ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
เมื่อประตูบ้านปิดลง ครูพีทไม่รอช้า เขาดึงเอวฉันเข้ามาหา ใบหน้าของเขาโน้มลงมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่น จูบของเขาลึกซึ้งและเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตักตวงความหวานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มือใหญ่ดันท้ายทอยของฉันให้เข้าไปใกล้ จูบของเขารุนแรงจนฉันแทบลืมหายใจ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในอ้อมกอดของเขา“อื๊อ...พี่พีทคะ...” ฉันหอบครางเสียงสั่น ครูพีทผละริมฝีปากออกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจไม่ทัน“คิดถึง" ครูพีทกระซิบเบา ๆ ก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาจูบฉันอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้ฉันมีช่วงเวลาพักหายใจ พลันเขาอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย มือใหญ่รองใต้สะโพกฉันไว้ ฉันโอบแขนรอบคอเขาแน่น ขาทั้งสองเกี่ยวรัดเอวเขาไว้ไม่ให้ล่วงลงพื้นครูพีทก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องนอน โดยที่ยังคงจูบฉันอย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใครตุบ!เขาวางฉันลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้งลุกโชนอยู่ในนั้น“ไม่เจอกันนาน ต้องชดเชยหน่อยนะ” ครูพีทพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาสอดล
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ภายในห้องนอนของครูพีทเงียบสงบ ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงแล้ว พอลองขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เป็นผลจากค่ำคืนที่เขาไม่ยอมให้ฉันได้นอนพักเลย ฉันแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงจากร่างกายเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นคิสมาร์กที่กระจายอยู่เต็มเนินอกของฉัน“หือ...เป็นรอยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันพึมพำเบาๆ มองรอยแดงที่กระจายอยู่เต็มเนินอก ผลจากความเร่าร้อนของเขาเมื่อคืนที่ทำให้ฉันแทบจะหมดแรงฉันตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จฉันก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาสวม มันโอเวอร์ไซส์จนคลุมมาถึงต้นขาของฉันหลังจากนั้นฉันเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะตามหาเขา ไม่นานฉันก็เห็นครูพีทอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขากำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างตั้งใจ เสียงเบาๆ จากครัวและกลิ่นหอมของอาหารที่เขากำลังเตรียมอยู่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ได้มาเจอเขาในเช้านี้เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็เห็นว่าเขาถือถาดอาหารที่มีขนมปังปิ้ง แพนเ
หลังจากลิลลี่กลับไปแล้ว บ้านพักเล็ก ๆ ของผมกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำงาน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มมองเอกสารปึกใหญ่ที่นักสืบจากอังกฤษส่งมาให้เมื่อเช้านี้มันเป็นข้อมูลที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิด และมันกำลังเปิดเผยภาพรวมของเกมที่ซับซ้อนที่กำลังดำเนินอยู่รอบตัวผม ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับตัวผม แต่ยังเกี่ยวพันกับครอบครัวของผมในระดับที่ลึกซึ้งและน่ากลัวเอกสารหน้าแรกเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอลิซเบธ อดีตคนรักของผม นักสืบที่ผมจ้างบอกว่าเธอกลับมาเมืองไทยหลังจากได้รับการว่าจ้างจากคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อผม พวกเขาใช้ลิซเป็นเครื่องมือเพื่อพยายามดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งระหว่างธุรกิจ“ลิซ...” ผมพึมพำชื่อของเธอในความเงียบ รู้สึกเหมือนเธอที่ผมเคยรู้จักเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น ผู้หญิงที่เคยเดินเคียงข้างผมในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตในอังกฤษ กลายเป็นคนที่พยายามใช้ความสัมพันธ์ในอดีตเพื่อเข้ามาทำลายทุกอย่างที่ผมสร้างขึ้นในเอกสารยังระบุว่า ลิซไม่ได้มาหาผมเพียงเพราะความรู้สึกในอดีต แต่เธอได้รับคำสั่งให้สร้างเรื่องราว
บรรยากาศในรถระหว่างทางกลับบ้านนั้นเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น บรรยากาศในรถอึดอัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก แม่ของฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความโกรธที่เธอพยายามกดไว้ใต้เปลือกนอกที่ดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ใด ๆฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง พยายามดึงความสนใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหนีจากความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้ หัวใจของฉันเต้นแรง รู้สึกถึงพายุแห่งความกลัวและความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเมื่อรถเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพาเข้าไปในสนามรบ แม่เปิดประตูรถแล้วก้าวลงด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ฉันเดินตามหลังเธอไปยังห้องรับแขก เสียงรองเท้าของเรากระทบพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนในความเงียบงันของบ้านหลังใหญ่“นั่งลง” เสียงของแม่เยือกเย็น ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เธอนั่งลงตรงข้ามกับฉัน สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธที่เธอไม่ปิดบัง“อลิสา วัฒนชัย” แม่เรียกชื่อเต็มของฉันด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ฉันรู้ดีว่าการที่แม่เรียกฉันด้วยชื่อเต็มแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันหมายความว่าเธอกำลังโมโห และฉันต้องเตรียมรับมือกับสิ
ทันทีที่เข้ามาในบ้าน ครูพีทก็ไม่เสียเวลา เขาวางกระเป๋าเดินทางของฉันทิ้งไว้ในห้องรับแขก ก่อนจะอุ้มฉันขึ้นโดยไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว แถมพาฉันเดินเข้าห้องนอนทันที นี่ใจคอเขาจะไม่รอให้ฉันทำใจบ้างเหรอเนี่ย!“พี่พีทคะ...เราน่าจะคุยกันก่อนนะคะ...อื๊อ” ฉันพยายามพูด แต่คำพูดทั้งหมดกลับถูกกลืนหายไปเมื่อริมฝีปากของเขากดลงมาแนบสนิท เขาไม่ปล่อยให้ฉันได้โต้แย้ง สอดลิ้นเข้ามาในโพรงปาก ไล่ต้อนลิ้นของฉันอย่างชำนาญจนฉันแทบจะหยุดหายใจ ร่างกายที่ดิ้นรนกลับอ่อนลงตามแรงจูบที่ลึกซึ้งนั้น“อื้ม...ไว้คุยนะ” ครูพีทพึมพำเสียงต่ำ ก่อนที่มือซุกซนของเขาจะลูบไล้ไปตามร่างกายของฉัน และเริ่มถอดเสื้อผ้าของฉันและของเขาออก จนสุดท้ายเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าของเราทั้งคู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อนและใกล้ชิด“เดี๋ยวค่ะ..อ๊ะ..อ๊า...” ฉันพยายามจะห้ามเขา แต่ไม่ทันกับริมฝีปากร้อนที่ก้มลงไปจูบปลายยอดถันของฉัน เขาเม้มดูดเบาๆ ก่อนจะใช้เรียวลิ้นไล้วนไปอย่างช่ำชอง สลับกับดูดแรงขึ้นจนทิ้งรอยแดงไว้บนผิว ฉันเผลอครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ มือบางของฉันจิกแน่นที่บ่าของเขา พยายามบรรเทาความวาบหวามที่พุ่งพล่านไปทั่วร่าง“คิดถึงนะ..
ฉันยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง มองกระเป๋าเดินทางที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บอะไรเลย ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉันจะต้องออกเดินทางไปอังกฤษตามคำสั่งของแม่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใหม่ ที่พัก หรือแม้กระทั่งกำหนดการเดินทาง ฉันไม่เคยรู้สึกถูกกำหนดชีวิตแบบนี้มาก่อน และมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลุดจากทุกสิ่งที่ฉันรักแต่ก่อนที่จะจากไป ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ ฉันอยากใช้เวลาครั้งสุดท้ายกับเขา คนที่ฉันรักมากที่สุด คนที่ฉันไม่รู้ว่าจะได้พบอีกเมื่อไหร่“ซาร่า...” ฉันพูดขึ้นระหว่างที่เรานั่งคุยกันในมุมเงียบ ๆ ของห้องสมุดโรงเรียน“ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?”“อะไรอะ?” ซาร่าถามขณะยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย“ฉันอยากไปอยู่กับพี่พีทหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทาง” ฉันพูดเสียงเบา แต่หนักแน่นซาร่ามองฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ“แม่เธอจะยอมเหรอ?”“ฉันจะบอกแม่ว่า จะไปค้างบ้านเธอช่วงที่ตรงกับวันหยุดของเทศกาลเซนต์เอมิลี่แห่งมิตรภาพ”“แม่คงไม่ว่าอะไรถ้าเธอช่วยพูดให้”ซาร่านิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้ฉัน“ได้สิ ฉันจะช่วยเธอเอง”“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไงแน่เลย” ฉันจับมื
บรรยากาศในรถระหว่างทางกลับบ้านนั้นเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น บรรยากาศในรถอึดอัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก แม่ของฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความโกรธที่เธอพยายามกดไว้ใต้เปลือกนอกที่ดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ใด ๆฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง พยายามดึงความสนใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหนีจากความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้ หัวใจของฉันเต้นแรง รู้สึกถึงพายุแห่งความกลัวและความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเมื่อรถเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพาเข้าไปในสนามรบ แม่เปิดประตูรถแล้วก้าวลงด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ฉันเดินตามหลังเธอไปยังห้องรับแขก เสียงรองเท้าของเรากระทบพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนในความเงียบงันของบ้านหลังใหญ่“นั่งลง” เสียงของแม่เยือกเย็น ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เธอนั่งลงตรงข้ามกับฉัน สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธที่เธอไม่ปิดบัง“อลิสา วัฒนชัย” แม่เรียกชื่อเต็มของฉันด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ฉันรู้ดีว่าการที่แม่เรียกฉันด้วยชื่อเต็มแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันหมายความว่าเธอกำลังโมโห และฉันต้องเตรียมรับมือกับสิ
หลังจากลิลลี่กลับไปแล้ว บ้านพักเล็ก ๆ ของผมกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำงาน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มมองเอกสารปึกใหญ่ที่นักสืบจากอังกฤษส่งมาให้เมื่อเช้านี้มันเป็นข้อมูลที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิด และมันกำลังเปิดเผยภาพรวมของเกมที่ซับซ้อนที่กำลังดำเนินอยู่รอบตัวผม ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับตัวผม แต่ยังเกี่ยวพันกับครอบครัวของผมในระดับที่ลึกซึ้งและน่ากลัวเอกสารหน้าแรกเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอลิซเบธ อดีตคนรักของผม นักสืบที่ผมจ้างบอกว่าเธอกลับมาเมืองไทยหลังจากได้รับการว่าจ้างจากคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อผม พวกเขาใช้ลิซเป็นเครื่องมือเพื่อพยายามดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งระหว่างธุรกิจ“ลิซ...” ผมพึมพำชื่อของเธอในความเงียบ รู้สึกเหมือนเธอที่ผมเคยรู้จักเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น ผู้หญิงที่เคยเดินเคียงข้างผมในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตในอังกฤษ กลายเป็นคนที่พยายามใช้ความสัมพันธ์ในอดีตเพื่อเข้ามาทำลายทุกอย่างที่ผมสร้างขึ้นในเอกสารยังระบุว่า ลิซไม่ได้มาหาผมเพียงเพราะความรู้สึกในอดีต แต่เธอได้รับคำสั่งให้สร้างเรื่องราว
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ภายในห้องนอนของครูพีทเงียบสงบ ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงแล้ว พอลองขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เป็นผลจากค่ำคืนที่เขาไม่ยอมให้ฉันได้นอนพักเลย ฉันแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงจากร่างกายเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นคิสมาร์กที่กระจายอยู่เต็มเนินอกของฉัน“หือ...เป็นรอยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันพึมพำเบาๆ มองรอยแดงที่กระจายอยู่เต็มเนินอก ผลจากความเร่าร้อนของเขาเมื่อคืนที่ทำให้ฉันแทบจะหมดแรงฉันตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จฉันก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาสวม มันโอเวอร์ไซส์จนคลุมมาถึงต้นขาของฉันหลังจากนั้นฉันเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะตามหาเขา ไม่นานฉันก็เห็นครูพีทอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขากำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างตั้งใจ เสียงเบาๆ จากครัวและกลิ่นหอมของอาหารที่เขากำลังเตรียมอยู่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ได้มาเจอเขาในเช้านี้เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็เห็นว่าเขาถือถาดอาหารที่มีขนมปังปิ้ง แพนเ
เมื่อประตูบ้านปิดลง ครูพีทไม่รอช้า เขาดึงเอวฉันเข้ามาหา ใบหน้าของเขาโน้มลงมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่น จูบของเขาลึกซึ้งและเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตักตวงความหวานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มือใหญ่ดันท้ายทอยของฉันให้เข้าไปใกล้ จูบของเขารุนแรงจนฉันแทบลืมหายใจ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในอ้อมกอดของเขา“อื๊อ...พี่พีทคะ...” ฉันหอบครางเสียงสั่น ครูพีทผละริมฝีปากออกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจไม่ทัน“คิดถึง" ครูพีทกระซิบเบา ๆ ก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาจูบฉันอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้ฉันมีช่วงเวลาพักหายใจ พลันเขาอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย มือใหญ่รองใต้สะโพกฉันไว้ ฉันโอบแขนรอบคอเขาแน่น ขาทั้งสองเกี่ยวรัดเอวเขาไว้ไม่ให้ล่วงลงพื้นครูพีทก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องนอน โดยที่ยังคงจูบฉันอย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใครตุบ!เขาวางฉันลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้งลุกโชนอยู่ในนั้น“ไม่เจอกันนาน ต้องชดเชยหน่อยนะ” ครูพีทพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาสอดล
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก