เสียงคลื่นที่กระทบชายฝั่งเบา ๆ สลับกับสายลมอ่อน ๆ ที่พัดเข้ามา ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสกับแสงแดดที่ไม่ร้อนเกินไป มันเป็นวันที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการมาเที่ยวทะเลฉันและครูพีทตัดสินใจออกมาพักผ่อนในวันหยุดนี้ เขาพาฉันมาเที่ยวทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก หลังจากเรื่องราวที่หนักอึ้งในใจ ฉันรู้สึกว่าเวลานี้ฉันต้องการการพักผ่อน และที่นี่ก็ดูเหมือนเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด“สวยจังเลยค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับหันหน้าไปมองทะเลกว้างไกลที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า สายลมพัดผมของฉันพลิ้วไปตามจังหวะลม น้ำทะเลที่สะท้อนแสงแดดระยิบระยับเหมือนประกายเพชรทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหลงใหลในความงดงามของธรรมชาติ“ใช่ สวยมาก” ครูพีทตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่เขาหันมามองฉันแทนที่จะมองทะเลฉันรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นนิด ๆ เมื่อเห็นสายตาของเขาที่มองมา ฉันพยายามซ่อนความรู้สึกเขินอาย แต่ใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถปิดบังอะไรได้มากนักช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความเงียบสงบ เรานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ริมทะเล นั่งมองคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเป็นระลอก ๆ ฉันรู้สึกว่าเสียงคลื่นนั้นช่างผ่อน
บรรยากาศในห้องพักครูดูเงียบสงบมาก ขณะที่ฉันนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานของครูพีท เขากำลังจัดเอกสารและเก็บของเพื่อเตรียมตัวออกไปทานอาหารกลางวันกับฉัน ฉันรู้สึกว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สงบสุขที่สุดในช่วงหลายวันมานี้ หลังจากเผชิญหน้ากับความตึงเครียดและความกลัวเกี่ยวกับมินนี่ที่เข้ามาในชีวิตฉันอีกครั้ง ฉันอยากใช้เวลานี้เพื่อหลีกหนีจากทุกปัญหา“เสร็จรึยังคะ?” ฉันเอ่ยถามเบา ๆ ขณะที่เขากำลังหยิบแฟ้มเอกสารใส่กระเป๋า“เกือบเสร็จแล้ว อีกแป๊บนึงนะ” ครูพีทตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่ฉันรู้สึกคุ้นเคย รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันรู้สึกสบายใจเสมอ มันเหมือนกับว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะอยู่ข้างฉันเสมอขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ฉันรู้สึกถึงบางอย่างในบรรยากาศที่เปลี่ยนไป สายตาของเขาที่มองมาที่ฉันดูพราวระยับ“ลิลลี่ เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สายตาวิบวับของเขาที่จ้องมอง ทำให้ฉันรู้ความนัยของคำพูดนั้นดีก่อนที่ฉันจะทันพูดอะไรออกมา เขาก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของฉันอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน ความเข้มข้นของจูบทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบ ร่างกายเหมือนถูกควบคุมด้วยความรู้สึกที่รุนแรงยิ่ง
