เหนือฟ้าขนลุกขนพองไปทั้งตัวเมื่อเนินขานุ่มของตนเองถูกเขาถ่างออก หญิงสาวดันตัวขึ้นส่งมือไปปิดรอยแยกสีชมพูที่กำลังถูกภาคีเชยชม ดวงตากลมเอ่อล้นด้วยน้ำใส ชายหนุ่มรู้สึกผิดยิ่งคิดว่าเธอต้องไปเผชิญเรื่องโหดร้ายป่าเถื่อนแบบนี้ เขาก็ยิ่งแค้นจนอยากสับไอ้เวคินเป็นร้อย ๆ ชิ้น"เห็นใจ๋อ้ายเต๊อะคนดี"สาวพลัซไซซ์นึกถึงวันที่เธอให้พี่สาวเขียนจดหมายไปบอกเลิกเขาก็รู้สึกผิดอยู่ตลอดสามปีที่ผ่านมา ถ้าร่างกายนี้ตอบแทนเขาได้ เธอก็ยอม มือนุ่มยกออกไม่ถึงสิบวิ ชิวหาแดงก็ทะแยงลงมาที่ตัวตนของเธอ ริมฝีปากเล็กขบเม้นเป็นเส้นตรง เสียวซ่านจนมือสองข้างต้องยันกับพื้นเตียงเพื่อประคองร่างกายที่กำลังอ่อนปวกเปียกลงไปทุกที"อ๊ะ...อ๊า" เสียงหวานครางระงม ดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วห้องพักในยามวิกาลลีลาการโบกสะบัดจากปลายลิ้นอุ่นหนาของภาคีละเลงลงมาที่กลีบดอกไม้สีชมพูสวยสดอย่างต่อเนื่อง พลางใช้นิ้วแหวกอ้านำทางเพื่อขบดูดเม็ดกระสันแวววาวดุดอัญมณีของเหนือฟ้า เสียงดื่มกลืนของเขาดังซู้ดซ้าดราวกับซดน้ำแกง"เต๋มปากเต๋มคำ" ภาคีผงกหัวขึ้นมอง ก้มลงดูดผิวที่เนินขาด้วยความลุ่มหลง แล้วจัดการดูดซับมวลน้ำป่าจากภายในกายที่ไหลทะลักท่วมออกมาราวเขื่อ
เช้าของงานเอ็กซ์โปวันแรกเหนือฟ้าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าทั้งที่เธอเพิ่งนอนหลับพักไปได้แค่สองชั่วโมง เพราะเพิ่งเสียเวอร์จิ้นไปให้อดีตคนรัก สาวอวบเลือกสวมเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงยีนทรงบอยตามด้วยการสวมสูทเบลเซอร์สีดำทับ ถักเปียข้างแล้วผูกโบว์สีฟ้า ระหว่างที่กำลังเดินเข้ามาในฮอลล์จัดงานคั่วกลิ้งที่เดินจับไม้จับมือมากับแฟนสาวก็ปรี่เข้ามาทักทาย"พี่เหนือ กินกาแฟยังเนี่ย" ลูกน้องหนุ่มเห็นว่าหัวหน้าของตนดูอิดโรยไม่สดชื่น"ยังจ้ะ งั้นพี่ไปหากาแฟจิบก่อนนะ ดูแลประสานงานแทนพี่ด้วย" เหนือฟ้าใช้นิ้วถ่างตาตัวเองแล้วเดินขาปัดตุปัดตุเป๋ไปหาที่นั่งข้างนอกฮอลล์ขณะที่ภาคีกำลังจูงควายเผือกแม่บ่ะผางเข้ามาในงานพร้อมกับลูกควายเผือกตัวน้อยพร้อมกับลูกน้องสองสามคน เหนือฟ้าจึงได้แต่นั่งมองอย่างมีหวัง หวังลึก ๆ ว่าเขาจะใจอ่อนกับเธอ"น้องเหนือ น้องเหนือเปล่าครับ""คะ" เหนือฟ้าหันไปยังต้นเสียงด้านข้าง แล้วพบว่าคนที่ทักทายคือเจ้าของสวนอินทผลัมที่เคยมาจัดงานเมื่อปีก่อน"จำผมได้ไหม ผมศัจกรที่เคยมาจัดงานเกษตรแฟร์ปีก่อน""จำได้ค่ะ แล้วคุณกรสบายดีไหมคะ""สบายดีครับ แล้วน
ภาคีให้เหนือฟ้าสั่งก๋วยเตี๋ยวแบบพิเศษมา เขารู้สึกว่าเธอผอมลงทั้งที่เมื่อก่อนมีน้ำมีนวลมากกว่านี้ เขากินไปสองชามแล้วนั่งมองออแกไนซ์สาวโซ้ยบะหมี่เหลืองน้ำตกอย่างเอร็ดอร่อย แค่เห็นเธอกินเขาก็มีความสุขแล้วครืด! ครืด!"ฮัลโหล ฉันพาเมียออกมาหาอะไรกิน เออมีแล้ว ไว้ค่อยบอก" เขาคุยกับใครบางคน แต่กลับทำให้ใครอีกคนยิ้มแก้มแตก"กิน ๆ ไปหยุดยิ้มได้แล้ว เดี๋ยวพี่มานะจะเดินไปดูขนมร้านข้าง ๆ หน่อย" เขาบอกแล้วควักแบงค์พันวางไว้ข้างมือเธอ "จะกินอะไรก็สั่งเพิ่ม ไม่ต้องเกรงใจ""แปลกแฮะ อยู่ดี ๆ ก็พ่อพระขึ้นมาเฉย"เหนือฟ้ากินก๋วยเตี๋ยวไปสามชามแล้วตามด้วยน้ำแข็งใสอีกสอง "น้ำแข็งใสถ้วยที่สองค่ะ"ทอฝันเจ้าของร้านวางขนมหวานให้เหนือฟ้า แล้วเก็บชามก๋วยเตี๋ยวที่เหลือพลางเช็ดโต๊ะทำความสะอาด"ขอโทษนะคะ เหนือขอถามอะไรหน่อยได้ไหม""ได้ค่ะ จะถามว่าทำไมสนิทกับพ่อเลี้ยงภาคีเหรอคะ" ทอฝันรู้ทันเพราะเห็นแววตาของเหนือฟ้าตั้งแต่เข้ามาในร้าน ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าหวงพ่อเลี้ยงขนาดไหน"ใช่ค่ะ ถ้าไม่สะดวกใจตอบก็ไม่เป็นไรนะคะ""พ่อเลี้ยงไม่ได้สนิทกับฝันคนเดียวหรอกค่ะ แต่สนิทกับคุณพ่อแลละสามีของฝันด้วย เมื่อก่อนพวกเราลำบากมากค่ะ บ้
กล้ามแขนเป็นมัดกระหวัดโอบเหนือฟ้ากลับ ภาคีก้มลงจูบซับเรือนผมสีน้ำตาลคาราเมลซ้ำ ๆ ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มป่องพองลม"จะเป็นคุณนายของไร่พิทักษ์มหิงสา ก็ต้องส่งใบสมัครก่อน" อธิบายแล้วถอดเสื้อเบลเซอร์ของเธอออกไป หยิบกระเป๋าที่คล้องหัวไหล่เหนือฟ้าวางลงบนโต๊ะ"ส่งใบสมัครยังไง แล้วเอาประวัติการทำงานด้วยไหมคะ" เหนือฟ้าผู้อ่อนต่อโลกไม่ทันกับดักที่ภาคีวางไว้"ส่งง่ายมาก ก็แค่ส่งผ่านร่างกาย" เสียงเข้มกระซิบแนบใบหู แล้วบรรจงกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกทีละเม็ดจนหมด"เป็นการส่งใบสมัครงานที่แปลกดีนะคะ แล้วเคยมีใครมาส่งใบสมัครกับพี่คีแบบนี้บ้างไหม" เหนือฟ้าทำหน้าหงิก แต่ก็ยืนเท้าสะเอวให้ผู้ชายแก้ผ้าตัวเองโดยไม่ปฏิเสธ"ไม่มี" เขาตอบแล้วบรรจงถอดชุดทำงานของเหนือฟ้าออกจนเหลือเพียงบราลูกไม้สีขาวและบิกินี่เข้าเซต ตามด้วยการแก้ผ้าตัวเองให้เหลือเพียงบ็อกเซอร์สีเทา ขณะที่ฝ่ามืออุ่นหนาไล้มาตามเนินอกขาวผ่องค่อย ๆ เคลื่อนไปดีดตะขอเสื้อใน และจัดการเกี่ยวทิ้งลงกับพื้นกวาดดวงตามองปทุมถันขาวเนียนเกลี้ยงเกลาไร้ตำหนิ บนหน้าอกสองข้างโดดเด่นด้วยสตรอว์เบอร์รี่ญี่ปุ่นลูกใหญ่ผลสดที่ประดับอยู่บนลำต้น
สาวอวบลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจบนเตียงนอน มองหาเจ้าของกลิ่นกายวนิลาที่นอนโอบกอดเธอทั้งคืน แล้วนึกขึ้นได้ว่าเขากลับไปแล้วแถมยังติดโน้ตไว้ที่กระจก พร้อมเบอร์โทรศัพท์"ไว้ป๊ะกั๋นเน้อ บะหนุนน้อย 099-xxxxxxx" เหนือฟ้าฉีกยิ้มแล้วกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้อง รีบเก็บข้าวเก็บของแล้วลงไปเช็กเอาท์เพื่อตรงกลับไปเก็บข้าวของที่คอนโดพี่สาวแล้วเดินทางไปนครนายกทันทีราตรีนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟลาเต้เครื่องดื่มโปรด ผู้อำนวยการโรงเรียนสาวชำเลืองมองน้องรักที่กำลังนั่งพับเสื้อผ้าอาภรณ์ลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ยักษ์ ตามด้วยกระเป๋าใบเล็ก ๆ อีกสองใบ"จะรีบร้อนไปไหนฮะเรา ยัยเหนือ""ไปหาผัวค่าาาา"พรวด!!!!กาแฟถูกพ่นออกมาเป็นฝอย ๆ ราตรีรีบหยิบทิชชูมาซับปาก แล้วส่งใบหน้าหงิกงอไม่พอใจให้น้องที่กล้าได้กล้าเสียจนเกินไป"ไปหาใครมิทราบ อย่าบอกนะว่าภาคีอ่ะ"เหนือฟ้าขมวดคิ้วไม่คาดคิดว่าพี่สาวจะล่วงรู้ "ทำไมถึงรู้ล่ะคะ""ก็เดาไปมั่ว ๆ แล้วนี่จะไปอยู่กับผู้ชายที่นครนายกเลยเหรอ ไม่กลัวแม่กับพ่อบ่นหรือไง" ราตรีนั่งขัดสมาธิแล้วช่วยน้องสาวเก็บสัมภาระ"พ่อแม่ไม่บ่นหรอกค่ะ พวกเขาอยากให้เหนือมีสามีแบบพี่คีจะตายไป ไม่งั้นสามปีมานี้คงไม่พูดถึง
บ้านไม้หลังใหญ่สามชั้นของภาคีถูกรีโนเวทใหม่และสวยกว่าเดิม รอบ ๆ ปลูกหมากแดงประดับตกแต่ง ด้านข้างมีสระว่ายน้ำ และครัวเปิดโล่งสไตล์ฝรั่ง เขาแบกกระเป๋าเธอขึ้นไปชั้นบนสุดที่เป็นห้องนอนขนาดห้าสิบตารางเมตรต่อออกไปยังสวนบนดาดฟ้า มีอ่างจากุชชี่เอ้าท์ออร์ทรงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมระเบียง มีบาร์เล็ก ๆ และต้นไม้จำนวนมากบนนี้"ชอบไหม" เขาถามแล้วเดินไปหยิบนมข้าวโพดในตู้เย็นมินิบาร์เล็ก ๆ ส่งให้เธอ"ชอบมากค่ะ สดชื่น" เหนือฟ้ารับนมขนาดเท่าฝ่ามือมาจากภาคี หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาข้างเตียงอย่างประหม่า มองเจ้าของบ้านลากกระเป๋าของเธอไปเก็บข้างตู้เสื้อผ้าขณะนั้นสายตาดันเหลือบไปเห็นตู้กระจกคอลเล็กชั่นถุงยางอนามัยนับยี่สิบชนิดที่อยู่ข้าง ๆ แถมยังมีเจลหล่อลื่นหลายกลิ่นตั้งเรียงราวกับของสะสม"พ...พี่คี มีถุงยางหลายแบบจังเนอะ เก็บสะสมเป็นงานอดิเรกเหรอคะ"เหนือฟ้ากระดกน้ำนมข้าวโพดอย่างรีบ ๆ ขณะที่ภาคีสับเท้าเดินมาหาแล้วหยิบขวดนมที่หมดแล้วในมือเธอเขวี้ยงลงถังขยะพอดีเป๊ะ ตามด้วยการดึงเธอมากอด แล้วหอมจนแก้มแทบยุบฟอด!! ฟอด!! ฟอด!!"อื้อ...แก้มเหนือช้ำแล้วค่ะ""พอดีของขึ้น" เขาบอกแล้วหยิบมือเธอให้คว้าจับสัมผัสขอนไม้ที
ภายในบ้านไม้สไตล์ยุโรปติดแอร์เย็นฉ่ำมีร่างคนกับหมากำลังนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่บริเวณพื้นห้องนั่งเล่น เหนือฟ้ากำลังช่วยแปรงขนให้เจ้าหมาไร้ชื่อ แล้วเริ่มถ่ายรูปของมันเพื่อนำไปติดประกาศตามหาเจ้าของ"เสร็จแล้ว อืม...พี่คีมีเครื่องปริ้นท์ไหมน้า เผื่อจะติดประกาศแถวนี้เพิ่มอีกช่องทาง" ชะโงกหน้ามองหาเครื่องปริ้นท์เอกสาร โดยลุกไปดูทั่วชั้นล่าง ระหว่างเดินผ่านบาร์ของห้องครัวหรูหรา ดวงตาพลันสะดุดกึกเข้ากับโหลแตงกวาดองนับสิบโหลเหนือฟ้าเดินไปดูขวดโหลแต่ละไซซ์ที่ใช้ดองแตงกวา พบว่ามีสติ๊กเกอร์แปะเขียนวันที่ดองแตงไว้ด้วย วันที่ 12 ธันวาคม 2566"ตั้งแต่ปีที่ไปญี่ปุ่นนี่นา หรือว่าแตงกวาที่เรากับพี่คีปลูกเอาไว้ตอนมาไร่เป็นครั้งแรก""สวัสดีค่า คุณเหนือฟ้าอยู่ไหมเอ่ย" เสียงของตะโกนดังมาจากหน้าบ้านสาวอวบเร่งฝีเท้าออกไปดูขณะที่เจ้าสุนัขโกลเด้นวิ่งนำไปรับแขกเ
รถกอล์ฟดับสนิทที่หน้าคอกควาย เจ้าของไร่ตัวสูงก้าวขานำทางวิทยากรคนใหม่ไปชมพ่อควาย แม่ควายที่กำลังยืนเคี้ยวเอื้องอยู่ในโรงนาขนาดใหญ่"โหมีทั้งควายดำ ควายเผือกเยอะแยะไปหมดเลย แต่เหมือนที่โรงเรือนนี้จะมีแต่ควายป่วย ควายท้องกับควายเด็กซะส่วนใหญ่ใช่ไหมคะ""ช่างสังเกตดีนี่ ไม่เสียแรงที่ใคร ๆ ก็อยากได้เป็นคุณนาย" เขาชมเปาะแล้วเดินนำเข้าไปบริเวณที่เก็บอุปกรณ์การเกษตรต่าง ๆ"แล้วควายที่อยู่ในนี้ รวมทั้งฝูงควายที่ยืนเล็มหญ้าอยู่ตรงทุ่งหญ้าตรงโน้นเป็นควายที่พี่คีไถ่มาทั้งหมดเลยเหรอคะ"" รู้ได้ไงว่าพี่ไถ่มา" ภาคีถามแล้วหยิบเสียมพรวนดินส่งให้เหนือฟ้าหนึ่งอัน"ขอบคุณค่ะ พอดีเหนือรู้มาจากเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่พี่คีเคยพาไป" สาวอวบมองดูภาคีแซะอึเปียกในคอกควายใส่กระป๋อง แล้วหิ้วนำไปยังลานหญ้าที่มีพลาสติกสีขาวปูวางเป็นจุด ๆ แล้วจัดการเทมูลควายลงไป"พี่ไถ่มารวม ๆ ก็แค่สามร้อยกว่าตัว ที่เหลือก็จะมีควายที่พ่อกับอาจิณณ์ไถ่ช่วยมาอีกเกือบพันตัว รวม ๆ กันแล้วก็หนึ่งพันห้าร้อยตัว""โห เทวดาของเหล่าควายชัด ๆ น้องควายโชคดีที่ได้เจอครอบครัวกฤตกล้าธนาดรค่ะ" เหนือฟ้ายิ้มแล้วใช้เสียมแซะตักอึเหม็น ๆ อย่างไม่รังเกียจ
โรงพยาบาลทั้งครอบครัวเดินทางมาให้กำลังใจภาคีในวันที่มีผ่าตัดทำหมันกับหมอที่โรงพยาบาล หลังจากที่เขาตัดสินใจจะหยุดการสืบพันธ์ุนี้เพราะเกรงว่าภรรยาจะเผลอท้องขึ้นมาอีกในอนาคต และเพื่อแสดงตนว่าเขาจริงใจที่จะเสียสละเพื่อเธอดังนั้นวิธีการนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะเขาอยากให้เหนือฟ้ารู้ว่าทายาททั้งหกคนของเขาจะเป็นของเธอตลอดไป และจะมีใครมีโอกาสแย่งชิงเขาไปจากเธอ"ปี้ปี้" หมูยอเดินเลาะไปมาเกาะแข้งเกาะขาพวกพี่ ๆ ขณะที่แป้งจี่นอนหลับอยู่บนตักแม่ ส่วนน้ำเงี้ยวนั้นนอนแผ่ยาวหนุนตักน่านฟ้าและนิ่มฟ้าเสมือนว่าพี่สาวพี่ชายเป็นเตียงนอนส่วนตัว"หมูยอคะมานั่งเฉย ๆ สิลูก" เหนือฟ้าอุ้มลูกชายสายปราดเปรียวที่ไม่ยอมหลับยอมนอน เอาแต่ปีนป่ายโซฟาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย"หม่ำ ๆ" หมูยอเริ่มเดินเหนื่อยหนูน้อยหยิบขวดนมในกระเป๋าสัมภาระเด็กที่วางอยู่บนเก้าอี้ แล้วเปิดฝาขวดนมบริการตัวเอง"อะหยังป้อต้องตัดหำโตยก๊ะ" น่านฟ้าสงสัยตั้งแต่พ่อบอกว่ามีนัดตัดสิ่งที่อยู่ใต้หว่างขา เด็กชายก็มีคำถามกับเธออยู่ตลอด"ป้อตัดเพื่อคุมกำเนิดพวกเราจะได้มีกันแค่หกคนไงคะ ไม่ดีเหรอหรือหนูอยากมีน้องเพิ่ม" เหนือฟ้าหันไปอธิบายกับลูกชาย"อึ๋ย
ล่วงเลยมาจวบจนแฝดสามตัวป่วนอายุย่างเข้าวัยหัดอ้อแอ้ ความโกลาหลก็เพิ่มระดับขึ้นทำให้ในแต่ละวันพ่อแม่ต้องสลับกันควักยาดมตอนนี้บะแต๋งขึ้นประถมศึกษาชั้นปีที่หกส่วนนิ่มฟ้าและน่านฟ้าขึ้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง“เย้นิ่งเป็นฉาวแล้ว” นิ่มฟ้าสะบัดผมเปียของตัวเองขณะสวมชุดกระโปรงแบบไม่มีเอี๊ยม เด็กหญิงชะม้อยชะม้ายชายตามองกระจกขณะที่แม่ทำหน้าที่จัดทรงผมตามระเบียบของโรงเรียนที่กำหนดว่าต้องมัดผมให้เรียบร้อย“แก่แดดแก่ลมเกินไปแล้วนะแม่คนนี้” เหนือฟ้ายื่นมือมาบีบแก้มอูมของลูกสาว“ที่รักอาหารเช้าเสร็จแล้ว” ภาคีตะโกนเสียงดังขึ้นมาบนห้องนอนชั้นสาม สองแม่ลูกจึงพากันลงไปลิ้มรสมื้อเช้าขณะที่แฝดสาม บะแต๋งและน่านฟ้านั่งประจำตำแหน่งที่โต๊ะอาหารของใครของมันเรียบร้อย ที่คอของหมูยอ แป้งจี่และน้ำเงี้ยวมีผ้ากันเปื้อนลายลายการ์ตูนคนละสี ผมของทารกวัยหนึ่งขวบกว่าเริ่มดกดำคลุมทั้งหัว“หม่ำ ๆ” หมูยอกระแทกช้อนส้อมกับเก้าอี้กินข้าวที่มีกระบะสำหรับใส่ภาชนะอย่างร้อนใจ“ครับเสร็จแล้วลูก” ภาคีวางถ้วยบะหมี่ผักหมูน้ำลงบนกระบะกินข้าวของแฝดสาม แล้วยกจานข้าวผัดปลาแซลมอนจานใหญ่มาตั้งตรงกลางให้บะแต๋ง นิ่มฟ้าและน่านฟ้าบริการตัวเองทว่า
หนึ่งสัปดาห์ของการปิดเทอมที่เงียบเหงาทำให้นิ่มฟ้าที่ใจจดจ่อรอคอยต้องออกไปหากิจกรรมทำพร้อมกับพี่น้อง ช่วงเช้าเด็กหญิงนั่งรถซาเล้งออกมากับภาคีที่กระเต็งน้ำเงี้ยวไว้ในเป้อุ้มทารก ในรถพ่วงข้างยังมีส้มปู๋กับบะแว้งและบะแปปเจ้าแพะแคระติดสอยห้อยตามมาด้วย ส่วนบะแต๋งกับน่านฟ้านั้นไปทำงานกับแม่ที่โรงเลี้ยงวนิลา"เทพมาสไม่มาหาหนูแล้วเหรอ" จู่ ๆ พ่อก็ตัดสินใจถามเด็กหญิงที่กำลังใช้คราดขุดมันม่วงโอกินาว่า นิ่มฟ้าผงะเล็กน้อยกับคำถามที่เธอไม่อยากตอบเท่าไหร่"ดะดะ" แต่เพราะน้ำเงี้ยวเอียงคอมองพี่สาวที่กำลังทำหน้าจ๋อย พี่จึงยิ้มกว้างเพื่อให้น้องสบายใจ"บ่มาแล้ว จะไปตี้ไหนก็ไปเต๊อะนิ่งมุดออนแล้วเจ้า" หนูน้อยวัยอนุบาลที่มีวาจาฉะฉานประหนึ่งคนโตตอบพ่อด้วยความมั่นใจ แล้วกลับไปใช้คราดถากหญ้าถอนมันต่อ"เขาเรียกว่ามูฟออนจ้ะ ทำใจ๋เต๊อะความรักก็แบบนี้แหละน้า" ภาคีอุ้มน้ำเงี้ยวออกมาแล้วจับใส่สนับเข่าให้เจ้าตัวเล็กหัดคลานไปบนพื้นดินและได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่"ตะตะ" น้ำเงี้ยวเห็นใครบางคนกำลังกวักมือเรียก หนูน้อยสวมหมวกลายดอกไม้กับชุดผ้าหม้อฮ่อมสไตล์ล้านนารีบเร่งคลานแบบติดเทอร์โบไปหาเป้าหมายที่กำลังเปล่งแสงเร
ผ่านมาแล้วเกือบเจ็ดเดือนแล้วที่เหนือฟ้ากับภาคีได้กลายเป็นพ่อแม่ลูกหก แม้ในแต่ละวันทั้งคู่จะวุ่นวายกับการเลี้ยงเจ้าตัวเล็กต่างวัยทั้งหลาย แต่กลับไม่รู้เลยว่าการมีเด็กน้อยเหล่านี้เป็นภาระเพราะพวกเขามีพร้อมทุกอย่าง ทั้งเวลาอาชีพ เงินทองและความรักทว่ากลับมีเด็กหญิงเพียงคนเดียวที่กลายเป็นเด็กไม่สดใสร่าเริง เนื่องจากเธอเฝ้ารอคอยใครคนนั้นให้แวะเวียนมาหา โชคร้ายที่คำสวดอ้อนวอนและภาวนารวมทั้งการทำความดีของเธอไม่ได้ช่วยให้เทวดาคนโปรดปรากฏกายถึงแม้นี่จะเป็นวันปิดเทอมวันแรกของภาคเรียนที่หนึ่ง แทนที่นิ่มฟ้าจะดีใจแต่เธอกลับรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะการไปเจอเพื่อน ๆ นั้นทำให้เธอได้พบกับความสนุกสนาน เสียงหัวเราะและพูดคุยของเพื่อนสนิทนั้นช่วยคลายความเหงาและความคิดถึงที่มีต่อเทพมาส“นิ่มฟ้าหนูมีการบ้านปิดเทอมหรือเปล่าคะ” เหนือฟ้าที่กำลังทำงุ่มง่ามวุ่นวายกับการเตรียมมื้อเช้าให้ทารกแฝดสามวัยอายุเจ็ดเดือนเศษอยู่หน้าเตาชะเง้อคอมองลูกสาวที่กำลังนั่งเฝ้าน้องในคอกกั้นโดยไม่พูดไม่จา “นิ่มฟ้าแม่ถามว่ามีการบ้านหรือเปล่าลูก” สาวอวบปิดเตาแก๊สแล้วล้างมือเดินไปดูอาการของลูกสาวที่ซึมเศร้าเหงาหงอยมาพักใ
หลังจากครูนับเก้าและผอ.ทัพฟ้าเดินทางกลับบ้าน เช้าวันต่อมาหม่อมเจ้าภูวสินและเจ๊ต่ายจึงแวะเวียนมาหาลูกชายกับลูกสะใภ้ บริเวณโต๊ะรับประทานอาหารของห้องพักเด็กแฝดสองคนกำลังรอพี่ชายทำอุ่นข้าวกล่องในไมโครเวฟให้กิน ระหว่างที่พ่อกำลังวุ่นวายกับการช่วยแม่ประคองน้องแฝดสามเข้าเต้า“มาแล้วข้าวกระเพราไก่ของนิ่มฟ้า ส่วนนี่ข้าวหมูกระเทียมของน่านฟ้า” บะแต๋งใช้ถุงมือกันร้อนหยิบกล่องข้าวมาวางตรงหน้าน้องสองคนที่ยังคงสะลืมสะลือเหมือนยังไม่พร้อมตื่นนอน เพราะพยาบาลกับหมอเดินเข้ามาเช็กความดันเช็ดสุขภาพแม่ตลอดทั้งคืน“บ่กิ๋นข้าวกา” บะแต๋งนั่งลงข้างน้องสาว หยิบหวีมาสางผมน้องที่ยุ่งกระเซอะกระเซิงเด็กหญิงทำหน้าจ๋อยส่งให้พี่ชาย เพราะเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เธอเรียกเทวดาคนโปรดมาแต่เขากลับเบี้ยวไม่มาตามนัด“นิ่งตูดเต ป้อจายเตนิ่ง” นิ่มฟ้าผ่อนลมหายใจหนัก ๆ“ไผตี้ไหนทำย้ายฉิดใจ๋ก๋องปี้นิ่ง” น่านฟ้าถามพลางอมข้าวเก็บไว้ข้างแก้ม“อ้ายมาสทำย้ายใจ๋ปี้ ฉงฉัยมีฟันใหม่” เด็กหญิงคิดว่าเทวกุมารคงมีเด็กหญิงคนอื่นอยู่ในหัวใจ ถึงได้หมางเมินกับเธอเช่นนี้“ไม่หรอกน่า เทวดาก็มีภารกิจมากมายคงไม่มีเวลามาหาแฟนใหม่หรอก กิ๋นข้าวเต๊อะ” มื
9 เดือนต่อมาห้องคลอดบะแต๋ง นิ่มฟ้า น่านฟ้าและวงศาคณาญาติต่างนั่งลุ้นรอลุ้นกับทายาทคนใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลก แต่มีเพียงคนเดียวที่เอาแต่เดินไปเดินมาจนทุกคนพากันเวียนหัว"หยุ๋ดเตวซะทีเต๊อะ อ้ายเมาหัวโจ้น ๆ แล้ว" บะแต๋งคว้าข้อมือน้องสาว"ก็นิ่งตื่นเต้นเจ้า" นิ่มฟ้าบอกพี่ชายพลางเหลือบมองหน้าประตูห้องคลอด"มานั่งตักอ้ายมา" บะแต๋งอุ้มน้องสาวนั่งลงบนตัก สวมกอดน้องแล้วจับมือที่เย็นเฉียบขึ้นมาเป่า"อ้ายแต๋งหนุนน้อยจะปดพัยก่อ" เด็กหญิงตบมือเปาะแปะลงบนมือพี่"ปลอดภัยสิครับ" พี่ชายกอดรัดน้องสาวแล้วโยกตัวเบา ๆ ขณะที่น่านฟ้าเพิ่งกลับมาจากร้านสะดวกซื้อพร้อมกับยายนับเก้าและตาทัพฟ้า เนื่องจากหม่อมเจ้าภูวสินกับเจ๊ต่ายติดธุระจึงส่งพ่อตาแม่ยายลูกชายมาแทน"น้องออกมารึยัง" เด็กชายนั่งลงพร้อมส่งเยลลี่รูปหมูให้พี่ชายกับพี่สาวกินเล่นระหว่างรอพ่อกับแม่"ยังเลย แต่เดี๋ยวก็คงออกมาแล้วล่ะ" บะแต๋งหันไปคุยกับน้องชายพลันนั้นไฟที่หน้าห้องคลอดก็ดับลงพร้อมกับประตูที่เปิดออก เตียงผู้ป่วยที่มีร่างเหนือฟ้านอนยิ้มแป้นชูสองนิ้วออกมาให้ลูกทั้งสามคนและครอบครัวของเธอและสามีขณะที่ภาคีเดินตามออกมาหลังสุดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหย
เด็กหญิงเปิดโคมไฟดอกไม้ที่หัวเตียงนั่งพับเพียบไหว้พระแล้วเริ่มอธิษฐานถึงพระจันทร์กลมโตที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านเมฆสีเทา"อ้ายมาสฉา อ้ายมาสฉุดหย่อมาหานิ่งเต๊อะ" นิ่มฟ้าประสานมือแน่น มองท้องฟ้าที่เคลื่อนตัวผ่านหน้าต่างห้อง ทว่าเทพมาสกลับไม่ปรากฏกายเสียที หนูน้อยนั่งรอนอนรอจนตาแทบปิด แล้วรู้สึกน้อยอกน้อยใจที่เทวดาคนโปรดไม่ยอมมาหาแต่ช่วงเวลาเคลิ้มหลับเทพมาสกลับร่วงตุ้บลงมาบนเตียงของนิ่มฟ้าโป๊ก!หน้าผากของทั้งคู่เขกชนกัน"โอ๊ย! เจ๋บ ๆ" นิ่มฟ้าจับหน้าผากของตน ดวงตากลมใสสอดประสานกับคนด้านบน เทวกุมารรูปหล่อกะพริบตาปริบ ๆ นิ่มฟ้าได้โอกาสรวบกอดอีกฝ่ายเสมือนเป็นตุ๊กตาขนาดเท่ามนุษย์"ได้โอกาสเอาใหญ่เชียว" เขายิ้มแต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามเด็กหญิง แต่รู้ดีว่าไม่เหมาะสมจึงรีบดึงตัวออกอย่างว่องไว"อ้าว หนีนิ่งตำไมล่ะ นิ่งกิ๊ดเติงหาอ้ายมาสเน้อ" นิ่มฟ้าคลานสี่ขามาถึงปลายเตียง แล้วนั่งพับเพียบเรียบร้อยทำหน้าจ๋อย"เป็นเด็กเป็นเล็กไม่สมควร" เขามักจะย้ำเรื่องความไม่สมควรจนเด็กหญิงจำได้ขึ้นใจ"ตำไมซอบอู้เรื่องไม่ฉมควร ไม่ฉมควรเป็นยังไงเจ้า""เอาไว้อธิบายวันหลังละกัน ตอนนี้ดึกมากแล้วน้องควรนอนหลับ" เทพมาสพยักพเยิดใ
ภารกิจที่ญี่ปุ่นจบลงอย่างรวดเร็วแม้ก่อนวันเดินทางภาคีต้องไปเป็นวิทยากรที่มหาลัยเก่าพร้อมกับพาบะแต๋งไปโชว์ตัว เนื่องจากคลิปที่เป็นไวรัลในญี่ปุ่นนั้นมีภาพการแสดงของบะแต๋งและหุยหุยรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ทุกคนยังให้การต้อนรับและชื่นชมเขาและลูกชายอย่างอบอุ่น หลายคนยังออกปากว่าถ้ามีโอกาสจะไปเที่ยวที่ไร่พิทักษ์มหิงสาเพื่อชมการแสดงควายแคระหลังจากเดินทางถึงบ้าน ครอบครัวเขาและครอบครัวภรรยาต่างแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ขณะที่เหนือฟ้ามีอาการเจ็ทแลคทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ทั้งที่กลับมาได้เกือบสามวันแล้วแต่เธอกลับไม่สดใสร่าเริงนั่นจึงจนทำให้ภาคีเริ่มวิตกจริต"เหนือโอเคไหม ไม่สบายตัวตรงไหนบอกพี่นะ" เขาหยิบหวีมาสางผมที่พันกันยุ่งเหยิง รู้เลยว่าภรรยากำลังเหนื่อยล้าขนาดผมเผ้ายังไม่หวีให้เรียบร้อย"แค่เหนื่อยค่ะ แล้วเหนือก็รู้สึกกลัวด้วย ฮึก..ฮึก" เธอมักจะเห็นภาพตอนที่ตัวเองตกเลือดซ้ำ ๆ ในหัว ครั้งนั้นมันเหมือนฝันร้ายที่ฝังอยู่ในใจของเธอเรื่อยมา เหตุการณ์ในวันวานที่สูญเสียลูกคนที่สองไป"ไม่เป็นไรครับ ดีแล้วที่กลัว การที่เรากลัวไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนะ และเวลาที่เหนือกลัวพี่จะได้รู้ว่าต้องดูแลเหนือยังไง" เข
กองถ่ายรายการให้เวลาเด็กทั้งสามคนซักซ้อม เหนือฟ้าที่นั่งกินผลไม้จนจุกจึงลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย เดินมาให้กำลังใจลูก ๆ“บะแต๋ง นิ่มน่านมาหาแม่เร็วค่ะ” เหนือฟ้ากวักมือเรียกแก๊งเด็กแสบจึงรีบสับขาไปหาอย่างไว“มีอะหยังบะหนุนน้อย” บะแต๋งกุมมือแม่“แม่แค่อยากให้กำลังใจครับ แม่เชื่อว่าพวกลูกทำได้” เหนือฟ้าลูบศีระษะเล็กของลูกทั้งสามคนละที“แต๋งทำได้ครับ” บะแต๋งโผเข้ากอดแม่ พิงหน้ากับท้องเพื่อขอกำลังใจจากน้องแฝดสามที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่ช้า “อ้ายขอกำลังใจ๋หน่อยเน้อละอ่อนทั้งหลาย” “น่านก็ตำได้ น่านไปฝึกฉ้อมกับปาขี้ก่อนเน้ออี่แม่” น่านฟ้าชูสองนิ้ววิ่งนำไปหาพ่อเป็นคนแรก ตามด้วยบะแต๋งเป็นคนที่สอง เหลือเพียงนิ่มฟ้าที่ยังยืนท่องภาษาญี่ปุ่นวนไปเวียนมาด้วยความไม่มั่นใจ“คนนี้ล่ะทำได้หรือเปล่า” เหนือฟ้ายื่นมือไปให้ลูกสาวจับ เด็กหญิงจับมือแม่มาหอมเพื่อสร้างกำลังใจให้ตนเอง“นิ่งตำอย่างอื่นได้จ้าว แต่นิ่งจำปาสายี่ปุ่งบ่ได้” นิ่มฟ้าบอกปัญหาที่ตนเองมีให้แม่ฟัง“เขาให้พูดว่า ชิอาวาเสะ เดส เนะ ก็แค่คำพูดเพียงหกคำเท่านั้นเอง เหมือนตอนที่หนูนับควายหกตัวนั่นแหละ”เพราะเธอรู้ดีว่าลูกสาวเห็นทุกอย่างเป็นควายไปซะหม