บนกระดาษถูกเขียนไว้ว่า “อย่าหวังจะล้วงข้อมูลจากปากฉันซะให้ยาก พวกต่ำ พวกไร้ค่า”หลีเกอฉีกกระดาษนั้นทิ้งทันทีแล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ปากแข็งดีนี่ คิดว่าฉันจะสืบไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”ชายทั้งหลายต่างไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อยหลีเกอพูดขึ้นว่า “เมืองปินเฉิง เฮียเปียว”คำสี่คำสั้น ๆ แต่กลับทำให้ชายทั้งหลายพากันตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไป หลีเกอจ้องตาเขม็ง “ดูเหมือนว่าฉันพูดถูกสินะ”“ไม่จริง ไม่เกี่ยวอะไรกับเฮียเปียว พวกเราแค่หมั่นไส้คุณ เลยแค่อยากปิดปากคุณก็เท่านั้น”หลีเกอไม่หลงเชื่อคำโกหกของพวกเขาง่าย ๆ“มาพูดเอาป่านนี้ก็สายไปแล้ว” หลีเกอพูดพลางลุกขึ้นยืนและหันหลังให้พวกเขา น้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึกยิ่งขึ้น “สิ่งไร้ค่าก็คือขยะ ก็จัดการตามวิธีจัดการขยะไปซะ”“รับทราบครับคุณหนู”หลีเกอพูดจบก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ชายทั้งหลายเห็นว่าหลีเกอเอาจริงก็ตกใจกลัว ต่างรีบร้องขอความเมตตาทันที“คุณหลีปล่อยเราไปเถอะ”“พวกเราผิดไปแล้ว”“พวกเราจะไม่ทำอีกแล้ว”“ขอร้องเถอะ ให้โอกาสพวกเราที”...แต่หลีเกอไม่สนใจ เดินออกไปอย่างใจเย็น“พวกนี้มันต่ำช้ากันจริง ๆ ให้โอกาสไปแล้วไม่เอา ทีตอนนี้เพิ่ง
ทันทีที่เธอพูดจบ เธอเห็นการถ่ายทอดสดในห้องทำงานดวงตากลอกไปมาด้วยความตกใจจนตัวแข็งทื่อ“นี่... นี่เป็นไปได้ยังไง” วิเวียนพึมพำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อที่แท้หลีเกอก็เป็นคุณหนูตระกูลหลีงั้นเหรอแปลว่าเธอไปทำร้ายคนที่เธอไม่ควรทำร้ายที่สุดไปแล้ววิเวียนโกรธจนอยากจะกรอกยาแก้ปวดเข้าปากโจวจื่อหยางเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นด้วยความโกรธ “ดูสิว่าพวกเธอทำอะไรลงไป ตอนนี้ความร่วมมือกับตี้เซิ่งก็พังไปแล้ว รู้ไหมว่าบริษัทขาดทุนไปกี่พันล้าน”วิเวียนตัวสั่นเทิ้มแต่สิ่งที่เธอคิดไม่ใช่ว่าบริษัทต้องขาดทุนไปเท่าไหร่ แต่เป็นหลีเกอ เธอไปทำร้ายหลีเกอเข้า ถ้าวันหลังหลีเกอคิดจะตามเอาคืน เธอคงจะเหมือนมดที่ถูกเหยียบตายอย่างไร้ทางสู้“คุณ... คุณโจว! เรื่องนี้เป็นความผิดของเสี่ยวเฉินคนเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับฉันสักนิด ตอนนี้เสี่ยวเฉินก็ถูกไล่ออกไปแล้ว คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ ใจเย็น ๆ ...”โจวจื่อหยางได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ตอนนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามโชคชะตาแล้ว “ช่างเถอะ ออกไปได้แล้ว”วิเวียนโล่งใจ รีบเดินออกจากห้องทำงานทันทีเมื่อออกไป วิเวียนก็โทรศัพท์แล้วพูดว่า “เตรียมของขวัญราคาแพงให้ฉัน
หลีเกอรีบหันหน้าหนีไม่กล้าสบตาเขา!แม้เขาจะเปิดเผยความในใจอย่างชัดเจน แต่เธอก็ยังไม่กล้าตอบสนองเขาแม้แต่น้อย!ทันใดนั้น อากาศเริ่มเงียบสงัดไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ฟู่ซิวเป่ยเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ “ไม่ต้องรีบตอบผมก็ได้ คิดให้ดี ๆ คิดให้รอบคอบก็พอ ผมไม่รีบ”หลีเกอจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาภาพที่ปรากฏในความคิดของเธอล้วนเป็นภาพเมื่อได้อยู่กับเขาบางทีในโลกใบนี้ เธออาจจะหาใครสักคนที่ปฏิบัติกับเธอได้ดีเท่าเขาไม่ได้อีกแล้ว“พี่ซิวเป่ย ให้เวลาฉันอีกหน่อยได้ไหมคะ”ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้าพลางตอบว่า “ได้”หลีเกอสูดลมหายใจเข้าลึก เงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าเธอรู้ว่าถึงแม้ตัวเองจะพยายามลืมเรื่องราวในอดีต และละทิ้งความยึดติดในใจอย่างสุดความสามารถแต่ไม่รู้ทำไม ในส่วนลึกของหัวใจเธอยังมีมุมเล็ก ๆ ที่ทำให้เธอคิดถึงเด็กหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยความยุติธรรมในมหาวิทยาลัยใบหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ที่น่าเสียดายคือเธอหาความรู้สึกแบบเดิมจากตัวเขาไม่เจออีกแล้ว“ฉันจะพบประธานหลี ให้ฉันเข้าไปที”“ขอโทษด้วยครับ ประธานหลีกำลังร่วมงานเลี้ยงอยู่ตอนนี้ ไม่สะดวกพบแขก” ที่ประตูใหญ่ เจ้
สีหน้าของวิเวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเธอรีบอธิบาย “นั่นเป็นเรื่องในอดีต ตอนนี้เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเลย”หลีเกอไม่โง่ขนาดนั้น วันนี้วิเวียนทำเรื่องแบบนี้ซึ่งแตกต่างจากการปฏิบัติที่เห็นได้ชัดก่อนหน้านี้ เหตุผลก็มีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ อีกฝ่ายรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้ว!หลีเกอยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้ไม่ได้มาจากก้นบึ้งของหัวใจ “ผู้จัดการวิเวียน คุณว่าเลขาคนหนึ่งจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครสั่งหรือเปล่า?”พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของวิเวียนก็เปลี่ยนไปทันที ทั้งซีดขาวและดูน่าเกลียดเธอยังอยากจะอธิบายอะไรบางอย่างหลีเกอไม่ฟังคำอธิบายของเธอเลย “ผู้จัดการวิเวียน ถ้ามีเวลาว่างมากก็เอาเวลาไปทุ่มเทให้กับงานมากขึ้นเถอะ อย่ามัวแต่ทำเรื่องไร้สาระแบบนี้เลย”“เราต่างก็เป็นคนทำงานกันทั้งคู่ ต้องใช้ผลงานแทนคำพูด”หลังจากตำหนิแล้ว หลีเกอก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก หันหลังและเดินจากไปพร้อมกับฟู่ซิวเป่ยทิ้งให้วิเวียนยืนนิ่งอยู่ที่นั่นด้วยความตกใจในใจรู้สึกเสียใจจนไส้บิดไปหมดแล้วหลังจากเซ็นสัญญาร่วมมือกับติ่งลี่ หุ้นของติ่งลี่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงเวลาปิดตลาดก็พุ่งขึ้นไปแล้วสิบกว่าเปอร์
หลีเกอร้องอืมออกมา จากนั้นเจิ้งหลิ่วก็หยิบมีดคัตเตอร์แล้วใช้กรีดที่รอยเปิดของกล่องพัสดุ ทันใดนั้น รูปภาพจำนวนมากก็กระจัดกระจายไปทั่วพื้นเจิ้งหลิ่วรีบเก็บขึ้นมาแล้วส่งให้หลีเกอ “ประธานหลี ดูนี่สิครับ!”สายตาของหลีเกอเมื่อสบกับรูปภาพเหล่านั้น ริมฝีปากของเธอก็ค่อย ๆ ยกขึ้น “ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว”เธอไม่คิดว่าผู้บงการเบื้องหลังจะกลายเป็นคนคุ้นเคยเก่าแก่!“มีเฉียวซีอวิ๋นเข้ามาเกี่ยวข้องก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่”ริมฝีปากของหลีเกอยิ้มแย้ม น้ำเสียงเย็นชา “ครั้งก่อนถือว่าเธอโชคดี แต่หลังจากอยู่ในคุกมาหลายเดือน ครั้งนี้ฉันจะให้เธอรู้อะไรบางอย่าง ว่าบางคน บางเรื่อง คนอย่างเธอไม่ควรแส่เข้ามายุ่ง”“ประธานหลี เรื่องนี้ให้ผมจัดการเลยดีไหม...”หลีเกอตอบกลับ “ไม่จำเป็น เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้...”ในเวลาเดียวกันเฉียวซีอวิ๋นไม่รู้ว่าแผนการของตัวเองถูกเปิดเผยแล้ว เธอยังคิดว่าหลีเกอต้องแห้งตายอยู่ที่ตานตง!ดังนั้นเธอจึงอารมณ์ดีมาก ขณะนี้กำลังถือบัตรเครดิตแบล็กการ์ดที่ฮั่วจิ้นเฉิงให้ไปชอปปิงอย่างสบายใจบนห้างสรรพสินค้าหลังจากซื้อของมาหลายถุงจนสองมือของบอดี้การ์ดถือไม่ไหวแล้ว เฉียวซีอวิ๋นจึงห
เจี่ยงอีอีได้ยินคำพูดเหล่านั้น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปในทันที"ว่าไงนะ?"เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเธอ เฉียวซีอวิ๋นก็หัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นช่างโอหังและเย่อหยิ่งในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง"ไม่เชื่อเหรอ? แต่ความจริงก็คือคงวามจริง หลีเกอตายที่ตานตงแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานข่าวนี้ก็จะมาถึงหูแก"คราวนี้ เจี่ยงอีอีโกรธจัดอย่างที่สุดเธอคว้าไม้กวาดแล้วฟาดใส่เฉียวซีอวิ๋น "นังแพศยา! นังเมียน้อย! นังหนูโสโครกในกองขยะ อย่ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่นะ ฉันจะตีแกให้ตายเลย"เฉียวซีอวิ๋นหลบอย่างรวดเร็ว ปากก็ยังด่าไม่หยุด "ฮ่าฮ่าฮ่า เอาเลย ด่าเลยสิ!""แกด่าฉันแค่ไหน นังหลีเกอก็ไม่ฟื้นคืนชีพหรอก เป็นไปได้ว่าตอนนี้แม้แต่ศพของมันก็หาชิ้นส่วนไม่ครบด้วย""ฉันแนะนำให้แกเตรียมกระดาษเงินกระดาษทองไว้เยอะหน่อยนะ เผาไปให้นังหลีเกอมากหน่อย จะได้พอซื้อประตูในปรโลกได้""..."เจี่ยงอีอีโกรธจนหน้าแดงก่ำ วิ่งไล่ตามเฉียวซีอวิ๋นไปที่ด้านหน้า แล้วตบหน้าเธออย่างแรงแต่เฉียวซีอวิ๋นกลับไม่รู้สึกเจ็บ ยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง บอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ เห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาขวางเจี่ยงอีอีเจี่ยงอีอีดิ้นไม่หลุดจากบอดี้
เจี่ยงอีอีพยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า "นังกากเดนฆ่าไม่ตายนี่ นับวันยิ่งหลงระเริงเกินไปแล้ว"หลีเกอรีบปลอบเธอ “หัวเราะทีหลังดังกว่า ปล่อยเธอย่ามใจให้เต็มที่ไปเลย ฉันกับเธอถึงเวลาที่ต้องสะสางบัญชีกันแล้ว"แววตาของหลีเกอแฝงไปด้วยความเฉียบคมหลังจากวางสายแล้ว เจิ้งหลิ่วก็ผลักประตูเข้ามา "ประธานหลี ผมติดต่อเฮียเปียวได้แล้ว เขาบอกให้เราไปพบที่คฤหาสน์ผานหลง พรุ่งนี้ตอนแปดโมง"มุมปากของหลีเกอปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "ตอบเขากลับไปว่าเราจะไปตามนัดแน่นอน"เจิ้งหลิ่วเตือน "ควรแจ้งสำนักงานใหญ่ที่ประเทศ F ไหมครับ ให้พวกเขาส่งคนมาช่วย?""ไม่ต้อง พาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใต้บังคับบัญชาของเราไปด้วยก็พอแล้ว เจอกันซึ่งหน้าแบบนี้ สังคมบ้านเรามีขื่อมีแป เขาคงไม่โง่พอที่จะทำอะไรสุดโต่งพรรค์นั้น""ครับ ประธานหลี"เมื่อเจิ้งหลิ่วจากไปแล้ว หลีเกอก็เงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง สามารถมองเห็นเมืองทั้งเมืองได้จากมุมสูงนิ้วของหลีเกอเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเช้าวันรุ่งขึ้นเวลาเจ็ดโมง บอดี้การ์ดฝีมือดีที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดรออยู่ที่หน้าอาคารตี้เซิ่งแล้ว หลีเกอไม่ได้บอกใ
เรื่องนี้เฮียเปียวไม่รู้ จึงถามด้วยความสงสัย "เรื่องอะไรนะ?"หลีเกอยิ้มไม่เต็มปาก "ถึงตอนนี้แล้ว เฮียเปียวจะยังแกล้งโง่ไปทำไมกัน?"สีหน้าเฮียเปียวมืดลงทันที หันไปพูดกับตาวอิ่งที่อยู่ข้าง ๆ "นี่มันเรื่องอะไร? พวกแกไปทำอะไรคุณหนูหลี? บอกมาตามความจริง"สีหน้าตาวอิ่งดูไม่ค่อยดีนัก จากนั้นก็กระซิบบอกอะไรบางอย่าง เฮียเปียวฟังแล้วก็ตบโต๊ะดังปัง "ไอ้สารเลว!"ตาวอิ่งตกใจ รีบปลอบเขา "เฮียเปียว อย่าโกรธเลยนะครับ ตอนนั้นผมก็แค่เกิดความคิดชั่ววูบ ทำเรื่องหุนหัน..."เฮียเปียวฝืนอดกลั้นความโกรธเอาไว้ ไม่ได้แสดงอาการต่อหน้าหลีเกอตาวอิ่งติดตามเขามานานหลายปีแล้ว เป็นแขนขวาของเขาเสมอ ตอนนี้หากจะลงโทษตาวอิ่งเพราะหลีเกอคนเดียวก็คงไม่เหมาะสมนักดังนั้นเขาจึงยิ้มเจื่อน "คุณหนูหลี ผมว่าเรื่องนี้คงต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ ๆ?"หลีเกอเดาใจออีกฝ่ายได้คร่าว ๆ จึงพูดว่า "เฮียเปียว ฉันเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้วนะคะ ยังบอกว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดอีกเหรอ?"เฮียเปียวรู้จักฐานะของหลีเกอ ถึงแม้ว่าเขาจะมีอิทธิพลคับฟ้าเมื่ออยู่ในเมืองปินเฉิงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลีเกอโดยตรงเขาทำได้แค่ไกล่เกล
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