เรากลับมาถึงคอนโดของครูพีทหลังจากเผชิญหน้ากับคำขู่จากครูลิซ ช่วงเวลาที่ควรจะสบายใจกลับเต็มไปด้วยความกลัวและความกังวล ไม่ว่าจะหายใจลึกแค่ไหน ความรู้สึกตึงเครียดก็ไม่ยอมหายไปสักที ฉันพยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งและไม่หวาดกลัว แต่มันก็ยากเหลือเกิน เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่า หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ทั้งชีวิตของฉันและครูพีทก็อาจพังทลายลงในพริบตาบรรยากาศในคอนโดเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟอ่อนๆ ที่ทำให้ห้องดูอบอุ่น ฉันนั่งลงที่โซฟา มองไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกที่สับสน หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกผิดและหวาดกลัว ไม่อยากให้ครูพีทต้องเห็นฉันในสภาพนี้“ลิลลี่...” เสียงอ่อนโยนของครูพีทดึงฉันออกจากภวังค์ เขานำแก้วน้ำมาวางให้ข้าง ๆ ฉัน ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าและจับมือฉันไว้เบา ๆ ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสของเขา และความกังวลในใจเหมือนจะค่อยๆ คลายลงบ้าง“เป็นอะไรรึ?” เขาถามด้วยสายตาที่อ่อนโยน ฉันรู้ว่าเขาห่วงใยและอยากให้ฉันรู้สึกดีขึ้น แต่ความรู้สึกกดดันในใจมันหนักเกินกว่าที่ฉันจะอธิบายออกมาได้ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเครือ“หนู... หนูไม่รู้ค่ะ หนูรู้สึกกลัว กล
“เดี๋ยวค่ะ...พี่พี่ท...อื๊อ...”ครูพีทค่อยๆ วางฉันลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะตามมาแนบชิดอย่างร้อนแรง สัมผัสของเขาทั้งอ่อนโยนและดุดันไปพร้อมกัน มือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่าง ค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าของเราออกทีละชิ้นอย่างชำนาญและรวดเร็ว ความร้อนระอุแผ่ซ่านไปทั่วจนหัวใจเต้นแรงขึ้นตาม“หืม?” ครูพึมพำเบาๆ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นสัมผัสผิวเนียนนุ่มที่เนินอกของฉัน จากนั้นค่อยๆ เลื่อนลงมาที่หน้าท้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะคืบต่ำลงไปยังส่วนล่าง มือแกร่งของเขาค่อยๆ จับเรียวขาของฉันให้แยกออกกว้างขึ้น“อ๊ะ..พี่พีทคะ..อย่าค่ะ..ตรงนั้น..อ๊า...”ฉันพยายามยกมือบางขึ้นดันบ่าของเขา แต่กลับต้องเผลอครางออกมาเมื่อปลายลิ้นร้อนของเขาสัมผัสเข้ากับจุดอ่อนไหว ร่างกายสะท้านเบาๆ เมื่อริมฝีปากของเขาพรมจูบลงตรงนั้น ก่อนที่เขาจะขบเม้มและละเลียดสัมผัสอย่างอ่อนโยน“อืม...แบบนี้มั่นใจรึยัง?” ครูพีทพึมพำเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของฉันที่แดงระเรื่อ ริมฝีปากเผยอครางอย่างห้ามไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาใช้ปลายลิ้นบดขยี้ปุ่มกระสัน สะกิดเลียจนกระทั่งเม็ดเสียวขยาย“อื๊อ...อ๊า...พี่พีทคะ...อ๊า” เสียงครางกระเส่าหลุดออกมาจา
ไม่กี่วันต่อมา หลังจากเหตุการณ์ที่ครูลิซเข้ามาเห็นฉันและครูพีทในห้องพักครู ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติในโรงเรียน แม้ใจลึก ๆ จะรู้สึกถึงความกังวลและความไม่มั่นคง ทุกครั้งที่เดินผ่านครูลิซ ฉันจะรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องตามหลัง ฉันไม่แน่ใจว่าครูลิซจะทำอะไร แต่ก็รู้ดีว่าเธอคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆบรรยากาศในโรงเรียนเริ่มเปลี่ยนไป มันไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับฉันอีกต่อไป สายตาของครูบางคนที่เคยยิ้มแย้มให้ฉันดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเพื่อน ๆ หลายคนเริ่มมีท่าทางที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น และมันเริ่มทำให้ฉันรู้สึกกังวลขึ้นทุกทีช่วงพักกลางวันวันนั้น ฉันนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหารในโรงอาหาร ฉันมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ทุกอย่างดูปกติ แต่หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นทันใดนั้น ซาร่า เพื่อนสนิทของฉันเดินเข้ามา เธอทำหน้าตาเป็นกังวลและรีบเข้ามานั่งตรงข้ามฉัน“ลิลลี่...” ซาร่าพูดเสียงเบา ๆ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล“ฉันได้ยินข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับเธอ”คำพูดของซาร่าทำให้ฉันรู้สึกเหมือนใจตกลงไปที่ตาตุ่ม“ข่าวลือ
