจึงพารถคันงามเบี่ยงเข้าข้างทางได้อย่างทันท่วงที ตุ๊กตาหมีหน้ากลม...ธีทัตเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ สายตาของเขาคงพร่าเลือนกระมังถึงได้เห็นว่าตุ๊กตาหมีที่อยู่ในอ้อมแขนของชีวาพรนั้นเคลื่อนไหวได้เหมือนสิ่งมีชีวิต เจ้าตัวกลมแหงนหน้ามองตามที่ชีวาพรชี้บอก แถมยังยกมือป้อมๆ ขึ้นมาประกบไหว้...เขามองเจ้าหนูนั่นอย่างพิจารณา แล้วจึงเห็นว่าเจ้าตัวมีหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูเกินกว่าจะเป็นตุ๊กตาหมีเด็กที่ไหน... คำถามอื้ออึงอยู่ในอก ธีทัตยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ เมื่อคำพูดของก่อฤกษ์วนเข้ามาในหัวอีกหน หากคราวนี้เขาสลัดมันออกไปอย่างเร็ว เด็กคนนั้นเป็นใคร เขาไม่สนใจ ชีวาพรมีสามีใหม่หรือเปล่า เขาไม่อยากคิด... รู้แต่ว่าเวลานี้เขาต้องพบตัวเธอให้ได้ก่อน“เฮียธีร์ต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน อยู่ๆ ก็ตะโกนเรียกเมียเก่ากลางห้องประชุม แล้วผลุนผลันออกไป ทั้งที่ผู้บริหารยังนั่งอยู่ครบองค์ประชุม”ชนกันต์ที่อยู่ในเหตุการณ์ชวนงงเดินเข้ามาในห้องทำงานของภพธรแล้วบอกเสียงเหนื่อยหน่ายใจ เขารู้สึกว่างานนี้พี่ชายใหญ่ทำเรื่องเพี้
ตั้งแต่กลางซอยไปจนถึงปากซอยมีคอนโดมิเนียมขึ้นอยู่หลายตึก ธีทัตเดินตามหาชีวาพรด้วยวิธีเดิม นั่นคือนำรูปของเธอกับเด็กชายตัวกลมที่ได้จากกล้องวงจรปิดมาถามกับคนแถวนั้น ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ต่างกับคราวถามจากพ่อค้าโรตีสายไหม“รูปไม่ชัด ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของคุณจริงๆ คุณน่าจะมีรูปถ่ายของเธอที่ชัดกว่ารูปจากกล้องวงจรปิด”ยามรักษาความปลอดภัยประจำคอนโดมิเนียมตรงปากซอยบอกถึงสาเหตุที่ไม่อาจให้คำตอบกับเขา แถมเขายังได้รับสายตาไม่ไว้ใจกลับมา มันทำให้ธีทัตฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาจึงรีบเปิดรูปเก่าของชีวาพรที่ยังเก็บไว้ในโทรศัพท์ออกมาโชว์ รูปถ่ายรูปนี้ชัดเจน เธอยิ้มสดใสให้เขา แววตาของเธออ่อนหวานขณะมองกล้องที่เขาเป็นคนถ่ายเธอเอง “เธอเป็นเมียของผม ทีนี้บอกได้หรือยังว่าพี่เห็นเธอหรือเปล่า”“แล้วเด็กคนนี้ล่ะ”“ลูกของผม”ธีทัตบอกพลางหรี่ตามองรปภ. ท่าทางคนคนนี้มองยากกว่าพ่อค้าโรตีสายไหม จนเขาต้องพูดหยั่งเชิงไปก่อน“ผมกำลังตามหาลูกเมียของผม เธองอนผม เราทะเลาะกันนิดหน่อย...พี่เห็นเธอใช่ไหม พี่รู้ด้วยใช่ไหมว่าเธอพักอยู่แถวไหน”“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ที่นี่มีแต่ลูกบ้านที่อยู่มานาน ไม่มีลูกเมียของคุณหรอก”คำตอบนั้นทำให้
