อาคารสูงของ Tokyo Horizon News ตั้งตระหง่านเสียดฟ้า ใจกลางมหานครโตเกียว เบื้องล่างคือถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์และผู้คน เสียงแตรรถ เสียงพูดคุยจอแจ และเสียงโฆษณาดิจิทัลบนจอยักษ์ที่ฉายภาพข่าวล่าสุด ผสมปนเปกันจนกลายเป็นเสียงซิมโฟนี่แห่งเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล
ภายในสำนักงาน บรรยากาศแตกต่างจากความวุ่นวายภายนอก โทนสีขาวสะอาดตาของออฟฟิศ ผนังกระจกใสเผยให้เห็นวิวของตึกระฟ้าที่ตั้งเรียงราย พื้นที่เปิดโล่งกว้างขวาง โต๊ะทำงานจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แฟ้มเอกสาร และแก้วกาแฟวางกระจัดกระจาย เสียงโทรศัพท์ดังระงม เสียงพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดรัวเร็ว สลับกับเสียงพูดคุยเร่งรีบของนักข่าว ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด บ่งบอกถึงแรงกดดันในสมรภูมิข่าว
โต๊ะของมิเอโกะอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปเห็นตึกระฟ้าสูงตระหง่าน และท้องฟ้าสีหม่นของโตเกียว เธอนั่งหลังตรง มือข้างหนึ่งเลื่อนดูเอกสารในแฟ้มอย่างละเอียด ส่วนมืออีกข้างจรดปากกา ขีดเขียนข้อความลงในสมุดบันทึก รูปถ่ายโกดังร้างเก่าๆ วางอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเธอจับจ้องที่ภาพนั้น ราวกับจะค้นหาคำตอบที่ซ่อนอยู่
“พวกมันใช้เส้นทางนี้ขนส่งมาหลายเดือนแล้ว ทำไมตำรวจถึงยังจับไม่ได้?” มิเอโกะพึมพำกับตัวเอง ขณะอ่านเอกสารในมือ “หรือว่า...มีคนในรู้เห็นเป็นใจ?”
เธอผละออกจากโต๊ะ เดินไปหยุดอยู่หน้าแผนผังการขนส่งขนาดใหญ่ที่แปะอยู่บนผนัง ใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาครุ่นคิด
“โกดังที่คันดะ... คืนนี้พวกมันจะใช้ที่นั่นเป็นจุดพักของ” มิเอโกะยืนกอดอก จ้องมองแผนที่ “ถ้าฉันไปถึงก่อน อาจจะเก็บหลักฐานอะไรได้บ้าง”
เธอเดินกลับมาที่โต๊ะ หยิบเอกสารอีกชุดขึ้นมาเปิดอ่าน มันเป็นรายงานเกี่ยวกับสมาชิกแก๊งยามาโตะ ชื่อของ “คุโรคิ” ถูกขีดเส้นใต้ด้วยปากกาสีแดง
“นายเป็นคนส่งข้อมูลนี้มาเอง...” มิเอโกะมองชื่อนั้นด้วยสายตาแข็งกร้าว “แสดงว่านายรู้เรื่องภายในมากกว่าที่พูด ฉันต้องระวังตัวไว้ให้มาก”
เธอปิดแฟ้มลง แรงกดบนสันแฟ้มมากกว่าปกติ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ขณะครุ่นคิดถึงความเสี่ยงอันใหญ่หลวง
“ถ้าฉันทำสำเร็จ คนพวกนี้จะไม่สามารถทำลายชีวิตใครได้อีก...” เธอพูดเบาๆ ราวกับจะปลุกปลอบใจตัวเอง “แต่ถ้าฉันพลาด—”
ประโยคขาดห้วงไป ความเงียบเข้าปกคลุม ก่อนที่มิเอโกะจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว สีหน้ากลับมามุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว
“ฉันจะไม่พลาด ฉันจะไม่มีวันยอมให้พวกมันชนะ!”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือ กดหมายเลขของนักสืบคุโรคิ รอสายไม่นาน เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น
"สวัสดีครับ คุณมิเอโกะ" เสียงคุโรคิเอ่ยทัก
"คุณแน่ใจใช่ไหม ว่าโกดังที่คันดะจะเป็นจุดที่พวกมันจะใช้งานคืนนี้?" มิเอโกะถามเสียงเครียด
"แน่ใจ ผมได้ยินพวกมันวางแผนกันตอนที่แฝงตัวอยู่ในบ่อน" คุโรคิตอบ "ผมแนะนำให้คุณส่งข้อมูลนี้ให้ตำรวจจะดีกว่านะ มันเสี่ยงเกินไปสำหรับคุณ"
"ฉันทำแบบนั้นไม่ได้" มิเอโกะตัดบท น้ำเสียงหนักแน่น "มีตำรวจบางคนอาจเกี่ยวข้องกับพวกมัน ถ้าฉันอยากได้ความจริง ฉันต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง"
เสียงถอนหายใจยาวดังมาจากปลายสาย "ถ้าอย่างนั้นคุณต้องระวังตัวให้มาก แก๊งนี้โหดเหี้ยม พวกมันฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา"
มิเอโกะนิ่งไปอึดใจ ก่อนตอบกลับ "ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง แต่ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่"
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่คุโรคิจะพูดต่อ "ผมจะคอยดูอยู่ห่างๆ ถ้ามีอะไรผิดปกติ รีบโทรหาผมทันที"
"ขอบคุณค่ะ คุณคุโรคิ" มิเอโกะยิ้มบางๆ
เธอวางสาย เก็บเอกสารทั้งหมดลงกระเป๋า เป้าหมายของคืนนี้ชัดเจน เธอรู้ดีว่าต้องเจอกับอะไร
เสียงนาฬิกาบอกเวลาดังขึ้นอีกครั้ง ห้องทำงานกลับสู่ความเงียบ มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟบนโต๊ะที่สะท้อนประกายมุ่งมั่นในแววตาของนักข่าวสาว เธอหยิบกล้องและแฟ้มขึ้นมา ก่อนจะก้าวออกจากห้อง
มิเอโกะคิดในใจ "ถ้าฉันเปิดโปงเรื่องการขนส่งยาเสพติดและอาวุธเถื่อนของแก๊งยามาโตะ คุโรคิ ได้ ผู้บริสุทธิ์จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป..."
"มิเอโกะ!"
เสียงทุ้มห้าวเรียกชื่อเธอดังลั่น ฝีเท้าหนักแน่นใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว มิเอโกะหันกลับไป เผชิญหน้ากับคุณอากิโตะ บรรณาธิการข่าว ผู้มีสีหน้าเคร่งเครียด
เสียงเรียกดังจนเพื่อนนักข่าวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ หันมามอง อายูมิที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปขมวดคิ้ว เรย์โกะชะงักมือจากการพิมพ์ ส่วนฮิโรชิที่เพิ่งกลับจากการประชุมวางแฟ้มลงบนโต๊ะ หันมามองด้วยความสนใจ
อากิโตะยืนค้ำโต๊ะมิเอโกะ กอดอกแน่น ดวงตาคมกริบจับจ้องเธอ "ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังจะไปที่โกดังร้าง เพื่อสืบเรื่องแก๊งยามาโตะ ใช่ไหม?"
มิเอโกะนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเขา ดวงตาของเธอฉายแววมุ่งมั่น "ใช่ค่ะ ฉันต้องการหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้ เพื่อเปิดโปงพวกมัน"
อากิโตะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นลูบคาง ส่ายหน้าช้าๆ "นี่มันเสี่ยงเกินไป! แก๊งนั่นมันโหดเหี้ยมอำมหิต คุณไม่รู้หรอกว่าพวกมันเคยทำอะไรกับนักข่าวคนก่อนๆ บ้าง!"
มิเอโกะนิ่งฟัง แต่ไม่ตอบ เธอยังคงจ้องมองเขา จนกระทั่งอายูมิลุกขึ้น เดินตรงเข้ามาหา
"มิเอโกะ เธอแน่ใจเหรอว่าจะไปคนเดียว?" อายูมิถามเสียงสั่น "ฉันรู้ว่าเธอเก่ง... แต่ครั้งนี้มันอันตรายเกินไปจริงๆ นะ"
เรย์โกะวางมือจากคีย์บอร์ด หันมาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แฝงไว้ด้วยความกังวล "ฉันก็เห็นด้วยกับอายูมิ เธอควรแจ้งตำรวจ ดีกว่าทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้"
ฮิโรชิเดินเข้ามาสมทบ ยืนกอดอก สีหน้าจริงจัง "มิเอโกะ พวกเราเป็นห่วงเธอนะ เธอเป็นเพื่อนของพวกเรา เราไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไป คิดถึงตัวเองบ้างสิ"
มิเอโกะสบตาเพื่อนทั้งสามทีละคน เธอยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง... แต่ฉันจะให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย แล้วใครจะทำ?"
อากิโตะกระแทกมือลงบนโต๊ะ เสียงดังจนทุกคนสะดุ้ง
"ในฐานะบรรณาธิการ ผมสั่งให้คุณยกเลิกแผนนี้เดี๋ยวนี้!" น้ำเสียงของเขาเฉียบขาด
มิเอโกะเม้มปากแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้น สบตาเขาอย่างแน่วแน่ "ฉันเคารพคำสั่งของคุณค่ะ แต่ในฐานะนักข่าว ฉันมีหน้าที่แสวงหาความจริง และนำเสนอความยุติธรรม ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะรับผิดชอบเองค่ะ"
อากิโตะถอนหายใจยาว เขามองมิเอโกะครู่ใหญ่ ก่อนจะยอมผละออก เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเขา แต่ยังคงจับตามองเธอไม่วางตา
ฮิโรชิก้าวเข้ามาใกล้ วางมือบนบ่าของมิเอโกะ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลง "ถ้างั้นสัญญากับพวกเรานะ ว่าเธอจะระวังตัวให้มากๆ และจะติดต่อพวกเราทุกๆ ชั่วโมง ตกลงไหม?"
อายูมิพยักหน้าเห็นด้วยทันที "ใช่! แล้วถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เธอต้องรีบหนีออกมาทันทีเลยนะ"
มิเอโกะยิ้ม คว้ากระเป๋ากล้องและแฟ้มข้อมูลที่เตรียมไว้ พยักหน้าให้เพื่อนๆ "ขอบคุณนะทุกคน ฉันจะระวังตัวค่ะ"
เรย์โกะถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง "ขอให้โชคดีนะ อย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงเกินไปล่ะ มิเอโกะ"
มิเอโกะไม่ตอบ เธอยิ้มให้เพื่อนทั้งสาม ก่อนจะเดินออกจากสำนักงานไป ทิ้งให้ทุกคนมองตามด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง และเป็นห่วง
อากิโตะมองตามแผ่นหลังของมิเอโกะจนลับสายตา ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง "เด็กดื้อเอ๊ย..."
ณ. โกดังร้างย่านชานเมืองโตเกียวแสงแดดยามเย็นที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างแตก ๆ ไม่อาจช่วยลดความเงียบงันของโกดังร้าง เสียงลมหวีดหวิวปะปนกับเสียงเหยี่ยวร้องไกล ๆ ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนฉากในหนังอาชญากรรมมิเอโกะซ่อนตัวอยู่หลังกล่องไม้เก่า ๆ ดวงตาจับจ้องไปที่กลุ่มชายชุดดำซึ่งกำลังขนย้ายกล่องเหล็กหลายใบเข้าไปในรถบรรทุก เสียงหัวหน้าแก๊งที่ยืนอยู่กลางวงดังขึ้นหัวหน้าแก๊ง: "ระวังหน่อย อย่าให้กล่องไหนเสียหาย ของข้างในมันแพงกว่าชีวิตพวกแกซะอีก"ชายในชุดดำพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเคร่งขรึม มิเอโกะหรี่ตามองผ่านเลนส์กล้อง เธอพยายามซูมเข้าไปใกล้กล่องที่ถูกเปิดบางส่วน ภายในนั้นเต็มไปด้วยอาวุธและถุงพลาสติกบรรจุผงสีขาวมิเอโกะ: (กระซิบกับตัวเองเบา ๆ)"อาวุธ... แล้วนั่นยาเสพติดใช่ไหม? พวกมันต้องถูกจับให้ได้"เธอเก็บภาพทุกอย่างอย่างระมัดระวัง หัวใจเต้นแรงด้วยทั้งความกลัวและความมุ่งมั่น ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จนกระทั่ง...เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นดวงตาของมิเอโกะเบิกกว้าง เธอรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพยายามปิดเสียงให้เร็วที่สุด แต่ไม่ทันเสียแล้ว หัวหน้าแก๊งหันขวับมาทางเธอ พร้
สถานที่: บนรถของเคนชิโร่รถยนต์หรูสีดำแล่นอย่างนุ่มนวลไปตามถนนย่านชานเมือง โตโยะ คนขับรถส่วนตัวของเคนชิโร่ จับพวงมาลัยแน่น ดวงตาจดจ่ออยู่ที่ถนนข้างหน้า บอดี้การ์ดห้าคนของเขานั่งกระจายกันอยู่ในรถสองแถวหลัง สีหน้าของทุกคนเคร่งเครียดเหมือนพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันมิเอโกะนั่งชิดประตูด้านซ้าย กระเป๋าสะพายของเธอวางบนตัก มือกำแน่นจนข้อขาว เธอยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงไม่หยุดหลังการหนีตายเมื่อครู่เคนชิโร่ที่นั่งข้างเธอ เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ฟังแล้วหนักแน่นเคนชิโร่:"คุณเป็นใครครับ? ทำไมถึงถูกตามล่า?"มิเอโกะสะดุ้งเล็กน้อย เธอก้มหน้าลง สูดหายใจลึกก่อนตอบเสียงเบามิเอโกะ:"ฉัน... ฉันเป็นนักข่าวค่ะ มิเอโกะ จาก Tokyo Horizon News"เคนชิโร่พยักหน้าเล็กน้อย หันหน้ากลับไปมองถนนเบื้องหน้า น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเคนชิโร่:"และคุณไปทำอะไรที่โกดังนั่น?"เธอหันมามองเขาอย่างลังเล ก่อนตัดสินใจพูดออกมาในที่สุดมิเอโกะ:"ฉันกำลังสืบเรื่องแก๊งยามาโตะ คุโรคิ พวกเขาขนยาเสพติดและอาวุธผิดกฎหมาย ฉันต้องการเปิดโปงพวกเขา"ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรในทันที มือของเขาที่วางอยู่บนเข่าข
สถานที่: หน้าสำนักข่าว Tokyo Horizon Newsบอดี้การ์ดสองคนของเคนชิโร่ยืนอยู่หน้าสำนักงานข่าวอย่างเงียบ ๆ ภายใต้แสงแดดที่ค่อนข้างแรง พวกเขามองไปที่ประตูทางเข้าอย่างระมัดระวัง เหมือนกับว่ารู้ว่ามิเอโกะกำลังจะเดินออกมาจากภายในไม่ช้าบอดี้การ์ด 1: (หันไปทางอีกคนหนึ่ง)"คุณคิดว่าเธอจะเชื่อใจเจ้านายเราไหม?"บอดี้การ์ด 2: (ยักไหล่)"มันไม่ใช่เรื่องของเรา... แค่ทำตามคำสั่ง"ทั้งสองคนยืนรออย่างอดทน และในขณะที่ทั้งสองกำลังยืนคุยกัน มิเอโกะก็กลับมาถึงที่หน้าสำนักงานข่าวโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอกับคนเหล่านี้ เธอหยุดเดินเมื่อเห็นชายสองคนในชุดดำยืนอยู่ข้างหน้ามิเอโกะ: (มองอย่างสงสัย)"คุณสองคนมาทำอะไรที่นี่คะ?"บอดี้การ์ดทั้งสองยืนนิ่งอยู่ก่อนจะหันมามองกันบอดี้การ์ด 1: (ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ)"คุณมิเอโกะ... เรามีคำสั่งจากคุณเคนชิโร่"มิเอโกะ: (สงสัย)"จากคุณเคนชิโร่?"บอดี้การ์ด 2: (ยิ้มเล็กน้อย)"เขานัดพบคุณที่ไนท์คลับของเขา พรุ่งนี้เช้า"มิเอโกะเงียบไปสักพัก เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับการติดต่อจากเคนชิโร่ในทันทีแบบนี้ แต่ก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจและอาจเป็นโอกาสในการหาคำตอบเกี่ยวกับเขาและแก๊งค์มาเฟียมิ
สถานที่: ห้องทำงานส่วนตัวของเคนชิโร่, ที่อยู่อาศัยของเขาเคนชิโร่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา สายตาของเขาจับจ้องไปที่โต๊ะทำงานที่มีไฟสีเหลืองอ่อนส่องสว่าง เขาหยุดยืนอยู่ที่ประตูแล้วมองไปที่นาฬิกาแขวนกำแพง ก่อนจะหันกลับมาหามิเอโกะที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ ในมือของเธอถือเอกสารที่เขามอบให้ เธอคลี่อ่านมันอย่างระมัดระวัง"คุณแน่ใจหรือว่าจะทำแบบนี้?" เคนชิโร่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เงียบขรึมมิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร เมื่อเห็นการแสดงออกของเขา เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ถามแค่คำถามนั้น แต่กำลังพยายามสื่อถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา"แน่ค่ะ ฉันไม่กลัว..." เสียงของมิเอโกะทุ้มลง แต่ยังคงมั่นคง "แค่บอกมา ถ้าฉันต้องทำอะไร ผมก็จะทำ"เคนชิโร่ยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังประเมินสถานการณ์ เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานและเริ่มจัดเรียงเอกสารบางอย่าง ขยับปากเพื่อพูด แต่แล้วก็หยุดหายใจไปชั่วขณะ"มันจะอันตรายมาก" เคนชิโร่พูดเสียงเบา แต่มันหนักแน่นมิเอโกะเดินเข้ามาใกล้ ค่อยๆ วางเอกสารลงบนโต๊ะอย่างตั้งใจและมองเขาตรงๆ "ถ้าไม่ทำอะไรเลย พวกนั้นก็จะทำลายทุกอย่าง" เธอหยุดพูดไปและมองเขาในสายตาที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่น "ฉันพร้อมแล้วค่ะ"
"ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับโกดังอื่นที่พวกมันใช้" เคนชิโร่พูดเสียงเรียบ สายตาของเขาไม่ละจากเธอ "คุณสนใจจะร่วมมือกันไหม?"มิเอโกะเลื่อนแก้วเครื่องดื่มในมือไปมาอย่างช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองตาเขา พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก"แน่นอนค่ะ ถ้ามันช่วยกำจัดพวกนั้นได้ ฉันยินดีทำทุกอย่าง" เสียงของมิเอโกะแฝงไปด้วยความมั่นใจ ความมุ่งมั่นในตัวเธอสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน แม้ภายในใจจะมีความกังวลแฝงอยู่ก็ตามเคนชิโร่พยักหน้า ก่อนจะยื่นแผนที่ที่เขาเตรียมไว้ให้เธอ "นี่คือสถานที่ที่พวกมันใช้เป็นโกดังเก็บสินค้า ผมเพิ่งได้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับมัน"มิเอโกะมองแผนที่ที่เขายื่นให้ ความสงสัยและความตึงเครียดเริ่มสะท้อนในดวงตาของเธอ เธอรู้ว่าข้อมูลนี้คือกุญแจสำคัญที่อาจจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง"ถ้าข้อมูลนี้ถูกต้อง" มิเอโกะพูดเสียงต่ำ แต่จังหวะการพูดของเธอเต็มไปด้วยความตั้งใจ "พวกนั้นจะไม่ยอมให้เราเข้าถึงได้ง่ายๆ แน่"เคนชิโร่ไม่ตอบ แต่หันไปมองแผนที่อย่างครุ่นคิด "นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องการคุณเข้ามาช่วย คุณมีทักษะในการสืบสวนที่พวกเขาคงไม่คาดถึง"มิเอโกะพยักหน้า มองแผนที่ที่เขายื่นให้แล้วพูดต่อ "เราต้องวางแผนให้รัดกุม และทำให้พว
ณ.บ้านพักของเคนชิโร่ เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ เคนชิโร่ยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร ขณะที่มือของเขากำลังขยับไปมาบนสมาร์ทโฟนตรวจสอบข้อมูลบางอย่างมิเอโกะที่นั่งอยู่บนโซฟา หยิบแก้วกาแฟที่ยังอุ่นอยู่ขึ้นมาดื่ม รู้สึกถึงความเงียบที่แปลกประหลาดในห้องนี้ แม้จะมีเสียงของเครื่องชงกาแฟในห้องครัวอยู่เบาๆ แต่ความรู้สึกของเธอก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาเคนชิโร่หันมองไปที่มิเอโกะ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย“วันนี้เราจะไปที่โกดังเก่าของแก๊งค์มาเฟียที่คุณบอก เราต้องหาคำตอบให้ได้” เขาพูดขณะยกมือลูบคางเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถึงแผนการอะไรบางอย่างที่อยู่ในหัวมิเอโกะพยักหน้าเบาๆ แม้จะรู้สึกตึงเครียด แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ เธอได้แต่หวังว่าเคนชิโร่จะสามารถนำพาเธอผ่านเรื่องราวทั้งหมดไปได้เสียงโทรศัพท์มือถือของเคนชิโร่ดังขึ้น เขากดรับสายโดยไม่พูดอะไร และแค่ฟังเสียงที่ปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง“ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม?” เคนชิโร่ถามเสียงตอบกลับจากปลายสายฟังดูราบเรียบ แต่มั่นใจ “ครับ คุณเค
บรรยากาศโกดังเก่าริมชายทะเลที่แทบจะไม่มีผู้คนผ่านไปมาบ่อยครั้ง กลิ่นของเกลือทะเลและสนิมผสมปะปนไปกับอากาศหนาวเย็นของยามเช้า บรรยากาศรอบๆ เป็นความเงียบสงัดที่ไม่สามารถล่วงรู้ถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอยเท้าของทั้งสองคนสะท้อนบนพื้นไม้ผุๆ แสงแดดเพียงเล็กน้อยจากหน้าต่างที่แตกส่องลงมาในห้อง สร้างบรรยากาศที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกมิเอโกะยืนอยู่ข้างเคนชิโร่ หัวใจของเธอกระตุกแรงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกระทบของวัตถุต่างๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในมุมมืด ความกลัวเริ่มคลืบคลานเข้ามาทุกที ทุกย่างก้าวที่เธอก้าวไปข้างหน้า ความรู้สึกที่กดดันนี้ทำให้ลมหายใจของเธอเริ่มหายไปทีละน้อยเคนชิโร่หันมามองเธอ ขณะที่มือของเขาคอยจับกระบอกปืนด้วยท่าทีระมัดระวัง เขารู้ดีว่าทุกการเคลื่อนไหวในที่แห่งนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ“คุณไม่ต้องกังวลครับ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่มันกลับมีบางอย่างที่อบอุ่นในนั้น “ผมจะอยู่ข้างคุณตลอดเวลา”มิเอโกะเหลือบมองเขา สายตาของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดจากแสงที่ค่อนข้างน้อย แต่น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้สึกถึงความมั่นคงบางอย่างที่ค่อยๆ คลายความกังวลในใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ... แต่มันเหมือนกับว่า ฉันไม
สถานที่ที่พวกเขามาถึงคือห้องลับในโกดังเก่า ที่มืดสลัวราวกับว่าไม่มีวันสิ้นสุด เสียงกุกกักจากสายลมที่พัดเข้ามาในซอกมุมของสถานที่นี้ บางครั้งสะท้อนเสียงจากเหล็กที่ขูดกับพื้นไม้เก่าๆ ราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่มีวันหยุดพัก บรรยากาศเย็นยะเยือกทำให้มิเอโกะรู้สึกถึงการหายใจที่หนักหน่วง และหัวใจที่เต้นรัวอย่างไม่อาจควบคุมเคนชิโร่เดินนำหน้า มองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น มือของเขาไม่ได้คลายจากการจับกระบอกปืน แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนเขาจะใจเย็น แต่ร่างกายของเขาก็มีความตึงเครียดที่มิเอโกะไม่สามารถมองข้ามไปได้มิเอโกะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดภายใน จนทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวหรือพูดอะไรออกไปได้ ในทุกย่างก้าวที่เธอก้าวไปข้างหน้า เธอกำลังเดินเข้าสู่ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“คุณเคนชิโร่...” มิเอโกะเริ่มพูดในที่สุด เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อพยายามยืนยันความคิดในหัวเคนชิโร่หันมาเธอพร้อมกับมองตรงไปที่ดวงตาของเธอ เขารู้ว่าคำถามนี้จะต้องมีมา แต่ก็เลือกที่จะรอฟัง มิเอโกะยืนอยู่ตรงนั้น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดคำถามที่เธอไม่อาจเก็บไว้ได้อีกต่อไป“เรา... จะต้องเผชิญกับอะไรที่นี่คะ? ถ้าฉัน... ถ้าฉันทำไม่ไห
สถานที่: สวนสาธารณะสวนเคียวอิชิวันที่แห่งความหวังได้มาถึงแล้ว สวนสาธารณะเคียวอิชิเต็มไปด้วยดอกไม้ที่เบ่งบานและต้นไม้เขียวขจี ไกลออกไปจากเมืองที่เงียบสงบ มันเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นใหม่ และวันนี้มันจะกลายเป็นที่ที่ชีวิตของมิเอโกะจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เคนชิโรเดินจับมือมิเอโกะออกจากร้านคาเฟ่ ก็ชวนมิเอโกะมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ร้านคาเฟ่กันต่อ มิเอโกะนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เคนชิโร่เดินเข้ามาหาเธอและยิ้มอย่างอบอุ่น เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความมั่นคง"มิเอโกะ" เคนชิโร่เรียกชื่อเธอเบาๆ ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ "ฉันคิดมานานแล้วเกี่ยวกับเส้นทางของเรา และมันเป็นสิ่งที่ฉันมั่นใจที่สุดในชีวิต"มิเอโกะหันไปมองเขาและยิ้ม "อะไรคะ เคนชิโร่?"เคนชิโร่สูดลมหายใจเข้าลึกและหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า เขาหยุดสักครู่ก่อนที่จะเปิดกล่องออกเผยแหวนเพชรที่สวยงาม "มิเอโกะ... ฉันไม่สามารถจินตนาการชีวิตของตัวเองหากไม่มีคุณ คุณทำให้ทุกอย่างมีความหมายมากขึ้น คุณพร้อมที่จะเดินทางไปกับฉันตลอดไปไหม?"มิเอโกะตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเต็มไปด้วยน้
สถานที่: คาเฟ่ริมแม่น้ำ ซากุระสเตชั่นแสงแดดยามบ่ายทาบทับแม่น้ำโคะระ และท้องฟ้าโปร่งใสทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ข้างนอกดูสดใสและเงียบสงบ มิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะในคาเฟ่ริมแม่น้ำ ซากุระสเตชั่น พร้อมกับดื่มกาแฟดำที่เธอชื่นชอบ เธอกำลังคิดถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เธอทำเมื่อไม่นานมานี้ การเลือกที่จะไม่เพียงแต่เลือกเส้นทางเดียวในชีวิต แต่เลือกที่จะเดินไปข้างหน้าพร้อมกับทั้งสองทางในมือ—งานและความรักเคนชิโร่เดินเข้ามาในร้าน คาเฟ่ที่มีทั้งการตกแต่งที่อบอุ่นและบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะกับการมานั่งพักผ่อนหลังจากวันที่วุ่นวาย เขายิ้มให้กับมิเอโกะที่นั่งอยู่ตรงมุมข้างหน้าต่าง เธอหันไปมองเขาและยิ้มตอบด้วยความอ่อนโยน"สวัสดีครับ...วันนี้ดูเหมือนคุณจะนั่งพักไปได้นานเลยนะครับ" เคนชิโร่เริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นมิเอโกะยิ้ม "ใช่ค่ะ บางครั้งการนั่งเงียบๆ และคิดถึงบางเรื่องมันทำให้รู้สึกสงบดีค่ะ" เธอวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วมองไปที่ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเคนชิโร่เห็นท่าทางของเธอและรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง "คุณคิดอะไรอยู่ครับ? ดูเหมือนว่าจะมีอะไรอยู่ในใจมากมาย"มิเอโกะพยักหน้าแล้วถอนหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดต่อ
สถานที่: ร้านกาแฟริมน้ำ, สวนสาธารณะคามากูระเช้าวันใหม่ในคามากูระเต็มไปด้วยแสงแดดที่อ่อนโยนและท้องฟ้าที่ใสสะอาด มิเอโกะยืนอยู่หน้าร้านกาแฟริมน้ำที่เธอเคยมาพบเคนชิโร่หลายครั้ง มันเป็นสถานที่ที่เธอรู้สึกผ่อนคลายและสามารถคิดได้ชัดเจนในช่วงเวลาที่วุ่นวายภายในจิตใจวันนี้มิเอโกะจะต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตการทำงานและความรักของเธอ เธอยืนอยู่ที่นี่เพื่อให้เวลาให้ตัวเองคิดก่อนที่จะพบกับเคนชิโร่ และพูดถึงการตัดสินใจที่เธอคิดมานานไม่ไกลจากนั้นเคนชิโร่เดินเข้ามาที่ร้านกาแฟและมองเห็นมิเอโกะยืนอยู่ริมระเบียงมองไปที่ท้องทะเล สภาพแสงแดดยามเช้าทำให้ทุกอย่างดูสวยงามและเงียบสงบ เหมือนกับโลกใบนี้ให้เวลาเธอได้หายใจ และคิดสิ่งที่ต้องการจะทำเคนชิโร่เดินไปใกล้และทักทายเธอ "มิเอโกะ, คุณมาเร็วมากเลยครับ"มิเอโกะหันไปยิ้มให้เขา และเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ ความเครียดที่สะสมไว้หลายวันเริ่มลดลงไป "ใช่ค่ะ ฉันอยากมาให้ตัวเองมีเวลาคิดอะไรหลายๆ อย่าง"ทั้งสองนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างของร้านกาแฟที่มองออกไปเห็นวิวทะเลที่เงียบสงบในตอนเช้า เคนชิโร่เปิดการสนทนาด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "คุณยังรู้สึกไม่แน่ใจใช่ไหมครับ
สถานที่: อาคารสำนักงานมิเอโกะ, ชายหาดคามากูระหลังจากที่มิเอโกะได้รับคำปลอบใจจากเคนชิโร่ในสวนสาธารณะยูโนะ สองวันที่ผ่านมาชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและคำถามที่ค้างคาใจ เธอได้กลับไปที่บริษัทและพยายามโฟกัสกับงานมากขึ้น แต่ทุกอย่างยังคงไม่ง่ายดาย เพราะเธอยังคงรู้สึกถึงการแบ่งแยกระหว่างการทำตามความฝันในอาชีพการงานและการเลือกชีวิตส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความรักและความสัมพันธ์วันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของมิเอโกะ เพราะเธอต้องทำการตัดสินใจเรื่องใหญ่ในงานที่เธอทำอยู่กับโครงการสำคัญที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของบริษัทได้ แต่การตัดสินใจในเรื่องนี้กลับไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเพราะมันเกี่ยวข้องกับคำถามที่ยากเกี่ยวกับความสำเร็จและความรักมิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในอาคารสำนักงานของบริษัท ท่ามกลางกองเอกสารที่ซ้อนกันอยู่ เธอรู้สึกเหมือนมีโลกทั้งใบถล่มใส่ตัวเอง เมื่อเธอต้องรับผิดชอบในโครงการใหญ่ที่สามารถกำหนดทิศทางอนาคตของบริษัท แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกที่ตึงเครียดจากความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเคนชิโร่ยังคงตามหลอกหลอนเธอโทโมโกะก้าวเข้ามาในห้องทำงานของมิเอโกะด้วยท่าทางที่จริงจัง "มิเอโกะคะ ว
สถานที่: สวนสาธารณะยูโนะในโตเกียวเมื่อมิเอโกะกลับมาถึงบริษัทในตอนเย็น ความรู้สึกที่ยังค้างอยู่จากการสนทนากับเคนชิโร่ในร้านอาหารริมทะเลคามากูระยังคงตามหลอกหลอนเธอ การตัดสินใจในชีวิตที่เธอต้องทำกำลังกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นทุกที แต่สิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจกลับไปที่บริษัทก็เพราะไม่อยากให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทลุกลามไปมากกว่านี้ทุกครั้งที่เธอพยายามทิ้งปัญหานี้ไปสักพักหนึ่ง ความกดดันก็ยังคงกลับมารบกวนใจอยู่ดี เหมือนกับเงาที่ไม่สามารถหลบหนีไปได้ เธอรู้ว่าเธอจะต้องพบกับมันในอนาคตอันใกล้ และความไม่มั่นใจในเส้นทางชีวิตของเธอก็ยิ่งทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในระหว่างการประชุมที่บริษัท โทโมโกะเริ่มพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการใหญ่ของพวกเขา ความเครียดและความวิตกกังวลในตัวมิเอโกะเพิ่มขึ้นเมื่อได้ยินรายละเอียดของปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหานี้เป็นสิ่งที่มิเอโกะรู้ดีว่าเธอจะต้องแก้ไข แต่คำถามที่ยังค้างในใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองยังคงวนเวียนอยู่ตลอดเวลา"มิเอโกะค่ะ เราต้องการคุณในการตัดสินใจเรื่องนี้" โทโมโกะพูดด้วยน้ำเสียงเครียด "ถ้าเราไม่รีบแก้ไข ปัญหานี้จะยิ่งซับซ้อนและอาจส่งผลกระ
สถานที่: ร้านอาหารริมทะเลคามากูระหลังจากคืนที่เต็มไปด้วยความคิดในคาเฟ่ริมแม่น้ำสุมิดะ มิเอโกะรู้สึกถึงแรงกดดันจากการตัดสินใจที่ต้องเผชิญในชีวิตของเธอ แม้ว่าเคนชิโร่จะทำให้เธอรู้สึกสบายใจ แต่เธอก็ยังคงมีคำถามในใจเกี่ยวกับอนาคต ความไม่แน่นอนของเส้นทางที่เธอเลือกเดินยังคงเป็นภาระที่เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้วันต่อมา เคนชิโร่ได้พามิเอโกะไปยังร้านอาหารริมทะเลคามากูระ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาชื่นชอบมากที่สุดที่หนึ่ง สถานที่แห่งนี้มองเห็นทะเลที่เปิดกว้างและท้องฟ้าที่กว้างไกล บรรยากาศสงบและร่มรื่น เหมาะกับการพูดคุยและทำความเข้าใจชีวิตในมุมมองใหม่ร้านอาหารมีพื้นที่กลางแจ้งที่มองเห็นวิวทะเลและยังมีกลิ่นของเกลือทะเลที่ลอยมาจากข้างๆ เมื่อทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่างที่มองเห็นคลื่นทะเลที่กระทบชายหาด มิเอโกะรู้สึกถึงความสงบและสดชื่นที่เริ่มเข้ามาในใจเธอ แม้ว่าจะยังคงมีคำถามที่ติดค้างในใจ"คุณรู้ไหมคะว่าเมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าความสำเร็จในชีวิตคือการมีทุกอย่างที่อยากได้ แต่พอได้ลองใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความรับผิดชอบ ทุกอย่างมันกลับดูซับซ้อนเกินไป" มิเอโกะเริ่มพูดอย่างเปิดใจ ขณะที่เธอสังเ
สถานที่: คาเฟ่ริมแม่น้ำสุมิดะหลังจากวันที่เต็มไปด้วยความท้าทายในการทำงาน มิเอโกะพบว่าเธอต้องการเวลาเพื่อฟื้นฟูจิตใจและพักผ่อนจากความเครียดจากธุรกิจที่ต้องรับผิดชอบ วันนั้นเธอได้ตัดสินใจโทรหาคนที่เธอรู้สึกว่าอาจเป็นแหล่งของความสงบ—เคนชิโร่ หลังจากที่ได้พูดคุยกันในวันก่อนหน้า เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังเติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อยทั้งสองตกลงที่จะพบกันที่คาเฟ่ริมแม่น้ำสุมิดะ สถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสงบและสวยงาม ตลอดทั้งเส้นทางการเดินจากสำนักงานไปยังคาเฟ่ มิเอโกะรู้สึกถึงความตึงเครียดในตัวเองที่เริ่มคลายลงเล็กน้อย เมื่อเธอเห็นเคนชิโร่ยืนรอที่มุมหนึ่งของคาเฟ่ เขาดูสงบและมั่นคงเช่นเคย รอยยิ้มของเขาทำให้ความเครียดที่สะสมมาทั้งวันเริ่มลดลง"สวัสดีครับ" เคนชิโร่ทักทายมิเอโกะด้วยเสียงนุ่มนวล ขณะที่เขาเชิญให้เธอนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่างที่มองเห็นทัศนียภาพของแม่น้ำสุมิดะที่ไหลเอื่อยๆ และท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีไปในยามเย็น"สวัสดีค่ะ" มิเอโกะยิ้มตอบและนั่งลงอย่างสบายๆ ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟที่เสิร์ฟให้ขึ้นมาดื่ม "วันนี้วันยาวจริงๆ ค่ะ รู้สึกเหมือนทุกอย่างต้องการความสนใจพร้อมๆ กัน"เคนชิโ
สถานที่: สวนริมน้ำซุมิดะ, โตเกียวฤดูใบไม้ผลิเริ่มแสดงตัวตนผ่านความสดใสของดอกซากุระที่เบ่งบานสะพรั่งรอบๆ สวนริมน้ำซุมิดะในกรุงโตเกียว เสียงน้ำที่ไหลเย็นผ่านหินในลำธารได้สร้างบรรยากาศอันสงบเงียบ ท่ามกลางสายลมเย็นๆ ที่พัดผ่าน มิเอโกะและเคนชิโร่เดินเคียงข้างกันท่ามกลางดอกซากุระที่กำลังผลิบาน สองคนต่างรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่มีคำพูดใดสามารถแทนที่ได้ การเดินในสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยความสงบจากธรรมชาติที่ล้อมรอบพวกเขา ทั้งสองยิ้มให้กันโดยไม่ต้องพูดอะไร ตลอดระยะทางที่เดินไปด้วยกัน พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดคุยมาก เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังเติบโตขึ้นในรูปแบบที่เงียบสงบและมั่นคง“คุณเคยคิดไหมครับว่า... อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต?” เคนชิโร่ถามเสียงเบา ขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ต้นซากุระที่กำลังผลิบานอย่างงดงาม "บางครั้งมันทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตมันไม่แน่นอน เราไม่อาจจะรู้ได้ว่าความท้าทายใหญ่ๆ จะมาเมื่อไหร่"มิเอโกะหันมามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ "ชีวิตทุกชีวิตมีอุปสรรคค่ะ แต่เราผ่านมันมาได้แล้วหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่เหรอคะ? ดังนั้น ถ้าเรายังอยู่ข้างกัน เราก็จะเอาชนะทุกอุปสรรคที่ขว
ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเริ่มเย็นขึ้นเพียงเล็กน้อย ภูมิทัศน์ของกรุงโตเกียวเต็มไปด้วยต้นซากุระที่กำลังเบ่งบานอยู่ริมถนน ขณะที่มิเอโกะและเคนชิโร่เดินเคียงข้างกันในสวนสาธารณะใกล้แม่น้ำสุมิดะ เสียงของน้ำที่ไหลกระทบกับหินในลำธารทำให้บรรยากาศรอบๆ เป็นไปอย่างสงบเงียบ ทั้งสองเดินไปด้วยกันอย่างไม่มีคำพูดมากมาย แต่ความเงียบนี้กลับเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดในตอนนี้ การอยู่เคียงข้างกันในช่วงเวลานี้ทำให้รู้สึกถึงความผูกพันที่ลึกซึ้งขึ้นท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอ่อนๆ เมื่อแสงแดดอ่อนๆ เริ่มลอยเหนือขอบฟ้า เคนชิโร่และมิเอโกะยังคงเดินไปด้วยกันอย่างเงียบๆ มือของเคนชิโร่ล้วงในกระเป๋ากางเกง ขณะที่มิเอโกะเดินเคียงข้างเขาด้วยท่าทางผ่อนคลาย แต่ภายในใจทั้งคู่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน“คุณรู้ไหม... มีบางครั้งที่ผมคิดว่าเราอาจจะต้องพบเจอกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ในอนาคต” เคนชิโร่พูดเสียงเบา ขณะที่มองไปที่ต้นซากุระที่เริ่มผลิบาน “ชีวิตคู่มันไม่ง่ายเลย แต่ผมก็มั่นใจในสิ่งที่เรามี”มิเอโกะยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา "เราผ่านอุปสรรคมามากมายแล้วค่ะ คุณไม่คิดว่าเรามีความสามารถที่จะเผชิญห