ณ.บ้านพักของเคนชิโร่ เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ เคนชิโร่ยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร ขณะที่มือของเขากำลังขยับไปมาบนสมาร์ทโฟนตรวจสอบข้อมูลบางอย่าง
มิเอโกะที่นั่งอยู่บนโซฟา หยิบแก้วกาแฟที่ยังอุ่นอยู่ขึ้นมาดื่ม รู้สึกถึงความเงียบที่แปลกประหลาดในห้องนี้ แม้จะมีเสียงของเครื่องชงกาแฟในห้องครัวอยู่เบาๆ แต่ความรู้สึกของเธอก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา
เคนชิโร่หันมองไปที่มิเอโกะ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“วันนี้เราจะไปที่โกดังเก่าของแก๊งค์มาเฟียที่คุณบอก เราต้องหาคำตอบให้ได้” เขาพูดขณะยกมือลูบคางเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถึงแผนการอะไรบางอย่างที่อยู่ในหัว
มิเอโกะพยักหน้าเบาๆ แม้จะรู้สึกตึงเครียด แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ เธอได้แต่หวังว่าเคนชิโร่จะสามารถนำพาเธอผ่านเรื่องราวทั้งหมดไปได้
เสียงโทรศัพท์มือถือของเคนชิโร่ดังขึ้น เขากดรับสายโดยไม่พูดอะไร และแค่ฟังเสียงที่ปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง
“ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม?” เคนชิโร่ถาม
เสียงตอบกลับจากปลายสายฟังดูราบเรียบ แต่มั่นใจ “ครับ คุณเคนชิโร่ ทุกคนพร้อมแล้วครับ”
เคนชิโร่พยักหน้า ก่อนจะวางสาย เขาหันมามองมิเอโกะด้วยสายตาที่ดุดัน แม้จะดูอ่อนโยนในบางครั้ง แต่ในสถานการณ์นี้ มันกลับเต็มไปด้วยความมั่นคงและความพร้อมที่จะเผชิญกับอันตราย
“เราจะไปที่โกดังเก่า ตอนนี้” เคนชิโร่พูดด้วยเสียงหนักแน่น เขาหยิบเสื้อสูทตัวหนึ่งจากตู้เสื้อผ้าและสวมมัน
มิเอโกะลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปข้างๆ เคนชิโร่ หัวใจของเธอกระตุกเล็กน้อยเมื่อเธอรู้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้อาจจะไม่เหมือนกับที่เธอเคยคิดมาก่อน
จากนั้นทั้งสองเดินออกจากห้องไปยังโรงรถที่มีรถหรูห้าคันจอดอยู่ ภายในไม่กี่นาที บอดี้การ์ดและคนขับรถทั้งหมดก็มาถึงจุดนัดพบและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง
เคนชิโร่เดินไปที่รถยนต์คันหน้าและเปิดประตูให้มิเอโกะขึ้นไป ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งในที่นั่งคนขับ บอดี้การ์ดทั้งห้าคนขึ้นไปยังรถอีกคันและขับตามมาอย่างใกล้ชิด
การเดินทางดำเนินไปอย่างเงียบงัน เสียงเครื่องยนต์ที่คำรามเบาๆ ทำให้มิเอโกะรู้สึกถึงความตึงเครียดที่ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกขณะ ทุกๆ กิโลเมตรที่รถเคลื่อนผ่านไป กลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับการเดินทางเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยอันตรายและความไม่แน่นอน
“คุณเคยมาโกดังเก่าที่นั่นหรือยังคะ?” มิเอโกะถามเสียงต่ำ ในขณะที่มองออกไปนอกรถ
เคนชิโร่หันมามองเธอครู่หนึ่งแล้วตอบ “เคย แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์แบบนี้” เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองที่ถนนข้างหน้า “ตอนนี้เราไม่แค่ตามหาคำตอบ เรายังต้องระวังตัวให้มากกว่าทุกครั้ง”
มิเอโกะมองเขาและพยักหน้า แม้จะยังไม่รู้ว่ามีอะไรที่ซ่อนอยู่ในโกดังแห่งนั้น แต่เธอเริ่มรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการตามหาคำตอบ แต่ยังเป็นการสำรวจความลับที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเคนชิโร่เอง
รถของทั้งสองแล่นผ่านถนนที่เต็มไปด้วยต้นไม้และบ้านพักที่ห่างไกล การเดินทางเริ่มเข้าสู่พื้นที่ชนบทจนกระทั่งมาถึงสถานที่ที่เคนชิโร่รู้จักดี—โกดังเก่าในชานเมืองที่ถูกทิ้งร้างไปหลายปี
เคนชิโร่ชะลอความเร็วรถและหันไปมองบอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่ตามมาอย่างใกล้ชิด เมื่อเขาเห็นพวกเขากลับมายิ้มให้กันเหมือนกับเป็นการยืนยันว่าไม่มีอุปสรรคอะไร
“เราถึงแล้ว” เคนชิโร่พูดก่อนจะหยุดรถที่ด้านหน้าโกดัง
มิเอโกะมองไปที่โกดังที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเงามืด ดูเหมือนว่าไม่มีใครในเมืองนี้จะมาที่นี่อีกเลย พื้นที่รอบๆ เต็มไปด้วยเศษขยะและกิ่งไม้ที่ปลิวไปมา
“คุณ... คุณมั่นใจว่าไม่มีใครรู้เรามาที่นี่ใช่ไหมคะ?” มิเอโกะถามอย่างระมัดระวัง
เคนชิโร่หันไปมองเธอและตอบ “ผมมั่นใจ ถ้าเราทำตามแผนที่วางไว้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราคาด”
เขาเปิดประตูรถและออกมาจากรถก่อนที่จะไปยืนที่ด้านข้างของโกดัง เหมือนกับว่าเขากำลังรอคอยบางสิ่งที่จะเกิดขึ้น
บอดี้การ์ดทั้งห้าคนตามหลังมาโดยไม่มีเสียง กลายเป็นว่าความเงียบที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในรอบๆ ตัวพวกเขา ทำให้มิเอโกะรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น
“ถึงเวลาแล้ว” เคนชิโร่พูดด้วยเสียงที่หนักแน่น ก่อนจะย่างก้าวไปข้างหน้า
มิเอโกะก้าวตามเขาไป หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น ในที่สุด พวกเขาก็อยู่ที่จุดที่สามารถไขความลับทั้งหมดได้แล้ว...
ณ.โกดังเก่าของแก็งค์มาเฟียริมชายทะเล
เสียงฝีเท้าของเคนชิโร่กึกก้องในความเงียบที่ปกคลุมโกดังเก่าตามไปพร้อมกับเสียงหายใจของมิเอโกะที่ไม่สามารถกลั้นได้ ความหนาวเหน็บในอากาศเย็นของช่วงเช้าเพิ่มความตึงเครียดให้กับบรรยากาศรอบตัว ทั้งสองเดินไปด้วยความระมัดระวัง ในขณะที่บอดี้การ์ดยืนประจำการอยู่ในตำแหน่งต่างๆ รอบๆ โกดัง
มิเอโกะมองไปรอบๆ เห็นเพียงเงาของโกดังที่แหลมคมท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มตกกระทบจากทิศทางข้างหลัง เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เริ่มติดขัด เมื่อเท้าของเธอเหยียบไปบนพื้นกรวดขรุขระ
"คุณเคนชิโร่…" เสียงของมิเอโกะแผ่วเบา แต่มันดังอยู่ในหูของเคนชิโร่ เขาหันมามองเธอทันที แต่ก็ยังคงยืนมั่นคงเหมือนกับหินก้อนใหญ่ที่ไม่เคยเคลื่อนไหว
"อะไรครับ?" เขาถามเสียงเรียบ ในขณะที่มือของเขายังคงประคองกระบอกปืนที่แขวนอยู่ข้างเอวด้วยท่าทีระมัดระวัง
มิเอโกะสูดหายใจเข้า แล้วพูดต่ออย่างช้าๆ “คุณเคยรู้สึกไหมคะ… ว่าเราอยู่ที่นี่กันแค่สองคนในโลกนี้?” น้ำเสียงของเธอค่อยๆ เบาลง ขณะที่สายตาของเธอไม่ยอมหันไปจากเคนชิโร่
เคนชิโร่หันไปมองเธออีกครั้ง เขาสังเกตเห็นดวงตาของมิเอโกะที่เต็มไปด้วยความกลัวบางอย่างที่เธอพยายามซ่อนมันเอาไว้ แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงความกลัวนี้ได้
"คุณรู้ไหมครับว่า ผมไม่เคยรู้สึกเหมือนตอนนี้มาก่อน" เคนชิโร่ตอบเสียงเบา แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความหนักแน่น “ในโลกที่เต็มไปด้วยการคุกคามนี้ ผมมักจะรู้สึกเหมือนเราไม่เคยอยู่ในที่เดียวกันจริงๆ แต่มาตอนนี้… มันต่างออกไป”
มิเอโกะเงียบไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ทั้งที่ความรู้สึกต่างๆ มันพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอ แต่ไม่สามารถทำให้มันออกมาเป็นคำพูดได้
“ผมไม่รู้หรอกว่าเราจะไปถึงไหน แต่ที่แน่ๆ คือ… ผมจะอยู่ข้างคุณครับ” เขาเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
มิเอโกะมองเขาอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่รอยยิ้มเล็กๆ จะปรากฏบนใบหน้าของเธอ “ขอบคุณค่ะ… ขอบคุณจริงๆ”
เคนชิโร่หันไปมองที่ประตูโกดังที่เปิดอยู่เพียงแค่เล็กน้อย เขายกมือขึ้นให้สัญญาณให้ทุกคนระมัดระวังตัว บอดี้การ์ดทั้งห้าคนต่างก็ยืนเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหว
“เข้าไปเงียบๆ” เคนชิโร่บอกเสียงต่ำ
มิเอโกะเริ่มรู้สึกถึงความไม่แน่นอนในท้องของตัวเอง แต่เธอก็ยังคงพยายามระงับความกลัวที่เริ่มกัดกินใจ
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปภายในโกดัง เงาของทุกคนตกอยู่บนพื้น ด้วยแสงที่สะท้อนจากหน้าต่างแตกที่อยู่บนฝ้าไม้เก่า
“ระวังตัวนะครับ” เคนชิโร่เตือนอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเข้าไปภายในอีกก้าว
มิเอโกะก้าวตามไปข้างๆ เขาอย่างเงียบๆ มือของเธอเลื่อนไปจับชายเสื้อของเขาอย่างไม่รู้ตัว ปากของเธอแห้งกรัง สายตาของเธอจับจ้องไปที่มุมมืดของโกดังที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่
“คุณเคนชิโร่… มีอะไรซ่อนอยู่ที่นี่ไหมคะ?” เสียงของมิเอโกะสั่นเล็กน้อย เธอไม่แน่ใจว่าคำถามนี้จะเหมาะสมหรือไม่ แต่มันก็หลุดออกมาแล้ว
เคนชิโร่หยุดก้าวและหันมามองเธอ เขายิ้มเล็กน้อยแม้จะไม่ได้แสดงสีหน้าให้เห็นมากนัก “ทุกอย่างมีเหตุผลของมันครับ บางสิ่งมันต้องรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะได้เปิดเผยออกมา”
มิเอโกะไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดนั้นทำให้ความตึงเครียดในอากาศเบาบางลงได้บ้าง
ขณะที่พวกเขาก้าวไปข้างหน้า เสียงบางอย่างดังขึ้นในความเงียบ ไฟฉายจากบอดี้การ์ดส่องไปที่มุมหนึ่งของโกดังที่มืดสลัว ภาพของเงาตะคุ่มทำให้มิเอโกะสะดุ้ง
“คุณรู้จักมันไหม?” บอดี้การ์ดคนหนึ่งถามเสียงต่ำ ขณะที่เขากำลังชี้ไปยังบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด
เคนชิโร่หันไปมองตามทิศทางที่บอดี้การ์ดชี้ไป สายตาของเขาคล้ายจะจับจ้องไปที่บางสิ่งที่มิเอโกะไม่สามารถมองเห็นได้
“ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะรู้…” เคนชิโร่ตอบด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยความลึกลับ
มิเอโกะรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เคนชิโร่กำลังเก็บซ่อนอยู่ เธอเริ่มรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เธอกำลังจะได้รู้จักในวันนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
“ถ้าอย่างนั้น… เราต้องทำยังไงคะ?” มิเอโกะถามออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เราจะหาคำตอบ… เราจะไม่ปล่อยให้สิ่งนี้หลุดมือไป” เคนชิโร่พูดพร้อมกับหมุนตัวไปทางประตูอีกบานหนึ่ง
การเดินทางสู่ความจริงเริ่มเปิดเผยมากขึ้นทีละน้อย และมิเอโกะรู้ว่าทั้งหมดนี้จะต้องเจอกับการตัดสินใจครั้งสำคัญ
บรรยากาศโกดังเก่าริมชายทะเลที่แทบจะไม่มีผู้คนผ่านไปมาบ่อยครั้ง กลิ่นของเกลือทะเลและสนิมผสมปะปนไปกับอากาศหนาวเย็นของยามเช้า บรรยากาศรอบๆ เป็นความเงียบสงัดที่ไม่สามารถล่วงรู้ถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอยเท้าของทั้งสองคนสะท้อนบนพื้นไม้ผุๆ แสงแดดเพียงเล็กน้อยจากหน้าต่างที่แตกส่องลงมาในห้อง สร้างบรรยากาศที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกมิเอโกะยืนอยู่ข้างเคนชิโร่ หัวใจของเธอกระตุกแรงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกระทบของวัตถุต่างๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในมุมมืด ความกลัวเริ่มคลืบคลานเข้ามาทุกที ทุกย่างก้าวที่เธอก้าวไปข้างหน้า ความรู้สึกที่กดดันนี้ทำให้ลมหายใจของเธอเริ่มหายไปทีละน้อยเคนชิโร่หันมามองเธอ ขณะที่มือของเขาคอยจับกระบอกปืนด้วยท่าทีระมัดระวัง เขารู้ดีว่าทุกการเคลื่อนไหวในที่แห่งนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ“คุณไม่ต้องกังวลครับ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่มันกลับมีบางอย่างที่อบอุ่นในนั้น “ผมจะอยู่ข้างคุณตลอดเวลา”มิเอโกะเหลือบมองเขา สายตาของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดจากแสงที่ค่อนข้างน้อย แต่น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้สึกถึงความมั่นคงบางอย่างที่ค่อยๆ คลายความกังวลในใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ... แต่มันเหมือนกับว่า ฉันไม
สถานที่ที่พวกเขามาถึงคือห้องลับในโกดังเก่า ที่มืดสลัวราวกับว่าไม่มีวันสิ้นสุด เสียงกุกกักจากสายลมที่พัดเข้ามาในซอกมุมของสถานที่นี้ บางครั้งสะท้อนเสียงจากเหล็กที่ขูดกับพื้นไม้เก่าๆ ราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่มีวันหยุดพัก บรรยากาศเย็นยะเยือกทำให้มิเอโกะรู้สึกถึงการหายใจที่หนักหน่วง และหัวใจที่เต้นรัวอย่างไม่อาจควบคุมเคนชิโร่เดินนำหน้า มองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น มือของเขาไม่ได้คลายจากการจับกระบอกปืน แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนเขาจะใจเย็น แต่ร่างกายของเขาก็มีความตึงเครียดที่มิเอโกะไม่สามารถมองข้ามไปได้มิเอโกะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดภายใน จนทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวหรือพูดอะไรออกไปได้ ในทุกย่างก้าวที่เธอก้าวไปข้างหน้า เธอกำลังเดินเข้าสู่ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“คุณเคนชิโร่...” มิเอโกะเริ่มพูดในที่สุด เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อพยายามยืนยันความคิดในหัวเคนชิโร่หันมาเธอพร้อมกับมองตรงไปที่ดวงตาของเธอ เขารู้ว่าคำถามนี้จะต้องมีมา แต่ก็เลือกที่จะรอฟัง มิเอโกะยืนอยู่ตรงนั้น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดคำถามที่เธอไม่อาจเก็บไว้ได้อีกต่อไป“เรา... จะต้องเผชิญกับอะไรที่นี่คะ? ถ้าฉัน... ถ้าฉันทำไม่ไห
ห้องลับในโกดังที่ทั้งสองเข้าไปนั้นเต็มไปด้วยเงียบสงัด ราวกับว่าเวลาถูกหยุดนิ่งในห้วงความมืดมิดของความลับที่ซ่อนอยู่ ทุกก้าวที่มิเอโกะก้าวไปข้างหน้า เสียงฝีเท้าดังชัดเจนจนเหมือนจะสะท้อนในห้องนี้อย่างไม่จบสิ้น เสียงหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้นตามความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นในใจเคนชิโร่ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง สายตาของเขากระจายไปที่ทุกมุมมองของห้อง สังเกตทุกอย่างอย่างละเอียด ราวกับรู้ว่าความจริงที่รออยู่ในที่แห่งนี้นั้นจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง“คุณเคนชิโร่... อะไรคือสิ่งที่เรากำลังจะเจอที่นี่?” มิเอโกะถามขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและความวิตกกังวลที่ไม่อาจปิดบังได้เคนชิโร่หันมามองเธอ คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง “ความจริงครับ คุณต้องพร้อมแล้ว” เขากล่าวสั้นๆ โดยไม่หันกลับไปมองที่เธอมิเอโกะกัดริมฝีปากแน่น มือของเธอกำมือจนแน่นเหมือนจะห้ามไม่ให้ตัวเองหวั่นไหว เมื่อเคนชิโร่พูดถึงความจริง เธอรู้ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวัง หรือแม้แต่สิ่งที่เธออยากจะรู้ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงมุมหนึ่งของห้อง ที่มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ตั
สถานที่: บ้านพักส่วนตัวของเคนชิโร่ค่ำคืนนั้น มิเอโกะและเคนชิโร่เดินทางกลับมาที่บ้านพักส่วนตัวหลังจากออกจากโกดังเก่า ความเงียบในรถทำให้บรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อย มิเอโกะมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของเธอเหม่อลอย ราวกับกำลังประมวลผลข้อมูลทุกอย่างที่เธอได้เจอในวันนี้เคนชิโร่ที่นั่งอยู่ด้านหน้า สังเกตเห็นท่าทางของเธอผ่านกระจกมองหลัง เขาไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งรถมาถึงบ้านพัก บอดี้การ์ดช่วยเปิดประตูให้ทั้งสอง ก่อนที่เคนชิโร่จะเดินนำเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นเขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูด “คุณคงมีคำถามมากมายในใจใช่ไหม?”มิเอโกะที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตู เงยหน้าขึ้นมามองเขา “ใช่ค่ะ… แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหน”เคนชิโร่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะผายมือเชิญให้เธอนั่งลงบนโซฟา “งั้นเริ่มจากสิ่งที่คุณอยากรู้อย่างที่สุดก่อนดีไหม”เธอนั่งลงช้าๆ แล้วหันไปมองหน้าเขา “คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของฉันได้ยังไงคะ? และทำไมข้อมูลพวกนั้นถึงมาอยู่ในโกดังนั้น?”เคนชิโร่นั่งลงตรงข้ามเธอ ดวงตาของเขาสบกับดวงตาเธออย่างตรงไปตรงมา “ผมรู้เพราะผมตามสืบเรื่องนี้มานานแล้วครับ… ทุกอย่างเริ่มจากการสืบสวนเกี่ยว
สถานที่: ห้องโถงในคฤหาสน์ของเคนชิโร่เช้าตรู่ในวันใหม่ แสงแดดอ่อนสาดลอดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ลงมาในห้องโถงที่เงียบสงบ เคนชิโร่ยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่ มองเอกสารในมืออย่างครุ่นคิด มิเอโกะเดินลงบันไดมาในชุดเรียบง่ายแต่สะดุดตา เธอหยุดยืนมองเขาสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้น“คุณตื่นแต่เช้าอีกแล้วเหรอคะ?”เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร และส่งยิ้มบางๆ ให้เธอ “ใช่ครับ วันนี้มีงานสำคัญ”“แผนที่จะไปจัดการแก๊งมาเฟียนั่นใช่ไหมคะ?” น้ำเสียงเธอมีความกังวลแฝงอยู่“ใช่ครับ ผมต้องไปดูด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน”เธอก้าวเข้ามาใกล้ “คุณคิดว่าสถานการณ์มันจะรุนแรงแค่ไหนคะ?”“ผมไม่อยากโกหกครับ มันมีความเสี่ยง แต่ผมเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว บอดี้การ์ดของผมมีประสบการณ์ ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง”มิเอโกะนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ฉันจะไปกับคุณ”“ไม่ได้ครับ” เขาพูดทันที น้ำเสียงของเขามั่นคง “มันอันตรายเกินไปสำหรับคุณ”“แต่ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆ” เธอยืนกราน “คุณสัญญากับฉันได้ไหมว่าจะปลอดภัย?”เคนชิโร่จ้องเธอนิ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ผมสัญญาครับ ผมจะทำทุกวิถีทางให้เรื่องนี้จบลงโดยไม่มีใครเป็นอันตราย
โกดังร้างเงียบสงัด มีแสงแดดลอดผ่านรอยแตกของหลังคา สร้างลำแสงที่ดูเหมือนมีชีวิตอยู่กลางความมืด บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอับชื้นและสนิม เสียงรองเท้าของเคนชิโร่และบอดี้การ์ดดังก้องไปทั่วเคนชิโร่ยกมือขึ้นให้ทุกคนหยุด เขามองรอบๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนจะหันไปพูดกับหัวหน้าทีมบอดี้การ์ด“กระจายกำลัง ตรวจสอบพื้นที่รอบๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีใครซ่อนตัวอยู่”“รับทราบครับ นายใหญ่”บอดี้การ์ดแยกย้ายกันไป เคนชิโร่เดินไปยังมุมหนึ่งของโกดังที่มีโต๊ะไม้เก่าๆ ตั้งอยู่ พร้อมเอกสารบางอย่างที่ถูกทิ้งไว้ เขาหยิบเอกสารขึ้นมา พลางอ่านด้วยความสงสัยเสียงฝีเท้าด้านนอกโกดัง“คุณเคนชิโร่ครับ!” เสียงบอดี้การ์ดคนหนึ่งตะโกนเรียก“มีอะไร?” เขาถามพลางเดินออกไป“เราพบร่องรอยของคนที่เพิ่งออกไปก่อนที่เราจะมาถึง ดูเหมือนพวกเขาจะทิ้งของไว้ด้านหลัง”เคนชิโร่มองถุงกระดาษที่ถูกนำมาให้ มันเต็มไปด้วยเงินสดและเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมาย เขาเม้มปากแน่น ดวงตาแสดงความเคร่งเครียด“พวกเขาคงรู้ว่าเราจะมา...” เขาพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งการ “เราต้องรีบกลับไปตั้งหลัก ผมไม่อยากให้ใครตกอยู่ในอันตรายสถานที่: ในรถระหว่างเดินทางกลับคฤหาส
สถานที่: ห้องนั่งเล่นคฤหาสน์เคนชิโร่ในช่วงเช้าหลังฝนตกแสงแดดยามเช้าส่องผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องนั่งเล่น เสียงนกร้องเบาๆ ประกอบกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ในสวนที่ลอยมากับลมสดชื่น มิเอโกะนั่งอยู่บนโซฟา กำลังจิบชาร้อนในถ้วยกระเบื้องลายดอกไม้ เธอเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นหยดน้ำฝนเกาะอยู่ตามใบไม้ที่สะท้อนแสงแดดระยิบระยับเคนชิโร่เดินเข้ามาในห้อง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมเม็ดบนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแกร่ง “เมื่อคืนคุณนอนไม่หลับหรือเปล่าครับ?”เธอหันมามองเขา ยิ้มบางๆ “ฉันนอนไม่หลับค่ะ แต่ไม่ใช่เพราะกังวล...แค่คิดถึงบางอย่าง”เขานั่งลงที่โซฟาตรงข้าม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาจับจ้องไปที่เธอ “คิดถึงเรื่องอะไรเหรอครับ?”เธอหยุดเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันคิดถึงสิ่งที่คุณพูดเมื่อวาน...เรื่องที่คุณกลัวการเสียฉันไป”เขายิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มตัวไปด้านหน้า วางศอกบนเข่า “มันคือความจริงครับ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน”เธอหลบสายตาเล็กน้อย ใบหน้าเริ่มมีสีแดงระเรื่อ “ฉัน...ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดีค่ะ แต่ฉันอยากให้คุณรู้ว่าคุณก็สำคัญสำหรับฉันเหมือนกัน”สถานที่: สวนหลังบ้านคฤหาสน์หล
สถานที่: ห้องทำงานส่วนตัวของเคนชิโร่ในคฤหาสน์เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ในห้องทำงานของเคนชิโร่ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะไม้โอ๊กเรียบหรู กำลังพิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์มาเฟียอย่างเคร่งเครียด มิเอโกะยืนอยู่ข้างๆ มือของเธอถือถ้วยกาแฟที่กลิ่นหอมกรุ่นอบอวล"คุณดูเคร่งเครียดตั้งแต่เช้าแล้ว มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหมคะ?" เธอถามพร้อมวางแก้วลงข้างๆเคนชิโร่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สบสายตาเธอ "เรื่องนี้มันอันตรายเกินไป ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเสี่ยง""ฉันอยู่ตรงนี้เพราะอยากช่วยคุณ คุณเองก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่จะยืนดูเฉยๆ ได้" มิเอโกะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเคนชิโร่ถอนหายใจเบาๆ "ผมสั่งให้ลูกน้องไปสืบหาลูกน้องเก่าของแก๊งค์มาเฟียสามคน พวกเขาน่าจะมีข้อมูลที่เราต้องการ แต่การทำให้พวกเขายอมร่วมมือกับเราไม่ใช่เรื่องง่าย"---บทสนทนากับลูกน้องเสียงเคาะประตูดังขึ้น ลูกน้องคนสนิทของเคนชิโร่ก้าวเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ "นายครับ เราเจอตัวพวกเขาแล้ว ทั้งสามคนหนีออกมาจากแก๊งค์เพราะโดนหัวหน้าทำร้ายเวลางานผิดพลาด พวกเขาไปซ่อนตัวอยู่ในโกดังเก่าแถวชานเมือง พวกเขาน่าจะเต็มใจร่วมมือถ้าเราใ
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกในคาเฟ่เล็กๆ ใกล้แม่น้ำซุมิดะ ที่นั่งริมหน้าต่างตกแต่งด้วยดอกไม้สีพาสเทลและหมอนอิงลายดอกไม้ มิเอโกะนั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ มืออีกข้างคนกาแฟในถ้วยเล็กๆ พร้อมกับสายตาที่มองออกไปนอกหน้าต่างเคนชิโร่เดินเข้ามาในร้านในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแลคเรียบง่าย เขามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นเธอ“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” เขากล่าวขณะเดินตรงมาที่โต๊ะมิเอโกะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น “คุณนี่ตรงเวลากว่าที่คิดไว้นะคะ ฉันเพิ่งนั่งลงไม่ถึงสิบนาทีเอง”“ถ้าอย่างนั้นผมโชคดีที่มาทันเห็นคุณยิ้ม”เธอหัวเราะเบาๆ พลางโบกมือ “ชมแบบนี้อีกแล้วนะคะ คุณนี่จะทำให้ฉันเขินทุกวันเลยหรือไง?”เขานั่งลงตรงข้ามและหยิบเมนูขึ้นมา “บางทีผมก็อยากเห็นคุณเขินบ้าง”“ถ้างั้นคุณคงต้องรออีกนานเลยค่ะ เพราะฉันไม่เขินง่ายๆ หรอก”บทสนทนาที่เติมเต็มเสียงเพลงเบาๆ ในร้านช่วยเติมเต็มบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย เคนชิโร่วางเมนูลงและหันมามองเธอ“เมื่อคืนคุณนอนหลับสบายไหมครับ?”“ก็ไม่เลวนะคะ” เธอพูดพลางยักไหล่ “แต่บางทีฉันคิดว่าคุณน่าจะทำให้ฉันนอนไม่หลับมากกว่า”เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมไม่ได้ตั้งใจทำใ
ในคลับหรูใจกลางชานเมืองโตเกียว แสงไฟหลากสีสาดส่องไปทั่วพื้นที่ เสียงดนตรีจังหวะสนุกเร่งเร้าให้ผู้คนในคลับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ มิเอโกะยืนพิงกำแพงตรงมุมห้องพักศิลปินเล็กๆ ที่จัดไว้สำหรับนักร้องหน้าใหม่ เธอแอบมองลอดม่านบางๆ ออกไปยังพื้นที่หน้าเวที สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับลูกน้องของเขา“คุณคนนั้นใช่ไหม?” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะกัดริมฝีปากล่างเพื่อระงับความตื่นเต้นโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเบาๆ มิเอโกะหยิบขึ้นมาอ่านข้อความจากเคนชิโร่:“คุณโอเคไหม?”เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วพิมพ์ตอบกลับ:“ฉันโอเคค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”ไม่นานนัก โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายโทรเข้า“ฮัลโหล?” มิเอโกะรับสายแล้วลดเสียงลง“คุณอยู่ตรงไหน?” เสียงเคนชิโร่ดังมาจากอีกฝั่ง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ฉันอยู่ในห้องพักหลังเวทีค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”“ดีครับ แต่จำไว้นะ ถ้าอะไรผิดปกติ รีบส่งสัญญาณมาหาผมทันที”“ค่ะ คุณพูดเหมือนฉันเป็นเด็กไปได้” มิเอโกะหัวเราะเบาๆ“คุณไม่ใช่เด็ก แต่คุณชอบทำให้ผมห่วง”คำพูดนั้นทำให้เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว “คุณพูดแบบนี้... ฉันต้อง
หลังจากการประชุมที่ห้องของมิเอโกะในมูลนิธิ การตัดสินใจครั้งใหญ่ถูกวางแผนอย่างรอบคอบ เคนชิโร่เรียกบอดี้การ์ดทั้งห้าคนมาที่ห้องประชุมเพื่อวางแผนปฏิบัติการสำคัญ พวกเขาจะต้องเข้าไปในวงการของลูกชายมายาโตะ โคอิจิ เพื่อสืบหาเบาะแสและหลักฐานที่สามารถเอาผิดเขาได้ มิเอโกะนั่งอยู่ข้างๆ เคนชิโร่ รอให้ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ด้วยท่าทางที่เหมือนจะไม่ค่อยจริงจังนัก แต่ความคมคายในแววตาของเธอนั้นกลับทำให้เคนชิโร่รู้สึกถึงความหนักแน่นที่ซ่อนอยู่"คุณเคนชิโร่ค่ะ" มิเอโกะพูดเสียงหวานแต่ยังคงแฝงความจริงจัง "เราต้องทำให้ทุกอย่างราบรื่น เราจะเริ่มต้นอย่างไรดีคะ?"เคนชิโร่ยิ้มบางๆ แล้วหันไปมองบอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านหน้าเขา โดยทุกคนต่างเป็นผู้ชายที่มีท่าทางเข้มแข็ง และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและช่วยเหลือมิเอโกะ"โอเคครับ ทุกคน เรามีงานที่ต้องทำ" เคนชิโร่เริ่มต้นพูด "แผนของเราคือการแทรกซึมเข้าไปในธุรกิจของลูกชายมายาโตะ โดยการสมัครงานในหลายตำแหน่งที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง"เคนชิโร่หันไปมองมิเอโกะ ก่อนจะพูดต่อไป "ผมคิดว่าเราต้องให้คุณมิเอโกะไปสมัครงานกับลูกชายมายาโตะ เขาจะได้รู้จักกับคนในวงการ
มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโตที่เต็มไปด้วยความสงบและสถาปัตยกรรมโบราณ ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนที่เดือดร้อน ภายในอาคารที่ตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลอ่อนและกระจกที่สะท้อนแสงจากพระอาทิตย์ยามเย็น ทุกอย่างดูเงียบสงบและเป็นระเบียบ แต่ในวันนี้ มันกลับไม่สงบเหมือนเคยเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ห้องทำงานของมิเอโกะในมูลนิธิ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิยืนอยู่ที่หน้าประตูและพูดด้วยน้ำเสียงเร่งด่วน “คุณมิเอโกะค่ะ ขอโทษที่รบกวน แต่มีตัวแทนชาวบ้าน 10 คนจากเกียวโตมาที่นี่ พวกเขาต้องการพูดคุยกับคุณโดยด่วนค่ะ”มิเอโกะที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานหันไปมองเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าสงบ “เอาเลยค่ะ ให้พวกเขาไปนั่งรอที่ห้องประชุม เดี๋ยวฉันจะเข้าไปค่ะ”เจ้าหน้าที่พยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไปไม่นาน มิเอโกะก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปยังห้องประชุม พอเปิดประตูเข้าไป เธอก็พบกับตัวแทนชาวบ้าน 10 คนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะประชุม บรรยากาศในห้องดูจริงจังและมีความเครียดปกคลุมมิเอโกะนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะและหันไปยิ้มให้ทุกคน แม้ว่าจะมีความเครียดอยู่ในอากาศ “เกิดอะไรขึ้นค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยเหลือไห
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยอากาศสดชื่นที่พัดผ่านท้องถนนในเขตชานเมืองของโตเกียว เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในบ้านของมิเอโกะ ขณะที่เธอตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่ตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น เธอลุกขึ้นจากเตียงและยืดตัวเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานเล็กเปิดรับแสงแดดที่อ่อนโยนเสียงเครื่องยนต์จากรถยนต์คันหนึ่งดังขึ้นจากนอกบ้าน ก่อนที่เคนชิโร่จะขับรถของเขาเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของมิเอโกะ รอยยิ้มของเขาแสดงให้เห็นถึงความสุขที่ได้มาอยู่ใกล้ๆ เธอในทุกวันมิเอโกะเดินออกมาจากบ้านในชุดทำงานที่ดูสะอาดตาและดูดี พอเห็นเคนชิโร่ยืนรออยู่ที่หน้ารถ เธอไม่ลืมที่จะโบกมือทักทาย พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มกว้าง "สวัสดีค่ะ คุณเคนชิโร่"เคนชิโร่ยิ้มตอบกลับ พร้อมกับเปิดประตูให้มิเอโกะ "สวัสดีครับคุณมิเอโกะ วันนี้คุณพร้อมสำหรับการทำงานที่มูลนิธิแล้วหรือยังครับ?"มิเอโกะเปิดประตูรถและนั่งลงข้างเคนชิโร่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้เขา "พร้อมค่ะ! แค่คำนึงถึงการทำงานที่มูลนิธิก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าไม่มีคุณเคนชิโร่มาเป็นคนขับรถให้ก็คงจะลำบากน่าดูนะคะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พร้อมขับรถออกไป "ผมดีใจที่สามารถช่วยได้ครับคุณมิเอโกะ ถึ
แสงไฟจากตึกมูลนิธิส่องสว่างเป็นเงาลางๆ เมื่อเคนชิโร่จับมือมิเอโกะออกมาจากอาคาร ความเย็นของยามค่ำคืนทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ไม่วายแฝงความอบอุ่นจากไออุ่นมือของทั้งสองที่ประสานกันแน่น"คืนนี้อากาศดีนะครับ" เคนชิโร่พูดพลางเหลือบมองมิเอโกะที่เดินอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม"ค่ะ ดีจนฉันอยากจะเดินกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ" มิเอโกะหันมายิ้มตอบ แต่สายตาก็แฝงความขี้เล่น"ผมคงปล่อยคุณเดินกลับเองไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณล้มระหว่างทาง ใครจะช่วยพยุง?" เคนชิโร่แซวกลับ พร้อมทำสีหน้าเจ้าเล่ห์"โอ๊ะ คุณกำลังบอกว่าฉันซุ่มซ่ามหรือคะ?" มิเอโกะย่นจมูกใส่เขา พลางบีบมือเขาเบาๆ"ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะครับ คุณต่างหากที่คิดไปเอง" เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะเปิดประตูรถหรูสีดำให้เธอ"อืม งั้นฉันจะถือว่าคุณชมว่าฉันน่ารักแล้วกันค่ะ" มิเอโกะยักคิ้วก่อนจะก้าวขึ้นรถ พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆรถเคลื่อนตัวออกจากมูลนิธิ มุ่งหน้าสู่บ้านของมิเอโกะ ถนนยามค่ำคืนเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟจากข้างทางที่สาดส่องเข้ามาในรถเป็นจังหวะ"คุณเคยบอกว่าผมขับรถพาคุณกลับบ้านจนชินแล้ว คืนนี้ผมจะได้เจอครอบครัวคุณไหมครับ?" เคนชิโร่ถามขณะมองถนน"ค่ะ พ่อกับแม่ฉันอยู่บ้าน แ
บ่ายวันนั้น แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ของ Mamori no Te Shien Zaidan ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ อากาศปลอดโปร่งและเงียบสงบจนเหมือนเวลากำลังเดินช้าลง ห้องทำงานของมิเอโกะจัดแต่งด้วยโทนสีอ่อนที่ช่วยให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย บนโต๊ะทำงานมีเอกสารกองหนึ่งที่เธอจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่สายตาของเธอกลับไม่ได้สนใจเอกสารเหล่านั้นเท่าใดนัก"คุณเคนชิโร่ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?" มิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน เธอจ้องไปที่ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาริมหน้าต่าง เขากำลังเลื่อนดูเอกสารบางอย่างในมือ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ"ได้สิครับ มีอะไรหรือเปล่า?" เคนชิโร่ตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมวางเอกสารลงบนโต๊ะข้างตัวมิเอโกะยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา "ถ้าคุณไม่ได้อยู่ช่วยงานที่นี่ช่วงนี้ ฉันควรจัดการเอกสารนี้ยังไงดีคะ? ดูเหมือนจะเยอะเกินกว่าที่ฉันจะทำคนเดียวได้นะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พลางเอนตัวไปพิงพนักโซฟา "ผมคิดว่าคุณทำได้อยู่แล้ว คุณเก่งจะตายไปนี่ครับ""พูดแบบนี้แปลว่าคุณจะไม่ช่วยฉันใช่ไหมคะ?" มิเอโกะเอียงคอเล็กน้อย ทำหน้าต
ห้องทำงานของมิเอโกะ ที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ยังคงเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านกระจกเข้ามาอย่างสวยงาม ท่ามกลางความเงียบสงบที่สะท้อนถึงการทำงานอย่างมืออาชีพของทุกคนในที่นี่ แต่สำหรับมิเอโกะในตอนนี้ ความคิดในหัวของเธอกลับไม่เกี่ยวข้องกับเอกสารหรือเรื่องงานเลยสักนิดมิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และเธอกำลังพยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองให้อยู่ในกรอบ ในขณะที่กำลังคิดถึงเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไป แต่บรรยากาศในห้องทำงานก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกนิ่งสงบได้"เอ๊ะ... คุณเคนชิโร่ไปจัดการเรื่องที่ไนท์คลับแล้วใช่ไหม?" เธอพูดออกมาคนเดียวด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้ฟังดูน่าเศร้าแต่ว่า มือเล็กๆ ของเธอก็หยิบปากกาออกมาเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ เริ่มขีดๆ เขียนๆ แบบขอไปทีเหมือนจะหาทางทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น "อืม... ถ้าฉันไม่ได้เจอเขานานๆ ก็ต้องทำตัวเองให้ยุ่งๆ แล้วล่ะ" มิเอโกะพูดกับตัวเองอย่างขำๆ และท่าทางนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อทันใดนั้น เสียงเปิดประตูดังขึ้น และเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไปกลับมาอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทางที่เหมือนจะมีอะไรอยากบอก มิเอโกะเงยหน
บรรยากาศในห้องทำงานของ Mamori no Te Shien Zaidan กลับมาสงบลงอีกครั้งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นไป และตอนนี้มิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง กำลังตรวจสอบเอกสารหลายชุดที่วางอยู่ข้างหน้า ในขณะที่เคนชิโร่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างความเงียบถูกทำลายเมื่อเคนชิโร่เปิดปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหนักใจ "คุณมิเอโกะครับ" เขาเริ่มต้นด้วยคำเรียกที่คุ้นเคยแต่แฝงไปด้วยความจริงจังมิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากเอกสารและมองไปที่เคนชิโร่ รู้สึกถึงความกังวลในสายตาของเขา "มีอะไรคะ คุณเคนชิโร่?" เธอถามอย่างใส่ใจ ท่าทางสงบและเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะฟังเคนชิโร่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา "ผมปล่อยธุรกิจที่ไนท์คลับ Yūgen Club ที่เกียวโตไว้นานแล้ว... ไม่ค่อยได้กลับไปดูแลมันเลยช่วงนี้" เขาพูดออกมาเบาๆ และรู้สึกถึงความหนักใจที่ซ่อนอยู่ในคำพูด "ตอนนี้ผมจะไม่ค่อยได้เข้ามาที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan สักเท่าไรถ้าไม่มีผมในช่วงนี้... คุณจะทำงานคนเดียวไวไหมครับ?"มิเอโกะมองไปที่เคนชิโร่ ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเห็นเขารู้สึกผิดไป เธอวางเอกสารลงและลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อที่จ