“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่นะเฮีย อยากกลับไปเป็นผัวเมียกับกวางเหมือนเดิมใช่ไหม” ชนกันต์กระเซ้าถาม“เปล่า”“อ้าว!”น้องชายทั้งคู่อุทานพร้อมกัน...เป็นใครจะไม่ร้องอ้าว! ในเมื่อธีทัตทำท่าเหมือนขาดชีวาพรไม่ได้ เขาไม่ยอมหย่า แถมยังตามหาเธอจนวุ่นไปหมด แต่พอถามว่าต้องการอะไร อยากกลับไปคืนดีกันไหม เจ้าตัวกลับปฏิเสธ...จะมีใครทำตัวเข้าใจยากเหมือนพี่ชายเขาอีกไหม“กวางไม่ได้กลับมาคนเดียว”รู้ว่าน้องชายกำลังงงตน ธีทัตจึงให้เหตุผล สีหน้าของเขาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด“เมียของเฮียมีผัวใหม่มาด้วยเหรอ”ชนกันต์ถามเสียงซื่อ เมื่ออยากจะเข้าใจพี่ชายให้กระจ่าง เขาจึงถามตรงๆ หากคำถามของเขากลับเสียดแทงหัวใจคนฟัง“เดี๋ยวกูถีบตกเก้าอี้”“ผมแค่ถาม มันใช่หรือไม่ใช่ เฮียก็ตอบมาสิ”“กูยังไม่รู้”“เฮียบอกว่ากวางไม่ได้กลับมาคนเดียว มันหมายความว่ายังไง กวางกลับมากับใคร”“เด็ก...” เสียงของธีทัตแหบพร่า ทั้งที่พยายามจะปรับ
โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ย่านหลักสี่เป็นสถานที่ที่รถสปอร์ตแล่นปราดไปจอด หัวใจของคนขับรถกำลังเต้นแรง เมื่อคิดว่ากำลังจะได้เจอเธอ“ผมมาพบคุณชีวาพรครับ เธอเป็นพนักงานที่นี่”ตีขลุมขอพบเธอเอาดื้อๆ โดยไม่คิดจะถามก่อนว่าเธอทำงานที่นี่หรือเปล่า และคำตอบที่ได้รับนั้นมันทำให้หน้าของเขาแดงก่ำ เขารู้สึกได้ว่าเลือดในกายกำลังสูบฉีดแรง“กวางกลับไปตั้งแต่บ่ายสามโมงค่ะ มันเป็นเวลาเลิกงานของเธอ เพราะเธอต้องไปรับลูกที่สถานรับเลี้ยงเด็ก”“ไม่ทราบว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ที่ไหนครับ ผม...เอ่อ เป็นญาติของเธอ มีธุระคุยกับเธอครับ”ไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นสามีและพ่อของเด็ก เพราะกลัวคำถามที่อาจย้อนกลับมาว่าทำไมตนถึงไม่รู้เรื่องของลูกเมีย ซึ่งข้ออ้างนี้มันก็ผ่านฉลุย“ดิฉันรู้แต่ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ใกล้กับที่พักของเธอ”“กวางพักอยู่ที่คอนโดใช่ไหมครับ”ธีทัตบอกชื่อคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ตรงปากซอยบ้านเดิมของชีวาพรได้อย่างแม่นยำ พนักงานโรงแรมจึงไม่เอะใจสงสัยในตัวเขา เมื่อเธอตอบว่าใช่ เขาจึงรีบผละออกมาโดยไม่ยอมเสี