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูใจกลางลอนดอนเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการ บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาอันอบอุ่นของผู้คนที่แต่งกายอย่างสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวเรียบหรูตัดกับแสงไฟระยิบระยับ พ่อเฮนรี่และพ่อของครูพีทยืนอยู่ด้านหน้าเวที ทั้งสองทักทายแขกเหรื่อด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ จากวงออร์เคสตราที่มุมห้อง เพิ่มความหรูหราให้กับบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แขกที่มาร่วมงานล้วนแต่งกายงดงามในชุดทางการ ผู้หญิงในชุดราตรียาวสวยหรู ส่วนผู้ชายในสูทตัดเย็บอย่างประณีตฉันยืนอยู่ด้านหลังม่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนประหม่า สวมชุดราตรีสีขาวงาช้างที่ออกแบบมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ ผ้าซาตินเนื้อดีจับเดรปอย่างประณีต โอบรับช่วงเอวให้ดูคอด ก่อนชายกระโปรงจะบานออกเล็กน้อยอย่างอ่อนช้อย ผมยาวของฉันถูกเกล้าเป็นมวยต่ำ ประดับด้วยไข่มุกเล็กๆ ที่จัดวางอย่างละเมียดละไม ต่างหูเพชรระยิบระยับที่แม่เลือกให้อย่างพิถีพิถัน ยิ่งช่วยขับความงดงามของลุคนี้ให้สมบูรณ์แบบฉันสูดลมหายใจลึก พยายามสงบจิตใจขณะเสียงพูดคุยจากห้องจัดเลี้ยงดังแว่วเข้ามาเสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบาๆ ของแขก
“พี่พีท!!”เสียงอุทานของลิลลี่ดังขึ้น ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าผมกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าทั้งงุนงงและไม่เชื่อสายตาของเธอ“ว่าไงครับ?คู่หมั้นของผม” ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ พลางส่งยิ้มให้เธอ“ทะ...ทำไม?” ลิลลี่ยังคงอึ้งจนแทบพูดไม่ออก คำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยปรากฏชัดในสายตาของเธอ“ยังจะปฏิเสธผมอีกมั้ย?” ผมถามยั่วเย้า รอยยิ้มของผมยิ่งกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงซ่านของเธอผมยื่นมือขึ้น ลูบแก้มเธอเบาๆ ราวกับต้องการย้ำเตือนให้เธอรู้ว่านี่คือความจริง ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวอ่อนนุ่มของเธอ ความคิดถึงที่เก็บสะสมมานานพลุ่งพล่านขึ้นมาจนผมแทบระงับไว้ไม่อยู่“คิดถึงจะแย่แล้ว เธอล่ะ คิดถึงฉันมั้ย?”“คือ...หนู...งงไปหมดแล้ว...” ลิลลี่ยังคงมึนงง เธอพึมพำเหมือนยังไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น“หนูไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะ?” ดวงตาคู่สวยจ้องมองผมด้วยความไม่แน่ใจ มือเรียวเล็กเอื้อมมาสัมผัสที่ตัวผมเบาๆ ราวกับต้องการพิสูจน์ผมยิ้มอ่อนให้เธอ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้ กดจูบลงบนริมฝีปากบางของเธอด้วยความอ่อนโยน ความคิดถึงทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านจูบนั้นริมฝีปากของเราส
