ณ. โกดังร้างย่านชานเมืองโตเกียว
แสงแดดยามเย็นที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างแตก ๆ ไม่อาจช่วยลดความเงียบงันของโกดังร้าง เสียงลมหวีดหวิวปะปนกับเสียงเหยี่ยวร้องไกล ๆ ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนฉากในหนังอาชญากรรม
มิเอโกะซ่อนตัวอยู่หลังกล่องไม้เก่า ๆ ดวงตาจับจ้องไปที่กลุ่มชายชุดดำซึ่งกำลังขนย้ายกล่องเหล็กหลายใบเข้าไปในรถบรรทุก เสียงหัวหน้าแก๊งที่ยืนอยู่กลางวงดังขึ้น
หัวหน้าแก๊ง: "ระวังหน่อย อย่าให้กล่องไหนเสียหาย ของข้างในมันแพงกว่าชีวิตพวกแกซะอีก"
ชายในชุดดำพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเคร่งขรึม มิเอโกะหรี่ตามองผ่านเลนส์กล้อง เธอพยายามซูมเข้าไปใกล้กล่องที่ถูกเปิดบางส่วน ภายในนั้นเต็มไปด้วยอาวุธและถุงพลาสติกบรรจุผงสีขาว
มิเอโกะ: (กระซิบกับตัวเองเบา ๆ)
"อาวุธ... แล้วนั่นยาเสพติดใช่ไหม? พวกมันต้องถูกจับให้ได้"
เธอเก็บภาพทุกอย่างอย่างระมัดระวัง หัวใจเต้นแรงด้วยทั้งความกลัวและความมุ่งมั่น ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จนกระทั่ง...
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
ดวงตาของมิเอโกะเบิกกว้าง เธอรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพยายามปิดเสียงให้เร็วที่สุด แต่ไม่ทันเสียแล้ว หัวหน้าแก๊งหันขวับมาทางเธอ พร้อมกับส่งเสียงตะโกนลั่น
หัวหน้าแก๊ง: "ใครอยู่ที่นั่น! แก ไปดูให้แน่ใจ!"
ลูกน้องสามคนพุ่งตัวไปทางที่เธอซ่อนอยู่ มิเอโกะกัดริมฝีปากแน่น มือของเธอชื้นเหงื่อ เธอพยายามตั้งสติและค่อย ๆ ขยับตัวถอยหลังไปอีกด้าน
มิเอโกะ: (กระซิบกับตัวเอง)
"ใจเย็นไว้ ฉันต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้"
เสียงฝีเท้าเข้าใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เธอเหลือบมองรอบ ๆ และสังเกตเห็นทางแคบ ๆ ระหว่างกล่องไม้ เธอตัดสินใจคลานไปทางนั้น หวังจะออกไปอีกด้านของโกดัง
ลูกน้องคนที่ 1: "ฉันได้ยินเสียง! อยู่ตรงนี้!"
เธอหยุดหายใจชั่วขณะ ร่างกายแอบแนบกับพื้น กล้องในมือสั่นเล็กน้อย เธอพยายามซ่อนตัวในมุมมืดที่สุด เสียงลูกน้องแก๊งดังขึ้นอีกครั้ง
ลูกน้องคนที่ 2: "มันหนีไปทางนั้น! รีบตามไป!"
เมื่อแน่ใจว่าพวกมันวิ่งไปอีกทาง เธอจึงรีบคลานต่อไปอย่างเงียบที่สุด จนกระทั่งเธอเห็นแสงสว่างราง ๆ จากประตูทางออกฉุกเฉิน
มิเอโกะ: (กระซิบเบา ๆ)
"อีกนิดเดียว... แค่ถึงตรงนั้นก็รอดแล้ว"
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นด้านหลัง เธอหันกลับไปมองและเห็นหนึ่งในลูกน้องแก๊งยืนอยู่ เขาจับตามองเธอด้วยสายตาดุดัน
ลูกน้องคนที่ 3: "เจอตัวแล้ว! อย่าปล่อยให้มันหนี!"
มิเอโกะรีบลุกขึ้นวิ่งสุดชีวิต เสียงตะโกนของพวกมันตามมาด้านหลัง เธอพยายามหายใจให้เป็นจังหวะและวิ่งไปยังทางออก แต่โชคร้ายที่หนึ่งในพวกมันวิ่งมาดักทางไว้
ลูกน้องคนที่ 4: "แกไปไหนไม่ได้แล้ว!"
เธอหยุดกะทันหัน หัวใจเต้นระรัว คิดหาทางออกอย่างเร่งด่วน สายตาเหลือบไปเห็นท่อนเหล็กยาวที่วางอยู่ใกล้ ๆ
มิเอโกะ: (กัดฟันแน่น)
"ถ้าหนีไม่ได้ ก็ต้องสู้"
เธอพุ่งตัวไปคว้าท่อนเหล็กก่อนจะฟาดใส่ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว เสียงโลหะกระทบกันดังลั่น เธอไม่รอให้เขาตั้งตัว ก่อนจะรีบวิ่งออกไปอีกด้าน ทิ้งเสียงโหวกเหวกของพวกมันไว้ข้างหลัง
เธอรู้ดีว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล... และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความอันตราย
การปรากฏตัวของเคนชิโร่
ถนนสายเปลี่ยวหน้าไนท์คลับ Yūgen Club ในย่านชานเมืองโตเกียวถูกปกคลุมด้วยแสงไฟนีออนจาง ๆ ที่สะท้อนกับผิวถนนเปียกชื้น รถยนต์หรูสีดำสนิทจอดนิ่งสนิทอยู่ริมทาง ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบเนี้ยบ นั่งพิงเบาะหลัง ดวงตาเย็นชาของเขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง
เคนชิโร่: (พูดกับคนขับด้วยเสียงเรียบนิ่ง)
"หยุดรถ"คนขับเหลือบตามองกระจกหลังเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เขาชะลอรถจนจอดสนิท เคนชิโร่เปิดประตูลงมา สายลมเย็นพัดผ่านเส้นผมที่ถูกจัดอย่างสมบูรณ์แบบ เขาหรี่ตามองไปยังเงาร่างหญิงสาวที่กำลังวิ่งหนีสุดชีวิต เสียงหอบหายใจของเธอชัดเจนแม้จะอยู่ในระยะไกล
ชายชุดดำห้าคนในฐานะบอดี้การ์ดประจำตัวรีบลงจากรถตามหลังมา พวกเขายืนเป็นแนวพร้อมรอคำสั่ง
เคนชิโร่: (ออกคำสั่งเสียงนิ่ง แต่หนักแน่น)
"ช่วยผู้หญิงคนนั้น ไม่ต้องยั้งมือ"ชายทั้งห้ารับคำสั่งโดยไม่พูดอะไร พวกเขาเคลื่อนตัวไปยังโกดังอย่างรวดเร็ว
ด้านมิเอโกะ
เธอหอบหายใจหนัก หัวใจเต้นระรัวเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงฝีเท้าของลูกน้องแก๊งดังอยู่ไม่ไกลด้านหลัง ความมืดของถนนข้างโกดังทำให้เธอไม่กล้าหยุดแม้แต่เสี้ยววินาที
มิเอโกะ: (กระซิบกับตัวเองอย่างหวาดหวั่น)
"ฉันจะไม่หยุด ฉันต้องรอด... ฉันยังมีงานที่ต้องทำ"เธอสะดุดก้อนหินล้มลงไปกับพื้น กล้องในมือกระเด็นไปด้านหน้า ฝุ่นคลุ้งกระจาย เธอพยายามรวบรวมแรงลุกขึ้น แต่เสียงฝีเท้าของชายชุดดำคนหนึ่งใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ลูกน้องแก็งค์มาเฟีย 1: "หยุดเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นแกจะได้เจ็บตัว!"
เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตา ความกลัวทำให้ร่างกายเธอสั่น เธอเอื้อมมือไปหยิบกล้อง แต่เสียงเหล็กเสียดสีกับพื้นทำให้ชายคนนั้นกระโจนเข้ามา
การเผชิญหน้าที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
ทันใดนั้น เสียงตะโกนของชายอีกคนดังขึ้นขัดจังหวะ
บอดี้การ์ด 1: "หยุด! ปล่อยตัวเธอซะ"
มิเอโกะหันขวับไปมอง ชายชุดสูทดำทั้งห้าคนยืนล้อมชายของแก๊งไว้ ท่าทางของพวกเขาดุดันและมีความมั่นใจ
ลูกน้องแก๊งค์มาเฟีย 2: "พวกแกเป็นใคร? อย่ามายุ่งเรื่องของเรา!"
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะตอบ บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็ซัดหมัดเข้าที่หน้าของชายคนนั้นอย่างจัง
เสียงการต่อสู้ดังลั่น มิเอโกะอ้าปากค้าง เธอยืนมองภาพตรงหน้าเหมือนจะหยุดหายใจ
เคนชิโร่เข้ามาในเหตุการณ์
เมื่อทุกอย่างสงบลง เคนชิโร่เดินเข้ามาในวงล้อมอย่างสง่างาม เขาจ้องมองมิเอโกะที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ร่างกายเธอเต็มไปด้วยฝุ่นและรอยขีดข่วนเล็ก ๆ
เคนชิโร่: (เสียงทุ้มต่ำและอ่อนโยน)
"คุณโอเคไหม?"มิเอโกะหันมามองเขา สายตาเธอเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
มิเอโกะ: "ฉัน... คุณเป็นใคร? ทำไมถึงช่วยฉัน?"
เคนชิโร่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบ
เคนชิโร่:
"ผมไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งเรื่องของคุณ แต่คุณดูเหมือนต้องการความช่วยเหลือ"เขายื่นมือไปตรงหน้าเธอ
เคนชิโร่: "คุณลุกไหวไหม? หรือให้ผมช่วย?"
มิเอโกะลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจจับมือเขา เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและมั่นคงในมือของชายคนนี้
มิเอโกะ: (เสียงเบาแต่จริงใจ)
"ขอบคุณ... คุณช่วยฉันไว้จริง ๆ"เคนชิโร่: (ยิ้มมุมปากเล็กน้อย)
"ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้คุณต้องรีบไปจากที่นี่ก่อน พวกมันอาจจะกลับมาอีก"มิเอโกะ: "แล้วคุณล่ะ? คุณไม่กลัวเหรอ?"
เคนชิโร่เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยเสียงเยือกเย็น
เคนชิโร่: "ผมไม่ใช่คนที่พวกมันควรจะกลัวหรอก แต่เป็นคุณต่างหาก"
คำพูดนั้นทำให้มิเอโกะนิ่งไปชั่วขณะ เธอไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่รู้สึกว่าคำพูดของเขามีน้ำหนักที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้
ขณะที่พวกเขาเดินออกจากโกดัง รถยนต์หรูสีดำยังจอดรออยู่ มิเอโกะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่เธอรู้ดีว่าชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
สถานที่: บนรถของเคนชิโร่รถยนต์หรูสีดำแล่นอย่างนุ่มนวลไปตามถนนย่านชานเมือง โตโยะ คนขับรถส่วนตัวของเคนชิโร่ จับพวงมาลัยแน่น ดวงตาจดจ่ออยู่ที่ถนนข้างหน้า บอดี้การ์ดห้าคนของเขานั่งกระจายกันอยู่ในรถสองแถวหลัง สีหน้าของทุกคนเคร่งเครียดเหมือนพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันมิเอโกะนั่งชิดประตูด้านซ้าย กระเป๋าสะพายของเธอวางบนตัก มือกำแน่นจนข้อขาว เธอยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงไม่หยุดหลังการหนีตายเมื่อครู่เคนชิโร่ที่นั่งข้างเธอ เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ฟังแล้วหนักแน่นเคนชิโร่:"คุณเป็นใครครับ? ทำไมถึงถูกตามล่า?"มิเอโกะสะดุ้งเล็กน้อย เธอก้มหน้าลง สูดหายใจลึกก่อนตอบเสียงเบามิเอโกะ:"ฉัน... ฉันเป็นนักข่าวค่ะ มิเอโกะ จาก Tokyo Horizon News"เคนชิโร่พยักหน้าเล็กน้อย หันหน้ากลับไปมองถนนเบื้องหน้า น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเคนชิโร่:"และคุณไปทำอะไรที่โกดังนั่น?"เธอหันมามองเขาอย่างลังเล ก่อนตัดสินใจพูดออกมาในที่สุดมิเอโกะ:"ฉันกำลังสืบเรื่องแก๊งยามาโตะ คุโรคิ พวกเขาขนยาเสพติดและอาวุธผิดกฎหมาย ฉันต้องการเปิดโปงพวกเขา"ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรในทันที มือของเขาที่วางอยู่บนเข่าข
สถานที่: หน้าสำนักข่าว Tokyo Horizon Newsบอดี้การ์ดสองคนของเคนชิโร่ยืนอยู่หน้าสำนักงานข่าวอย่างเงียบ ๆ ภายใต้แสงแดดที่ค่อนข้างแรง พวกเขามองไปที่ประตูทางเข้าอย่างระมัดระวัง เหมือนกับว่ารู้ว่ามิเอโกะกำลังจะเดินออกมาจากภายในไม่ช้าบอดี้การ์ด 1: (หันไปทางอีกคนหนึ่ง)"คุณคิดว่าเธอจะเชื่อใจเจ้านายเราไหม?"บอดี้การ์ด 2: (ยักไหล่)"มันไม่ใช่เรื่องของเรา... แค่ทำตามคำสั่ง"ทั้งสองคนยืนรออย่างอดทน และในขณะที่ทั้งสองกำลังยืนคุยกัน มิเอโกะก็กลับมาถึงที่หน้าสำนักงานข่าวโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอกับคนเหล่านี้ เธอหยุดเดินเมื่อเห็นชายสองคนในชุดดำยืนอยู่ข้างหน้ามิเอโกะ: (มองอย่างสงสัย)"คุณสองคนมาทำอะไรที่นี่คะ?"บอดี้การ์ดทั้งสองยืนนิ่งอยู่ก่อนจะหันมามองกันบอดี้การ์ด 1: (ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ)"คุณมิเอโกะ... เรามีคำสั่งจากคุณเคนชิโร่"มิเอโกะ: (สงสัย)"จากคุณเคนชิโร่?"บอดี้การ์ด 2: (ยิ้มเล็กน้อย)"เขานัดพบคุณที่ไนท์คลับของเขา พรุ่งนี้เช้า"มิเอโกะเงียบไปสักพัก เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับการติดต่อจากเคนชิโร่ในทันทีแบบนี้ แต่ก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจและอาจเป็นโอกาสในการหาคำตอบเกี่ยวกับเขาและแก๊งค์มาเฟียมิ
สถานที่: ห้องทำงานส่วนตัวของเคนชิโร่, ที่อยู่อาศัยของเขาเคนชิโร่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา สายตาของเขาจับจ้องไปที่โต๊ะทำงานที่มีไฟสีเหลืองอ่อนส่องสว่าง เขาหยุดยืนอยู่ที่ประตูแล้วมองไปที่นาฬิกาแขวนกำแพง ก่อนจะหันกลับมาหามิเอโกะที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ ในมือของเธอถือเอกสารที่เขามอบให้ เธอคลี่อ่านมันอย่างระมัดระวัง"คุณแน่ใจหรือว่าจะทำแบบนี้?" เคนชิโร่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เงียบขรึมมิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร เมื่อเห็นการแสดงออกของเขา เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ถามแค่คำถามนั้น แต่กำลังพยายามสื่อถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา"แน่ค่ะ ฉันไม่กลัว..." เสียงของมิเอโกะทุ้มลง แต่ยังคงมั่นคง "แค่บอกมา ถ้าฉันต้องทำอะไร ผมก็จะทำ"เคนชิโร่ยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังประเมินสถานการณ์ เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานและเริ่มจัดเรียงเอกสารบางอย่าง ขยับปากเพื่อพูด แต่แล้วก็หยุดหายใจไปชั่วขณะ"มันจะอันตรายมาก" เคนชิโร่พูดเสียงเบา แต่มันหนักแน่นมิเอโกะเดินเข้ามาใกล้ ค่อยๆ วางเอกสารลงบนโต๊ะอย่างตั้งใจและมองเขาตรงๆ "ถ้าไม่ทำอะไรเลย พวกนั้นก็จะทำลายทุกอย่าง" เธอหยุดพูดไปและมองเขาในสายตาที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่น "ฉันพร้อมแล้วค่ะ"
"ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับโกดังอื่นที่พวกมันใช้" เคนชิโร่พูดเสียงเรียบ สายตาของเขาไม่ละจากเธอ "คุณสนใจจะร่วมมือกันไหม?"มิเอโกะเลื่อนแก้วเครื่องดื่มในมือไปมาอย่างช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองตาเขา พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก"แน่นอนค่ะ ถ้ามันช่วยกำจัดพวกนั้นได้ ฉันยินดีทำทุกอย่าง" เสียงของมิเอโกะแฝงไปด้วยความมั่นใจ ความมุ่งมั่นในตัวเธอสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน แม้ภายในใจจะมีความกังวลแฝงอยู่ก็ตามเคนชิโร่พยักหน้า ก่อนจะยื่นแผนที่ที่เขาเตรียมไว้ให้เธอ "นี่คือสถานที่ที่พวกมันใช้เป็นโกดังเก็บสินค้า ผมเพิ่งได้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับมัน"มิเอโกะมองแผนที่ที่เขายื่นให้ ความสงสัยและความตึงเครียดเริ่มสะท้อนในดวงตาของเธอ เธอรู้ว่าข้อมูลนี้คือกุญแจสำคัญที่อาจจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง"ถ้าข้อมูลนี้ถูกต้อง" มิเอโกะพูดเสียงต่ำ แต่จังหวะการพูดของเธอเต็มไปด้วยความตั้งใจ "พวกนั้นจะไม่ยอมให้เราเข้าถึงได้ง่ายๆ แน่"เคนชิโร่ไม่ตอบ แต่หันไปมองแผนที่อย่างครุ่นคิด "นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องการคุณเข้ามาช่วย คุณมีทักษะในการสืบสวนที่พวกเขาคงไม่คาดถึง"มิเอโกะพยักหน้า มองแผนที่ที่เขายื่นให้แล้วพูดต่อ "เราต้องวางแผนให้รัดกุม และทำให้พว
ณ.บ้านพักของเคนชิโร่ เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ เคนชิโร่ยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร ขณะที่มือของเขากำลังขยับไปมาบนสมาร์ทโฟนตรวจสอบข้อมูลบางอย่างมิเอโกะที่นั่งอยู่บนโซฟา หยิบแก้วกาแฟที่ยังอุ่นอยู่ขึ้นมาดื่ม รู้สึกถึงความเงียบที่แปลกประหลาดในห้องนี้ แม้จะมีเสียงของเครื่องชงกาแฟในห้องครัวอยู่เบาๆ แต่ความรู้สึกของเธอก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาเคนชิโร่หันมองไปที่มิเอโกะ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย“วันนี้เราจะไปที่โกดังเก่าของแก๊งค์มาเฟียที่คุณบอก เราต้องหาคำตอบให้ได้” เขาพูดขณะยกมือลูบคางเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถึงแผนการอะไรบางอย่างที่อยู่ในหัวมิเอโกะพยักหน้าเบาๆ แม้จะรู้สึกตึงเครียด แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ เธอได้แต่หวังว่าเคนชิโร่จะสามารถนำพาเธอผ่านเรื่องราวทั้งหมดไปได้เสียงโทรศัพท์มือถือของเคนชิโร่ดังขึ้น เขากดรับสายโดยไม่พูดอะไร และแค่ฟังเสียงที่ปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง“ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม?” เคนชิโร่ถามเสียงตอบกลับจากปลายสายฟังดูราบเรียบ แต่มั่นใจ “ครับ คุณเค
บรรยากาศโกดังเก่าริมชายทะเลที่แทบจะไม่มีผู้คนผ่านไปมาบ่อยครั้ง กลิ่นของเกลือทะเลและสนิมผสมปะปนไปกับอากาศหนาวเย็นของยามเช้า บรรยากาศรอบๆ เป็นความเงียบสงัดที่ไม่สามารถล่วงรู้ถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอยเท้าของทั้งสองคนสะท้อนบนพื้นไม้ผุๆ แสงแดดเพียงเล็กน้อยจากหน้าต่างที่แตกส่องลงมาในห้อง สร้างบรรยากาศที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกมิเอโกะยืนอยู่ข้างเคนชิโร่ หัวใจของเธอกระตุกแรงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกระทบของวัตถุต่างๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในมุมมืด ความกลัวเริ่มคลืบคลานเข้ามาทุกที ทุกย่างก้าวที่เธอก้าวไปข้างหน้า ความรู้สึกที่กดดันนี้ทำให้ลมหายใจของเธอเริ่มหายไปทีละน้อยเคนชิโร่หันมามองเธอ ขณะที่มือของเขาคอยจับกระบอกปืนด้วยท่าทีระมัดระวัง เขารู้ดีว่าทุกการเคลื่อนไหวในที่แห่งนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ“คุณไม่ต้องกังวลครับ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่มันกลับมีบางอย่างที่อบอุ่นในนั้น “ผมจะอยู่ข้างคุณตลอดเวลา”มิเอโกะเหลือบมองเขา สายตาของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดจากแสงที่ค่อนข้างน้อย แต่น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้สึกถึงความมั่นคงบางอย่างที่ค่อยๆ คลายความกังวลในใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ... แต่มันเหมือนกับว่า ฉันไม
สถานที่ที่พวกเขามาถึงคือห้องลับในโกดังเก่า ที่มืดสลัวราวกับว่าไม่มีวันสิ้นสุด เสียงกุกกักจากสายลมที่พัดเข้ามาในซอกมุมของสถานที่นี้ บางครั้งสะท้อนเสียงจากเหล็กที่ขูดกับพื้นไม้เก่าๆ ราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่มีวันหยุดพัก บรรยากาศเย็นยะเยือกทำให้มิเอโกะรู้สึกถึงการหายใจที่หนักหน่วง และหัวใจที่เต้นรัวอย่างไม่อาจควบคุมเคนชิโร่เดินนำหน้า มองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น มือของเขาไม่ได้คลายจากการจับกระบอกปืน แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนเขาจะใจเย็น แต่ร่างกายของเขาก็มีความตึงเครียดที่มิเอโกะไม่สามารถมองข้ามไปได้มิเอโกะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดภายใน จนทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวหรือพูดอะไรออกไปได้ ในทุกย่างก้าวที่เธอก้าวไปข้างหน้า เธอกำลังเดินเข้าสู่ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“คุณเคนชิโร่...” มิเอโกะเริ่มพูดในที่สุด เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อพยายามยืนยันความคิดในหัวเคนชิโร่หันมาเธอพร้อมกับมองตรงไปที่ดวงตาของเธอ เขารู้ว่าคำถามนี้จะต้องมีมา แต่ก็เลือกที่จะรอฟัง มิเอโกะยืนอยู่ตรงนั้น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดคำถามที่เธอไม่อาจเก็บไว้ได้อีกต่อไป“เรา... จะต้องเผชิญกับอะไรที่นี่คะ? ถ้าฉัน... ถ้าฉันทำไม่ไห
ห้องลับในโกดังที่ทั้งสองเข้าไปนั้นเต็มไปด้วยเงียบสงัด ราวกับว่าเวลาถูกหยุดนิ่งในห้วงความมืดมิดของความลับที่ซ่อนอยู่ ทุกก้าวที่มิเอโกะก้าวไปข้างหน้า เสียงฝีเท้าดังชัดเจนจนเหมือนจะสะท้อนในห้องนี้อย่างไม่จบสิ้น เสียงหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้นตามความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นในใจเคนชิโร่ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง สายตาของเขากระจายไปที่ทุกมุมมองของห้อง สังเกตทุกอย่างอย่างละเอียด ราวกับรู้ว่าความจริงที่รออยู่ในที่แห่งนี้นั้นจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง“คุณเคนชิโร่... อะไรคือสิ่งที่เรากำลังจะเจอที่นี่?” มิเอโกะถามขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและความวิตกกังวลที่ไม่อาจปิดบังได้เคนชิโร่หันมามองเธอ คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง “ความจริงครับ คุณต้องพร้อมแล้ว” เขากล่าวสั้นๆ โดยไม่หันกลับไปมองที่เธอมิเอโกะกัดริมฝีปากแน่น มือของเธอกำมือจนแน่นเหมือนจะห้ามไม่ให้ตัวเองหวั่นไหว เมื่อเคนชิโร่พูดถึงความจริง เธอรู้ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวัง หรือแม้แต่สิ่งที่เธออยากจะรู้ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงมุมหนึ่งของห้อง ที่มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ตั
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกในคาเฟ่เล็กๆ ใกล้แม่น้ำซุมิดะ ที่นั่งริมหน้าต่างตกแต่งด้วยดอกไม้สีพาสเทลและหมอนอิงลายดอกไม้ มิเอโกะนั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ มืออีกข้างคนกาแฟในถ้วยเล็กๆ พร้อมกับสายตาที่มองออกไปนอกหน้าต่างเคนชิโร่เดินเข้ามาในร้านในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแลคเรียบง่าย เขามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นเธอ“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” เขากล่าวขณะเดินตรงมาที่โต๊ะมิเอโกะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น “คุณนี่ตรงเวลากว่าที่คิดไว้นะคะ ฉันเพิ่งนั่งลงไม่ถึงสิบนาทีเอง”“ถ้าอย่างนั้นผมโชคดีที่มาทันเห็นคุณยิ้ม”เธอหัวเราะเบาๆ พลางโบกมือ “ชมแบบนี้อีกแล้วนะคะ คุณนี่จะทำให้ฉันเขินทุกวันเลยหรือไง?”เขานั่งลงตรงข้ามและหยิบเมนูขึ้นมา “บางทีผมก็อยากเห็นคุณเขินบ้าง”“ถ้างั้นคุณคงต้องรออีกนานเลยค่ะ เพราะฉันไม่เขินง่ายๆ หรอก”บทสนทนาที่เติมเต็มเสียงเพลงเบาๆ ในร้านช่วยเติมเต็มบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย เคนชิโร่วางเมนูลงและหันมามองเธอ“เมื่อคืนคุณนอนหลับสบายไหมครับ?”“ก็ไม่เลวนะคะ” เธอพูดพลางยักไหล่ “แต่บางทีฉันคิดว่าคุณน่าจะทำให้ฉันนอนไม่หลับมากกว่า”เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมไม่ได้ตั้งใจทำใ
ในคลับหรูใจกลางชานเมืองโตเกียว แสงไฟหลากสีสาดส่องไปทั่วพื้นที่ เสียงดนตรีจังหวะสนุกเร่งเร้าให้ผู้คนในคลับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ มิเอโกะยืนพิงกำแพงตรงมุมห้องพักศิลปินเล็กๆ ที่จัดไว้สำหรับนักร้องหน้าใหม่ เธอแอบมองลอดม่านบางๆ ออกไปยังพื้นที่หน้าเวที สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับลูกน้องของเขา“คุณคนนั้นใช่ไหม?” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะกัดริมฝีปากล่างเพื่อระงับความตื่นเต้นโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเบาๆ มิเอโกะหยิบขึ้นมาอ่านข้อความจากเคนชิโร่:“คุณโอเคไหม?”เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วพิมพ์ตอบกลับ:“ฉันโอเคค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”ไม่นานนัก โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายโทรเข้า“ฮัลโหล?” มิเอโกะรับสายแล้วลดเสียงลง“คุณอยู่ตรงไหน?” เสียงเคนชิโร่ดังมาจากอีกฝั่ง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ฉันอยู่ในห้องพักหลังเวทีค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”“ดีครับ แต่จำไว้นะ ถ้าอะไรผิดปกติ รีบส่งสัญญาณมาหาผมทันที”“ค่ะ คุณพูดเหมือนฉันเป็นเด็กไปได้” มิเอโกะหัวเราะเบาๆ“คุณไม่ใช่เด็ก แต่คุณชอบทำให้ผมห่วง”คำพูดนั้นทำให้เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว “คุณพูดแบบนี้... ฉันต้อง
หลังจากการประชุมที่ห้องของมิเอโกะในมูลนิธิ การตัดสินใจครั้งใหญ่ถูกวางแผนอย่างรอบคอบ เคนชิโร่เรียกบอดี้การ์ดทั้งห้าคนมาที่ห้องประชุมเพื่อวางแผนปฏิบัติการสำคัญ พวกเขาจะต้องเข้าไปในวงการของลูกชายมายาโตะ โคอิจิ เพื่อสืบหาเบาะแสและหลักฐานที่สามารถเอาผิดเขาได้ มิเอโกะนั่งอยู่ข้างๆ เคนชิโร่ รอให้ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ด้วยท่าทางที่เหมือนจะไม่ค่อยจริงจังนัก แต่ความคมคายในแววตาของเธอนั้นกลับทำให้เคนชิโร่รู้สึกถึงความหนักแน่นที่ซ่อนอยู่"คุณเคนชิโร่ค่ะ" มิเอโกะพูดเสียงหวานแต่ยังคงแฝงความจริงจัง "เราต้องทำให้ทุกอย่างราบรื่น เราจะเริ่มต้นอย่างไรดีคะ?"เคนชิโร่ยิ้มบางๆ แล้วหันไปมองบอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านหน้าเขา โดยทุกคนต่างเป็นผู้ชายที่มีท่าทางเข้มแข็ง และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและช่วยเหลือมิเอโกะ"โอเคครับ ทุกคน เรามีงานที่ต้องทำ" เคนชิโร่เริ่มต้นพูด "แผนของเราคือการแทรกซึมเข้าไปในธุรกิจของลูกชายมายาโตะ โดยการสมัครงานในหลายตำแหน่งที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง"เคนชิโร่หันไปมองมิเอโกะ ก่อนจะพูดต่อไป "ผมคิดว่าเราต้องให้คุณมิเอโกะไปสมัครงานกับลูกชายมายาโตะ เขาจะได้รู้จักกับคนในวงการ
มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโตที่เต็มไปด้วยความสงบและสถาปัตยกรรมโบราณ ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนที่เดือดร้อน ภายในอาคารที่ตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลอ่อนและกระจกที่สะท้อนแสงจากพระอาทิตย์ยามเย็น ทุกอย่างดูเงียบสงบและเป็นระเบียบ แต่ในวันนี้ มันกลับไม่สงบเหมือนเคยเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ห้องทำงานของมิเอโกะในมูลนิธิ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิยืนอยู่ที่หน้าประตูและพูดด้วยน้ำเสียงเร่งด่วน “คุณมิเอโกะค่ะ ขอโทษที่รบกวน แต่มีตัวแทนชาวบ้าน 10 คนจากเกียวโตมาที่นี่ พวกเขาต้องการพูดคุยกับคุณโดยด่วนค่ะ”มิเอโกะที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานหันไปมองเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าสงบ “เอาเลยค่ะ ให้พวกเขาไปนั่งรอที่ห้องประชุม เดี๋ยวฉันจะเข้าไปค่ะ”เจ้าหน้าที่พยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไปไม่นาน มิเอโกะก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปยังห้องประชุม พอเปิดประตูเข้าไป เธอก็พบกับตัวแทนชาวบ้าน 10 คนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะประชุม บรรยากาศในห้องดูจริงจังและมีความเครียดปกคลุมมิเอโกะนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะและหันไปยิ้มให้ทุกคน แม้ว่าจะมีความเครียดอยู่ในอากาศ “เกิดอะไรขึ้นค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยเหลือไห
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยอากาศสดชื่นที่พัดผ่านท้องถนนในเขตชานเมืองของโตเกียว เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในบ้านของมิเอโกะ ขณะที่เธอตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่ตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น เธอลุกขึ้นจากเตียงและยืดตัวเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานเล็กเปิดรับแสงแดดที่อ่อนโยนเสียงเครื่องยนต์จากรถยนต์คันหนึ่งดังขึ้นจากนอกบ้าน ก่อนที่เคนชิโร่จะขับรถของเขาเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของมิเอโกะ รอยยิ้มของเขาแสดงให้เห็นถึงความสุขที่ได้มาอยู่ใกล้ๆ เธอในทุกวันมิเอโกะเดินออกมาจากบ้านในชุดทำงานที่ดูสะอาดตาและดูดี พอเห็นเคนชิโร่ยืนรออยู่ที่หน้ารถ เธอไม่ลืมที่จะโบกมือทักทาย พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มกว้าง "สวัสดีค่ะ คุณเคนชิโร่"เคนชิโร่ยิ้มตอบกลับ พร้อมกับเปิดประตูให้มิเอโกะ "สวัสดีครับคุณมิเอโกะ วันนี้คุณพร้อมสำหรับการทำงานที่มูลนิธิแล้วหรือยังครับ?"มิเอโกะเปิดประตูรถและนั่งลงข้างเคนชิโร่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้เขา "พร้อมค่ะ! แค่คำนึงถึงการทำงานที่มูลนิธิก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าไม่มีคุณเคนชิโร่มาเป็นคนขับรถให้ก็คงจะลำบากน่าดูนะคะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พร้อมขับรถออกไป "ผมดีใจที่สามารถช่วยได้ครับคุณมิเอโกะ ถึ
แสงไฟจากตึกมูลนิธิส่องสว่างเป็นเงาลางๆ เมื่อเคนชิโร่จับมือมิเอโกะออกมาจากอาคาร ความเย็นของยามค่ำคืนทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ไม่วายแฝงความอบอุ่นจากไออุ่นมือของทั้งสองที่ประสานกันแน่น"คืนนี้อากาศดีนะครับ" เคนชิโร่พูดพลางเหลือบมองมิเอโกะที่เดินอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม"ค่ะ ดีจนฉันอยากจะเดินกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ" มิเอโกะหันมายิ้มตอบ แต่สายตาก็แฝงความขี้เล่น"ผมคงปล่อยคุณเดินกลับเองไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณล้มระหว่างทาง ใครจะช่วยพยุง?" เคนชิโร่แซวกลับ พร้อมทำสีหน้าเจ้าเล่ห์"โอ๊ะ คุณกำลังบอกว่าฉันซุ่มซ่ามหรือคะ?" มิเอโกะย่นจมูกใส่เขา พลางบีบมือเขาเบาๆ"ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะครับ คุณต่างหากที่คิดไปเอง" เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะเปิดประตูรถหรูสีดำให้เธอ"อืม งั้นฉันจะถือว่าคุณชมว่าฉันน่ารักแล้วกันค่ะ" มิเอโกะยักคิ้วก่อนจะก้าวขึ้นรถ พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆรถเคลื่อนตัวออกจากมูลนิธิ มุ่งหน้าสู่บ้านของมิเอโกะ ถนนยามค่ำคืนเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟจากข้างทางที่สาดส่องเข้ามาในรถเป็นจังหวะ"คุณเคยบอกว่าผมขับรถพาคุณกลับบ้านจนชินแล้ว คืนนี้ผมจะได้เจอครอบครัวคุณไหมครับ?" เคนชิโร่ถามขณะมองถนน"ค่ะ พ่อกับแม่ฉันอยู่บ้าน แ
บ่ายวันนั้น แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ของ Mamori no Te Shien Zaidan ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ อากาศปลอดโปร่งและเงียบสงบจนเหมือนเวลากำลังเดินช้าลง ห้องทำงานของมิเอโกะจัดแต่งด้วยโทนสีอ่อนที่ช่วยให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย บนโต๊ะทำงานมีเอกสารกองหนึ่งที่เธอจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่สายตาของเธอกลับไม่ได้สนใจเอกสารเหล่านั้นเท่าใดนัก"คุณเคนชิโร่ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?" มิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน เธอจ้องไปที่ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาริมหน้าต่าง เขากำลังเลื่อนดูเอกสารบางอย่างในมือ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ"ได้สิครับ มีอะไรหรือเปล่า?" เคนชิโร่ตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมวางเอกสารลงบนโต๊ะข้างตัวมิเอโกะยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา "ถ้าคุณไม่ได้อยู่ช่วยงานที่นี่ช่วงนี้ ฉันควรจัดการเอกสารนี้ยังไงดีคะ? ดูเหมือนจะเยอะเกินกว่าที่ฉันจะทำคนเดียวได้นะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พลางเอนตัวไปพิงพนักโซฟา "ผมคิดว่าคุณทำได้อยู่แล้ว คุณเก่งจะตายไปนี่ครับ""พูดแบบนี้แปลว่าคุณจะไม่ช่วยฉันใช่ไหมคะ?" มิเอโกะเอียงคอเล็กน้อย ทำหน้าต
ห้องทำงานของมิเอโกะ ที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ยังคงเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านกระจกเข้ามาอย่างสวยงาม ท่ามกลางความเงียบสงบที่สะท้อนถึงการทำงานอย่างมืออาชีพของทุกคนในที่นี่ แต่สำหรับมิเอโกะในตอนนี้ ความคิดในหัวของเธอกลับไม่เกี่ยวข้องกับเอกสารหรือเรื่องงานเลยสักนิดมิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และเธอกำลังพยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองให้อยู่ในกรอบ ในขณะที่กำลังคิดถึงเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไป แต่บรรยากาศในห้องทำงานก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกนิ่งสงบได้"เอ๊ะ... คุณเคนชิโร่ไปจัดการเรื่องที่ไนท์คลับแล้วใช่ไหม?" เธอพูดออกมาคนเดียวด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้ฟังดูน่าเศร้าแต่ว่า มือเล็กๆ ของเธอก็หยิบปากกาออกมาเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ เริ่มขีดๆ เขียนๆ แบบขอไปทีเหมือนจะหาทางทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น "อืม... ถ้าฉันไม่ได้เจอเขานานๆ ก็ต้องทำตัวเองให้ยุ่งๆ แล้วล่ะ" มิเอโกะพูดกับตัวเองอย่างขำๆ และท่าทางนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อทันใดนั้น เสียงเปิดประตูดังขึ้น และเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไปกลับมาอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทางที่เหมือนจะมีอะไรอยากบอก มิเอโกะเงยหน
บรรยากาศในห้องทำงานของ Mamori no Te Shien Zaidan กลับมาสงบลงอีกครั้งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นไป และตอนนี้มิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง กำลังตรวจสอบเอกสารหลายชุดที่วางอยู่ข้างหน้า ในขณะที่เคนชิโร่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างความเงียบถูกทำลายเมื่อเคนชิโร่เปิดปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหนักใจ "คุณมิเอโกะครับ" เขาเริ่มต้นด้วยคำเรียกที่คุ้นเคยแต่แฝงไปด้วยความจริงจังมิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากเอกสารและมองไปที่เคนชิโร่ รู้สึกถึงความกังวลในสายตาของเขา "มีอะไรคะ คุณเคนชิโร่?" เธอถามอย่างใส่ใจ ท่าทางสงบและเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะฟังเคนชิโร่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา "ผมปล่อยธุรกิจที่ไนท์คลับ Yūgen Club ที่เกียวโตไว้นานแล้ว... ไม่ค่อยได้กลับไปดูแลมันเลยช่วงนี้" เขาพูดออกมาเบาๆ และรู้สึกถึงความหนักใจที่ซ่อนอยู่ในคำพูด "ตอนนี้ผมจะไม่ค่อยได้เข้ามาที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan สักเท่าไรถ้าไม่มีผมในช่วงนี้... คุณจะทำงานคนเดียวไวไหมครับ?"มิเอโกะมองไปที่เคนชิโร่ ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเห็นเขารู้สึกผิดไป เธอวางเอกสารลงและลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อที่จ