หลีเกอรีบหันหน้าหนีไม่กล้าสบตาเขา!แม้เขาจะเปิดเผยความในใจอย่างชัดเจน แต่เธอก็ยังไม่กล้าตอบสนองเขาแม้แต่น้อย!ทันใดนั้น อากาศเริ่มเงียบสงัดไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ฟู่ซิวเป่ยเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ “ไม่ต้องรีบตอบผมก็ได้ คิดให้ดี ๆ คิดให้รอบคอบก็พอ ผมไม่รีบ”หลีเกอจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาภาพที่ปรากฏในความคิดของเธอล้วนเป็นภาพเมื่อได้อยู่กับเขาบางทีในโลกใบนี้ เธออาจจะหาใครสักคนที่ปฏิบัติกับเธอได้ดีเท่าเขาไม่ได้อีกแล้ว“พี่ซิวเป่ย ให้เวลาฉันอีกหน่อยได้ไหมคะ”ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้าพลางตอบว่า “ได้”หลีเกอสูดลมหายใจเข้าลึก เงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าเธอรู้ว่าถึงแม้ตัวเองจะพยายามลืมเรื่องราวในอดีต และละทิ้งความยึดติดในใจอย่างสุดความสามารถแต่ไม่รู้ทำไม ในส่วนลึกของหัวใจเธอยังมีมุมเล็ก ๆ ที่ทำให้เธอคิดถึงเด็กหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยความยุติธรรมในมหาวิทยาลัยใบหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ที่น่าเสียดายคือเธอหาความรู้สึกแบบเดิมจากตัวเขาไม่เจออีกแล้ว“ฉันจะพบประธานหลี ให้ฉันเข้าไปที”“ขอโทษด้วยครับ ประธานหลีกำลังร่วมงานเลี้ยงอยู่ตอนนี้ ไม่สะดวกพบแขก” ที่ประตูใหญ่ เจ้
สีหน้าของวิเวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเธอรีบอธิบาย “นั่นเป็นเรื่องในอดีต ตอนนี้เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเลย”หลีเกอไม่โง่ขนาดนั้น วันนี้วิเวียนทำเรื่องแบบนี้ซึ่งแตกต่างจากการปฏิบัติที่เห็นได้ชัดก่อนหน้านี้ เหตุผลก็มีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ อีกฝ่ายรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้ว!หลีเกอยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้ไม่ได้มาจากก้นบึ้งของหัวใจ “ผู้จัดการวิเวียน คุณว่าเลขาคนหนึ่งจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครสั่งหรือเปล่า?”พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของวิเวียนก็เปลี่ยนไปทันที ทั้งซีดขาวและดูน่าเกลียดเธอยังอยากจะอธิบายอะไรบางอย่างหลีเกอไม่ฟังคำอธิบายของเธอเลย “ผู้จัดการวิเวียน ถ้ามีเวลาว่างมากก็เอาเวลาไปทุ่มเทให้กับงานมากขึ้นเถอะ อย่ามัวแต่ทำเรื่องไร้สาระแบบนี้เลย”“เราต่างก็เป็นคนทำงานกันทั้งคู่ ต้องใช้ผลงานแทนคำพูด”หลังจากตำหนิแล้ว หลีเกอก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก หันหลังและเดินจากไปพร้อมกับฟู่ซิวเป่ยทิ้งให้วิเวียนยืนนิ่งอยู่ที่นั่นด้วยความตกใจในใจรู้สึกเสียใจจนไส้บิดไปหมดแล้วหลังจากเซ็นสัญญาร่วมมือกับติ่งลี่ หุ้นของติ่งลี่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงเวลาปิดตลาดก็พุ่งขึ้นไปแล้วสิบกว่าเปอร์