การเคลื่อนไหวของคนที่ตามหาชีวาพรอยู่ในสายตาของรปภ.ประจำคอนโดมิเนียม เมื่อหญิงสาวต้องออกไปทำงานทุกวัน รปภ.จึงเปิดประตูด้านหลังให้เธอเดินออกไปเพื่อหลบสายตาของคนพวกนั้น โดยชีวาพรได้บอกความจริงว่าตนเพิ่งบุกรุกเข้าไปในบ้านท้ายซอย พร้อมกับบอกเหตุผลให้รู้ว่าตนเข้าไปทำไม เธอหวังจะให้รปภ.เข้าใจและช่วยปกป้องอันตรายให้เธอกับลูกในอีกสองวันข้างหน้านิสาต้องกลับไปที่เชียงราย จากกำหนดเดิมที่จะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ เนื่องจากพ่อค้าที่เคยมีร้านขายของติดกันโทร.มาบอกว่าได้ทำเลเปิดร้านใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ว่างพอสำหรับเธอ นิสาจึงอยากไปดูด้วยตัวเอง“พรุ่งนี้พาบูบุ๊ยไปฝากเลี้ยงก็แล้วกันนะ ฉันจะเฝ้าอยู่ที่นั่นทั้งวัน จะได้เห็นว่าเขาเลี้ยงหลานยังไง”“เขาจะยอมให้เราเฝ้าเหรอ”“ไม่ยอมก็ต้องยอม หรือเธอกล้าพาลูกไปฝากไว้โดยที่ไม่รู้ว่าลูกกินนอนยังไง”การมีนิสาอยู่ข้างๆ มันดีอย่างนี้เอง ชีวาพรรู้สึกว่าตนยังไม่เด็ดขาดพอ บ่อยครั้งที่เธอคิดอะไรไม่รอบคอบ ซึ่งเพื่อนคนนี้จะช่วยเธอคิดและตัดสินใจได้ดังนั้นในวันต่อมา น้องพร้อมจึงถูกนำไปฝากเลี้ยงที่สถานรับ
“คราวหน้าฉันจะระวังตัว ไม่เผลอเดินเข้าไปแล้ว”“ไม่ใช่ระวังตัวธรรมดา แต่เธอต้องระวังตัวให้มากๆ ต่อไปเธอต้องอยู่กับบูบุ๊ยกันแค่สองคน ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอยังต้องอยู่ดูแลลูก เธอต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทสักก้าวเดียว อีกอย่าง...ฉันว่าเธองดพาบูบุ๊ยไปเดินเล่นในพื้นที่ว่างใกล้บ้านเดิมเถอะ เพราะมันไม่ปลอดภัยแล้ว ฉันกลัวเจ้าของบ้านคนใหม่จะหาเรื่องใส่ความเธอ อย่างเช่นบอกว่าของในบ้านหาย โบ้ยว่าเธอเป็นคนเอาไป มันจะซวยเอานะ”คล้ายพูดเป็นตุเป็นตะ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระและดูแลตัวเองมานานอย่างนิสาย่อมเคยพบเห็นเรื่องทำนองนี้ คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ยาก ในแต่ละวันจึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของใคร...เมื่อหันไปมองเพื่อนและหลานรัก นิสาจึงอดที่จะหนักใจไม่ได้เฮ้อ! ฉันวางใจยายกวางให้อยู่กับบูบุ๊ยที่กรุงเทพฯ ได้ไหมเนี่ย“เธอมันคุณหนูใสซื่อ ไม่ทันเหลี่ยมคน” นิสาพูดขึ้นมาตามใจคิด“แต่คนที่ซื้อบ้านของพ่อได้ก็ต้องมีเงินมากพอ เขาจะต้องการอะไรจากฉันอีก ฉันไม่มีอะไรให้เขาสักหน่อย”นิสาส่งค้อน เ
