ยานอฟกับไลลามาถึงโรงพยาบาลก็รีบวิ่งขึ้นไปบนแผนกของผู้ป่วยซึ่งตอนนี้บิดาของหญิงสาวนอนรักษาอยู่
ตอนนี้ข้างเตียงบิดามีมารดาและพี่ชายของเธออีกสองคนยืนอยู่ข้างๆ
“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”
“พ่อบ่นว่าเหนื่อย”
“พ่อขาหนูมาแล้วค่ะ หนูพายานอฟมาด้วยนะคะ”
ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงพยายามจะอ้าปากพูด ไลลาขยับเข้าไปใกล้ท่านมากขึ้น หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ กุมมือของท่านไว้แน่น เขาจับมือของไลลาแน่นและหันไปมองหน้ายานอฟที่ยืนอยู่ปลายเตียง พอชายหนุ่มเห็นสายตานั้นก็รีบเข้ามาใกล้และนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับไลลา
“ฝากไลลาด้วยนะยานอฟ” เสียงอันแผ่วเบาออกมาจากปากของชายสูงวัยเขาเหนื่อยล้ามากกว่าทุกครั้งที่ยานอฟเคยมาเยี่ยม
“ไม่ต้องห่วงผมจะดูแลไลลาอย่างดี” ยานอฟรีบรับปากเพราะเห็นนะว่าตอนนี้คนป่วยอาการเริ่มจะแย่ลงแล้ว
หลังจากฝากลูกสาวกับคู่หมั้นแล้วชายชราก็หายใจแรงขึ้นและถี่ขึ้นจนหมอและพยาบาลต้องพากันวิ่งเข้ามาดู
ชายชรามองหน้าทุกคนแล้วยิ้มก่อนที่ลมหายใจของเขาจากแผ่วลง จนในที่สุดท่านก็ไม่หายใจ ตัวเลขอัตราการเต้นหัวใจบนมอนิเตอร์ที่ติดไว้ค่อยๆ ลดลงจนเหลือศูนย์
ไลลาและพี่ชายทั้งสองคนจับมือชายชราแน่นขณะที่มารดาก็กำลังจะล้มลงยานอฟที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงช่วยพยุงเธอให้ไปนั่งก่อนที่จะเรียกหมอและพยาบาลเข้ามาช่วยดูอาการ
ความโกลาหลเกิดขึ้นในห้องผู้ป่วยอยู่นานกว่าทุกคนจะเลิกร้องไห้และให้ทางโรงพยาบาลจัดการกับร่างอันไร้ลมหายใจของชายชรา
หลังจากงานศพของบิดาผ่านไปแล้วไลลาก็นัดคุยกับยานอฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยเธอพาคนรักมาด้วย
“ไลลาว่าจะคุยกับแม่เรื่องถอนหมั้นของเราคุณคิดว่ายังไงล่ะยานอฟ”
“สำหรับผมไม่มีปัญหาหรอกนะไลลา แต่มันอาจจะกระทบกับธุรกิจของบ้างนะ”
“ช่วงแรกมันก็น่าจะกระทบอยู่แต่ฉันคิดว่าฉันกับเจคอปน่าจะช่วยกันแก้ปัญหาได้” ไลลาหันไปมองหน้าเจคอปคู่รักของเธอซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยของบิดามานานหลายปีโดยที่ไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าทั้งสองแอบคบหากันอยู่
“ถ้ามีปัญหาอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะเจคอปไม่ต้องเกรงใจ จริงๆ แล้วคุณก็เหมือนพี่ชายของผมคนหนึ่งนั่นแหละ ถ้าไม่ได้คุณกับคุณลุงให้คำปรึกษาผมก็คงไม่มาไกลขนาดนี้หรอก”
“อย่าถ่อมตัวไปเลยยานอฟคุณน่ะเป็นคนมีความสามารถมากๆ เราก็แค่ช่วยดึงความสามารถของคุณออกมา”
“ผมหวังว่าคุณจะดูแลน้องสาวผมอย่างดีนะ”
“ไม่ต้องห่วงเลย ไลลาเป็นแก้วตาดวงใจของผม”
“แล้วนี่จะแต่งงานกันตอนไหน”
“คงยังไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกค่ะ ฉันเพิ่งเสียพ่อไปหรือบางทีอาจจะไม่มีงานแต่งงานเลยก็ได้”
“ไม่ได้นะไลลาผมอยากเห็นคุณสวมชุดเจ้าสาวคุณคงเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดแน่ๆ เลย”
“เรื่องแต่งงานเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะเจคอป ถ้าฉันแต่งตอนนี้คุณก็คงได้นินทาแน่ๆ ว่าพ่อเสียไม่เท่าไหร่ก็ถอนหมั้นและมาแต่งงาน คุณเองก็จะถูกคนอื่นมองไม่ดีด้วยนะ”
“ผมไม่สนใจสายตาของคนอื่นหรอกไลลา ผมมีแค่คุณคนเดียวที่ผมอยากแต่งงานเพราะอยากให้เกียรติทุกคน แต่สำหรับผมจะมีงานแต่งหรือไม่มีงานแต่งก็ได้”
“ผมชอบอิจฉาคุณสองคนแล้วสิ”
“ถ้าอิจฉาเราก็รีบหาแฟนสักทีสิ”
“ผมอิจฉาก็จริงแต่ผมไม่คิดจะมีแฟนหรอกนะ”
“คุณจะอยู่คนเดียวจนแก่ไม่ได้หรอกนะยานอฟ ยังไงก็ต้องมีคู่ชีวิต”
“ผมยังมองไม่เห็นใครเลย”
“ให้ฉันช่วยแนะนำเพื่อนๆ ให้ไหมล่ะ”
“ผมว่าไม่ดีกว่านะไลลา เพื่อนคุณผมก็รู้จักทุกคนแล้วไม่มีคนไหนถูกใจผมเลย”
“แต่ผมได้ยินว่าคุณจะไปพักผ่อนที่เมืองไทยใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ปกติผมจะไปเที่ยวเมืองไทยทุกปี”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองหาสาวไทยมาเป็นแฟนสักคนสิเขาว่าผู้หญิงไทยสวยอ่อนหวานและเอาใจเก่งมากๆ คุณก็ไปที่นั่นหลายครั้งไม่มีใครถูกใจบ้างเหรอ”
“ไม่เลยเจคอป”
“ผมว่าบางทีปีนี้คุณอาจจะเจอคนที่ถูกใจก็ได้นะ อย่าลืมสิว่าตอนนี้คุณเป็นอิสระจากไลลาแล้วไม่ต้องกังวลว่าผู้หญิงที่คุณคบแทรกกลางทำให้ธุรกิจของคุณเสียหาย”
“ดูเหมือนคุณสองคนอยากจะให้ผมมีแฟนจริงๆ เลยนะ”
“ก็ใช่น่ะสิลองมีแฟนดูแล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตมันมีความสุขมาก”
“เอาไว้ผมจะลองคิดดูนะ ไม่แน่ผมกลับมาจากเมืองไทยครั้งนี้ผมอาจจะพาแฟนมาด้วยก็ได้”
“ฉันก็ขออวยพรให้มันเป็นอย่างนั้นนะยานอฟ การอยู่คนเดียวมันไม่สนุกหรอกเชื่อฉัน” สิไลลายิ้มให้กับคู่หมั้นที่อีกไม่กี่วันก็จะกลายเป็นอดีต
หลังจากนัดคุยกับไลลาแล้วยานอฟก็เข้าไปคุยกับมารดาของเธอที่บ้านเพื่อบอกว่าเขากับเธอจะถอนเหมือนกัน
“มันเกิดอะไรขึ้นยานอฟป้าก็เห็นเธอกับไลลาสนิทสนมรักใคร่กันดีมาตลอด ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า”
“เรารักใครกันแบบพี่น้องครับคุณป้า ผมมองไลลาเป็นน้องสาวมาตลอด”
“แต่มันเกือบห้าปีเลยนะยานอฟที่เธอหมั้นกับลูกสาวป้า”
“แม่คะ ที่ยานอฟเขายอมหมั้นกับหมูเพราะเขาเกรงใจคุณพ่อแล้วพักหลังมานี้คุณพ่อก็ป่วยหนัก แต่จริงๆ แล้วเราสองคนไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันเลย”
“ไลลาไม่เสียใจเลยลูก เขาทำให้หนูเสียโอกาสรู้จักคนดีๆ ไปถึงห้าปีนะ”
“ไม่หรอกค่ะแม่ หนูว่าหนูเห็นแก่ตัวมากเกินไปที่รั้งเขาไว้ หนูกับเขายังไงก็เป็นได้แค่พี่ชายกับน้องสาวจริงๆ ค่ะ ถึงแม้หนูกับยานอฟจะคบกันมาเกือบห้าปีแต่เราก็ไม่มีอะไรเกินเลยกันเลยถึงจะถอนหมั้นกันแล้วก็ยังเป็นพี่เป็นน้องกันได้ค่ะแม่” หญิงสาวพยายามอธิบายให้มารดาฟังอย่างใจเย็น
“แม่กลัวว่าเรื่องนี้มันจะกระทบกับธุรกิจนะ”
“เรื่องธุรกิจระหว่างครอบครัวของเรามันจะยังเหมือนเดิมครับผมจะไม่ให้การถอนหมั้นทำให้ธุรกิจของเราแย่ลงแน่นอน”
“ถ้ายานอฟยืนยันอย่างนั้นป้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ” ที่เธอกังวลก็คือธุรกิจที่สามีสร้างมาจะได้รับผลกระทบแต่ในเมื่อยานอฟยืนยันแบบนี้เธอก็เบาใจ
มนต์มีนาได้รับโทรศัพท์จากพี่ปานทิพย์แจ้งเรื่องงานที่เธอส่งใบสมัครไว้ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ พี่ปานทิพย์นัดให้หญิงสาวไปเจอเช้าวันจันทร์เพื่อจะคุยรายละเอียดเรื่องสัญญาต่างๆ และมนต์มีนาจะตัดสินใจอีกครั้งได้อีกครั้งหลังจากอ่านสัญญาทั้งหมดอย่างเข้าใจแล้วพี่ปานทิพย์บอกอีกว่าให้เธอมาคนเดียวและสถานที่นัดครั้งนี้ไม่ใช่ที่โมเดลลิงแต่เป็นอาคารสำนักงานหญิงสาวอยากบอกเรื่องนี้กับชาลิดาเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่สามารถบอกกับใครได้ เธอตื่นตั้งแต่เช้าแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ กางเกงยีนรองเท้าผ้าใบกับเสื้อยืดสีขาวจากนั้นก็ใส่เสื้อแขนยาวทับ ก่อนจะเดินออกไปยังปากซอยและนั่งรถเมล์ไปยังสำนักงานที่พี่ปานทิพย์ส่งโลเคชันมาให้หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอเข้านั่งรอด้านล่างของอาคารแห่งหนึ่งไม่นานนักพี่ปานทิพย์ก็เดินตามเข้ามา“มีนมาถึงนานหรือยัง”“เกือบสิบนาทีแล้วค่ะ ทำไมเราต้องมาที่นี่ด้วยคะพี่ปาน”“เขาให้เรามาเจอตัวแทนของเขาก่อน จะได้อ่านสัญญากัน ไปกันเถอะเขาน่าจะรออยู่แล้ว”ปานทิพย์กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 23 ซึ่งเธอนัดกับตัวแทนของผู้ว่าจ้างไว้ที่นี่“เชิญด้านไหนเลยครับ” พนักงานต้อนรับที่อยู่หน้าลิฟต์บอกให้หญิงสาวสองคนเดินเข
มนต์มีนานั่งรถปานทิพย์มาที่โมเดลลิงของเธอก่อนเพราะที่นี่อยู่ใกล้บ้านของหญิงสาวมากกว่าอาคารที่เพิ่งไปเซ็นสัญญามา เธอเดินตามเจ้าของโมเดลลิงเข้าไปนั่งข้างในห้องทำงานซึ่งตอนนี้ผู้ช่วยของพี่ปานทิพย์ไม่ได้อยู่ในห้อง“พี่เห็นสัญญาแล้วพี่ว่ามันก็ค่อนข้างโอเคนะ เรื่องนี้จะมีคนรู้แค่พี่มีนแล้วก็ออยเท่านั้น ถ้ามีคนถามถึงมีนพี่จะบอกว่ามีนไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดดีไหม คนอื่นจะได้ไม่สงสัย”“ได้ค่ะ หนูก็จะบอกออยให้บอกคนอื่นไปแบบนั้นเหมือนกัน”“ถ้าไปอยู่ที่นู่นอาจจะติดต่อกันลำบากแต่ถ้ามีนมีเรื่องด่วนก็อย่าลืมขอใช้โทรศัพท์ของเจ้านายโทรมาหาพี่ได้ทุกเมื่อ” เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ส่งเด็กไปทานแบบนี้ปานทิพย์เลยค่อนข้างจะห่วง“ค่ะพี่ปาน”ขณะที่มนต์มีนากำลังนั่งคุยอยู่กับปานทิพย์เสียงแจ้งจากแอพพลิเคชันธนาคารก็ดังขึ้นยอดเงินที่โอนเข้ามาให้หญิงสาวคือห้าแสน บาทถ้วน มนต์มีนาไม่เคยมีเงินแบบนี้มากมายในบัญชีแบบนี้มาก่อน หญิงสาวมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“พี่ปานคะเขาโอนมาให้หนูจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น“เมื่อกี้เขาก็บอกแล้วว่าเขาจะโอนเงินงวดแรกให้ก่อนครึ่งหนึ่งของพี่เองก็ได้มาแล้วแสนห้าจบงานก็คงได้แส
เมื่อทานอาหารไปได้สักพักมนต์มีนาก็เริ่มเกริ่นเรื่องที่ตัวเองได้รับเลือกให้กับชาลิดาฟัง“ออยมีนมีเรื่องจะบอกออย”“เรื่องอะไรล่ะ พูดมาเลย” ชาลิดาหยิบไก่ย่างเข้าปากแล้วเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย“ก็เรื่องที่พี่ปานพูดวันก่อน”“วันนี้วันจันทร์แล้วนี่ พี่ปานยังไม่ได้แจ้งข่าวมาเลยไม่รู้ว่าใครได้รับเลือก มีนรู้แล้วใช่ไหมว่าใครได้รับเลือก”“จริงๆ เขาแจ้งมาตั้งแต่เมื่อวาน”“อะไรนะทำไมออยไม่เห็นรู้เลยล่ะ”“พี่ปานเขาโทรมาแจ้งที่มีนน่ะ”“มีนได้งานนี้ใช่ไหม เขาถึงแจ้งที่มีนคนเดียว”“อือ มีนได้งานนี้แล้ว วันนี้ก็เพิ่งไปเซ็นสัญญามา”“อะไรนะมีนทำไมมันเร็วจังล่ะ ออยขอดูสัญญาด้วยได้ไหม เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้ยกเลิกทัน”“ได้สิ” มนต์มีนาหยิบสัญญาในกระเป๋าผ้าส่งให้เพื่อน ชาลิดาตั้งใจอ่านบรรทัดด้วยความตั้งใจ ก่อนจะวางกระดาษลงเมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย“ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงนะ ออยว่าดีด้วยซ้ำ คนอื่นก็จะได้ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย แล้วมีนมาบอกแบบนี้จะไม่เป็นการผิดสัญญาเหรอ”“ไม่หรอกมีนขอเขาแล้วว่าขอบอกเพื่อนสนิทคนหนึ่งถ้ามีนหายไปเฉยๆ ออยก็ต้องสงสัยแน่ๆ และถ้าไปถามเอาจากคนอื่นเรื่องมันก็จะบานปลาย”“แล้วมีนต้องไปอยู
เช้าวันใหม่มนต์มีนาเดินไปซื้อข้าวเหนียวหน้าปากซอยพอกลับมาถึงบ้านชาลิดาก็อุ่นไส้อั่วกับไก่ย่างที่เหลือเมื่อวานไว้รออยู่แล้วทั้งสองทานอาหารเช้าด้วยกันจากนั้นก็ช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดก่อนจะนั่งดูทีวีเพื่อรอเวลาให้คนของเจ้านายมารับรถตู้คันหรูจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับชายฉกรรจ์สวมสูทเดินลงมาจากรถ เขากดออดและยืนรอไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินมาเปิด“คุณสุทัศน์คะมีนมีอะไรจะขออย่างหนึ่งได้ไหม”“เรื่องอะไรครับ” เขาถามหญิงเจ้านายอย่างสุภาพ“เรื่องที่มีนบอกว่ามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งแล้วขาบอกความจริงกับเขา”“ถ้าเป็นเรื่องนั้นเจ้านายผมบอกว่าไม่มีปัญหา”“คือวันนี้เขาก็อยู่ที่นี่ด้วยมีนอยากให้เขาไปด้วยตอนเราไปตรวจร่างกายได้ไหมคะ”“รอสักครู่นะครับ” คุณสุทัศน์เดินหลบไปบริเวณหลังรถตู้ไม่นานก็กลับออกมาพยักหน้าให้กับหญิงสาว“เจ้านายบอกว่าไม่มีปัญหา”“งั้นคุณรอตรงนี้นะคะมีนขอไปตามเพื่อนก่อน” มนต์มีนารีบวิ่งเข้ามาในบ้านและชวนชาลิดาที่ตอนนี้เตรียมตัวพร้อมอยู่ก่อนแล้ว“ว่าไงมีนเขาให้ออยไปด้วยได้ใช่ไหม”“เขาบอกว่าได้ เราไปกันเถอะเพื่อทำธุระเสร็จเร็วมีนจะได้เบิกเงินไปจ่ายหนี้เจ๊ที่ตลาดด้วย มีนจะรีบทำธุระทุกอย่างให้
มนต์มีนากำลังจัดเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางสองใบที่คุณสุทัศน์ซื้อมาให้ เมื่อตรวจดูจนแน่ใจว่าไม่ลืมอะไรแล้วก็รูดซิปปิดก่อนจะลากมารอที่ห้องรับแขก“ไม่ลืมอะไรแน่นะมีน” ชาลิดาที่ช่วยเพื่อนจัดกระเป๋าตั้งแต่บ่ายเมื่อวานมองกระเป๋าใบใหญ่หนึ่งใบและใบขนาดกลางอีกหนึ่งใบด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล“ไม่หรอกน่าจะลืมอะไรแล้ว”“ใจหายเหมือนกันนะจะไม่ได้ติดต่อกันตั้งหนึ่งเดือน”“ถ้าไปถึงที่นู่นแล้วมีนจะพยายามหาทางติดต่อมานะ บางที่เกาะที่เราไปมันอาจจะพอมีสัญญาณมือถืออยู่บ้างแต่อาจไม่แรงเท่าในเมือง”“ออยก็ขอให้เป็นแบบนั้น ดูแลตัวเองด้วยนะมีน”“ออยก็เหมือนกันนะ อย่าหักโหมงานมาก”“ขอให้มีนเจอนายจ้างที่ใจดี หล่อๆ หุ่นเหมือนนายแบบนะ”“ขอบใจนะออย”พอถึงเวลานัดคุณสุทัศน์ก็มารักเธอเพื่อไปยังสนามบินและบินบินจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังสนามบินภูเก็ต จากนั้นก็ขึ้นรถไปยังท่าเรือแห่งหนึ่งและก็นั่งเรืออีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะมาถึงเกาะแห่งหนึ่งเรือจอดเทียบท่าบริเวณด้านหน้าของเกาะมนต์มีนาเห็นว่ามีร้านอาหารและโรงแรมตั้งอยู่แต่คุณสุทัศน์บอกว่าบ้านพักของเจ้านายจะต้องอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของเกาะซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวหญิ
“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพแล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านมากๆ ค่ะ สวัสดีค่ะ”เสียงปรบมือดังขึ้นและค่อยๆ เงียบหายพร้อมกับไฟบนเวทีดับลง มนต์มีนาถอนหายใจและเดินลงมาด้านหลังเวทีไหล่ผึ่งผายด้วยความสง่างามยามเมื่ออยู่กลางแสงไฟลู่ลงใบหน้าสวยไร้รอยยิ้ม“ไหวมั้ยมีน” ชาลิดาเดินมาประคองเพื่อนให้นั่งลงบนเก้าอี้“ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละออย” มนต์มีนายิ้มอ่อน“ออยว่าช่วงนี้มีนรับงานหนักมากเกินไปแล้วนะ วันนี้ก็ตั้งสามงาน” หญิงสาวพูดด้วยความเป็นห่วงเพราะแต่ละงานก็ใช้พลังงานค่อนข้างเยอะและต้องยื่นนานๆ ขนาดตัวเองรับแค่งานเดียวยังเหนื่อยแทบแย่“ขนาดมีนรับงานเยอะอย่างนี้ เงินยังไม่พอใช้หนี้เลยนะออย ตอนนี้บ้านก็กำลังจะถูกยึดแล้ว ส่วนเงินที่ไปกู้มาตอนรักษาแม่ดอกเบี้ยก็โหดเหลือเกินที่ทำทุกวันนี้แทบจะไม่ได้ส่งเงินต้นด้วยซ้ำ”“เงินตั้งมากมายขนาดนั้นออยก็ไม่รู้จะช่วยมีนยังไงนะเหมือนกันนะเฮ้อ...” เพราะทางบ้านของชาลิดาเองก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรมากนัก ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันและวันนี้มนต์มีนาก็มาทำงานพิธีกรให้กับผลิตภัณฑ์แห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้
มนต์มีนาและชาลิดามาถึงโมเดลลิงเกือบจะสิบนาฬิกา ตอนนี้พี่ปานทิพย์เจ้าของโมเดลลิงยังไม่ได้เข้ามา ด้านในจึงมีแค่ลูกน้องของเธอเด็กในสังกัดคนอื่นๆ ที่มานั่งรออยู่มนต์มีนายิ้มทักทายให้กับทุกคนก่อนจะเข้าไปนั่งรอทางด้านใน ซึ่งตอนนี้มีเด็กในสังกัดของพี่ปานทิพย์มารออยู่เกือบสามสิบคน“ทำไมวันนี้คนมาเยอะจังมีอะไรกันเหรอ” ชาลิดาสะกิดถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ“ไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเหรอออยหรือวันนี้พี่ปานทิพย์เขาเรียกให้ทุกคนมาประชุมกันที่นี่เห็นว่ามีงานใหญ่จะให้ทำ”“อ้าวเหรอเราไม่รู้เลยมัวแต่ทำงานหนัก”“เราก็นึกว่ารู้แล้วก็เลยไม่ได้ไลน์ส่วนตัวไปบอก”“มีนรู้ไหม” ชาลิดากันไปถามมนต์มีนา“มีนก็ไม่รู้เหมือนกันมัวแต่ยุ่งๆ ไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเลย แต่ก็ดีนะที่วันนี้เรานัดกันจะมาหาพี่ปานอยู่พอดี”“นั่นสิไม่รู้พี่เขามีงานอะไรจะคุยนะ ถึงเรียกมากันเยอะขนาดนี้ขอให้เป็นงานใหญ่ทีเถอะ พวกเราจะได้งานกันทุกคน”“นั่นสิช่วงนี้ปิดเทอมด้วยใครๆ ก็ว่างกันทั้งนั้นถ้างานเล็กๆ ก็คงต้องแย่งกันอีกตามเคย” มนต์มีนาหวังว่างานวันนี้คงจะใหญ่มากพอที่พวกเธอจะได้ไม่ต้องแย่งกัน“เห็นว่าช่วงนี้งานจากต่างประเทศค่อนข้างเยอะ นี่เราว่าจะลงเรี
เมื่อทุกคนทยอยกันออกไปจัดห้องจนหมด ตอนนี้ในห้องก็เหลือแค่มนต์มีนากับชาลิดาเท่านั้น“มีนกับออยมีอะไรจะคุยกับพี่ใช่ไหม”“ค่ะพี่ปาน”“มีอะไรว่ามาเลยจ้ะ ใช่เรื่องเมื่อกี้หรือเปล่า”“ไม่ใช่ค่ะคือมีนกับออยอยากจะมาถามพี่ปานว่าช่วงนี้มีงานอะไรให้เราสองคนทำเพิ่มไหม เรากำลังร้อนเงินค่ะ”“เดี๋ยวพี่จะดูให้นะ ช่วงนี้มันเป็นช่วงปิดเทอมคนก็ว่างกันเยอะลูกค้าก็เลยมีโอกาสที่จะเลือก จริงๆพี่อยากจะช่วยให้เราทุกคนได้งาน ได้เงินแต่บางครั้งโมเดลลิงอื่นเขาก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน ช่วงนี้มันก็เลยมีการตัดราคากันบ้าง” ปานทิพย์ก็หนักใจเรื่องนี้อยู่มาก“ออยเข้าใจค่ะพี่ปาน”“แล้วเราสองคนไม่สนใจจะส่งใบสมัครให้พี่บ้างเหรอ หน้าตาก็สวยหุ่นก็ดีแบบนี้เผื่อจะได้รับเลือกขึ้นมาเงินตั้งหนึ่งล้าน มันเยอะมากพี่ ก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะที่จะทำเรื่องแบบนี้แต่เงินมันก็ล่อตาล่อใจจริง”“หนูขอถามอีกนิดได้ไหมค่ะพี่ปาน”“ถามได้เลยจ้ะออย”“ผู้ชายที่เขามาจ้างเราเขาไม่ได้เป็นพวกซาดิสต์อะไรแบบในหนังใช่ไหมคะ”“ไม่หรอกจ้ะ เพราะครั้งที่แล้วเขามาเมืองไทยก็มีเด็กจากโมเดลลิงอื่นไปรับงาน ก็ไม่เห็นมีความผิดปกติอะไร เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะมาห
มนต์มีนากำลังจัดเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางสองใบที่คุณสุทัศน์ซื้อมาให้ เมื่อตรวจดูจนแน่ใจว่าไม่ลืมอะไรแล้วก็รูดซิปปิดก่อนจะลากมารอที่ห้องรับแขก“ไม่ลืมอะไรแน่นะมีน” ชาลิดาที่ช่วยเพื่อนจัดกระเป๋าตั้งแต่บ่ายเมื่อวานมองกระเป๋าใบใหญ่หนึ่งใบและใบขนาดกลางอีกหนึ่งใบด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล“ไม่หรอกน่าจะลืมอะไรแล้ว”“ใจหายเหมือนกันนะจะไม่ได้ติดต่อกันตั้งหนึ่งเดือน”“ถ้าไปถึงที่นู่นแล้วมีนจะพยายามหาทางติดต่อมานะ บางที่เกาะที่เราไปมันอาจจะพอมีสัญญาณมือถืออยู่บ้างแต่อาจไม่แรงเท่าในเมือง”“ออยก็ขอให้เป็นแบบนั้น ดูแลตัวเองด้วยนะมีน”“ออยก็เหมือนกันนะ อย่าหักโหมงานมาก”“ขอให้มีนเจอนายจ้างที่ใจดี หล่อๆ หุ่นเหมือนนายแบบนะ”“ขอบใจนะออย”พอถึงเวลานัดคุณสุทัศน์ก็มารักเธอเพื่อไปยังสนามบินและบินบินจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังสนามบินภูเก็ต จากนั้นก็ขึ้นรถไปยังท่าเรือแห่งหนึ่งและก็นั่งเรืออีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะมาถึงเกาะแห่งหนึ่งเรือจอดเทียบท่าบริเวณด้านหน้าของเกาะมนต์มีนาเห็นว่ามีร้านอาหารและโรงแรมตั้งอยู่แต่คุณสุทัศน์บอกว่าบ้านพักของเจ้านายจะต้องอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของเกาะซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวหญิ
เช้าวันใหม่มนต์มีนาเดินไปซื้อข้าวเหนียวหน้าปากซอยพอกลับมาถึงบ้านชาลิดาก็อุ่นไส้อั่วกับไก่ย่างที่เหลือเมื่อวานไว้รออยู่แล้วทั้งสองทานอาหารเช้าด้วยกันจากนั้นก็ช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดก่อนจะนั่งดูทีวีเพื่อรอเวลาให้คนของเจ้านายมารับรถตู้คันหรูจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับชายฉกรรจ์สวมสูทเดินลงมาจากรถ เขากดออดและยืนรอไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินมาเปิด“คุณสุทัศน์คะมีนมีอะไรจะขออย่างหนึ่งได้ไหม”“เรื่องอะไรครับ” เขาถามหญิงเจ้านายอย่างสุภาพ“เรื่องที่มีนบอกว่ามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งแล้วขาบอกความจริงกับเขา”“ถ้าเป็นเรื่องนั้นเจ้านายผมบอกว่าไม่มีปัญหา”“คือวันนี้เขาก็อยู่ที่นี่ด้วยมีนอยากให้เขาไปด้วยตอนเราไปตรวจร่างกายได้ไหมคะ”“รอสักครู่นะครับ” คุณสุทัศน์เดินหลบไปบริเวณหลังรถตู้ไม่นานก็กลับออกมาพยักหน้าให้กับหญิงสาว“เจ้านายบอกว่าไม่มีปัญหา”“งั้นคุณรอตรงนี้นะคะมีนขอไปตามเพื่อนก่อน” มนต์มีนารีบวิ่งเข้ามาในบ้านและชวนชาลิดาที่ตอนนี้เตรียมตัวพร้อมอยู่ก่อนแล้ว“ว่าไงมีนเขาให้ออยไปด้วยได้ใช่ไหม”“เขาบอกว่าได้ เราไปกันเถอะเพื่อทำธุระเสร็จเร็วมีนจะได้เบิกเงินไปจ่ายหนี้เจ๊ที่ตลาดด้วย มีนจะรีบทำธุระทุกอย่างให้
เมื่อทานอาหารไปได้สักพักมนต์มีนาก็เริ่มเกริ่นเรื่องที่ตัวเองได้รับเลือกให้กับชาลิดาฟัง“ออยมีนมีเรื่องจะบอกออย”“เรื่องอะไรล่ะ พูดมาเลย” ชาลิดาหยิบไก่ย่างเข้าปากแล้วเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย“ก็เรื่องที่พี่ปานพูดวันก่อน”“วันนี้วันจันทร์แล้วนี่ พี่ปานยังไม่ได้แจ้งข่าวมาเลยไม่รู้ว่าใครได้รับเลือก มีนรู้แล้วใช่ไหมว่าใครได้รับเลือก”“จริงๆ เขาแจ้งมาตั้งแต่เมื่อวาน”“อะไรนะทำไมออยไม่เห็นรู้เลยล่ะ”“พี่ปานเขาโทรมาแจ้งที่มีนน่ะ”“มีนได้งานนี้ใช่ไหม เขาถึงแจ้งที่มีนคนเดียว”“อือ มีนได้งานนี้แล้ว วันนี้ก็เพิ่งไปเซ็นสัญญามา”“อะไรนะมีนทำไมมันเร็วจังล่ะ ออยขอดูสัญญาด้วยได้ไหม เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้ยกเลิกทัน”“ได้สิ” มนต์มีนาหยิบสัญญาในกระเป๋าผ้าส่งให้เพื่อน ชาลิดาตั้งใจอ่านบรรทัดด้วยความตั้งใจ ก่อนจะวางกระดาษลงเมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย“ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงนะ ออยว่าดีด้วยซ้ำ คนอื่นก็จะได้ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย แล้วมีนมาบอกแบบนี้จะไม่เป็นการผิดสัญญาเหรอ”“ไม่หรอกมีนขอเขาแล้วว่าขอบอกเพื่อนสนิทคนหนึ่งถ้ามีนหายไปเฉยๆ ออยก็ต้องสงสัยแน่ๆ และถ้าไปถามเอาจากคนอื่นเรื่องมันก็จะบานปลาย”“แล้วมีนต้องไปอยู
มนต์มีนานั่งรถปานทิพย์มาที่โมเดลลิงของเธอก่อนเพราะที่นี่อยู่ใกล้บ้านของหญิงสาวมากกว่าอาคารที่เพิ่งไปเซ็นสัญญามา เธอเดินตามเจ้าของโมเดลลิงเข้าไปนั่งข้างในห้องทำงานซึ่งตอนนี้ผู้ช่วยของพี่ปานทิพย์ไม่ได้อยู่ในห้อง“พี่เห็นสัญญาแล้วพี่ว่ามันก็ค่อนข้างโอเคนะ เรื่องนี้จะมีคนรู้แค่พี่มีนแล้วก็ออยเท่านั้น ถ้ามีคนถามถึงมีนพี่จะบอกว่ามีนไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดดีไหม คนอื่นจะได้ไม่สงสัย”“ได้ค่ะ หนูก็จะบอกออยให้บอกคนอื่นไปแบบนั้นเหมือนกัน”“ถ้าไปอยู่ที่นู่นอาจจะติดต่อกันลำบากแต่ถ้ามีนมีเรื่องด่วนก็อย่าลืมขอใช้โทรศัพท์ของเจ้านายโทรมาหาพี่ได้ทุกเมื่อ” เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ส่งเด็กไปทานแบบนี้ปานทิพย์เลยค่อนข้างจะห่วง“ค่ะพี่ปาน”ขณะที่มนต์มีนากำลังนั่งคุยอยู่กับปานทิพย์เสียงแจ้งจากแอพพลิเคชันธนาคารก็ดังขึ้นยอดเงินที่โอนเข้ามาให้หญิงสาวคือห้าแสน บาทถ้วน มนต์มีนาไม่เคยมีเงินแบบนี้มากมายในบัญชีแบบนี้มาก่อน หญิงสาวมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“พี่ปานคะเขาโอนมาให้หนูจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น“เมื่อกี้เขาก็บอกแล้วว่าเขาจะโอนเงินงวดแรกให้ก่อนครึ่งหนึ่งของพี่เองก็ได้มาแล้วแสนห้าจบงานก็คงได้แส
มนต์มีนาได้รับโทรศัพท์จากพี่ปานทิพย์แจ้งเรื่องงานที่เธอส่งใบสมัครไว้ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ พี่ปานทิพย์นัดให้หญิงสาวไปเจอเช้าวันจันทร์เพื่อจะคุยรายละเอียดเรื่องสัญญาต่างๆ และมนต์มีนาจะตัดสินใจอีกครั้งได้อีกครั้งหลังจากอ่านสัญญาทั้งหมดอย่างเข้าใจแล้วพี่ปานทิพย์บอกอีกว่าให้เธอมาคนเดียวและสถานที่นัดครั้งนี้ไม่ใช่ที่โมเดลลิงแต่เป็นอาคารสำนักงานหญิงสาวอยากบอกเรื่องนี้กับชาลิดาเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่สามารถบอกกับใครได้ เธอตื่นตั้งแต่เช้าแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ กางเกงยีนรองเท้าผ้าใบกับเสื้อยืดสีขาวจากนั้นก็ใส่เสื้อแขนยาวทับ ก่อนจะเดินออกไปยังปากซอยและนั่งรถเมล์ไปยังสำนักงานที่พี่ปานทิพย์ส่งโลเคชันมาให้หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอเข้านั่งรอด้านล่างของอาคารแห่งหนึ่งไม่นานนักพี่ปานทิพย์ก็เดินตามเข้ามา“มีนมาถึงนานหรือยัง”“เกือบสิบนาทีแล้วค่ะ ทำไมเราต้องมาที่นี่ด้วยคะพี่ปาน”“เขาให้เรามาเจอตัวแทนของเขาก่อน จะได้อ่านสัญญากัน ไปกันเถอะเขาน่าจะรออยู่แล้ว”ปานทิพย์กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 23 ซึ่งเธอนัดกับตัวแทนของผู้ว่าจ้างไว้ที่นี่“เชิญด้านไหนเลยครับ” พนักงานต้อนรับที่อยู่หน้าลิฟต์บอกให้หญิงสาวสองคนเดินเข
ยานอฟกับไลลามาถึงโรงพยาบาลก็รีบวิ่งขึ้นไปบนแผนกของผู้ป่วยซึ่งตอนนี้บิดาของหญิงสาวนอนรักษาอยู่ตอนนี้ข้างเตียงบิดามีมารดาและพี่ชายของเธออีกสองคนยืนอยู่ข้างๆ“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”“พ่อบ่นว่าเหนื่อย”“พ่อขาหนูมาแล้วค่ะ หนูพายานอฟมาด้วยนะคะ”ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงพยายามจะอ้าปากพูด ไลลาขยับเข้าไปใกล้ท่านมากขึ้น หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ กุมมือของท่านไว้แน่น เขาจับมือของไลลาแน่นและหันไปมองหน้ายานอฟที่ยืนอยู่ปลายเตียง พอชายหนุ่มเห็นสายตานั้นก็รีบเข้ามาใกล้และนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับไลลา“ฝากไลลาด้วยนะยานอฟ” เสียงอันแผ่วเบาออกมาจากปากของชายสูงวัยเขาเหนื่อยล้ามากกว่าทุกครั้งที่ยานอฟเคยมาเยี่ยม“ไม่ต้องห่วงผมจะดูแลไลลาอย่างดี” ยานอฟรีบรับปากเพราะเห็นนะว่าตอนนี้คนป่วยอาการเริ่มจะแย่ลงแล้วหลังจากฝากลูกสาวกับคู่หมั้นแล้วชายชราก็หายใจแรงขึ้นและถี่ขึ้นจนหมอและพยาบาลต้องพากันวิ่งเข้ามาดูชายชรามองหน้าทุกคนแล้วยิ้มก่อนที่ลมหายใจของเขาจากแผ่วลง จนในที่สุดท่านก็ไม่หายใจ ตัวเลขอัตราการเต้นหัวใจบนมอนิเตอร์ที่ติดไว้ค่อยๆ ลดลงจนเหลือศูนย์ไลลาและพี่ชายทั้งสองคนจับมือชายชราแน่นขณะที่มารดาก็กำลังจะล้มลงยานอฟที
แฟ้มประวัติของหญิงสาวเกือบห้าสิบคนถูกวางลงบนโต๊ะของยานอฟนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทยยูเครน ขณะที่เจ้าตัวนั้นเพิ่งคุยโทรศัพท์กับลูกค้าคนสำคัญเสร็จพอดี“ผมคัดมาให้บอสมีห้าสิบคนครับ ที่เหลือดูแล้วไม่น่าจะถูกใจก็เลยไม่ได้เอาเข้ามาให้” กาซิมลูกน้องคนสนิทคัดเลือกแฟ้มผู้หญิงทั้งหมดที่ทางโมเดลลิงส่งมารวมร้อยกว่าคนเขาคัดออกจนเหลือแค่ห้าสิบคนที่คิดว่าตรงสเปกเจ้านายของตนเองมากที่สุด“ครั้งนี้ส่งมาทั้งหมดเท่าไหร่เหรอกาซิม”“เกือบร้อยห้าสิบครับ ถ้าบอสไม่สนใจห้าสิบคนตรงนี้ ผมค่อยเอาที่เหลือมาให้”“ไม่เป็นไรฉันเชื่อใจนาย” ยานอฟทำงานร่วมกับกาซิมมาตั้งแต่เขาอายุสิบแปดปี จนถึงตอนนี้ก็สิบสองปีแล้ว กาซิมเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งพี่และเป็นผู้ช่วยที่รู้ใจเขามากที่สุด ชายหนุ่มช่วยงานเขาได้ในทุกๆ เรื่องรวมถึงการจัดหาผู้หญิงมาให้เขาด้วย ยานอฟมีคู่หมั้นอยู่แล้วเขากับเธอหมั้นกันมาได้เกือบห้าปีแต่ก็ยังไม่คิดจะแต่งงานกัน ทั้งสองต่างรู้ว่าการหมั้นหมายที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากความรัก ไลลาเองมีคนรักอยู่แล้วแต่ก็ขัดคำสั่งของบิดาไม่ได้ ยานอฟก็อยากจะถอนหมั้นแต่ตอนนี้บิดาของเธอกำลังป่วยหนัก เธอจึงขอร้องให้เขาอย่าพึ่งพูดเรื
เมื่อทุกคนทยอยกันออกไปจัดห้องจนหมด ตอนนี้ในห้องก็เหลือแค่มนต์มีนากับชาลิดาเท่านั้น“มีนกับออยมีอะไรจะคุยกับพี่ใช่ไหม”“ค่ะพี่ปาน”“มีอะไรว่ามาเลยจ้ะ ใช่เรื่องเมื่อกี้หรือเปล่า”“ไม่ใช่ค่ะคือมีนกับออยอยากจะมาถามพี่ปานว่าช่วงนี้มีงานอะไรให้เราสองคนทำเพิ่มไหม เรากำลังร้อนเงินค่ะ”“เดี๋ยวพี่จะดูให้นะ ช่วงนี้มันเป็นช่วงปิดเทอมคนก็ว่างกันเยอะลูกค้าก็เลยมีโอกาสที่จะเลือก จริงๆพี่อยากจะช่วยให้เราทุกคนได้งาน ได้เงินแต่บางครั้งโมเดลลิงอื่นเขาก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน ช่วงนี้มันก็เลยมีการตัดราคากันบ้าง” ปานทิพย์ก็หนักใจเรื่องนี้อยู่มาก“ออยเข้าใจค่ะพี่ปาน”“แล้วเราสองคนไม่สนใจจะส่งใบสมัครให้พี่บ้างเหรอ หน้าตาก็สวยหุ่นก็ดีแบบนี้เผื่อจะได้รับเลือกขึ้นมาเงินตั้งหนึ่งล้าน มันเยอะมากพี่ ก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะที่จะทำเรื่องแบบนี้แต่เงินมันก็ล่อตาล่อใจจริง”“หนูขอถามอีกนิดได้ไหมค่ะพี่ปาน”“ถามได้เลยจ้ะออย”“ผู้ชายที่เขามาจ้างเราเขาไม่ได้เป็นพวกซาดิสต์อะไรแบบในหนังใช่ไหมคะ”“ไม่หรอกจ้ะ เพราะครั้งที่แล้วเขามาเมืองไทยก็มีเด็กจากโมเดลลิงอื่นไปรับงาน ก็ไม่เห็นมีความผิดปกติอะไร เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะมาห
มนต์มีนาและชาลิดามาถึงโมเดลลิงเกือบจะสิบนาฬิกา ตอนนี้พี่ปานทิพย์เจ้าของโมเดลลิงยังไม่ได้เข้ามา ด้านในจึงมีแค่ลูกน้องของเธอเด็กในสังกัดคนอื่นๆ ที่มานั่งรออยู่มนต์มีนายิ้มทักทายให้กับทุกคนก่อนจะเข้าไปนั่งรอทางด้านใน ซึ่งตอนนี้มีเด็กในสังกัดของพี่ปานทิพย์มารออยู่เกือบสามสิบคน“ทำไมวันนี้คนมาเยอะจังมีอะไรกันเหรอ” ชาลิดาสะกิดถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ“ไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเหรอออยหรือวันนี้พี่ปานทิพย์เขาเรียกให้ทุกคนมาประชุมกันที่นี่เห็นว่ามีงานใหญ่จะให้ทำ”“อ้าวเหรอเราไม่รู้เลยมัวแต่ทำงานหนัก”“เราก็นึกว่ารู้แล้วก็เลยไม่ได้ไลน์ส่วนตัวไปบอก”“มีนรู้ไหม” ชาลิดากันไปถามมนต์มีนา“มีนก็ไม่รู้เหมือนกันมัวแต่ยุ่งๆ ไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเลย แต่ก็ดีนะที่วันนี้เรานัดกันจะมาหาพี่ปานอยู่พอดี”“นั่นสิไม่รู้พี่เขามีงานอะไรจะคุยนะ ถึงเรียกมากันเยอะขนาดนี้ขอให้เป็นงานใหญ่ทีเถอะ พวกเราจะได้งานกันทุกคน”“นั่นสิช่วงนี้ปิดเทอมด้วยใครๆ ก็ว่างกันทั้งนั้นถ้างานเล็กๆ ก็คงต้องแย่งกันอีกตามเคย” มนต์มีนาหวังว่างานวันนี้คงจะใหญ่มากพอที่พวกเธอจะได้ไม่ต้องแย่งกัน“เห็นว่าช่วงนี้งานจากต่างประเทศค่อนข้างเยอะ นี่เราว่าจะลงเรี