ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ฉันชื่อ ลิลลี่ อายุ 18 ปี วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงมา เมื่อฉันต้องย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนประจำที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่ โรงเรียนแห่งนี้ชื่อว่า "เซนต์เอมิลี่" โรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านความเข้มงวดและกฎระเบียบที่เคร่งครัดที่สุดในประเทศฉันยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกถึงมันชัดเจน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยรู้จัก ทุกคนที่ฉันเคยสนิท ตอนนี้มันถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง"ลิลลี่ เธอต้องเข้มแข็ง" ฉันพยายามปลอบใจตัวเองก่อนที่จะก้าวเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้ฉันเดินผ่านประตูใหญ่ที่ทำจากเหล็กสีดำสนิท เสาสูงที่ตั้งอยู่สองข้างประตูให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย เส้นทางที่ฉันเดินผ่านปูด้วยหินก้อนเล็กๆ เรียงตัวเป็นระเบียบ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น แต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกและว่างเปล่าทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ ฉันก็ถูกทักทายโดยหญิงสูงวัยในชุดสูทสีเข้ม หน้าตาของเธอดูเคร่งขรึมและเข้มงวด เธอคือ มาร์ธา หัวหน้าอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้"ยินดีต้อนรับสู่เซนต์เอมิลี่" มาร์ธาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเส
เช้าวันใหม่ที่เซนต์เอมิลี่มาถึงแล้ว ฉันตื่นขึ้นมาในห้องพักเล็กๆ ที่ยังคงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันเลยสักนิด แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย ฉันลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเตรียมตัวไปเรียน ฉันหยิบชุดนักเรียนที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงจีบสีเทาออกมาจากตู้เสื้อผ้า และจัดผมให้เรียบร้อยตามระเบียบของโรงเรียน ความเคร่งครัดที่นี่ทำให้ฉันต้องระมัดระวังทุกการกระทำ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎที่ถูกวางไว้ แต่บางอย่างในใจฉันก็ยังรู้สึกว่า มีบางสิ่งที่ฉันกำลังท้าทายมันอยู่เมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพัก ฉันก็เจอกับซาร่าที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนเหมือนกัน ซาร่าส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเป็นมิตรเช่นเคย"พร้อมไปเรียนหรือยัง?" ซาร่าถามด้วยน้ำเสียงสดใส"พร้อมแล้วล่ะ" ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้ม "แต่ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง""ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวเธอก็ชิน" ซาร่าพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ฉัน "วันนี้มีเรียนวรรณคดีเป็นวิชาแรกด้วยนะ ฉันจำได้ว่าเธอสนใจวรรณคดีมากเลยใช่ไหม?""ใช่ ฉันชอบอ่านนิยาย มันทำให้ฉันได้หลบหนีจากความจริงบ้าง" ฉันตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่...ครูพีทเป็นครูสอนวรรณค
ฉันเดินออกจากห้องเรียนด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เสียงฝีเท้าของครูพีทยังคงก้องอยู่ในหู ราวกับว่าทุกก้าวที่เขาเดินออกจากห้องนั้นฝากอะไรบางอย่างไว้ในใจฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันทั้งตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ฉันพยายามสลัดความรู้สึกนี้ออกไป แต่ก็พบว่ามันติดแน่นอยู่ในหัวใจฉันเหมือนฝันร้ายที่ฉันไม่อาจหลีกหนีได้ฉันเดินไปตามทางเดินของโรงเรียนที่เงียบสงบเพราะยังเป็นช่วงพักกลางวัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ห้องอาหาร ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ แต่ภายในใจกลับว้าวุ่นจนฉันรู้สึกว่าใครๆ ก็คงมองออกว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันในที่สุดฉันก็กลับมาถึงห้องเรียนและนั่งลงที่โต๊ะของฉัน ฉันหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดอ่าน หวังว่าจะสามารถตั้งสมาธิได้ แต่ความคิดของฉันกลับพุ่งตรงไปยังครูพีทอีกครั้ง ความอบอุ่นจากการสัมผัสมือของเขายังคงติดอยู่ในความทรงจำ และฉันไม่อาจลบมันออกไปได้‘ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?’ ฉันถามตัวเองในใจ แต่ไม่มีคำตอบใดที่สามารถตอบสนองความสงสัยของฉันได้ ฉันรู้ดีว่าครูและนักเรียนไม่ควรมีความสัมพันธ์เกินเลย แต่ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
หลังจากบทเรียนที่ไม่ธรรมดาของวันก่อน ฉันได้สัมผัสครูพีทในแบบที่ไม่เคยคาดคิด ภาพของเขาและการจูบที่ลึกซึ้งนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ฉันพยายามจะลืมมัน พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา ภาพเหล่านั้นกลับชัดเจนยิ่งขึ้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่คอยกระซิบบอกฉันว่าความสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด กลับถูกบดบังด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้เช้านี้ ฉันเดินเข้าสู่ห้องเรียนด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ทันทีที่ฉันก้าวเข้าสู่ห้อง สายตาของฉันก็พบกับครูพีทที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน เขามองฉันด้วยสายตาที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความหมาย เพียงเสี้ยววินาทีที่เขามองมาที่ฉัน หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของฉันรู้สึกราวกับถูกไฟส่องผ่านเมื่อเขามองมา สายตาของเขาช่างคมกริบและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่ฉันที่รู้สึกเช่นนั้น ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มก่อตัวในท้องของฉัน มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายตลอดชั่วโมงเรียน ฉันพยายามจะมีสมาธิกับบทเรียน แต่ความคิดของฉันกลับวกวนไปที่ครูพีท และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราครั้งก่อน ความ
ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ใจฉันก็เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ทำไมฉันถึงหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่เราทำคือการท้าทายกฎระเบียบที่โรงเรียนเคร่งครัดที่สุด แต่ยิ่งฉันคิดถึงมัน ฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงความเร่าร้อนที่ซ่อนอยู่ในใจฉันเช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาในหอพักเหมือนเช่นเคย แต่ความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในหัวใจทำให้ฉันไม่สามารถทำตัวเหมือนปกติได้ ฉันพยายามจะไม่คิดถึงเขา แต่ทุกครั้งที่ฉันปิดตา ภาพของครูพีทก็จะปรากฏขึ้นมาในหัว ความใกล้ชิดของเรามันผิด ฉันรู้ดี แต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกนี้ได้“เมื่อวานกลับดึกเหรอ” ซาร่าทักทายฉัน ขณะที่ฉันกำลังเดินไปยังห้องเรียน“เอ้อ...ก็นิดนึง” ฉันหน้าแดงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ไม่สบายรึเปล่า?” ซาร่าจ้องมองฉัน ก่อนจะเอามือมาอังที่หน้าผาก“ปะ..เปล่า” ฉันรีบปฏิเสธทันที“ครูพีทใช้งานหนักเหรอ?” ซาร่าพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ“ก็...ไม่นะ..”“วันนี้ต้องไปช่วยครูอีกมั้ยอะ?”“อะ..ไม่แน่ใจอะ” ฉันแบ่งรับแบ่งสู้“ฉันไปช่วยมั้ย?” ซาร่าเสนอตัวเอง“ไหวเหรอ มีแต่บทเรียนวรรณคดีทั้งนั้นเลยนะ” ฉันเอียงคอถามเพื่อน เพราะร
ฉันนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักที่เงียบสงบ สายตาของฉันจับจ้องไปที่กระดาษแผ่นหนึ่งในมือ มันคือกฎระเบียบของโรงเรียนเซนต์เอมิลี่ ซึ่งฉันได้รับมาเมื่อตอนเข้ามาใหม่ ฉันควรจะอ่านมันตั้งแต่วันแรก แต่ด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ฉันกลับลืมไปเสียสนิท กระดาษแผ่นนี้เหมือนเป็นเตือนความจำของสิ่งที่ควรและไม่ควรทำฉันค่อยๆ พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าสุดท้าย สายตาของฉันก็สะดุดกับกฎข้อที่ 10 ที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีเข้มกว่าปกติ ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทันทีเมื่ออ่านมันกฎข้อที่ 10: ห้ามมิให้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เกินขอบเขตของความเป็นครูและนักเรียน หากพบว่ามีการกระทำเช่นนี้ จะมีการสอบสวนและลงโทษอย่างเคร่งครัดทั้งครูและนักเรียนที่เกี่ยวข้องฉันอ่านประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ใจของฉันเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับครูพีท ความสัมพันธ์ของเรานั้นข้ามเส้นที่ถูกเขียนไว้ในกฎระเบียบนี้อย่างชัดเจน และฉันก็รู้ดีว่าถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ ผลที่ตามมาอาจจะไม่ดีเลยเสียงเปิดประตูดังขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง เธอเพิ่งกลับจา
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไรขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล“ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า“ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย“ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน“ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”“เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย
ไม่กี่วันต่อมา หลังจากเหตุการณ์ที่ครูลิซเข้ามาเห็นฉันและครูพีทในห้องพักครู ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติในโรงเรียน แม้ใจลึก ๆ จะรู้สึกถึงความกังวลและความไม่มั่นคง ทุกครั้งที่เดินผ่านครูลิซ ฉันจะรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องตามหลัง ฉันไม่แน่ใจว่าครูลิซจะทำอะไร แต่ก็รู้ดีว่าเธอคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆบรรยากาศในโรงเรียนเริ่มเปลี่ยนไป มันไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับฉันอีกต่อไป สายตาของครูบางคนที่เคยยิ้มแย้มให้ฉันดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเพื่อน ๆ หลายคนเริ่มมีท่าทางที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น และมันเริ่มทำให้ฉันรู้สึกกังวลขึ้นทุกทีช่วงพักกลางวันวันนั้น ฉันนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหารในโรงอาหาร ฉันมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ทุกอย่างดูปกติ แต่หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นทันใดนั้น ซาร่า เพื่อนสนิทของฉันเดินเข้ามา เธอทำหน้าตาเป็นกังวลและรีบเข้ามานั่งตรงข้ามฉัน“ลิลลี่...” ซาร่าพูดเสียงเบา ๆ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล“ฉันได้ยินข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับเธอ”คำพูดของซาร่าทำให้ฉันรู้สึกเหมือนใจตกลงไปที่ตาตุ่ม“ข่าวลือ
“เดี๋ยวค่ะ...พี่พี่ท...อื๊อ...”ครูพีทค่อยๆ วางฉันลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะตามมาแนบชิดอย่างร้อนแรง สัมผัสของเขาทั้งอ่อนโยนและดุดันไปพร้อมกัน มือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่าง ค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าของเราออกทีละชิ้นอย่างชำนาญและรวดเร็ว ความร้อนระอุแผ่ซ่านไปทั่วจนหัวใจเต้นแรงขึ้นตาม“หืม?” ครูพึมพำเบาๆ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นสัมผัสผิวเนียนนุ่มที่เนินอกของฉัน จากนั้นค่อยๆ เลื่อนลงมาที่หน้าท้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะคืบต่ำลงไปยังส่วนล่าง มือแกร่งของเขาค่อยๆ จับเรียวขาของฉันให้แยกออกกว้างขึ้น“อ๊ะ..พี่พีทคะ..อย่าค่ะ..ตรงนั้น..อ๊า...”ฉันพยายามยกมือบางขึ้นดันบ่าของเขา แต่กลับต้องเผลอครางออกมาเมื่อปลายลิ้นร้อนของเขาสัมผัสเข้ากับจุดอ่อนไหว ร่างกายสะท้านเบาๆ เมื่อริมฝีปากของเขาพรมจูบลงตรงนั้น ก่อนที่เขาจะขบเม้มและละเลียดสัมผัสอย่างอ่อนโยน“อืม...แบบนี้มั่นใจรึยัง?” ครูพีทพึมพำเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของฉันที่แดงระเรื่อ ริมฝีปากเผยอครางอย่างห้ามไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาใช้ปลายลิ้นบดขยี้ปุ่มกระสัน สะกิดเลียจนกระทั่งเม็ดเสียวขยาย“อื๊อ...อ๊า...พี่พีทคะ...อ๊า” เสียงครางกระเส่าหลุดออกมาจา
เรากลับมาถึงคอนโดของครูพีทหลังจากเผชิญหน้ากับคำขู่จากครูลิซ ช่วงเวลาที่ควรจะสบายใจกลับเต็มไปด้วยความกลัวและความกังวล ไม่ว่าจะหายใจลึกแค่ไหน ความรู้สึกตึงเครียดก็ไม่ยอมหายไปสักที ฉันพยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งและไม่หวาดกลัว แต่มันก็ยากเหลือเกิน เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่า หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ทั้งชีวิตของฉันและครูพีทก็อาจพังทลายลงในพริบตาบรรยากาศในคอนโดเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟอ่อนๆ ที่ทำให้ห้องดูอบอุ่น ฉันนั่งลงที่โซฟา มองไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกที่สับสน หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกผิดและหวาดกลัว ไม่อยากให้ครูพีทต้องเห็นฉันในสภาพนี้“ลิลลี่...” เสียงอ่อนโยนของครูพีทดึงฉันออกจากภวังค์ เขานำแก้วน้ำมาวางให้ข้าง ๆ ฉัน ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าและจับมือฉันไว้เบา ๆ ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสของเขา และความกังวลในใจเหมือนจะค่อยๆ คลายลงบ้าง“เป็นอะไรรึ?” เขาถามด้วยสายตาที่อ่อนโยน ฉันรู้ว่าเขาห่วงใยและอยากให้ฉันรู้สึกดีขึ้น แต่ความรู้สึกกดดันในใจมันหนักเกินกว่าที่ฉันจะอธิบายออกมาได้ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเครือ“หนู... หนูไม่รู้ค่ะ หนูรู้สึกกลัว กล
บรรยากาศในห้องพักครูดูเงียบสงบมาก ขณะที่ฉันนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานของครูพีท เขากำลังจัดเอกสารและเก็บของเพื่อเตรียมตัวออกไปทานอาหารกลางวันกับฉัน ฉันรู้สึกว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สงบสุขที่สุดในช่วงหลายวันมานี้ หลังจากเผชิญหน้ากับความตึงเครียดและความกลัวเกี่ยวกับมินนี่ที่เข้ามาในชีวิตฉันอีกครั้ง ฉันอยากใช้เวลานี้เพื่อหลีกหนีจากทุกปัญหา“เสร็จรึยังคะ?” ฉันเอ่ยถามเบา ๆ ขณะที่เขากำลังหยิบแฟ้มเอกสารใส่กระเป๋า“เกือบเสร็จแล้ว อีกแป๊บนึงนะ” ครูพีทตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่ฉันรู้สึกคุ้นเคย รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันรู้สึกสบายใจเสมอ มันเหมือนกับว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะอยู่ข้างฉันเสมอขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ฉันรู้สึกถึงบางอย่างในบรรยากาศที่เปลี่ยนไป สายตาของเขาที่มองมาที่ฉันดูพราวระยับ“ลิลลี่ เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สายตาวิบวับของเขาที่จ้องมอง ทำให้ฉันรู้ความนัยของคำพูดนั้นดีก่อนที่ฉันจะทันพูดอะไรออกมา เขาก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของฉันอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน ความเข้มข้นของจูบทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบ ร่างกายเหมือนถูกควบคุมด้วยความรู้สึกที่รุนแรงยิ่ง
เสียงคลื่นที่กระทบชายฝั่งเบา ๆ สลับกับสายลมอ่อน ๆ ที่พัดเข้ามา ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสกับแสงแดดที่ไม่ร้อนเกินไป มันเป็นวันที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการมาเที่ยวทะเลฉันและครูพีทตัดสินใจออกมาพักผ่อนในวันหยุดนี้ เขาพาฉันมาเที่ยวทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก หลังจากเรื่องราวที่หนักอึ้งในใจ ฉันรู้สึกว่าเวลานี้ฉันต้องการการพักผ่อน และที่นี่ก็ดูเหมือนเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด“สวยจังเลยค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับหันหน้าไปมองทะเลกว้างไกลที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า สายลมพัดผมของฉันพลิ้วไปตามจังหวะลม น้ำทะเลที่สะท้อนแสงแดดระยิบระยับเหมือนประกายเพชรทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหลงใหลในความงดงามของธรรมชาติ“ใช่ สวยมาก” ครูพีทตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่เขาหันมามองฉันแทนที่จะมองทะเลฉันรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นนิด ๆ เมื่อเห็นสายตาของเขาที่มองมา ฉันพยายามซ่อนความรู้สึกเขินอาย แต่ใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถปิดบังอะไรได้มากนักช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความเงียบสงบ เรานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ริมทะเล นั่งมองคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเป็นระลอก ๆ ฉันรู้สึกว่าเสียงคลื่นนั้นช่างผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับสนิทแสงแดดอ่อน ๆ สาดเข้ามาทางหน้าต่างห้อง สัมผัสกับผิวหน้าของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พลางรู้สึกถึงความอบอุ่นรอบ ๆ ตัว ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่ แต่ทุกอย่างดูเงียบสงบเมื่อฉันตื่นเต็มตา ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า...นี่ไม่ใช่ห้องของฉัน อาการปวดตัวจากเมื่อคืนยังมีหลงเหลืออยู่จากความเร่าร้อนของครูพีท กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอะไรบางอย่างลอยเข้ามาในห้องฉันขยับตัวลุกขึ้นนั่ง บนเตียงที่นุ่มสบาย ผ้าห่มอุ่น ๆ คลุมตัวฉันไว้ และเสียงเบา ๆ ของอะไรบางอย่างดังมาจากทางห้องครัว ฉันยิ้มเบา ๆ ขณะที่คิดว่าเขาคงกำลังทำอาหารอยู่ฉันเดินไปหยิบเสื้อยืดตัวโคร่งของครูพีทจากในตู้เสื้อผ้าใส่แก้ขัด ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปยังห้องนั่งเล่น แสงแดดในยามเช้าทำให้บรรยากาศภายในคอนโดดูสดใสและอบอุ่นฉันมองไปที่ห้องครัวเล็ก ๆ ของเขา และนั่นเอง ฉันเห็นครูพีทกำลังยืนอยู่หน้าเตา สวมผ้ากันเปื้อนและกำลังพลิกแพนเค้กอย่างตั้งใจกลิ่นหอมของแพนเค้กและเบคอนที่ทอดใหม่ ๆ ทำให้ท้องของฉันเริ่มร้องเบา ๆ ฉันยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ภาพของครูพีทในมุมนี้ทำให้ฉันรู้สึกถึงความสบายใจ
คืนนี้ ฉันตัดสินใจไปหาครูพีทที่คอนโดของเขา ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะบอกเขาหรือไม่ แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถเผชิญหน้ากับทุกอย่างเพียงลำพังได้อีกต่อไปเมื่อฉันมาถึง เมื่อครูพีทเปิดประตู เขาดูประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นฉันมาในช่วงเวลาแบบนี้“ลิลลี่?” ครูพีทมองฉันด้วยสายตาวิบวับ ก่อนดึงตัวฉันเข้าไปในห้อง“พี่พีท...อื๊อ..” เสียงของฉันหลุดออกมาเบาๆ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจะทาบทับลงมาบนปากของฉันอย่างรวดเร็ว ฉันแทบไม่ทันได้ตั้งตัว เรียวลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาอย่างรุนแรงและกระหาย ร่างกายของฉันสะท้านทันทีเมื่อสัมผัสนั้นจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว“เดี๋ยวค่ะ..คือ..อ๊ะ...” ฉันพยายามจะพูด แต่เสียงของฉันหายไปเมื่อสัมผัสของเขายิ่งทำให้ฉันเสียการควบคุม มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของฉันออกทีละชิ้น ความร้อนรุ่มที่แผ่กระจายไปทั่วร่างทำให้ฉันไม่อาจต้านทานได้ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว เขายกตัวฉันขึ้นจากพื้น ร่างของฉันถูกยกขึ้นอย่างง่ายดาย ทำให้ฉันต้องใช้ขาทั้งสองข้างโอบรัดเอวของเขาไว้โดยอัตโนมัติ ความกลัวว่าจะตกลงมาทำให้ฉันกอดเขาแน่นขึ้น แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกลับทำให้หัวใจของฉันเต้นรัวเร็วขึ้น คว