“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่นะเฮีย อยากกลับไปเป็นผัวเมียกับกวางเหมือนเดิมใช่ไหม” ชนกันต์กระเซ้าถาม“เปล่า”“อ้าว!”น้องชายทั้งคู่อุทานพร้อมกัน...เป็นใครจะไม่ร้องอ้าว! ในเมื่อธีทัตทำท่าเหมือนขาดชีวาพรไม่ได้ เขาไม่ยอมหย่า แถมยังตามหาเธอจนวุ่นไปหมด แต่พอถามว่าต้องการอะไร อยากกลับไปคืนดีกันไหม เจ้าตัวกลับปฏิเสธ...จะมีใครทำตัวเข้าใจยากเหมือนพี่ชายเขาอีกไหม“กวางไม่ได้กลับมาคนเดียว”รู้ว่าน้องชายกำลังงงตน ธีทัตจึงให้เหตุผล สีหน้าของเขาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด“เมียของเฮียมีผัวใหม่มาด้วยเหรอ”ชนกันต์ถามเสียงซื่อ เมื่ออยากจะเข้าใจพี่ชายให้กระจ่าง เขาจึงถามตรงๆ หากคำถามของเขากลับเสียดแทงหัวใจคนฟัง“เดี๋ยวกูถีบตกเก้าอี้”“ผมแค่ถาม มันใช่หรือไม่ใช่ เฮียก็ตอบมาสิ”“กูยังไม่รู้”“เฮียบอกว่ากวางไม่ได้กลับมาคนเดียว มันหมายความว่ายังไง กวางกลับมากับใคร”“เด็ก...” เสียงของธีทัตแหบพร่า ทั้งที่พยายามจะปรับ
ตั้งแต่กลางซอยไปจนถึงปากซอยมีคอนโดมิเนียมขึ้นอยู่หลายตึก ธีทัตเดินตามหาชีวาพรด้วยวิธีเดิม นั่นคือนำรูปของเธอกับเด็กชายตัวกลมที่ได้จากกล้องวงจรปิดมาถามกับคนแถวนั้น ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ต่างกับคราวถามจากพ่อค้าโรตีสายไหม“รูปไม่ชัด ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของคุณจริงๆ คุณน่าจะมีรูปถ่ายของเธอที่ชัดกว่ารูปจากกล้องวงจรปิด”ยามรักษาความปลอดภัยประจำคอนโดมิเนียมตรงปากซอยบอกถึงสาเหตุที่ไม่อาจให้คำตอบกับเขา แถมเขายังได้รับสายตาไม่ไว้ใจกลับมา มันทำให้ธีทัตฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาจึงรีบเปิดรูปเก่าของชีวาพรที่ยังเก็บไว้ในโทรศัพท์ออกมาโชว์ รูปถ่ายรูปนี้ชัดเจน เธอยิ้มสดใสให้เขา แววตาของเธออ่อนหวานขณะมองกล้องที่เขาเป็นคนถ่ายเธอเอง “เธอเป็นเมียของผม ทีนี้บอกได้หรือยังว่าพี่เห็นเธอหรือเปล่า”“แล้วเด็กคนนี้ล่ะ”“ลูกของผม”ธีทัตบอกพลางหรี่ตามองรปภ. ท่าทางคนคนนี้มองยากกว่าพ่อค้าโรตีสายไหม จนเขาต้องพูดหยั่งเชิงไปก่อน“ผมกำลังตามหาลูกเมียของผม เธองอนผม เราทะเลาะกันนิดหน่อย...พี่เห็นเธอใช่ไหม พี่รู้ด้วยใช่ไหมว่าเธอพักอยู่แถวไหน”“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ที่นี่มีแต่ลูกบ้านที่อยู่มานาน ไม่มีลูกเมียของคุณหรอก”คำตอบนั้นทำให้