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ความคิดถึงคำพูดของแม่เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ราวกับภาพยนตร์ที่ถูกฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่อยากเชื่อว่าตัวเองกำลังถูกบังคับให้พบกับว่าที่คู่หมั้น และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปฏิเสธเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ขัดจังหวะความคิดในหัว ก่อนที่แม่บ้านจะเปิดประตูเข้ามา พร้อมสาวใช้ประจำตัวของฉันที่เดินตามหลัง“คุณหนูคะ คุณหญิงสั่งให้เราเตรียมตัวให้คุณดูดีที่สุดค่ะ” แม่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความนอบน้อม“ดูดีที่สุด?” ฉันทวนคำในใจอย่างขมขื่น ราวกับคำสั่งนี้ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกที่กำลังต่อต้าน“วันนี้คุณหญิงบอกว่ามีแขกคนสำคัญจะมาเยี่ยมค่ะ”สาวใช้พูดเสริม ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และหยิบชุดเดรสผ้าซาตินสีขาวออกมาชุดที่พวกเธอเลือกเป็นเดรสที่ดูเรียบหรู ตัดเย็บอย่างประณีต พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีเงินที่เข้ากัน ทุกอย่างดูงดงามและเหมาะสมเกินกว่าจะปฏิเสธพวกเธอช่วยฉันแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน เส้นผมยาวสลวยถูกจัดเป็นลอนคลายอย่างอ่อนหวาน และเกล้าครึ่งศีรษะอย่างประณีต ใบหน้าของฉันได้รับการแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง
ชีวิตฉันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเหมือนตกอยู่ในฝันที่ทั้งสวยงามและวุ่นวายไปพร้อมกัน หลังจากได้รับรางวัลนักเขียนบทวรรณคดีดีเด่น งานเขียนและโปรเจกต์ใหม่ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฉันพยายามจัดการทุกอย่างอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ตัวเองและแสดงให้แม่เห็นว่าฉันสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองเวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือการติดต่อกับครูพีท เรายังคงแลกเปลี่ยนข้อความและวิดีโอคอลกันเสมอ ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อยล้าหรือรู้สึกท้อแท้ คำพูดที่แสนอบอุ่นของเขาก็เหมือนแรงผลักดันที่ช่วยให้ฉันยืนหยัดต่อไปแต่แล้ววันที่ฉันไม่เคยคาดคิดก็มาถึง...เย็นวันศุกร์ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ฉันเพิ่งกลับมาจากงานสัมมนาวรรณกรรม ใบหน้าฉันยังคงประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ จากคำชื่นชมที่ได้รับในวันนี้ แต่เมื่อฉันเปิดประตูห้องพักเข้าไป ฉันต้องชะงัก“แม่?” ฉันเรียกด้วยความประหลาดใจ“แม่มาได้ไงคะ?”“ลิลลี่ ไปกับแม่เดี๋ยวนี้” แม่พูดเสียงนิ่ง แต่หนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกจากห้องพักไป ทิ้งฉันไว้กับความงุนงง แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามไปไม่นานนัก แม่ก็พาฉันมาถึงบ้านของพ่อเฮนรี่ บ้านหล
ทันทีที่ฉันเปิดประตู ใบหน้าคุ้นเคยก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของฉัน“พี่พีท!!”เสียงของฉันแทบจะหลุดเป็นเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจและดีใจสุดขีด ราวกับว่าเวลาในตอนนั้นหยุดนิ่ง มีเพียงสายตาของเราที่สบกัน และหัวใจของฉันที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาครูพีทโน้มตัวลงมาจูบฉันอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากร้อนทาบลงอย่างแนบแน่น มือใหญ่ประคองใบหน้าฉันไว้มั่น ก่อนจะดันตัวฉันเข้ามาในห้องพร้อมปิดและล็อคประตูเขาดันฉันไปชิดกับผนัง ริมฝีปากกดจูบอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความปรารถนา ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก ไล่ต้อนและดูดดุนลิ้นของฉันอย่างลึกซึ้ง จนหัวใจฉันเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะมือของเขาสอดเข้ามาใต้เสื้อของฉัน ปลดตะขอบราออกด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือเลื่อนขึ้นมาสัมผัสอกอวบอิ่ม คลึงเบา ๆ จนยอดถันชูชันตอบรับต่อสัมผัสอันร้อนแรง“อื้ม..”ฉันครางเบา ๆ ในลำคอ ความเสียวซ่านพุ่งผ่านทุกอณูเมื่อปลายนิ้วของเขาบีบคลึงยอดถันกระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่านฉันดึงเสื้อของเขาออกจากศีรษะอย่างรวดเร็ว มือบางลูบไล้ไปตามลอนกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยงามของเขา เราสบตากันชั่วครู่ก่อนริมฝีปากจะประกบกันอีกครั้ง จูบกันอย่างดูดดื่ม ราวกับไม่มีสิ่งใดในโ
เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่ของโรงแรมหรูใจกลางลอนดอน ผู้คนในชุดทางการต่างลุกขึ้นยืนปรบมือแสดงความยินดี ฉันยืนอยู่บนเวทีด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มือข้างหนึ่งถือรางวัล “นักเขียนบทวรรณคดีดีเด่นแห่งปี” ส่วนอีกข้างยกขึ้นโบกมือให้กับผู้คนที่มาร่วมงานฉันไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตในวัยเพียง 19 ปี จะพาฉันมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ในฐานะนักเขียนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งผู้อ่านและนักวิจารณ์ นิตยสารชื่อดังต่างพูดถึงฉันในฐานะคนรุ่นใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในเจเนอเรชันเดียวกันหลังจากการมอบรางวัลสิ้นสุดลง ฉันเดินลงจากเวทีด้วยรอยยิ้ม ทีมงานของผู้จัดงานพาฉันไปยังห้องรับรองเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างเดิน ฉันพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติและเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ในใจของฉันกลับรู้สึกสงบนิ่ง พร้อมที่จะเล่าถึงเส้นทางที่พาฉันมาถึงจุดนี้“คุณลิลลี่ อลิสา วัฒนชัย” มิเชล ผู้สัมภาษณ์คนแรกจาก The London Chronicle สำนักข่าววรรณกรรมชื่อดังแห่งลอนดอนกล่าวขึ้น ขณะนั่งลงตรงข้ามฉันในห้องรับรองที่ตกแต่งอย่างหรูหรา“คุณกลายเป็นบุคค
เวลาล่วงเลยเข้าสู่ค่ำคืนในลอนดอน ฉันนั่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ในหอพักของโรงเรียน โรเซนฮิลล์ อินเตอร์เนชันแนล อะคาเดมี โรงเรียนประจำที่แม่ส่งฉันมาเรียนในอังกฤษ ห้องนี้เป็นห้องพักรวม มีเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนที่ตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว หลังจากที่ใช้พลังงานหมดไปกับกิจกรรมในโรงเรียนฉันสวมเสื้อกันหนาวนุ่ม ๆ และเปิดวิดีโอคอลกับซาร่าในมือถือ แสงไฟจากโคมเล็ก ๆ บนหัวเตียงช่วยให้ฉันมองเห็นใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น“ซาร่า มีอะไรเหรอ?” ฉันถามพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ความรู้สึกคิดถึงเธอท่วมท้นขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้า“ฉันมีเรื่องเด็ดมาบอก! เธอไม่เชื่อแน่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เซนต์เอมิลี่!” ซาร่าพูดพลางกระซิบเสียงเบา แต่สีหน้าของเธอดูเหมือนกำลังระเบิดด้วยความตื่นเต้น“อะไรอะ?” ฉันถามพร้อมกับขยับตัวให้นั่งสบายขึ้นซาร่ากระซิบ “เกี่ยวกับครูลิซ!”แค่ได้ยินชื่อ หัวใจของฉันก็เต้นรัว ความทรงจำที่ไม่อยากจดจำพุ่งกลับมาทันที ความหวาดหวั่นยังคงหลอกหลอนฉัน แม้ตอนนี้จะอยู่ไกลจากเธอแล้วก็ตาม“ครูลิซ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ซาร่ายิ้มกว้างก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสะใจจนฉันรู้สึกได้“ครูลิซโดนไล่ออกแล้ว!!!”“ห๊ะ? ทำไมโดน
บ้านของครอบครัววิลเลียมส์ตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบของลอนดอน ตัวบ้านโอ่อ่าและหรูหราตามแบบฉบับของครอบครัวชนชั้นสูงในอังกฤษ แสงไฟสีอบอุ่นที่ส่องลอดออกมาจากหน้าต่างช่วยเติมเต็มบรรยากาศของค่ำคืนนี้ที่เย็นสบายผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้าน มือกำแน่นรอบแฟ้มเอกสารที่ถือมาด้วย ความรู้สึกเหมือนมีน้ำหนักบางอย่างกดทับอยู่ในใจหลังจากการพูดคุยกับคุณเฮนรี่ แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่คือทางที่ถูกต้องเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมของชาดำอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก เสียงพูดคุยเบาๆ ดังมาจากห้องนั่งเล่น ขณะที่ผมเดินเข้าไป ภาพของพ่อและแม่ที่กำลังนั่งจิบชาและพูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย ทำให้บรรยากาศในบ้านดูอบอุ่นอย่างประหลาด“พีท!?” เสียงของแม่ผม คุณหญิงสิริกานดา ดังขึ้นทันทีที่เธอเห็นผมเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอแสดงความประหลาดใจ แต่แฝงไว้ด้วยความยินดี“ทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมา แม่จะได้ส่งคนไปรับที่สนามบิน” เธอรีบลุกจากเก้าอี้ เดินตรงมาหาผม พร้อมทั้งกอดและหอมแก้มผมอย่างรวดเร็ว“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ผมพูดพลางยิ้มกริ่ม ก่อนจะโน้มตัวไปหอมแก้มเธอกลับด้วยความคิดถึงแม่หัวเราะเบาๆ ขณะที่จับมือผมไว้แน่น“ไม่เจอตั้
ผมยืนอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านในย่านชานเมืองของลอนดอน บ้านของคุณเฮนรี่ แบล็ควูด พ่อของลิลลี่ ผู้เป็นนักธุรกิจชื่อดังในวงการการเงินระดับโลก ทุกอย่างที่นี่ดูเคร่งขรึมและเป็นระเบียบเรียบร้อย สะท้อนถึงบุคลิกของชายผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดีผมหันไปมองลิลลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอดูลังเลเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล แม้จะพยายามเก็บอาการ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความไม่มั่นใจที่ฉายออกมาจากท่าทางของเธอ“พร้อมมั้ย?” ผมถามเบา ๆ พลางมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนลิลลี่พยักหน้าช้า ๆ แต่สายตาเธอยังคงสั่นไหว“ค่ะ แต่...หนูกลัวว่าพ่อจะไม่พอใจ”ผมยิ้มบาง ๆ“อย่ากังวล ฉันจะคุยกับเขาเอง”ในขณะที่เรายืนรออยู่ ประตูบ้านเปิดออก เผยให้เห็นแม่บ้านคนหนึ่งที่ดูสุภาพและเคร่งขรึม เธอพยักหน้าให้เราเล็กน้อย ก่อนจะเชิญเข้าไปด้านในบ้านของคุณเฮนรี่ แบล็ควูดเป็นบ้านที่ใหญ่โตและเต็มไปด้วยความสง่างาม ทุกมุมของที่นี่สะท้อนถึงความสมบูรณ์แบบและรสนิยมอันพิถีพิถัน ตัวบ้านตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิกที่เรียบหรู แต่ก็ให้ความรู้สึกเย็นชาในเวลาเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์ไม้สลักลวดลายประณีตตั้งเรียงรายอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะเจา