บรรยากาศในห้องพักครูดูเงียบสงบมาก ขณะที่ฉันนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานของครูพีท เขากำลังจัดเอกสารและเก็บของเพื่อเตรียมตัวออกไปทานอาหารกลางวันกับฉัน ฉันรู้สึกว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สงบสุขที่สุดในช่วงหลายวันมานี้ หลังจากเผชิญหน้ากับความตึงเครียดและความกลัวเกี่ยวกับมินนี่ที่เข้ามาในชีวิตฉันอีกครั้ง ฉันอยากใช้เวลานี้เพื่อหลีกหนีจากทุกปัญหา“เสร็จรึยังคะ?” ฉันเอ่ยถามเบา ๆ ขณะที่เขากำลังหยิบแฟ้มเอกสารใส่กระเป๋า“เกือบเสร็จแล้ว อีกแป๊บนึงนะ” ครูพีทตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่ฉันรู้สึกคุ้นเคย รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันรู้สึกสบายใจเสมอ มันเหมือนกับว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะอยู่ข้างฉันเสมอขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ฉันรู้สึกถึงบางอย่างในบรรยากาศที่เปลี่ยนไป สายตาของเขาที่มองมาที่ฉันดูพราวระยับ“ลิลลี่ เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สายตาวิบวับของเขาที่จ้องมอง ทำให้ฉันรู้ความนัยของคำพูดนั้นดีก่อนที่ฉันจะทันพูดอะไรออกมา เขาก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของฉันอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน ความเข้มข้นของจูบทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบ ร่างกายเหมือนถูกควบคุมด้วยความรู้สึกที่รุนแรงยิ่ง
เรากลับมาถึงคอนโดของครูพีทหลังจากเผชิญหน้ากับคำขู่จากครูลิซ ช่วงเวลาที่ควรจะสบายใจกลับเต็มไปด้วยความกลัวและความกังวล ไม่ว่าจะหายใจลึกแค่ไหน ความรู้สึกตึงเครียดก็ไม่ยอมหายไปสักที ฉันพยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งและไม่หวาดกลัว แต่มันก็ยากเหลือเกิน เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่า หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ทั้งชีวิตของฉันและครูพีทก็อาจพังทลายลงในพริบตาบรรยากาศในคอนโดเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟอ่อนๆ ที่ทำให้ห้องดูอบอุ่น ฉันนั่งลงที่โซฟา มองไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกที่สับสน หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกผิดและหวาดกลัว ไม่อยากให้ครูพีทต้องเห็นฉันในสภาพนี้“ลิลลี่...” เสียงอ่อนโยนของครูพีทดึงฉันออกจากภวังค์ เขานำแก้วน้ำมาวางให้ข้าง ๆ ฉัน ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าและจับมือฉันไว้เบา ๆ ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสของเขา และความกังวลในใจเหมือนจะค่อยๆ คลายลงบ้าง“เป็นอะไรรึ?” เขาถามด้วยสายตาที่อ่อนโยน ฉันรู้ว่าเขาห่วงใยและอยากให้ฉันรู้สึกดีขึ้น แต่ความรู้สึกกดดันในใจมันหนักเกินกว่าที่ฉันจะอธิบายออกมาได้ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเครือ“หนู... หนูไม่รู้ค่ะ หนูรู้สึกกลัว กล
“เดี๋ยวค่ะ...พี่พี่ท...อื๊อ...”ครูพีทค่อยๆ วางฉันลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะตามมาแนบชิดอย่างร้อนแรง สัมผัสของเขาทั้งอ่อนโยนและดุดันไปพร้อมกัน มือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่าง ค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าของเราออกทีละชิ้นอย่างชำนาญและรวดเร็ว ความร้อนระอุแผ่ซ่านไปทั่วจนหัวใจเต้นแรงขึ้นตาม“หืม?” ครูพึมพำเบาๆ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นสัมผัสผิวเนียนนุ่มที่เนินอกของฉัน จากนั้นค่อยๆ เลื่อนลงมาที่หน้าท้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะคืบต่ำลงไปยังส่วนล่าง มือแกร่งของเขาค่อยๆ จับเรียวขาของฉันให้แยกออกกว้างขึ้น“อ๊ะ..พี่พีทคะ..อย่าค่ะ..ตรงนั้น..อ๊า...”ฉันพยายามยกมือบางขึ้นดันบ่าของเขา แต่กลับต้องเผลอครางออกมาเมื่อปลายลิ้นร้อนของเขาสัมผัสเข้ากับจุดอ่อนไหว ร่างกายสะท้านเบาๆ เมื่อริมฝีปากของเขาพรมจูบลงตรงนั้น ก่อนที่เขาจะขบเม้มและละเลียดสัมผัสอย่างอ่อนโยน“อืม...แบบนี้มั่นใจรึยัง?” ครูพีทพึมพำเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของฉันที่แดงระเรื่อ ริมฝีปากเผยอครางอย่างห้ามไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาใช้ปลายลิ้นบดขยี้ปุ่มกระสัน สะกิดเลียจนกระทั่งเม็ดเสียวขยาย“อื๊อ...อ๊า...พี่พีทคะ...อ๊า” เสียงครางกระเส่าหลุดออกมาจา
ไม่กี่วันต่อมา หลังจากเหตุการณ์ที่ครูลิซเข้ามาเห็นฉันและครูพีทในห้องพักครู ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติในโรงเรียน แม้ใจลึก ๆ จะรู้สึกถึงความกังวลและความไม่มั่นคง ทุกครั้งที่เดินผ่านครูลิซ ฉันจะรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องตามหลัง ฉันไม่แน่ใจว่าครูลิซจะทำอะไร แต่ก็รู้ดีว่าเธอคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆบรรยากาศในโรงเรียนเริ่มเปลี่ยนไป มันไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับฉันอีกต่อไป สายตาของครูบางคนที่เคยยิ้มแย้มให้ฉันดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเพื่อน ๆ หลายคนเริ่มมีท่าทางที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น และมันเริ่มทำให้ฉันรู้สึกกังวลขึ้นทุกทีช่วงพักกลางวันวันนั้น ฉันนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหารในโรงอาหาร ฉันมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ทุกอย่างดูปกติ แต่หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นทันใดนั้น ซาร่า เพื่อนสนิทของฉันเดินเข้ามา เธอทำหน้าตาเป็นกังวลและรีบเข้ามานั่งตรงข้ามฉัน“ลิลลี่...” ซาร่าพูดเสียงเบา ๆ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล“ฉันได้ยินข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับเธอ”คำพูดของซาร่าทำให้ฉันรู้สึกเหมือนใจตกลงไปที่ตาตุ่ม“ข่าวลือ
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ภายในห้องนอนของครูพีทเงียบสงบ ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงแล้ว พอลองขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เป็นผลจากค่ำคืนที่เขาไม่ยอมให้ฉันได้นอนพักเลย ฉันแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงจากร่างกายเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นคิสมาร์กที่กระจายอยู่เต็มเนินอกของฉัน“หือ...เป็นรอยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันพึมพำเบาๆ มองรอยแดงที่กระจายอยู่เต็มเนินอก ผลจากความเร่าร้อนของเขาเมื่อคืนที่ทำให้ฉันแทบจะหมดแรงฉันตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จฉันก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาสวม มันโอเวอร์ไซส์จนคลุมมาถึงต้นขาของฉันหลังจากนั้นฉันเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะตามหาเขา ไม่นานฉันก็เห็นครูพีทอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขากำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างตั้งใจ เสียงเบาๆ จากครัวและกลิ่นหอมของอาหารที่เขากำลังเตรียมอยู่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ได้มาเจอเขาในเช้านี้เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็เห็นว่าเขาถือถาดอาหารที่มีขนมปังปิ้ง แพนเ
เมื่อประตูบ้านปิดลง ครูพีทไม่รอช้า เขาดึงเอวฉันเข้ามาหา ใบหน้าของเขาโน้มลงมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่น จูบของเขาลึกซึ้งและเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตักตวงความหวานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มือใหญ่ดันท้ายทอยของฉันให้เข้าไปใกล้ จูบของเขารุนแรงจนฉันแทบลืมหายใจ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในอ้อมกอดของเขา“อื๊อ...พี่พีทคะ...” ฉันหอบครางเสียงสั่น ครูพีทผละริมฝีปากออกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจไม่ทัน“คิดถึง" ครูพีทกระซิบเบา ๆ ก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาจูบฉันอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้ฉันมีช่วงเวลาพักหายใจ พลันเขาอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย มือใหญ่รองใต้สะโพกฉันไว้ ฉันโอบแขนรอบคอเขาแน่น ขาทั้งสองเกี่ยวรัดเอวเขาไว้ไม่ให้ล่วงลงพื้นครูพีทก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องนอน โดยที่ยังคงจูบฉันอย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใครตุบ!เขาวางฉันลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้งลุกโชนอยู่ในนั้น“ไม่เจอกันนาน ต้องชดเชยหน่อยนะ” ครูพีทพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาสอดล
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย
ไม่กี่วันต่อมา หลังจากเหตุการณ์ที่ครูลิซเข้ามาเห็นฉันและครูพีทในห้องพักครู ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติในโรงเรียน แม้ใจลึก ๆ จะรู้สึกถึงความกังวลและความไม่มั่นคง ทุกครั้งที่เดินผ่านครูลิซ ฉันจะรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องตามหลัง ฉันไม่แน่ใจว่าครูลิซจะทำอะไร แต่ก็รู้ดีว่าเธอคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆบรรยากาศในโรงเรียนเริ่มเปลี่ยนไป มันไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับฉันอีกต่อไป สายตาของครูบางคนที่เคยยิ้มแย้มให้ฉันดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเพื่อน ๆ หลายคนเริ่มมีท่าทางที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น และมันเริ่มทำให้ฉันรู้สึกกังวลขึ้นทุกทีช่วงพักกลางวันวันนั้น ฉันนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหารในโรงอาหาร ฉันมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ทุกอย่างดูปกติ แต่หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นทันใดนั้น ซาร่า เพื่อนสนิทของฉันเดินเข้ามา เธอทำหน้าตาเป็นกังวลและรีบเข้ามานั่งตรงข้ามฉัน“ลิลลี่...” ซาร่าพูดเสียงเบา ๆ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล“ฉันได้ยินข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับเธอ”คำพูดของซาร่าทำให้ฉันรู้สึกเหมือนใจตกลงไปที่ตาตุ่ม“ข่าวลือ
“เดี๋ยวค่ะ...พี่พี่ท...อื๊อ...”ครูพีทค่อยๆ วางฉันลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะตามมาแนบชิดอย่างร้อนแรง สัมผัสของเขาทั้งอ่อนโยนและดุดันไปพร้อมกัน มือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่าง ค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าของเราออกทีละชิ้นอย่างชำนาญและรวดเร็ว ความร้อนระอุแผ่ซ่านไปทั่วจนหัวใจเต้นแรงขึ้นตาม“หืม?” ครูพึมพำเบาๆ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นสัมผัสผิวเนียนนุ่มที่เนินอกของฉัน จากนั้นค่อยๆ เลื่อนลงมาที่หน้าท้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะคืบต่ำลงไปยังส่วนล่าง มือแกร่งของเขาค่อยๆ จับเรียวขาของฉันให้แยกออกกว้างขึ้น“อ๊ะ..พี่พีทคะ..อย่าค่ะ..ตรงนั้น..อ๊า...”ฉันพยายามยกมือบางขึ้นดันบ่าของเขา แต่กลับต้องเผลอครางออกมาเมื่อปลายลิ้นร้อนของเขาสัมผัสเข้ากับจุดอ่อนไหว ร่างกายสะท้านเบาๆ เมื่อริมฝีปากของเขาพรมจูบลงตรงนั้น ก่อนที่เขาจะขบเม้มและละเลียดสัมผัสอย่างอ่อนโยน“อืม...แบบนี้มั่นใจรึยัง?” ครูพีทพึมพำเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของฉันที่แดงระเรื่อ ริมฝีปากเผยอครางอย่างห้ามไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาใช้ปลายลิ้นบดขยี้ปุ่มกระสัน สะกิดเลียจนกระทั่งเม็ดเสียวขยาย“อื๊อ...อ๊า...พี่พีทคะ...อ๊า” เสียงครางกระเส่าหลุดออกมาจา
เรากลับมาถึงคอนโดของครูพีทหลังจากเผชิญหน้ากับคำขู่จากครูลิซ ช่วงเวลาที่ควรจะสบายใจกลับเต็มไปด้วยความกลัวและความกังวล ไม่ว่าจะหายใจลึกแค่ไหน ความรู้สึกตึงเครียดก็ไม่ยอมหายไปสักที ฉันพยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งและไม่หวาดกลัว แต่มันก็ยากเหลือเกิน เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่า หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ทั้งชีวิตของฉันและครูพีทก็อาจพังทลายลงในพริบตาบรรยากาศในคอนโดเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟอ่อนๆ ที่ทำให้ห้องดูอบอุ่น ฉันนั่งลงที่โซฟา มองไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกที่สับสน หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกผิดและหวาดกลัว ไม่อยากให้ครูพีทต้องเห็นฉันในสภาพนี้“ลิลลี่...” เสียงอ่อนโยนของครูพีทดึงฉันออกจากภวังค์ เขานำแก้วน้ำมาวางให้ข้าง ๆ ฉัน ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าและจับมือฉันไว้เบา ๆ ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสของเขา และความกังวลในใจเหมือนจะค่อยๆ คลายลงบ้าง“เป็นอะไรรึ?” เขาถามด้วยสายตาที่อ่อนโยน ฉันรู้ว่าเขาห่วงใยและอยากให้ฉันรู้สึกดีขึ้น แต่ความรู้สึกกดดันในใจมันหนักเกินกว่าที่ฉันจะอธิบายออกมาได้ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเครือ“หนู... หนูไม่รู้ค่ะ หนูรู้สึกกลัว กล