โชคดีที่การสัญจรบนถนนกำลังคล่องตัว หากรถทุกคันยังแล่นไปช้าๆ คนในรถสปอร์ตคันสีดำรู้สึกมือไม้สั่น เขาจึงพารถคันงามเบี่ยงเข้าข้างทางได้อย่างทันท่วงที ตุ๊กตาหมีหน้ากลม...ธีทัตเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ สายตาของเขาคงพร่าเลือนกระมังถึงได้เห็นว่าตุ๊กตาหมีที่อยู่ในอ้อมแขนของชีวาพรนั้นเคลื่อนไหวได้เหมือนสิ่งมีชีวิต เจ้าตัวกลมแหงนหน้ามองตามที่ชีวาพรชี้บอก แถมยังยกมือป้อมๆ ขึ้นมาประกบไหว้...เขามองเจ้าหนูนั่นอย่างพิจารณา แล้วจึงเห็นว่าเจ้าตัวมีหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูเกินกว่าจะเป็นตุ๊กตาหมีเด็กที่ไหน... คำถามอื้ออึงอยู่ในอก ธีทัตยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ เมื่อคำพูดของก่อฤกษ์วนเข้ามาในหัวอีกหน หากคราวนี้เขาสลัดมันออกไปอย่างเร็ว เด็กคนนั้นเป็นใคร เขาไม่สนใจ ชีวาพรมีสามีใหม่หรือเปล่า เขาไม่อยากคิด... รู้แต่ว่าเวลานี้เขาต้องพบตัวเธอให้ได้ก่อน“เฮียธีร์ต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน อยู่ๆ ก็ตะโกนเรียกเมียเก่ากลางห้องประชุม แล้วผลุนผลันออกไป ทั้งที่ผู้บริหารยังนั่งอยู่ครบองค์ประชุม”ชนกันต์ที่อยู่ในเหตุการณ์ชวนงงเดินเข้ามาในห้องทำงานของภพธรแล้วบอกเสียงเหนื่อยหน่ายใจ เขารู้สึกว่างานนี้พี่ชายใหญ่ทำเรื่องเพี้
มือเรียวบางลูบศีรษะเล็กทุยที่มีเรือนผมสีดำปกคลุม น้องพร้อมเป็นเด็กทารกที่มีผมดกดำและนุ่มมือ อีกทั้งแววตาที่เหมือนรู้ความเกินกว่าเด็กวัยสิบเดือน ยังไม่นับรวมถึงการเจริญเติบโตด้านร่างกายที่ได้ไต่ไปอยู่ตรงขอบบนของเกณฑ์เด็กวัยเดียวกันแล้ว...ทั้งหมดนี้ทำให้น้องพร้อมกลายเป็นเด็กน้อยที่น่ารักและน่ามองสำหรับผู้คนที่ได้พบเห็น บ่อยครั้งที่ใครต่อใครมักเข้ามาทักทายและหยอกเย้าลูกของเธอ ชีวาพรนำลูกใส่ในเป้อุ้มเด็กแล้วเดินเลียบถนนในซอยเข้าไปด้านใน ทารกน้อยตื่นตาตื่นใจ ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเธอก็พูดคุยกับลูกไปด้วย “เมื่อก่อนคุณตา คุณลุง คุณป้า และแม่เคยอยู่ที่นี่ บ้านเดิมของเราอยู่ในซอยนี้ แม่จะพาน้องพร้อมไปดูบ้านของครอบครัวเรานะคะ”ทารกวัยสิบเดือนอาจไม่เข้าใจว่าแม่กำลังพูดเรื่องอะไร แต่เจ้าตัวคงจับสัญญาณความรู้สึกของแม่ได้ ดวงหน้าเล็กกลมจึงเงยขึ้นไปมองแม่ จนแม่ต้องก้มลงไปหอมแก้มกลมๆ...ซึ่งเพียงเท่านั้นคนเป็นแม่ก็ได้รับรอยยิ้มอย่างเด็กอารมณ์ดีจากลูกคืนมาแล้ว“ตอนแม่เป็นเด็ก หลังกลับจากโรงเรียน แม่จะชวนพี่เลี้ยงออกมาเดินเล่นในซอยนี้ โน่นไง น้องพร้อมเห็นไหม รถเข็นขายขนมยังอยู
เช้าวันต่อมา รถรับจ้างขนของจากเชียงรายแล่นมาถึงคอนโดมิเนียมที่อยู่ย่านรามอินทราในเวลาสาย หลังจากข้าวของถูกขนย้ายเข้าไปในห้องพักของผู้อาศัยที่ย้ายมาอยู่ใหม่เรียบร้อยแล้ว พวกเธอก็ใช้เวลาจัดห้องเกือบทั้งวัน ซึ่งกว่าจะเสร็จลงได้ก็แทบหมดแรงหากมีคนคนหนึ่งที่ยังสดชื่น เจ้าตัวคลานออกมาจากห้องนอนแล้วนั่งมองแม่กับคุณน้า ก่อนจะยิ้มเผล่หน้าเป็น“หนูตื่นแล้วหรือคะ”ชีวาพรปราดไปอุ้มลูกชายตัวกลมไว้ในอ้อมแขน ในระหว่างที่จัดห้องอยู่ด้านนอก เธอพาลูกเข้าไปนอนกลางวันอยู่ในห้องนอนขนาดเล็กที่กั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วนแม้เป็นสถานที่แปลกใหม่ แต่น้องพร้อมไม่ได้ร้องไห้งอแงเมื่อตื่นนอนแล้วไม่เห็นแม่ แต่เจ้าตัวกลมกลับคลานออกมาหาแม่ตามเสียงพูดคุยที่ได้ยินด้วยตัวเอง“เด็กอะไรรู้ความขนาดนี้ ไม่รู้ว่าพอพาไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก บูบุ๊ยจะร้องไห้หรือเปล่า”นิสาพูดไปตามความรู้สึก หากชีวาพรหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด เธอพยายามเข้มแข็ง หากหัวอกของแม่ย่อมไม่อยากห่างจากลูก เธอมีความเป็นห่วงลูกอยู่เต็มหัวใจ จนถึงวันนี้เธอยังกลัวไปสารพัด...กลัวว่าใครจะทำให้ลูกของเธอเจ็บ เมื่อลูกกลัวและร้องไห้ แล้วจะมีใครอุ้มและปลอบโยนลูกของเธอไ
ห้องชุดแบบหนึ่งห้องนอน ขนาดห้องแค่พออยู่ นิสามองไปรอบๆ ห้อง แล้วขมวดคิ้วมุ่นมันอุดอู้เกินไป สงสารเจ้าก้อนน้อยจัง...หากเธอไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะรู้ว่าชีวาพรเลือกที่พักที่ดีที่สุดเท่าที่กำลังเอื้อมถึงแล้ว ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสถานการณ์การเงินของเพื่อนคงไม่ดีนัก“ฉันยังค้างเงินเธออีกหนึ่งแสนกว่าบาท ฉันจะขอคืนสี่หมื่นก่อน พอสิ้นเดือน ฉันจะได้เงินค่ารื้อถอนร้าน ฉันค่อยปิดหนี้ทั้งหมดให้เธอ”“ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอมีเงินเท่านี้ใช่ไหม เก็บไว้กินใช้เถอะ ฉันยังมีเงินสำรองใช้ทั้งปีและฉันกำลังจะมีงานที่โรงแรมทำ ส่วนเธอยังไม่มีอะไรแน่นอน ค่อยคืนฉันตอนที่เธอได้เงินมาแล้ว”มันเป็นจริงอย่างที่ชีวาพรพูด เงินสี่หมื่นที่นอนอยู่ในบัญชีเป็นเงินก้อนสุดท้ายของเธอ เธอควรเก็บไว้กินข้าวและจ่ายค่าเช่าห้องระหว่างหาช่องทางทำมาหากินต่อไป แต่พอหันไปมองหลานรักที่กำลังเกาะโซฟาเดิน เธอก็รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย...เฮ้อ! ทำไงดีล่ะ อยากให้บูบุ๊ยมีที่อยู่ที่ดีกว่านี้ “มันไม่ได้แย่ แค่ห้องเล็กลง ตึกนี้มีคนอยู่เป็นครอบครัวตั้งหลายห้อง ห้องแค่นี้แต่เขาอยู่กันหลายคนได้ ส่วนฉันอยู่กับน้องพร้อมแค่สองคน เรามีพื้นที่ใช้สอยมากก