สถานที่: หน้าสำนักข่าว Tokyo Horizon News
บอดี้การ์ดสองคนของเคนชิโร่ยืนอยู่หน้าสำนักงานข่าวอย่างเงียบ ๆ ภายใต้แสงแดดที่ค่อนข้างแรง พวกเขามองไปที่ประตูทางเข้าอย่างระมัดระวัง เหมือนกับว่ารู้ว่ามิเอโกะกำลังจะเดินออกมาจากภายในไม่ช้า
บอดี้การ์ด 1: (หันไปทางอีกคนหนึ่ง)
"คุณคิดว่าเธอจะเชื่อใจเจ้านายเราไหม?"บอดี้การ์ด 2: (ยักไหล่)
"มันไม่ใช่เรื่องของเรา... แค่ทำตามคำสั่ง"ทั้งสองคนยืนรออย่างอดทน และในขณะที่ทั้งสองกำลังยืนคุยกัน มิเอโกะก็กลับมาถึงที่หน้าสำนักงานข่าวโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอกับคนเหล่านี้ เธอหยุดเดินเมื่อเห็นชายสองคนในชุดดำยืนอยู่ข้างหน้า
มิเอโกะ: (มองอย่างสงสัย)
"คุณสองคนมาทำอะไรที่นี่คะ?"บอดี้การ์ดทั้งสองยืนนิ่งอยู่ก่อนจะหันมามองกัน
บอดี้การ์ด 1: (ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ)
"คุณมิเอโกะ... เรามีคำสั่งจากคุณเคนชิโร่"มิเอโกะ: (สงสัย)
"จากคุณเคนชิโร่?"บอดี้การ์ด 2: (ยิ้มเล็กน้อย)
"เขานัดพบคุณที่ไนท์คลับของเขา พรุ่งนี้เช้า"มิเอโกะเงียบไปสักพัก เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับการติดต่อจากเคนชิโร่ในทันทีแบบนี้ แต่ก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจและอาจเป็นโอกาสในการหาคำตอบเกี่ยวกับเขาและแก๊งค์มาเฟีย
มิเอโกะ: (ตัดสินใจ)
"เข้าใจค่ะ... ฉันจะไปพบเขา"เธอพูดสั้น ๆ ก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตูเพื่อไปทำงานของเธอต่อ ขณะที่บอดี้การ์ดทั้งสองยืนดูเธอเดินจากไป ด้วยท่าทีที่ยังคงระมัดระวังอยู่
บอดี้การ์ด 1: (พึมพำกับตัวเอง)
"เราทำหน้าที่เสร็จแล้ว... มันอยู่ที่คุณเคนชิโร่แล้ว"บอดี้การ์ด 2: (พยักหน้า)
"ใช่... มันจะน่าสนุกมากขึ้นเมื่อถึงพรุ่งนี้"ทั้งสองคนหันไปยังรถที่รออยู่และขึ้นไปในรถพร้อมกับเดินทางกลับเพื่อรายงานผลการปฏิบัติภารกิจให้เคนชิโร่ได้รับทราบ
สถานที่: ไนท์คลับ Yūgen Club
เช้าวันรุ่งขึ้นมิเอโกะเดินทางมาถึงไนท์คลับ บรรยากาศใน Yūgen Club ยามเช้าดูเงียบสงบอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความคึกคักในยามค่ำคืน ภายในคลับไม่มีเสียงดนตรีที่เคยดังสนั่น มีเพียงแสงไฟสีทองอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านช่องแสงใหญ่ สะท้อนบรรยากาศเงียบ ๆ แต่หรูหราในทุกมุมของห้อง เคนชิโร่และมิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะวีไอพีที่มุมหนึ่งของคลับ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแสงไฟหลัก ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง ทั้งคู่ต่างนั่งนิ่ง สบตากันโดยไม่พูดอะไรในช่วงแรก ราวกับกำลังทบทวนสิ่งที่กำลังจะพูดถึง
เคนชิโร่ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเริ่มบทสนทนา เสียงของเขานิ่งแต่หนักแน่น
เคนชิโร่: (มองตรงไปที่มิเอโกะ สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธออย่างจริงจัง)
"ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับโกดังอื่นที่พวกมันใช้..."เขาหยุดพูดไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงลมหายใจเข้าและพูดต่อ
เคนชิโร่: (เสียงทุ้มและมั่นคง)
"คุณสนใจจะร่วมมือกันไหม?"คำถามนั้นออกจากปากของเขาอย่างรอบคอบ แต่ในทีท่าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ มิเอโกะเงียบไปชั่วขณะ ขณะเดียวกันเธอก็พิจารณาถึงทุกคำพูดที่เขาพูดออกมา
มิเอโกะหันมามองเขา ดวงตาของเธอสะท้อนความมุ่งมั่นที่ไม่เคยลดลงตั้งแต่แรก เธอหายใจลึกและยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบกลับไป
มิเอโกะ: (เสียงนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความแน่วแน่)
"แน่นอนค่ะ... ถ้ามันช่วยกำจัดพวกนั้นได้ ฉันยินดีทำทุกอย่าง"คำตอบนั้นดังขึ้นในความเงียบ สายตาของมิเอโกะมีความมุ่งมั่นและพร้อมจะทำทุกสิ่งเพื่อให้ภารกิจนี้สำเร็จ เคนชิโร่พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่าเธอพูดจริง
เคนชิโร่: (ท่าทางจริงจังและดวงตาจับจ้องไปที่เธอ)
"คุณไม่กลัวใช่ไหม?"มิเอโกะ: (ยิ้มเล็กน้อย แล้วพยักหน้า)
"กลัวก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ฉันรู้ว่าไม่ทำอะไรเลยก็คือการปล่อยให้พวกนั้นทำลายชีวิตคนอื่นไปเรื่อย ๆ... ไม่มีทางที่ฉันจะยอมให้มันเกิดขึ้น"เคนชิโร่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
เคนชิโร่: (ยิ้มบาง ๆ มุมปาก)
"ผมชอบทัศนคติของคุณ... มันตรงกับสิ่งที่ผมคิด"มิเอโกะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอจับจ้องไปที่เขา สัมผัสถึงความหมายในคำพูดนั้น
มิเอโกะ: (เสียงนุ่มแต่แฝงด้วยความจริงจัง)
"เราไม่สามารถปล่อยให้พวกมันทำลายชีวิตคนอื่นไปเรื่อย ๆ ถ้าฉันต้องเสี่ยง ทุกคนก็ต้องเสี่ยงด้วย"เคนชิโร่พยักหน้าช้า ๆ เขาเห็นแววตาของเธอแล้วรู้ว่าเธอไม่ได้พูดแค่คำพูด แต่เธอพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง
เคนชิโร่: (เสียงทุ้มและหนักแน่น)
"ดี... ผมจะทำให้คุณได้รับข้อมูลที่คุณต้องการ แต่คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม พวกมันไม่ง่ายอย่างที่คิด"มิเอโกะยิ้มและพยักหน้าอย่างมั่นใจ
มิเอโกะ: (เสียงแน่วแน่)
"ฉันพร้อมเสมอค่ะ ถ้าการร่วมมือกันนี้จะทำให้มันจบลงได้"เคนชิโร่ยิ้มบาง ๆ เขาค่อย ๆ ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบหนึ่งคำ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะเบา ๆ เสียงของแก้วกระทบกับพื้นเบา ๆ ดูเหมือนเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่
เคนชิโร่: (เสียงทุ้มและนิ่ง)
"พรุ่งนี้เราจะเริ่มแผนงานกัน... เตรียมตัวให้พร้อม"มิเอโกะพยักหน้าอีกครั้ง ดวงตาของเธอเป็นประกายจากความมุ่งมั่น
มิเอโกะ: (ยิ้มอย่างมีความหวัง)
"พรุ่งนี้ ฉันจะไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดไปเด็ดขาดค่ะ"ในขณะที่ทั้งสองคนเงียบไป เคนชิโร่และมิเอโกะต่างรู้ดีว่าอนาคตที่รออยู่นั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่ทั้งคู่ก็มั่นใจว่า การร่วมมือกันครั้งนี้จะทำให้พวกเขาใกล้เคียงกับการหยุดยั้งความชั่วร้ายที่กำลังแพร่กระจายไปทั่ว
สถานที่: ห้องทำงานส่วนตัวของเคนชิโร่, ที่อยู่อาศัยของเขาเคนชิโร่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา สายตาของเขาจับจ้องไปที่โต๊ะทำงานที่มีไฟสีเหลืองอ่อนส่องสว่าง เขาหยุดยืนอยู่ที่ประตูแล้วมองไปที่นาฬิกาแขวนกำแพง ก่อนจะหันกลับมาหามิเอโกะที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ ในมือของเธอถือเอกสารที่เขามอบให้ เธอคลี่อ่านมันอย่างระมัดระวัง"คุณแน่ใจหรือว่าจะทำแบบนี้?" เคนชิโร่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เงียบขรึมมิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร เมื่อเห็นการแสดงออกของเขา เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ถามแค่คำถามนั้น แต่กำลังพยายามสื่อถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา"แน่ค่ะ ฉันไม่กลัว..." เสียงของมิเอโกะทุ้มลง แต่ยังคงมั่นคง "แค่บอกมา ถ้าฉันต้องทำอะไร ผมก็จะทำ"เคนชิโร่ยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังประเมินสถานการณ์ เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานและเริ่มจัดเรียงเอกสารบางอย่าง ขยับปากเพื่อพูด แต่แล้วก็หยุดหายใจไปชั่วขณะ"มันจะอันตรายมาก" เคนชิโร่พูดเสียงเบา แต่มันหนักแน่นมิเอโกะเดินเข้ามาใกล้ ค่อยๆ วางเอกสารลงบนโต๊ะอย่างตั้งใจและมองเขาตรงๆ "ถ้าไม่ทำอะไรเลย พวกนั้นก็จะทำลายทุกอย่าง" เธอหยุดพูดไปและมองเขาในสายตาที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่น "ฉันพร้อมแล้วค่ะ"
"ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับโกดังอื่นที่พวกมันใช้" เคนชิโร่พูดเสียงเรียบ สายตาของเขาไม่ละจากเธอ "คุณสนใจจะร่วมมือกันไหม?"มิเอโกะเลื่อนแก้วเครื่องดื่มในมือไปมาอย่างช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองตาเขา พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก"แน่นอนค่ะ ถ้ามันช่วยกำจัดพวกนั้นได้ ฉันยินดีทำทุกอย่าง" เสียงของมิเอโกะแฝงไปด้วยความมั่นใจ ความมุ่งมั่นในตัวเธอสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน แม้ภายในใจจะมีความกังวลแฝงอยู่ก็ตามเคนชิโร่พยักหน้า ก่อนจะยื่นแผนที่ที่เขาเตรียมไว้ให้เธอ "นี่คือสถานที่ที่พวกมันใช้เป็นโกดังเก็บสินค้า ผมเพิ่งได้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับมัน"มิเอโกะมองแผนที่ที่เขายื่นให้ ความสงสัยและความตึงเครียดเริ่มสะท้อนในดวงตาของเธอ เธอรู้ว่าข้อมูลนี้คือกุญแจสำคัญที่อาจจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง"ถ้าข้อมูลนี้ถูกต้อง" มิเอโกะพูดเสียงต่ำ แต่จังหวะการพูดของเธอเต็มไปด้วยความตั้งใจ "พวกนั้นจะไม่ยอมให้เราเข้าถึงได้ง่ายๆ แน่"เคนชิโร่ไม่ตอบ แต่หันไปมองแผนที่อย่างครุ่นคิด "นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องการคุณเข้ามาช่วย คุณมีทักษะในการสืบสวนที่พวกเขาคงไม่คาดถึง"มิเอโกะพยักหน้า มองแผนที่ที่เขายื่นให้แล้วพูดต่อ "เราต้องวางแผนให้รัดกุม และทำให้พว
ณ.บ้านพักของเคนชิโร่ เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ เคนชิโร่ยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร ขณะที่มือของเขากำลังขยับไปมาบนสมาร์ทโฟนตรวจสอบข้อมูลบางอย่างมิเอโกะที่นั่งอยู่บนโซฟา หยิบแก้วกาแฟที่ยังอุ่นอยู่ขึ้นมาดื่ม รู้สึกถึงความเงียบที่แปลกประหลาดในห้องนี้ แม้จะมีเสียงของเครื่องชงกาแฟในห้องครัวอยู่เบาๆ แต่ความรู้สึกของเธอก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาเคนชิโร่หันมองไปที่มิเอโกะ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย“วันนี้เราจะไปที่โกดังเก่าของแก๊งค์มาเฟียที่คุณบอก เราต้องหาคำตอบให้ได้” เขาพูดขณะยกมือลูบคางเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถึงแผนการอะไรบางอย่างที่อยู่ในหัวมิเอโกะพยักหน้าเบาๆ แม้จะรู้สึกตึงเครียด แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ เธอได้แต่หวังว่าเคนชิโร่จะสามารถนำพาเธอผ่านเรื่องราวทั้งหมดไปได้เสียงโทรศัพท์มือถือของเคนชิโร่ดังขึ้น เขากดรับสายโดยไม่พูดอะไร และแค่ฟังเสียงที่ปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง“ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม?” เคนชิโร่ถามเสียงตอบกลับจากปลายสายฟังดูราบเรียบ แต่มั่นใจ “ครับ คุณเค
บรรยากาศโกดังเก่าริมชายทะเลที่แทบจะไม่มีผู้คนผ่านไปมาบ่อยครั้ง กลิ่นของเกลือทะเลและสนิมผสมปะปนไปกับอากาศหนาวเย็นของยามเช้า บรรยากาศรอบๆ เป็นความเงียบสงัดที่ไม่สามารถล่วงรู้ถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอยเท้าของทั้งสองคนสะท้อนบนพื้นไม้ผุๆ แสงแดดเพียงเล็กน้อยจากหน้าต่างที่แตกส่องลงมาในห้อง สร้างบรรยากาศที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกมิเอโกะยืนอยู่ข้างเคนชิโร่ หัวใจของเธอกระตุกแรงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกระทบของวัตถุต่างๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในมุมมืด ความกลัวเริ่มคลืบคลานเข้ามาทุกที ทุกย่างก้าวที่เธอก้าวไปข้างหน้า ความรู้สึกที่กดดันนี้ทำให้ลมหายใจของเธอเริ่มหายไปทีละน้อยเคนชิโร่หันมามองเธอ ขณะที่มือของเขาคอยจับกระบอกปืนด้วยท่าทีระมัดระวัง เขารู้ดีว่าทุกการเคลื่อนไหวในที่แห่งนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ“คุณไม่ต้องกังวลครับ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่มันกลับมีบางอย่างที่อบอุ่นในนั้น “ผมจะอยู่ข้างคุณตลอดเวลา”มิเอโกะเหลือบมองเขา สายตาของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดจากแสงที่ค่อนข้างน้อย แต่น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้สึกถึงความมั่นคงบางอย่างที่ค่อยๆ คลายความกังวลในใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ... แต่มันเหมือนกับว่า ฉันไม
สถานที่ที่พวกเขามาถึงคือห้องลับในโกดังเก่า ที่มืดสลัวราวกับว่าไม่มีวันสิ้นสุด เสียงกุกกักจากสายลมที่พัดเข้ามาในซอกมุมของสถานที่นี้ บางครั้งสะท้อนเสียงจากเหล็กที่ขูดกับพื้นไม้เก่าๆ ราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่มีวันหยุดพัก บรรยากาศเย็นยะเยือกทำให้มิเอโกะรู้สึกถึงการหายใจที่หนักหน่วง และหัวใจที่เต้นรัวอย่างไม่อาจควบคุมเคนชิโร่เดินนำหน้า มองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น มือของเขาไม่ได้คลายจากการจับกระบอกปืน แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนเขาจะใจเย็น แต่ร่างกายของเขาก็มีความตึงเครียดที่มิเอโกะไม่สามารถมองข้ามไปได้มิเอโกะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดภายใน จนทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวหรือพูดอะไรออกไปได้ ในทุกย่างก้าวที่เธอก้าวไปข้างหน้า เธอกำลังเดินเข้าสู่ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“คุณเคนชิโร่...” มิเอโกะเริ่มพูดในที่สุด เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อพยายามยืนยันความคิดในหัวเคนชิโร่หันมาเธอพร้อมกับมองตรงไปที่ดวงตาของเธอ เขารู้ว่าคำถามนี้จะต้องมีมา แต่ก็เลือกที่จะรอฟัง มิเอโกะยืนอยู่ตรงนั้น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดคำถามที่เธอไม่อาจเก็บไว้ได้อีกต่อไป“เรา... จะต้องเผชิญกับอะไรที่นี่คะ? ถ้าฉัน... ถ้าฉันทำไม่ไห
ห้องลับในโกดังที่ทั้งสองเข้าไปนั้นเต็มไปด้วยเงียบสงัด ราวกับว่าเวลาถูกหยุดนิ่งในห้วงความมืดมิดของความลับที่ซ่อนอยู่ ทุกก้าวที่มิเอโกะก้าวไปข้างหน้า เสียงฝีเท้าดังชัดเจนจนเหมือนจะสะท้อนในห้องนี้อย่างไม่จบสิ้น เสียงหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้นตามความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นในใจเคนชิโร่ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง สายตาของเขากระจายไปที่ทุกมุมมองของห้อง สังเกตทุกอย่างอย่างละเอียด ราวกับรู้ว่าความจริงที่รออยู่ในที่แห่งนี้นั้นจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง“คุณเคนชิโร่... อะไรคือสิ่งที่เรากำลังจะเจอที่นี่?” มิเอโกะถามขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและความวิตกกังวลที่ไม่อาจปิดบังได้เคนชิโร่หันมามองเธอ คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง “ความจริงครับ คุณต้องพร้อมแล้ว” เขากล่าวสั้นๆ โดยไม่หันกลับไปมองที่เธอมิเอโกะกัดริมฝีปากแน่น มือของเธอกำมือจนแน่นเหมือนจะห้ามไม่ให้ตัวเองหวั่นไหว เมื่อเคนชิโร่พูดถึงความจริง เธอรู้ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวัง หรือแม้แต่สิ่งที่เธออยากจะรู้ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงมุมหนึ่งของห้อง ที่มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ตั
สถานที่: บ้านพักส่วนตัวของเคนชิโร่ค่ำคืนนั้น มิเอโกะและเคนชิโร่เดินทางกลับมาที่บ้านพักส่วนตัวหลังจากออกจากโกดังเก่า ความเงียบในรถทำให้บรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อย มิเอโกะมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของเธอเหม่อลอย ราวกับกำลังประมวลผลข้อมูลทุกอย่างที่เธอได้เจอในวันนี้เคนชิโร่ที่นั่งอยู่ด้านหน้า สังเกตเห็นท่าทางของเธอผ่านกระจกมองหลัง เขาไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งรถมาถึงบ้านพัก บอดี้การ์ดช่วยเปิดประตูให้ทั้งสอง ก่อนที่เคนชิโร่จะเดินนำเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นเขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูด “คุณคงมีคำถามมากมายในใจใช่ไหม?”มิเอโกะที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตู เงยหน้าขึ้นมามองเขา “ใช่ค่ะ… แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหน”เคนชิโร่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะผายมือเชิญให้เธอนั่งลงบนโซฟา “งั้นเริ่มจากสิ่งที่คุณอยากรู้อย่างที่สุดก่อนดีไหม”เธอนั่งลงช้าๆ แล้วหันไปมองหน้าเขา “คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของฉันได้ยังไงคะ? และทำไมข้อมูลพวกนั้นถึงมาอยู่ในโกดังนั้น?”เคนชิโร่นั่งลงตรงข้ามเธอ ดวงตาของเขาสบกับดวงตาเธออย่างตรงไปตรงมา “ผมรู้เพราะผมตามสืบเรื่องนี้มานานแล้วครับ… ทุกอย่างเริ่มจากการสืบสวนเกี่ยว
สถานที่: ห้องโถงในคฤหาสน์ของเคนชิโร่เช้าตรู่ในวันใหม่ แสงแดดอ่อนสาดลอดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ลงมาในห้องโถงที่เงียบสงบ เคนชิโร่ยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่ มองเอกสารในมืออย่างครุ่นคิด มิเอโกะเดินลงบันไดมาในชุดเรียบง่ายแต่สะดุดตา เธอหยุดยืนมองเขาสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้น“คุณตื่นแต่เช้าอีกแล้วเหรอคะ?”เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร และส่งยิ้มบางๆ ให้เธอ “ใช่ครับ วันนี้มีงานสำคัญ”“แผนที่จะไปจัดการแก๊งมาเฟียนั่นใช่ไหมคะ?” น้ำเสียงเธอมีความกังวลแฝงอยู่“ใช่ครับ ผมต้องไปดูด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน”เธอก้าวเข้ามาใกล้ “คุณคิดว่าสถานการณ์มันจะรุนแรงแค่ไหนคะ?”“ผมไม่อยากโกหกครับ มันมีความเสี่ยง แต่ผมเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว บอดี้การ์ดของผมมีประสบการณ์ ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง”มิเอโกะนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ฉันจะไปกับคุณ”“ไม่ได้ครับ” เขาพูดทันที น้ำเสียงของเขามั่นคง “มันอันตรายเกินไปสำหรับคุณ”“แต่ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆ” เธอยืนกราน “คุณสัญญากับฉันได้ไหมว่าจะปลอดภัย?”เคนชิโร่จ้องเธอนิ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ผมสัญญาครับ ผมจะทำทุกวิถีทางให้เรื่องนี้จบลงโดยไม่มีใครเป็นอันตราย
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกในคาเฟ่เล็กๆ ใกล้แม่น้ำซุมิดะ ที่นั่งริมหน้าต่างตกแต่งด้วยดอกไม้สีพาสเทลและหมอนอิงลายดอกไม้ มิเอโกะนั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ มืออีกข้างคนกาแฟในถ้วยเล็กๆ พร้อมกับสายตาที่มองออกไปนอกหน้าต่างเคนชิโร่เดินเข้ามาในร้านในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแลคเรียบง่าย เขามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นเธอ“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” เขากล่าวขณะเดินตรงมาที่โต๊ะมิเอโกะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น “คุณนี่ตรงเวลากว่าที่คิดไว้นะคะ ฉันเพิ่งนั่งลงไม่ถึงสิบนาทีเอง”“ถ้าอย่างนั้นผมโชคดีที่มาทันเห็นคุณยิ้ม”เธอหัวเราะเบาๆ พลางโบกมือ “ชมแบบนี้อีกแล้วนะคะ คุณนี่จะทำให้ฉันเขินทุกวันเลยหรือไง?”เขานั่งลงตรงข้ามและหยิบเมนูขึ้นมา “บางทีผมก็อยากเห็นคุณเขินบ้าง”“ถ้างั้นคุณคงต้องรออีกนานเลยค่ะ เพราะฉันไม่เขินง่ายๆ หรอก”บทสนทนาที่เติมเต็มเสียงเพลงเบาๆ ในร้านช่วยเติมเต็มบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย เคนชิโร่วางเมนูลงและหันมามองเธอ“เมื่อคืนคุณนอนหลับสบายไหมครับ?”“ก็ไม่เลวนะคะ” เธอพูดพลางยักไหล่ “แต่บางทีฉันคิดว่าคุณน่าจะทำให้ฉันนอนไม่หลับมากกว่า”เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมไม่ได้ตั้งใจทำใ
ในคลับหรูใจกลางชานเมืองโตเกียว แสงไฟหลากสีสาดส่องไปทั่วพื้นที่ เสียงดนตรีจังหวะสนุกเร่งเร้าให้ผู้คนในคลับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ มิเอโกะยืนพิงกำแพงตรงมุมห้องพักศิลปินเล็กๆ ที่จัดไว้สำหรับนักร้องหน้าใหม่ เธอแอบมองลอดม่านบางๆ ออกไปยังพื้นที่หน้าเวที สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับลูกน้องของเขา“คุณคนนั้นใช่ไหม?” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะกัดริมฝีปากล่างเพื่อระงับความตื่นเต้นโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเบาๆ มิเอโกะหยิบขึ้นมาอ่านข้อความจากเคนชิโร่:“คุณโอเคไหม?”เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วพิมพ์ตอบกลับ:“ฉันโอเคค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”ไม่นานนัก โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายโทรเข้า“ฮัลโหล?” มิเอโกะรับสายแล้วลดเสียงลง“คุณอยู่ตรงไหน?” เสียงเคนชิโร่ดังมาจากอีกฝั่ง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ฉันอยู่ในห้องพักหลังเวทีค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”“ดีครับ แต่จำไว้นะ ถ้าอะไรผิดปกติ รีบส่งสัญญาณมาหาผมทันที”“ค่ะ คุณพูดเหมือนฉันเป็นเด็กไปได้” มิเอโกะหัวเราะเบาๆ“คุณไม่ใช่เด็ก แต่คุณชอบทำให้ผมห่วง”คำพูดนั้นทำให้เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว “คุณพูดแบบนี้... ฉันต้อง
หลังจากการประชุมที่ห้องของมิเอโกะในมูลนิธิ การตัดสินใจครั้งใหญ่ถูกวางแผนอย่างรอบคอบ เคนชิโร่เรียกบอดี้การ์ดทั้งห้าคนมาที่ห้องประชุมเพื่อวางแผนปฏิบัติการสำคัญ พวกเขาจะต้องเข้าไปในวงการของลูกชายมายาโตะ โคอิจิ เพื่อสืบหาเบาะแสและหลักฐานที่สามารถเอาผิดเขาได้ มิเอโกะนั่งอยู่ข้างๆ เคนชิโร่ รอให้ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ด้วยท่าทางที่เหมือนจะไม่ค่อยจริงจังนัก แต่ความคมคายในแววตาของเธอนั้นกลับทำให้เคนชิโร่รู้สึกถึงความหนักแน่นที่ซ่อนอยู่"คุณเคนชิโร่ค่ะ" มิเอโกะพูดเสียงหวานแต่ยังคงแฝงความจริงจัง "เราต้องทำให้ทุกอย่างราบรื่น เราจะเริ่มต้นอย่างไรดีคะ?"เคนชิโร่ยิ้มบางๆ แล้วหันไปมองบอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านหน้าเขา โดยทุกคนต่างเป็นผู้ชายที่มีท่าทางเข้มแข็ง และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและช่วยเหลือมิเอโกะ"โอเคครับ ทุกคน เรามีงานที่ต้องทำ" เคนชิโร่เริ่มต้นพูด "แผนของเราคือการแทรกซึมเข้าไปในธุรกิจของลูกชายมายาโตะ โดยการสมัครงานในหลายตำแหน่งที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง"เคนชิโร่หันไปมองมิเอโกะ ก่อนจะพูดต่อไป "ผมคิดว่าเราต้องให้คุณมิเอโกะไปสมัครงานกับลูกชายมายาโตะ เขาจะได้รู้จักกับคนในวงการ
มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโตที่เต็มไปด้วยความสงบและสถาปัตยกรรมโบราณ ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนที่เดือดร้อน ภายในอาคารที่ตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลอ่อนและกระจกที่สะท้อนแสงจากพระอาทิตย์ยามเย็น ทุกอย่างดูเงียบสงบและเป็นระเบียบ แต่ในวันนี้ มันกลับไม่สงบเหมือนเคยเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ห้องทำงานของมิเอโกะในมูลนิธิ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิยืนอยู่ที่หน้าประตูและพูดด้วยน้ำเสียงเร่งด่วน “คุณมิเอโกะค่ะ ขอโทษที่รบกวน แต่มีตัวแทนชาวบ้าน 10 คนจากเกียวโตมาที่นี่ พวกเขาต้องการพูดคุยกับคุณโดยด่วนค่ะ”มิเอโกะที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานหันไปมองเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าสงบ “เอาเลยค่ะ ให้พวกเขาไปนั่งรอที่ห้องประชุม เดี๋ยวฉันจะเข้าไปค่ะ”เจ้าหน้าที่พยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไปไม่นาน มิเอโกะก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปยังห้องประชุม พอเปิดประตูเข้าไป เธอก็พบกับตัวแทนชาวบ้าน 10 คนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะประชุม บรรยากาศในห้องดูจริงจังและมีความเครียดปกคลุมมิเอโกะนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะและหันไปยิ้มให้ทุกคน แม้ว่าจะมีความเครียดอยู่ในอากาศ “เกิดอะไรขึ้นค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยเหลือไห
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยอากาศสดชื่นที่พัดผ่านท้องถนนในเขตชานเมืองของโตเกียว เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในบ้านของมิเอโกะ ขณะที่เธอตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่ตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น เธอลุกขึ้นจากเตียงและยืดตัวเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานเล็กเปิดรับแสงแดดที่อ่อนโยนเสียงเครื่องยนต์จากรถยนต์คันหนึ่งดังขึ้นจากนอกบ้าน ก่อนที่เคนชิโร่จะขับรถของเขาเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของมิเอโกะ รอยยิ้มของเขาแสดงให้เห็นถึงความสุขที่ได้มาอยู่ใกล้ๆ เธอในทุกวันมิเอโกะเดินออกมาจากบ้านในชุดทำงานที่ดูสะอาดตาและดูดี พอเห็นเคนชิโร่ยืนรออยู่ที่หน้ารถ เธอไม่ลืมที่จะโบกมือทักทาย พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มกว้าง "สวัสดีค่ะ คุณเคนชิโร่"เคนชิโร่ยิ้มตอบกลับ พร้อมกับเปิดประตูให้มิเอโกะ "สวัสดีครับคุณมิเอโกะ วันนี้คุณพร้อมสำหรับการทำงานที่มูลนิธิแล้วหรือยังครับ?"มิเอโกะเปิดประตูรถและนั่งลงข้างเคนชิโร่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้เขา "พร้อมค่ะ! แค่คำนึงถึงการทำงานที่มูลนิธิก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าไม่มีคุณเคนชิโร่มาเป็นคนขับรถให้ก็คงจะลำบากน่าดูนะคะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พร้อมขับรถออกไป "ผมดีใจที่สามารถช่วยได้ครับคุณมิเอโกะ ถึ
แสงไฟจากตึกมูลนิธิส่องสว่างเป็นเงาลางๆ เมื่อเคนชิโร่จับมือมิเอโกะออกมาจากอาคาร ความเย็นของยามค่ำคืนทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ไม่วายแฝงความอบอุ่นจากไออุ่นมือของทั้งสองที่ประสานกันแน่น"คืนนี้อากาศดีนะครับ" เคนชิโร่พูดพลางเหลือบมองมิเอโกะที่เดินอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม"ค่ะ ดีจนฉันอยากจะเดินกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ" มิเอโกะหันมายิ้มตอบ แต่สายตาก็แฝงความขี้เล่น"ผมคงปล่อยคุณเดินกลับเองไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณล้มระหว่างทาง ใครจะช่วยพยุง?" เคนชิโร่แซวกลับ พร้อมทำสีหน้าเจ้าเล่ห์"โอ๊ะ คุณกำลังบอกว่าฉันซุ่มซ่ามหรือคะ?" มิเอโกะย่นจมูกใส่เขา พลางบีบมือเขาเบาๆ"ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะครับ คุณต่างหากที่คิดไปเอง" เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะเปิดประตูรถหรูสีดำให้เธอ"อืม งั้นฉันจะถือว่าคุณชมว่าฉันน่ารักแล้วกันค่ะ" มิเอโกะยักคิ้วก่อนจะก้าวขึ้นรถ พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆรถเคลื่อนตัวออกจากมูลนิธิ มุ่งหน้าสู่บ้านของมิเอโกะ ถนนยามค่ำคืนเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟจากข้างทางที่สาดส่องเข้ามาในรถเป็นจังหวะ"คุณเคยบอกว่าผมขับรถพาคุณกลับบ้านจนชินแล้ว คืนนี้ผมจะได้เจอครอบครัวคุณไหมครับ?" เคนชิโร่ถามขณะมองถนน"ค่ะ พ่อกับแม่ฉันอยู่บ้าน แ
บ่ายวันนั้น แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ของ Mamori no Te Shien Zaidan ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ อากาศปลอดโปร่งและเงียบสงบจนเหมือนเวลากำลังเดินช้าลง ห้องทำงานของมิเอโกะจัดแต่งด้วยโทนสีอ่อนที่ช่วยให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย บนโต๊ะทำงานมีเอกสารกองหนึ่งที่เธอจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่สายตาของเธอกลับไม่ได้สนใจเอกสารเหล่านั้นเท่าใดนัก"คุณเคนชิโร่ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?" มิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน เธอจ้องไปที่ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาริมหน้าต่าง เขากำลังเลื่อนดูเอกสารบางอย่างในมือ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ"ได้สิครับ มีอะไรหรือเปล่า?" เคนชิโร่ตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมวางเอกสารลงบนโต๊ะข้างตัวมิเอโกะยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา "ถ้าคุณไม่ได้อยู่ช่วยงานที่นี่ช่วงนี้ ฉันควรจัดการเอกสารนี้ยังไงดีคะ? ดูเหมือนจะเยอะเกินกว่าที่ฉันจะทำคนเดียวได้นะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พลางเอนตัวไปพิงพนักโซฟา "ผมคิดว่าคุณทำได้อยู่แล้ว คุณเก่งจะตายไปนี่ครับ""พูดแบบนี้แปลว่าคุณจะไม่ช่วยฉันใช่ไหมคะ?" มิเอโกะเอียงคอเล็กน้อย ทำหน้าต
ห้องทำงานของมิเอโกะ ที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ยังคงเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านกระจกเข้ามาอย่างสวยงาม ท่ามกลางความเงียบสงบที่สะท้อนถึงการทำงานอย่างมืออาชีพของทุกคนในที่นี่ แต่สำหรับมิเอโกะในตอนนี้ ความคิดในหัวของเธอกลับไม่เกี่ยวข้องกับเอกสารหรือเรื่องงานเลยสักนิดมิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และเธอกำลังพยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองให้อยู่ในกรอบ ในขณะที่กำลังคิดถึงเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไป แต่บรรยากาศในห้องทำงานก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกนิ่งสงบได้"เอ๊ะ... คุณเคนชิโร่ไปจัดการเรื่องที่ไนท์คลับแล้วใช่ไหม?" เธอพูดออกมาคนเดียวด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้ฟังดูน่าเศร้าแต่ว่า มือเล็กๆ ของเธอก็หยิบปากกาออกมาเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ เริ่มขีดๆ เขียนๆ แบบขอไปทีเหมือนจะหาทางทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น "อืม... ถ้าฉันไม่ได้เจอเขานานๆ ก็ต้องทำตัวเองให้ยุ่งๆ แล้วล่ะ" มิเอโกะพูดกับตัวเองอย่างขำๆ และท่าทางนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อทันใดนั้น เสียงเปิดประตูดังขึ้น และเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไปกลับมาอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทางที่เหมือนจะมีอะไรอยากบอก มิเอโกะเงยหน
บรรยากาศในห้องทำงานของ Mamori no Te Shien Zaidan กลับมาสงบลงอีกครั้งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นไป และตอนนี้มิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง กำลังตรวจสอบเอกสารหลายชุดที่วางอยู่ข้างหน้า ในขณะที่เคนชิโร่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างความเงียบถูกทำลายเมื่อเคนชิโร่เปิดปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหนักใจ "คุณมิเอโกะครับ" เขาเริ่มต้นด้วยคำเรียกที่คุ้นเคยแต่แฝงไปด้วยความจริงจังมิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากเอกสารและมองไปที่เคนชิโร่ รู้สึกถึงความกังวลในสายตาของเขา "มีอะไรคะ คุณเคนชิโร่?" เธอถามอย่างใส่ใจ ท่าทางสงบและเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะฟังเคนชิโร่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา "ผมปล่อยธุรกิจที่ไนท์คลับ Yūgen Club ที่เกียวโตไว้นานแล้ว... ไม่ค่อยได้กลับไปดูแลมันเลยช่วงนี้" เขาพูดออกมาเบาๆ และรู้สึกถึงความหนักใจที่ซ่อนอยู่ในคำพูด "ตอนนี้ผมจะไม่ค่อยได้เข้ามาที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan สักเท่าไรถ้าไม่มีผมในช่วงนี้... คุณจะทำงานคนเดียวไวไหมครับ?"มิเอโกะมองไปที่เคนชิโร่ ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเห็นเขารู้สึกผิดไป เธอวางเอกสารลงและลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อที่จ