คนตัวสูงเพียงแค่พูดขู่ แต่เหนือฟ้ากลับคว้าโทรศัพท์โทรหาพี่สาว "พี่ไนท์เหนือขอยืมห้าแสน"
ภาคีถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเร่งฝีเท้าออกจากห้อง
"เดี๋ยวพี่คี ไอ้ภาคี ไอ้คน..." เหนือฟ้าเดินตามไป แต่เขากลับปิดประตูกระแทกใส่หน้าเธออย่างแรง
"เหนือจะเอาเงินตั้งมากมายไปทำอะไร" ราตรีกรอกเสียงกลับมาอย่างกังวล
"เหนือจะซื้อพี่คี ซื้อกิน"
"ฮะ..บ้าเปล่าเนี่ย แล้วเจอคีที่ไหน ที่งานเอ็กซ์โปใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ"
"เอางี้นะ พี่จะโอนเงินให้พรุ่งนี้ แต่เหนือต้องใจเย็นแล้วกลับไปนอนซะ ถ้ายังดื้ออีกพี่จะบอกความจริงกับพ่อแม่ว่าสามปีก่อนเหนือเจออะไรมา"
"ก็ได้ค่ะ ตกลง"
หลังจากวางสายจากน้องสาวราตรีที่หัวไว ไหวพริบเป็นเลิศก็คิดแผนการซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว "ยังไงคงต้องบอกความจริงแล้วล่ะ ก่อนที่น้องสาวฉันจะประสาทแดก"
ราตรีกลอกตามองบน ไอ้เด็กสองคนนี้มันเป็นอะไรกันนักหนา นักธุรกิจสาวในชุดเสื้อยืดเอวลอยสวมกางเกงวอร์มผ้าร่มคว้ากระเป๋ากล่องเหล็กที่เก็บข้อมูลทุกอย่างแล้วโทรตามทนายพิมุกต์กลางดึก
"คุณพิคะ ช่วยไนท์หน่อย ถ้าคุณพิไม่มาด้วยไนท์กลัวว่าภาคีจะไม่เชื่อ ดังนั้นไนท์รวบกวนคุณพิหน่อยนะคะ"
ราตรีขับรถไปรับพิมุกต์ที่บ้านแล้วเหยียบมิดไมล์ตรงไปหาน้องสาวที่โรงแรม หญิงสาวตรงไปที่เคาน์เตอร์แล้วให้พนักงานโทรตามภาคีลงมาพบเธอข้างล่าง
ราวสิบกว่านาทีภาคีจึงเดินมาห้องอาหารของโรงแรม จุดนัดพบคุยธุระสำคัญและพบราตรีพี่สาวที่เขาเคารพกำลังนั่งไขว่ห้างกระดิกขาไปมาเหมือนคนร้อนใจ ด้านข้างมีทนายประจำตระกูลเวหะชลการยืนอยู่ด้วย
"สวัสดีครับคุณภาคี ไม่เจอกันนานเลยนะครับ" ทนายพิมุกต์รีบแต่งตัวจัดจึงมาในชุดนอนลายสก็อตสีเขียวขี้ม้า ราตรีเหล่มองแล้วหลุดขำ
"สวัสดีครับคุณพิ แล้วพี่ไนท์สบายดีไหม" ภาคีนั่งลงฝั่งตรงข้าม ราตรีจึงไม่รีรอเริ่มเปิดประเด็นทันที เพราะเธอเป็นคนตรง ๆ และมักทำอะไรด้วยความรวดรัดฉับไว อะไรที่คลุมเครือและเป็นต้นตอของปัญหาเธอไม่มีทางปล่อยให้คาราคาซังเด็ดขาด
"พี่อ่ะนะ ไม่สบายเลยตลอดสามปี โคตรอึดอัด อ่ะดูความจริงซะ" ราตรีเปิดกล่องเหล็กที่เต็มไปด้วยหลักฐานสำคัญ ในนั้นมีรูปถ่ายของเหนือฟ้ารวมอยู่ด้วย รวมทั้งแฟลชไดรฟ์ และเอกสารทางกฏหมายหลายฉบับ
ภาคีถลึงตามอง มือแกร่งหยิบรูปถ่ายของเหนือฟ้าที่อยู่ในสภาพใบหน้ายับเยิน เต็มด้วยบาดแผลฟกช้ำดำเขียว ดวงตาสดใสฉายแววซุกซนปูดบวมเป็นสีเขียวม่วงจนปิดไปหนึ่งข้าง ริมฝีปากเจ่อบวม ปลายคางแตก
"นี่มัน....นี่มันเรื่องอะไรกันครับ ทำไมเหนือถึง..." เขาพูดไม่ออก เพราะหยดน้ำตากำลังพรั่งพรูออกมาทั้งที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุด้วยซ้ำ
"ตกเย็นวันนั้นที่คีกำลังจะบินไปญี่ปุ่น ยัยเหนือไปช่วยยัยแก้วที่กำลังโดนแฟนเก่าบุกมาทำร้ายถึงบ้าน ก็เลยโดนซ้อมจนหมดสภาพ ขาหักข้างหนึ่ง ใบหน้าก็เละเทะไปหมด พี่ก็ไม่อยากอธิบายเรื่องบาดแผลเท่าไหร่ พูดแล้วมันก็เจ็บกระดองใจ แต่เอาสั้น ๆ ไอ้คนที่ทำกับเหนือมันยังลอยนวลอยู่ และกระดาษที่เขียนข้อความบอกเลิกก็เป็นฝีมือพี่เอง ที่พี่ทำแบบนั้นเพราะยัยเหนือขอร้อง"
"เพราะน้องกลัวผมจะไม่ไปญี่ปุ่นใช่ไหม" ภาคีตกตะกอนทางความคิด ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองมันเป็นควายสตวงอย่างที่เหนือฟ้าบอกไว้จริง ๆ คนที่เคยฉลาดหลักแหลมกลับกลายเป็นไอ้โง่ดักดาน
แทนที่จะหาต้นตอของการเลิกกัน แล้วยอมฟังเธออย่างใจเย็น แต่กลับทำตัวแย่ ๆ ใส่
"ทิชชูครับ" ทนายพิมุกต์นั่งตัวลีบตัวแบน เหมือนหนุ่มเจ้าสำอางค์อยู่ด้านข้างราตรีแล้วดึงทิชชู่ส่งให้ภาคีซับน้ำตา
"ขอบคุณครับ" ภาคีซับดวงตาทั้งสองข้าง แต่ซับเท่าไหร่มันก็ยังไหลออกมาไม่หยุด
"มันชื่ออะไรครับ" ตอนนี้เขาข้ามไปที่คนกระทำผิด เขาต้องการจัดการมันให้ได้รับผลกรรมอย่างถึงที่สุด
"ไอ้หอกหักนี่มันชื่อเวคิน ตอนนี้มันอยู่ภูเก็ต มีแบล็คเป็นเจ้าของผับ เหมือนว่าจะทำงานอยู่ในวงการธุรกิจสีเทาสีดำด้วย ตอนนี้พี่ให้อาแซ็คสืบอยู่ แต่คีจะสืบเองก็จัดการได้เลย แล้วมาแบ่งปันข้อมูลกัน เพราะพี่เองต้องการชกมันสักหมัดสองหมัดแล้วหักไอ้จ้อนของมันโยนให้ห่านกิน ดูสิว่ามันจะทำหน้ายังไง"
"คุณไนท์โหดจังเลยนะครับ" พิมุกต์ขนลุกซู่คว้าของสงวนที่หว่างขาของตนเองด้วยความหวาดเสียว
"ต้องโหดสิคะ ไนท์บริหารงานท่ามกลางพวกผู้ชายทั้งนั้น ถ้าไม่โหดจะคุมคนอย่างคุณพิอยู่ไหม" ราตรีค้อนมองทนายสายเปรี้ยวของเธอ แม้ว่าพิมุกต์จะดูเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ความจริงเขาเป็นเสือผู้หญิงในคราบทนาย
"ผมตัดสินใจแล้วครับว่าจะจัดการทุกอย่างต่อจากพี่ไนท์เอง สามปีนี้ผมเสียเวลาไปเยอะแล้ว ผมจะไม่ยอมเสียอะไรไปอีก"
"แต่เหมือนยัยเหนือจะประสาทแดกแล้วนะ เมื่อกี้โทรมายืมเงินพี่ห้าแสนเพื่อซื้อตัวคี คีเรียกแพงขนาดนั้นเลยเหรอ"
"คีแค่หยอกเล่นให้ตัดใจ เอาเป็นว่าพี่ไนท์ช่วยเล่นละครกับคีหน่อย คีจะโอนเงินห้าแสนให้พี่ไนท์ แล้วพี่ไนท์ค่อยโอนให้เหนืออีกที"
"เฮ้ย เอางั้นเลยเหรอ มีคีคนแรกเลยมั้งเนี่ย ซื้อตัวเองให้ผู้หญิงกิน ฮ่าฮ่ายัยเหนือรู้ล่ะก็ด่าเราทั้งคู่แน่เลย"
"คีทำกับเหนือไว้พอสมควรเลย ทั้งด่าทั้งพูดจาหมา ๆ แล้วดูเหมือนว่าเหนือจะยังไม่พร้อมเล่าเรื่องนี้ให้คีฟัง"
"โอ้ย ไม่เล่าให้ใครฟังเลยต่างหากล่ะ ทุกวันนี้พ่อกับแม่ยังไม่รู้เลยจ้า พี่อ่ะพาไปจิตแพทย์มาสิบรอบแล้ว ยังไงคีก็คอยตะล่อมคุยกับเหนือแล้วกัน ถ้าไปจี้ถามตรง ๆ เดี๋ยวนางจะสั่นจนสติหลุดอีก"
"เป็นเยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ" ภาคีกำหมัดแน่น ไม่คิดว่าผู้หญิงที่เขารักจะพบเจอเรื่องโหดร้ายแบบนี้
"เป็นหนักเลยล่ะ ตอนแรกมีสภาวะ PTSD พี่ก็พาไปรักษาจนอาการดีขึ้น แต่ต่อมากลับเป็นโรคแพนิค บางทีก็มือเท้าสั่น มีอาการเหนื่อยหอบ บางรอบก็มีอาการวูบจนหมดสติไปเลย ยังไงก็อย่าหลุดพูดชื่อไอ้เวย์เวรตะไลออกมาล่ะกัน อย่าให้พี่เจอหน้ามันนะ จะยิงไส้แตกเลย"
ภาคีกับทนายพิมุกต์สบตากันอย่างหวาดระแวง เพราะถ้าวันดีคืนดีทำให้ราตรีไม่พอใจ อาจจะมีอันตรายถึงชีวิตก็ได้
ราตรียกกล่องหลักฐานการทำร้ายร่างกายของเหนือฟ้าให้ภาคีไปดูแลต่อ
"ทนายเวียงไชยครับ ผมภาคีเองมีเรื่องจะให้จัดการหน่อย" จากนั้นภาคีจึงเร่งโทรหาทนายของกฤตกล้าธนาดรที่โหดและดุกว่าทนายพิมุกต์หลายเท่า รวมทั้งเครือข่ายคนเลี้ยงควายที่แทรกซึมอยู่ทางภูเก็ตด้วย
PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือ โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง
โรคแพนิค โรคแพนิค หรือ Panic Disorder คือ ภาวะตื่นตระหนกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลหรือหาสาเหตุไม่ได้ หรือหวาดกลัวอย่างรุนแรงทั้งที่ตัวเองไม่ได้เผชิญหน้าหรือตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย อาการแพนิคเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ภาคีกลับไปที่ร้านสะดวกซื้ออีกรอบแล้วซื้อถุงยางอนามัยพร้อมกับเครื่องดื่มมึนเมาสองสามกระป๋อง หลังจากคุยกับราตรีจบเขาก็รู้สึกเบลอไปหมด เขาไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าคนที่เขารักสุดหัวใจปิดบังเรื่องเลวร้ายกับเขามาถึงสามปีเต็มภายในห้องพักของเหนือฟ้าเปิดไฟสว่างโล่ง หญิงสาวเอาแต่จ้องโทรศัพท์เผื่อว่าพี่สาวจะตัดสินใจโอนเงินมาให้ภายในคืนนี้ ตอนนี้เธอร้อนรุ่มไม่ใช่ว่าต้องการทำเรื่องอย่างว่า แต่กลัวยัยปูเป้นั่นฉกพี่คีของเธอไปกิน แต่ดูจากการที่พวกเขาแตะเนื้อต้องตัวกัน ป่านนี้น่าจะกินกันไปหลายรอบแล้วด้วยซ้ำผิดกับเธอถึงยังคงเก็บเวอร์จิ้นไว้ให้หนุ่มเหนือคนนี้เพียงคนเดียว ตึ๋ง!เงินจำนวน 500,000 บาทโอนเข้าบัญชีคุณเรียบร้อย"กรี๊ดดดด เงินมาแล้วโว้ย จะได้กินผู้ชายแล้วไอ้เหนือ" หญิงสาวกระดี๊กระด๊าเหลือบดูนาฬิกาแขวนบนผนังที่บอกเวลาตีหนึ่งพอดี "กินกันตอนตีหนึ่ง จะท้องอืดไหมนะ"เหนือฟ้าลูบวนไปทั่วหน้าท้องย้วย ๆ ของตนเองก๊อก! ก๊อก!สาวอวบรีบวาดขาลงจากเตียง หาวสองสามที ใบหน้าอ่อนเพลียเขย่งส่องตาแมว พลันนั้นหนังตาที่หนักอึ้งกลับเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นในทันที คนระริกระรี้รีบเปิดประตูห้องออกไปแล้วยิ้มแฉ่งให้หนุ่มชาวไ
ทันทีที่แผ่นหลังของเหนือฟ้าแตะลงกับเตียงนอน จูบดุดันจึงได้ผละออก ภาคีถัดกายลงจากเตียงเกี่ยวปราการสุดท้ายออก เหนือฟ้ารีบสะบัดหน้าหนี ขณะที่เขาคลานกลับขึ้นมา แล้วใช้สองแขนคร่อมชิดอยู่กับหัวไหล่อวบ ริมฝีปากแดงฉานจรดลงมาบนผิวขาว ดวงตาหวานคมสะดุดเข้ากับรอยแผลเป็นนูนเล็ก ๆ ที่ต้นแขน กรามแกร่งบดข่มอารมณ์เดือดดาลที่กำลังปะทุอยู่ภายใน"ไปโดนอะไรมา" เขาอยากลองใจดูว่าเหนือฟ้าจะยอมสารภาพความจริงไหม"โดนกระจกบาดค่ะ" เธอยังคงกลบเกลื่อนไปเรื่อย"เหรอ" ภาคีลุกขึ้นแล้วนั่งขัดสมาธิ เขาหยิบมือของเหนือฟ้าแล้วก้มลงหอมซ้ำ ๆ เหมือนที่เคยชอบทำ "บอกว่าให้มานั่งนี่" เขาตบขาตัวเอง"ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวพี่คีหนัก" เหนือฟ้าหยัดตัวขึ้นเหลือบมองแก่นกายที่กำลังแข็งตัวกลางซอกขา"งั้นก็มาลองดูว่าจะหนักแค่ไหน หรือคุณลูกค้าอยากให้คนอื่นมานั่งบนตักผม" เขาขู่แล้วยักคิ้วหลิ่วตาใส่"ไม่เอา" สาวอวบไม่ยอม สุดท้ายจึงต้องกัดฟันสู้แล้วลุกไปหาเขาทั้งที่ยังมีผ้าห่มปิดกายอยู่"ไม่ชอบผ้าเกะกะลูกตา" ภาคีดึงผ้าออก เหนือเบิกตาโตเมื่อผ้าห่มปลิวไปอยู่ข้างเตียง"พี่คีเดี๋ยวเหอะ เหนือเป็นลูกค้านะ ต้องตามใจลูกค้าสิคะ ว้าย..." ข้อมือขาวถูกฉุดใ
เหนือฟ้าขนลุกขนพองไปทั้งตัวเมื่อเนินขานุ่มของตนเองถูกเขาถ่างออก หญิงสาวดันตัวขึ้นส่งมือไปปิดรอยแยกสีชมพูที่กำลังถูกภาคีเชยชม ดวงตากลมเอ่อล้นด้วยน้ำใส ชายหนุ่มรู้สึกผิดยิ่งคิดว่าเธอต้องไปเผชิญเรื่องโหดร้ายป่าเถื่อนแบบนี้ เขาก็ยิ่งแค้นจนอยากสับไอ้เวคินเป็นร้อย ๆ ชิ้น"เห็นใจ๋อ้ายเต๊อะคนดี"สาวพลัซไซซ์นึกถึงวันที่เธอให้พี่สาวเขียนจดหมายไปบอกเลิกเขาก็รู้สึกผิดอยู่ตลอดสามปีที่ผ่านมา ถ้าร่างกายนี้ตอบแทนเขาได้ เธอก็ยอม มือนุ่มยกออกไม่ถึงสิบวิ ชิวหาแดงก็ทะแยงลงมาที่ตัวตนของเธอ ริมฝีปากเล็กขบเม้นเป็นเส้นตรง เสียวซ่านจนมือสองข้างต้องยันกับพื้นเตียงเพื่อประคองร่างกายที่กำลังอ่อนปวกเปียกลงไปทุกที"อ๊ะ...อ๊า" เสียงหวานครางระงม ดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วห้องพักในยามวิกาลลีลาการโบกสะบัดจากปลายลิ้นอุ่นหนาของภาคีละเลงลงมาที่กลีบดอกไม้สีชมพูสวยสดอย่างต่อเนื่อง พลางใช้นิ้วแหวกอ้านำทางเพื่อขบดูดเม็ดกระสันแวววาวดุดอัญมณีของเหนือฟ้า เสียงดื่มกลืนของเขาดังซู้ดซ้าดราวกับซดน้ำแกง"เต๋มปากเต๋มคำ" ภาคีผงกหัวขึ้นมอง ก้มลงดูดผิวที่เนินขาด้วยความลุ่มหลง แล้วจัดการดูดซับมวลน้ำป่าจากภายในกายที่ไหลทะลักท่วมออกมาราวเขื่อ
เช้าของงานเอ็กซ์โปวันแรกเหนือฟ้าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าทั้งที่เธอเพิ่งนอนหลับพักไปได้แค่สองชั่วโมง เพราะเพิ่งเสียเวอร์จิ้นไปให้อดีตคนรัก สาวอวบเลือกสวมเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงยีนทรงบอยตามด้วยการสวมสูทเบลเซอร์สีดำทับ ถักเปียข้างแล้วผูกโบว์สีฟ้า ระหว่างที่กำลังเดินเข้ามาในฮอลล์จัดงานคั่วกลิ้งที่เดินจับไม้จับมือมากับแฟนสาวก็ปรี่เข้ามาทักทาย"พี่เหนือ กินกาแฟยังเนี่ย" ลูกน้องหนุ่มเห็นว่าหัวหน้าของตนดูอิดโรยไม่สดชื่น"ยังจ้ะ งั้นพี่ไปหากาแฟจิบก่อนนะ ดูแลประสานงานแทนพี่ด้วย" เหนือฟ้าใช้นิ้วถ่างตาตัวเองแล้วเดินขาปัดตุปัดตุเป๋ไปหาที่นั่งข้างนอกฮอลล์ขณะที่ภาคีกำลังจูงควายเผือกแม่บ่ะผางเข้ามาในงานพร้อมกับลูกควายเผือกตัวน้อยพร้อมกับลูกน้องสองสามคน เหนือฟ้าจึงได้แต่นั่งมองอย่างมีหวัง หวังลึก ๆ ว่าเขาจะใจอ่อนกับเธอ"น้องเหนือ น้องเหนือเปล่าครับ""คะ" เหนือฟ้าหันไปยังต้นเสียงด้านข้าง แล้วพบว่าคนที่ทักทายคือเจ้าของสวนอินทผลัมที่เคยมาจัดงานเมื่อปีก่อน"จำผมได้ไหม ผมศัจกรที่เคยมาจัดงานเกษตรแฟร์ปีก่อน""จำได้ค่ะ แล้วคุณกรสบายดีไหมคะ""สบายดีครับ แล้วน
ภาคีให้เหนือฟ้าสั่งก๋วยเตี๋ยวแบบพิเศษมา เขารู้สึกว่าเธอผอมลงทั้งที่เมื่อก่อนมีน้ำมีนวลมากกว่านี้ เขากินไปสองชามแล้วนั่งมองออแกไนซ์สาวโซ้ยบะหมี่เหลืองน้ำตกอย่างเอร็ดอร่อย แค่เห็นเธอกินเขาก็มีความสุขแล้วครืด! ครืด!"ฮัลโหล ฉันพาเมียออกมาหาอะไรกิน เออมีแล้ว ไว้ค่อยบอก" เขาคุยกับใครบางคน แต่กลับทำให้ใครอีกคนยิ้มแก้มแตก"กิน ๆ ไปหยุดยิ้มได้แล้ว เดี๋ยวพี่มานะจะเดินไปดูขนมร้านข้าง ๆ หน่อย" เขาบอกแล้วควักแบงค์พันวางไว้ข้างมือเธอ "จะกินอะไรก็สั่งเพิ่ม ไม่ต้องเกรงใจ""แปลกแฮะ อยู่ดี ๆ ก็พ่อพระขึ้นมาเฉย"เหนือฟ้ากินก๋วยเตี๋ยวไปสามชามแล้วตามด้วยน้ำแข็งใสอีกสอง "น้ำแข็งใสถ้วยที่สองค่ะ"ทอฝันเจ้าของร้านวางขนมหวานให้เหนือฟ้า แล้วเก็บชามก๋วยเตี๋ยวที่เหลือพลางเช็ดโต๊ะทำความสะอาด"ขอโทษนะคะ เหนือขอถามอะไรหน่อยได้ไหม""ได้ค่ะ จะถามว่าทำไมสนิทกับพ่อเลี้ยงภาคีเหรอคะ" ทอฝันรู้ทันเพราะเห็นแววตาของเหนือฟ้าตั้งแต่เข้ามาในร้าน ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าหวงพ่อเลี้ยงขนาดไหน"ใช่ค่ะ ถ้าไม่สะดวกใจตอบก็ไม่เป็นไรนะคะ""พ่อเลี้ยงไม่ได้สนิทกับฝันคนเดียวหรอกค่ะ แต่สนิทกับคุณพ่อแลละสามีของฝันด้วย เมื่อก่อนพวกเราลำบากมากค่ะ บ้
กล้ามแขนเป็นมัดกระหวัดโอบเหนือฟ้ากลับ ภาคีก้มลงจูบซับเรือนผมสีน้ำตาลคาราเมลซ้ำ ๆ ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มป่องพองลม"จะเป็นคุณนายของไร่พิทักษ์มหิงสา ก็ต้องส่งใบสมัครก่อน" อธิบายแล้วถอดเสื้อเบลเซอร์ของเธอออกไป หยิบกระเป๋าที่คล้องหัวไหล่เหนือฟ้าวางลงบนโต๊ะ"ส่งใบสมัครยังไง แล้วเอาประวัติการทำงานด้วยไหมคะ" เหนือฟ้าผู้อ่อนต่อโลกไม่ทันกับดักที่ภาคีวางไว้"ส่งง่ายมาก ก็แค่ส่งผ่านร่างกาย" เสียงเข้มกระซิบแนบใบหู แล้วบรรจงกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกทีละเม็ดจนหมด"เป็นการส่งใบสมัครงานที่แปลกดีนะคะ แล้วเคยมีใครมาส่งใบสมัครกับพี่คีแบบนี้บ้างไหม" เหนือฟ้าทำหน้าหงิก แต่ก็ยืนเท้าสะเอวให้ผู้ชายแก้ผ้าตัวเองโดยไม่ปฏิเสธ"ไม่มี" เขาตอบแล้วบรรจงถอดชุดทำงานของเหนือฟ้าออกจนเหลือเพียงบราลูกไม้สีขาวและบิกินี่เข้าเซต ตามด้วยการแก้ผ้าตัวเองให้เหลือเพียงบ็อกเซอร์สีเทา ขณะที่ฝ่ามืออุ่นหนาไล้มาตามเนินอกขาวผ่องค่อย ๆ เคลื่อนไปดีดตะขอเสื้อใน และจัดการเกี่ยวทิ้งลงกับพื้นกวาดดวงตามองปทุมถันขาวเนียนเกลี้ยงเกลาไร้ตำหนิ บนหน้าอกสองข้างโดดเด่นด้วยสตรอว์เบอร์รี่ญี่ปุ่นลูกใหญ่ผลสดที่ประดับอยู่บนลำต้น
สาวอวบลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจบนเตียงนอน มองหาเจ้าของกลิ่นกายวนิลาที่นอนโอบกอดเธอทั้งคืน แล้วนึกขึ้นได้ว่าเขากลับไปแล้วแถมยังติดโน้ตไว้ที่กระจก พร้อมเบอร์โทรศัพท์"ไว้ป๊ะกั๋นเน้อ บะหนุนน้อย 099-xxxxxxx" เหนือฟ้าฉีกยิ้มแล้วกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้อง รีบเก็บข้าวเก็บของแล้วลงไปเช็กเอาท์เพื่อตรงกลับไปเก็บข้าวของที่คอนโดพี่สาวแล้วเดินทางไปนครนายกทันทีราตรีนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟลาเต้เครื่องดื่มโปรด ผู้อำนวยการโรงเรียนสาวชำเลืองมองน้องรักที่กำลังนั่งพับเสื้อผ้าอาภรณ์ลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ยักษ์ ตามด้วยกระเป๋าใบเล็ก ๆ อีกสองใบ"จะรีบร้อนไปไหนฮะเรา ยัยเหนือ""ไปหาผัวค่าาาา"พรวด!!!!กาแฟถูกพ่นออกมาเป็นฝอย ๆ ราตรีรีบหยิบทิชชูมาซับปาก แล้วส่งใบหน้าหงิกงอไม่พอใจให้น้องที่กล้าได้กล้าเสียจนเกินไป"ไปหาใครมิทราบ อย่าบอกนะว่าภาคีอ่ะ"เหนือฟ้าขมวดคิ้วไม่คาดคิดว่าพี่สาวจะล่วงรู้ "ทำไมถึงรู้ล่ะคะ""ก็เดาไปมั่ว ๆ แล้วนี่จะไปอยู่กับผู้ชายที่นครนายกเลยเหรอ ไม่กลัวแม่กับพ่อบ่นหรือไง" ราตรีนั่งขัดสมาธิแล้วช่วยน้องสาวเก็บสัมภาระ"พ่อแม่ไม่บ่นหรอกค่ะ พวกเขาอยากให้เหนือมีสามีแบบพี่คีจะตายไป ไม่งั้นสามปีมานี้คงไม่พูดถึง
บ้านไม้หลังใหญ่สามชั้นของภาคีถูกรีโนเวทใหม่และสวยกว่าเดิม รอบ ๆ ปลูกหมากแดงประดับตกแต่ง ด้านข้างมีสระว่ายน้ำ และครัวเปิดโล่งสไตล์ฝรั่ง เขาแบกกระเป๋าเธอขึ้นไปชั้นบนสุดที่เป็นห้องนอนขนาดห้าสิบตารางเมตรต่อออกไปยังสวนบนดาดฟ้า มีอ่างจากุชชี่เอ้าท์ออร์ทรงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมระเบียง มีบาร์เล็ก ๆ และต้นไม้จำนวนมากบนนี้"ชอบไหม" เขาถามแล้วเดินไปหยิบนมข้าวโพดในตู้เย็นมินิบาร์เล็ก ๆ ส่งให้เธอ"ชอบมากค่ะ สดชื่น" เหนือฟ้ารับนมขนาดเท่าฝ่ามือมาจากภาคี หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาข้างเตียงอย่างประหม่า มองเจ้าของบ้านลากกระเป๋าของเธอไปเก็บข้างตู้เสื้อผ้าขณะนั้นสายตาดันเหลือบไปเห็นตู้กระจกคอลเล็กชั่นถุงยางอนามัยนับยี่สิบชนิดที่อยู่ข้าง ๆ แถมยังมีเจลหล่อลื่นหลายกลิ่นตั้งเรียงราวกับของสะสม"พ...พี่คี มีถุงยางหลายแบบจังเนอะ เก็บสะสมเป็นงานอดิเรกเหรอคะ"เหนือฟ้ากระดกน้ำนมข้าวโพดอย่างรีบ ๆ ขณะที่ภาคีสับเท้าเดินมาหาแล้วหยิบขวดนมที่หมดแล้วในมือเธอเขวี้ยงลงถังขยะพอดีเป๊ะ ตามด้วยการดึงเธอมากอด แล้วหอมจนแก้มแทบยุบฟอด!! ฟอด!! ฟอด!!"อื้อ...แก้มเหนือช้ำแล้วค่ะ""พอดีของขึ้น" เขาบอกแล้วหยิบมือเธอให้คว้าจับสัมผัสขอนไม้ที
บะแต๋งถูกจับแต่งตัวใส่สูทผูกโบว์หูกระต่ายเซ็ตผมปาดเจล หนูน้อยไม่ชอบใจเท่าไหร่นักที่ถูกแม่กับพ่อจับแปลงโฉมให้ใส่ชุดที่เป็นทางการแบบนี้"หมู่เหาจะไปตี้ไหน" ศีรษะเล็กหันไปซ้ายทีขวาทีมองดูกระจกรถที่แล่นผ่านตึกราบ้านช่องโอ่อ่าในกลางกรุง "ตี้ไหนก๊ะ เฮือนแถวเน้มันแปก ๆ นะหนุน""มันแปลกตรงไหนเหรอครับ" เหนือฟ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกพยายามจะสื่อ"ก็เฮือนฉู๊งฉูงไงเล่าหนุนน้อย" บะแต๋งชี้ตึกสูงให้ดู"อ๋อ มันเรียกว่าตึกครับ ไม่ใช่บ้านคน""ถึก" เด็กชายย้ำเมื่อรถจี๊ปของภาคีจอดหน้าโรงแรม ทีมบอดี้การ์ดของเขาที่ยืนต้อนรับอยู่ก่อนแล้วจึงปรี่เข้ามาทักทาย "ฝากเอารถไปจอดให้ฉันด้วย" กุญแจรถถูกส่งให้กับหัวหน้าบอดี้การ์ด"โห หนุน ๆ ดูชายชุดดำ" บะแต๋งชี้กลุ่มพี่ ๆ ที่แต่งชุดสูทดำสวมแว่นตาห้อยอะไรเสียบไว้ แล้วเรียกให้แม่ดู"ลูกน้องของป้อคีค่ะ" เหนือฟ้าในชุดเดรสเกาะอกปักคริสตัลระยิบระยับสีน้ำเงินโชว์เนินอกและผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ทำให้ภาคีเหม่อลอยคล้อยตามใบหน้าจิ้มลิ้มเคลือบสำอางพ่อเลี้ยงหนุ่มในชุดสูทผูกไทด์ยืนจ้องเมียคนงามตากะพริบจนบะแต๋งต้องสะกิด "ป้อ ๆ เป็นหยังจ้าว""อ้อ ป้อเขินบะหนุนน้อย" ภาคีก้มลงกระซิบใบหูเ
สองคนพ่อลูกนอนดูละครหลังข่าวด้วยกัน แต่ละครส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องชิงรักหักสวาท ภาคีจึงเปลี่ยนไปดูแพลตฟอร์มออนไลน์ค่ายดำแดงที่มีทั้งหนังและการ์ตูน"อ้อเหนือ ลูกใกล้เข้าเตรียมอนุบาลแล้วนี่ เหนืออยากให้บะแต๋งเรียนไหน พี่จะได้วางแผนถูก""เหนืออยากให้ลูกเรียนที่โรงเรียนอนุบาลของพ่อกับแม่เหนือค่ะ แต่เหนือว่ามันไกลไป""ไม่ไกลหรอก พี่ขับรถได้สบาย เห็นว่ามีสาขาเปิดใหม่แถวรังสิตพอดี วิ่งเส้นนครนายก รังสิต แล้ววิ่งเข้ากรุงเทพไปบ้านแม่พี่ยังไหวเลย สิริรวมเวลาก็ราวหนึ่งชั่วโมงสี่สิบนาที อะไรที่เหนือสบายใจและเห็นว่าดี พี่ให้เหนือตัดสินใจเลยครับ""ขอบคุณนะคะ พี่คีน่ารักจังเลย คืนนี้เอารางวัลปลอบใจดีไหม" เหนือฟ้าหยิบผมทัดหลังหู ชะม้อยชะม้ายสายตาส่งให้หนุ่มเหนือสุดที่รัก"ปลอบยังไง ส่วนไหนดี" ภาคียื่นหน้าข้ามบะแต๋งเข้าไปหาภรรยา เชยคางมนเข้ามาหวังทิ้งรอยจุมพิตลงไปบะแต๋งลุกคลานสี่ขา ยื่นหน้าเข้าไปหาพ่อกับแม่ "จะเอาปากฟาดกันอีกแล้วก๊ะ"คู่หวานแหววจึงต้องรีบผละออก สาวอวบทำหน้าง้ำงอ คนจะหวานกับผัวทั้งที ลูกชายคนดีก็ขัดซะเหลือเกิน "เมื่อไหร่จะนอนฮะเรา นี่มันจะสามทุ่มแล้วนะครับ""แท๋งให้ป้อก่อมเกา ก่อมเกาแ
รถจี๊ปคันดำพุ่งทะยานเข้ามาจอดหน้าบ้านท่ามกลางมรสุม เป็นจังหวะเดียวกับที่รถกระบะโหลดสูงอีกคันของเขาขับชะลอเข้ามา อินเหลาลดกระจกลง"ป้อเลี้ยง คุณนายกับคุณแต๋งยังไม่มาเลยครับ คุณนายขับรถไปช่วยพวกเราเอามะยงชิดขึ้น""ว่าไงนะ เดี๋ยวฉันจัดการเองนายรีบไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ""โชคดีเน้อป้อเลี้ยง" อินเหลาตะโกนต้านเสียงสายฝนภาคีวิ่งกลับขึ้นรถแล้วขับผ่าความมืดไปหาแม่ลูกอย่างเป็นกังวล ระยะทางที่ขับไปถึงป่ามะยดชิดนั้นยาวไกลเกือบยี่สิบโลฟากเดียวกันสองแม่ลูกนั่งตัวหนาวสั่นเพราะรถขนอึควายคันนี้หมุนกระจกขึ้นไม่ได้"หนุนน้อยเราจะไปนารกหรือซาหวันดี" บะแต๋งในชุดคลุมฝนนั่งตัวสั่นหงึก ๆ ริมฝีปากกระทบกันจากความหนาวเหน็บ"โอ้ย แม่ไม่ไปทั้งคู่แหละลูก เรายังไม่ตายหรอกน่า หนูหนาวใช่ไหม มาครับหนูไปนั่งข้างหลังนะ" เหนือฟ้าประคองบะแต๋งให้ลุกขึ้น หนูน้อยก้าวขาไปนั่งเบาะหลัง แม้จะหนาวสั่นแต่ก็ไม่ออกปากบ่นใด ๆ"อี่แม่ ป้อจะมาช่วยหมู่เหาก่อ" บะแต๋งมองหามนุษย์ในสายฝนอย่างมีความหวัง"ป่านนี้ป้อน่าจะถึงบ้านแล้ว อาจจะกำลังขับรถมา เพราะป้อไม่มีทางปล่อยให้หมู่เฮาเป็นอะไรไปแน่ ๆ" เหนือฟ้าลูบแก้มเย็นเฉียบของลูกชาย"อะหยังหนุนตึ๋
สองวันแล้วที่เหนือฟ้าออกจากบ้านแต่เช้าตรู่แล้วกลับถึงบ้านเกือบห้าโมงเย็น พอกลับมาถึงปุปก็กินข้าวเป็นอ่างทำเอาภาคีกับบะแต๋งมองตาไม่กะพริบ สงสารแม่ที่เหน็ดเหนื่อยไปทำงานนอกบ้านทุกคืนภาคีจึงทำหน้าที่นวดตัวให้เหนือฟ้าโดยไม่บ่น ถึงแม้เขาจะกระเต็งลูกไปทำงานตรงโน้นตรงนี้ด้วยกันแต่โชคดีที่ตอนบะแต๋งอยู่กับเขาแทบจะไม่ดื้อเลย แต่อยู่กับแม่ทีไรพากันป่วนไปทั่วไร่ทุกที"พี่คงจะกลับเย็นหน่อย แต่พี่จะเอากับข้าวที่ร้านปลาเผาของแม่กลับมาฝากนะ อยากกินไรเพิ่มเติมก็แชตบอกพี่นะครับ" วันนี้ภาคีต้องขับรถไปประชุมที่ตึกเดอะเซฟเฟอะซิกส์ที่เขาเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารอยู่ที่นั่น"พี่คีหล่อจังเลยค่ะ หล๊อหล่อ" เหนือฟ้าเขินตัวบิดเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเพิ่งเคยเห็นสามีใส่ชุดสูทสีดำ พอเขาแต่งแบบนี้ก็ยิ่งดูเหมือนนายแบบ"พี่รู้ตัวแล้วว่าหล่อ" เขายิ้ม ดึงเอวอวบเข้ามาประชิดก้มลงซุกไซ้จมูกไปที่แก้มป่อง"แหวะ แหวะ" บะแต๋งกำลังนั่งจกข้าวเหนียวกับน้ำพริกหนุ่มสูตรของเด็กน้อยที่พ่อทำให้อยู่บนเก้าอี้เด็ก หนูน้อยพะอืดพะอมที่เห็นพ่อแม่สวีตกัน ทำให้มื้อเช้ากลายเป็นมื้อหวานอันแสนเลี่ยน"เป็นอะไรครับ อะไรติดคอรึเปล่า" เหนือฟ้าหันไปด
ภาคีกระเต็งบะแต๋งมาส่งเหนือฟ้าขึ้นรถตู้ไปเป็นล่ามพิเศษให้นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มใหญ่ทัวร์รอบจังหวัดนครนายก"พี่เดือนผมฝากเหนือด้วยนะ""ได้เลยค่ะคุณภาคี" เดือนเพ็ญยิ้มกว้างนั่งรออยู่หน้าพวงมาลัยรถตู้พ่อเลี้ยงหนุ่มกำชับพลางปรายตามองไปยังภรรยาที่กำลังนั่งปาดลิปมันลงบนปากอย่างบรรจง ภาคีนึกอยากแกล้งจึงอุ้มบะแต๋งเข้าไปหาแล้วกระซิบข้างหูลูกชาย"แต๋งแย่งไอ้แท่ง ๆ ที่มือบะหนุนน้อยให้ป้อหน่อยเน้อ""ปิ้งฉิ่บ" บะแต๋งแบมือสองข้างให้พ่อดู"ปิ้งฉิ่บคืออะไรลูก" ภาคีย่นคิ้ว"หมูปิ้งฉิ่บ"ลูกชายต่อรอง บะแต๋งชอบกินหมูปิ้งมาก คงเนื่องมาจากสมัยก่อนภาคีจีบเหนือฟ้าแรก ๆ มักจะซื้อหมูปิ้งให้กินอยู่บ่อยครั้ง"อ๋อ ป้อเข้าใจ๋แล้วเจ้า"สองพ่อลูกเดินเข้าไปหาแม่ด้านหลัง คุณพ่อส่งสัญญาณให้ลูกชายด้วยการกะพริบตา บะแต๋งน้อยยื่นมืออ้อมไปข้างหน้าแล้วฉกลิปสติกมาจากมือแม่อย่างไว ทำให้ลิปปาดจนเลยขอบปากของสาวอวบจนเลอะเทอะ"บะแต๋ง พี่คี เดี๋ยวเถอะพ่อลูกคู่นี้นี่" เหนือฟ้าย่างสามขุมเข้าไปหาดึงหูสามีข้าง หูของลูกชายอีกข้าง แต่เหมือนว่าคนขี้แกล้งก็ยังไม่สำนึก"ฮ่า ๆ ๆ กร๊ากกก" ภาคีกับบะแต๋งขำคราบลิปบนปาก"คืนนี้อดนมทั้งพ่อทั้งลูก"
แสงตะวันสาดส่องแยงตาชายหญิงที่ผ่านสงครามบนเตียงอย่างมาราธอนยาวนานตลอดทั้งคืน ทั้งสองยังคงนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเนื้อตัวของกันและกัน โดยไม่รู้ว่าลูกชายตัวน้อยกำลังยืนโงกเงกโคลงเตียงไปมา ชะเง้อคอมองหาพ่อแม่อยู่นานสองนาน"หนุนนนน ป้ออออ ป้ออออ หนุนนน" บะแต๋งเริ่มหว้าเหว่เพราะส่งเสียงเรียกพ่อกับแม่ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เด็กชายตัวน้อยทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดหวัง แต่เพราะแพมเพิสเฉอะแฉะไปหมด หนูน้อยเริ่มไม่สบายตัวบะแต๋งฮึดสู้ลุกขึ้นมาตะเบ็งสุดเสียง "หนุนนนนน ป้อออออ กรี๊ดดดด"ด้วยอำนาจของเสียงกรี๊ดที่ดังลั่นบ้านทำให้ภาคีกับเหนือฟ้าผุดลุกนั่ง "พี่คีคะ ลูกร้องทำไม ไปดูลูกเร็วค่ะ"ผัวเมียไร้สติหอบเอาสภาพที่ยังเลอะเลือนวิ่งไปหาลูกชาย "ป้อกับแม่มาแล้วลูก"หนูน้อยหลุบตามองเท้าไล่ขึ้นมาถึงผมเผ้าชี้ฟูจนแทบจำไม่ได้ว่าคือพ่อกับแม่ของตนเอง แถมพ่อยังไม่ใส่เสื้อมีแต่กางเกงในตัวเดียว ส่วนแม่ก็อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยสวมแต่ยกทรงแล้วใส่กางเกงตลาดนัดคลองถมลายสับปะรดบะแต๋งตรึกตรอง แสดงว่าต้องแอบหนีไปเที่ยวที่ไหนมา แล้วก็ทิ้งลูกไว้ให้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย"ม่ายม่ายโค๊ะ แท๋งม่ายโค๊ะป้อกะหนุน""ไม่คบป้อกับแม่เห
ภาคีตระกองกอดลูกชายในวงแขนแกร่งโย้ไปมาพร้อมร้องเพลงควายเอ๋ยควายเจ้า"ควายเอ๋ยควายเจ้าขอหญ้าขอผัก""พี่คีคะมีเพลงนี้ด้วยเหรอ" เหนือฟ้าสะกิดหัวไหล่สามีที่กำลังกล่อมลูกชายในอ้อมอก"ไม่มีครับ พี่แต่งใหม่" ภาคีกระตุกยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วก็แต่งเพลงควายเอ๋ยต้นฉบับของตัวเองจนบะแต๋งหลับสนิทหลังจากหัดให้บะแต๋งนอนที่ห้องนอนของเด็กได้จนเริ่มชิม ห้องนอนส่วนตัวจึงกลายเป็นรังรักเร่าร้อนเช่นเดิม ภาคีเดินเนิบนาบตรงไปที่ห้องนอน ขณะที่เหนือฟ้าหมุนโคมไฟสีส้มให้สลัวมัวตา แต่กลับสร้างอารมณ์กระสันซ่านรัญจวนจนปวดหนึบถึงแก่นกายถึงแม้ภรรยาสุดที่รักจะมีน้ำหนักเกือบเจ็ดสิบโล แต่ความแน่นฟูของอณูเนื้อขาวนั่นไม่เคยทำให้หัวใจของเขาหยุดวูบไหวเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เหนือฟ้าคลอดบะแต๋งออกมา เธอก็ยิ่งสวยพิศและงดงามผุดผาดกว่าเดิมโดยเฉพาะหุ่นอวบอัดเนื้อนมไข่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ที่กำลังโชว์เนินขาขาวกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกตามเสียงเพลงแจ๊สอยู่บนเตียงนอน และพยายามยั่วยวนอย่างสุดกำลัง แม้จะเป็นการอ่อยครั้งแรกแต่ท่วงท่าที่สะบัดพลิ้วอยู่นั้นทำให้รู้สึกว่าเธอได้ผ่านการฝึกวิชายั่วผัวมาอย่างชำนาญ"มาใกล้ ๆ เหนือสิคะ ไหนล่ะ ไห
ภายในไร่พิทักษ์มหิงสามีการจัดงานเทศกาลต้อนรับวันวาเลนไทน์ ทำให้ตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศแห่แหนเข้ามาจับจองห้องพักของรีสอร์ตจนไม่เหลือห้องว่างด้วยไอเดียจัดสวนดอกไม้เพื่อทำแลนด์มาร์คสวย ๆ ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปและมีกิจกรรมคู่รักและครอบครัวให้ทำหลากหลาย เช่น ปลูกผัก เก็บผักผลไม้สดใหม่จากสวน เที่ยวชมการแปรรูปวนิลา กาแฟ และผลิตภัณฑ์จากนมควายนอกจากนี้ยังมีแคมป์ปิ้งให้บริการปิ้งย่างแบบส่วนตัวและหมู่คณะระหว่างที่ทุกคนในไร่กำลังวุ่นวายบริการลูกค้า อินเหลาได้รับหน้าที่สำคัญในการเลี้ยงบะแต๋ง"คิ๋น ๆ มู๋ยั่ง" ตอนนี้บะแต๋งอายุได้หนึ่งขวบแปดเดือนแล้ว หนูน้อยจึงเริ่มสนทนาเก่งขึ้น ขณะเดียวกันความแสบสันต์ก็ไม่มีลดน้อยลงคร่อกกก คร่อกกก"คิ๋น ๆ เหลา ๆ แท๋งชาคิ๋นมู๋" บะแต๋งจะกินหมูที่อินเหลากำลังย่าง แต่พี่เลี้ยงเด็กกลับนั่งหลับสัปหงกเหมือนคนอดนอนหลายวัน"มู๋ ม่าย ม่าย" บะแต๋งเห็นหมูเริ่มกลายเป็นสีดำปี๋ หนูน้อยรีบตะเบ็งเสียงเรียกอินเหลาเพราะกลุ่มควันหมูย่างเริ่มลอยฟุ้งไปทั่วจนหนูน้อยหายใจไม่ออก "ม่ายยยย กรี๊ดดด แค่ก ๆ "โชคดีภาคีแวะมาดูลูกชายแทนเหนือฟ้าที่ไปต้อนรับนักท่องเที่
เหนือฟ้าตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า เนื่องจากเมื่อคืนภาคีอาสาดูแลบะแต๋งจนอดหลับอดนอน ทำให้แม่อย่างเธอได้มีโอกาสพักผ่อนเต็มที่กิ๊ง! กิ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น"เช้าแล้วเหรอครับ" ภาคีควานหาร่างเมียบนเตียง แต่คว้าจับได้เพียงลูกชายที่นอนยกแข้งยกขาอยู่บนที่นอนแทน"แอ้แอ๊...อึ่มอื้อ" บะแต๋งส่งสายตาระยิบระยับพยายามห่อลิ้นแดง ๆ เพื่อคุยกับพ่อ"แม่อุ้มหนูมานอนตรงนี้เหรอ เอ๊ะหรือป้อหว่า"ภาคีเริ่มสับสน เพราะปกติลูกต้องนอนในเตียงเด็กที่อยู่ข้าง ๆ เตียงพ่อกับแม่"แอ๊แอ้" บะแต๋งดีดขาดึ๋ง ๆ เอามือจับเท้าสองข้างแล้วยัดหัวแม่โป้งเข้าไปในปาก"ถึงกับเคี้ยวนิ้วเท้าแล้ว หิวเหรอครับ""อึ๊อึ!" บะแต๋งพยายามอธิบาย"วันนี้ลูกอายุ 11 เดือน 16 วันแล้วนะบะแต๋ง" ภาคีเหลือบมองปฏิทินแขวนที่เขาทำวงไว้ด้วยปากกาเมจิกสีแดง ตามด้วยการฟัดลงบนพุงของลูกชายตัวน้อยแต่ฟัดไปฟัดมากลับรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นเปรี้ยวรุนแรง"แอ้!" บะแต๋งยิ้มเหงือกล้นเมื่อพบว่าพ่อจับได้แล้วว่าตนเองอึแตกมา"อี๋ ที่แท้ก็อึมา เหม็นโอ่มาก" ภาคีแหวกแพมเพิสดูแล้วพบว่าอึเหลืองอ๋อยเละไปถึงกลางหลังคุณพ่อจัดการพาลูกชายไปอาบน้ำล้างตัวด้วยกัน ตามด