หลีเกอร้องอืมออกมา จากนั้นเจิ้งหลิ่วก็หยิบมีดคัตเตอร์แล้วใช้กรีดที่รอยเปิดของกล่องพัสดุ ทันใดนั้น รูปภาพจำนวนมากก็กระจัดกระจายไปทั่วพื้นเจิ้งหลิ่วรีบเก็บขึ้นมาแล้วส่งให้หลีเกอ “ประธานหลี ดูนี่สิครับ!”สายตาของหลีเกอเมื่อสบกับรูปภาพเหล่านั้น ริมฝีปากของเธอก็ค่อย ๆ ยกขึ้น “ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว”เธอไม่คิดว่าผู้บงการเบื้องหลังจะกลายเป็นคนคุ้นเคยเก่าแก่!“มีเฉียวซีอวิ๋นเข้ามาเกี่ยวข้องก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่”ริมฝีปากของหลีเกอยิ้มแย้ม น้ำเสียงเย็นชา “ครั้งก่อนถือว่าเธอโชคดี แต่หลังจากอยู่ในคุกมาหลายเดือน ครั้งนี้ฉันจะให้เธอรู้อะไรบางอย่าง ว่าบางคน บางเรื่อง คนอย่างเธอไม่ควรแส่เข้ามายุ่ง”“ประธานหลี เรื่องนี้ให้ผมจัดการเลยดีไหม...”หลีเกอตอบกลับ “ไม่จำเป็น เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้...”ในเวลาเดียวกันเฉียวซีอวิ๋นไม่รู้ว่าแผนการของตัวเองถูกเปิดเผยแล้ว เธอยังคิดว่าหลีเกอต้องแห้งตายอยู่ที่ตานตง!ดังนั้นเธอจึงอารมณ์ดีมาก ขณะนี้กำลังถือบัตรเครดิตแบล็กการ์ดที่ฮั่วจิ้นเฉิงให้ไปชอปปิงอย่างสบายใจบนห้างสรรพสินค้าหลังจากซื้อของมาหลายถุงจนสองมือของบอดี้การ์ดถือไม่ไหวแล้ว เฉียวซีอวิ๋นจึงห
เจี่ยงอีอีได้ยินคำพูดเหล่านั้น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปในทันที"ว่าไงนะ?"เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเธอ เฉียวซีอวิ๋นก็หัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นช่างโอหังและเย่อหยิ่งในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง"ไม่เชื่อเหรอ? แต่ความจริงก็คือคงวามจริง หลีเกอตายที่ตานตงแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานข่าวนี้ก็จะมาถึงหูแก"คราวนี้ เจี่ยงอีอีโกรธจัดอย่างที่สุดเธอคว้าไม้กวาดแล้วฟาดใส่เฉียวซีอวิ๋น "นังแพศยา! นังเมียน้อย! นังหนูโสโครกในกองขยะ อย่ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่นะ ฉันจะตีแกให้ตายเลย"เฉียวซีอวิ๋นหลบอย่างรวดเร็ว ปากก็ยังด่าไม่หยุด "ฮ่าฮ่าฮ่า เอาเลย ด่าเลยสิ!""แกด่าฉันแค่ไหน นังหลีเกอก็ไม่ฟื้นคืนชีพหรอก เป็นไปได้ว่าตอนนี้แม้แต่ศพของมันก็หาชิ้นส่วนไม่ครบด้วย""ฉันแนะนำให้แกเตรียมกระดาษเงินกระดาษทองไว้เยอะหน่อยนะ เผาไปให้นังหลีเกอมากหน่อย จะได้พอซื้อประตูในปรโลกได้""..."เจี่ยงอีอีโกรธจนหน้าแดงก่ำ วิ่งไล่ตามเฉียวซีอวิ๋นไปที่ด้านหน้า แล้วตบหน้าเธออย่างแรงแต่เฉียวซีอวิ๋นกลับไม่รู้สึกเจ็บ ยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง บอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ เห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาขวางเจี่ยงอีอีเจี่ยงอีอีดิ้นไม่หลุดจากบอดี้
เจี่ยงอีอีพยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า "นังกากเดนฆ่าไม่ตายนี่ นับวันยิ่งหลงระเริงเกินไปแล้ว"หลีเกอรีบปลอบเธอ “หัวเราะทีหลังดังกว่า ปล่อยเธอย่ามใจให้เต็มที่ไปเลย ฉันกับเธอถึงเวลาที่ต้องสะสางบัญชีกันแล้ว"แววตาของหลีเกอแฝงไปด้วยความเฉียบคมหลังจากวางสายแล้ว เจิ้งหลิ่วก็ผลักประตูเข้ามา "ประธานหลี ผมติดต่อเฮียเปียวได้แล้ว เขาบอกให้เราไปพบที่คฤหาสน์ผานหลง พรุ่งนี้ตอนแปดโมง"มุมปากของหลีเกอปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "ตอบเขากลับไปว่าเราจะไปตามนัดแน่นอน"เจิ้งหลิ่วเตือน "ควรแจ้งสำนักงานใหญ่ที่ประเทศ F ไหมครับ ให้พวกเขาส่งคนมาช่วย?""ไม่ต้อง พาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใต้บังคับบัญชาของเราไปด้วยก็พอแล้ว เจอกันซึ่งหน้าแบบนี้ สังคมบ้านเรามีขื่อมีแป เขาคงไม่โง่พอที่จะทำอะไรสุดโต่งพรรค์นั้น""ครับ ประธานหลี"เมื่อเจิ้งหลิ่วจากไปแล้ว หลีเกอก็เงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง สามารถมองเห็นเมืองทั้งเมืองได้จากมุมสูงนิ้วของหลีเกอเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเช้าวันรุ่งขึ้นเวลาเจ็ดโมง บอดี้การ์ดฝีมือดีที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดรออยู่ที่หน้าอาคารตี้เซิ่งแล้ว หลีเกอไม่ได้บอกใ
เรื่องนี้เฮียเปียวไม่รู้ จึงถามด้วยความสงสัย "เรื่องอะไรนะ?"หลีเกอยิ้มไม่เต็มปาก "ถึงตอนนี้แล้ว เฮียเปียวจะยังแกล้งโง่ไปทำไมกัน?"สีหน้าเฮียเปียวมืดลงทันที หันไปพูดกับตาวอิ่งที่อยู่ข้าง ๆ "นี่มันเรื่องอะไร? พวกแกไปทำอะไรคุณหนูหลี? บอกมาตามความจริง"สีหน้าตาวอิ่งดูไม่ค่อยดีนัก จากนั้นก็กระซิบบอกอะไรบางอย่าง เฮียเปียวฟังแล้วก็ตบโต๊ะดังปัง "ไอ้สารเลว!"ตาวอิ่งตกใจ รีบปลอบเขา "เฮียเปียว อย่าโกรธเลยนะครับ ตอนนั้นผมก็แค่เกิดความคิดชั่ววูบ ทำเรื่องหุนหัน..."เฮียเปียวฝืนอดกลั้นความโกรธเอาไว้ ไม่ได้แสดงอาการต่อหน้าหลีเกอตาวอิ่งติดตามเขามานานหลายปีแล้ว เป็นแขนขวาของเขาเสมอ ตอนนี้หากจะลงโทษตาวอิ่งเพราะหลีเกอคนเดียวก็คงไม่เหมาะสมนักดังนั้นเขาจึงยิ้มเจื่อน "คุณหนูหลี ผมว่าเรื่องนี้คงต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ ๆ?"หลีเกอเดาใจออีกฝ่ายได้คร่าว ๆ จึงพูดว่า "เฮียเปียว ฉันเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้วนะคะ ยังบอกว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดอีกเหรอ?"เฮียเปียวรู้จักฐานะของหลีเกอ ถึงแม้ว่าเขาจะมีอิทธิพลคับฟ้าเมื่ออยู่ในเมืองปินเฉิงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลีเกอโดยตรงเขาทำได้แค่ไกล่เกล
คุณหนูหลี ว่าไงครับ?"หลีเกอพอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าเฮียเปียวคิดอะไรอยู่ แต่ก็ยังพูดออกมาตรง ๆ "เฮียเปียว เล่นหมากรุกก็ส่วนเล่นหมากรุก แต่วันนี้ต้องคุยกันให้ชัดเจนก่อน"เฮียเปียวยื่นมือไปจัดหมากรุกทั้งหมดเข้าที่ขณะที่เขาจัดหมากรุก เขาก็พูดทีละคำ "ตามธรรมเนียมของที่นี่ เราจะใช้กระดานหมากรุกนี้เป็นตัวตัดสิน แพ้ชนะวัดกันในตาเดียว""ถ้าคุณชนะ คุณก็พาคนไปได้ จัดการยังไงกับเขาก็ได้ ผมเฮียเปียวไม่มีอะไรคัดค้าน""ถ้าคุณแพ้ เรื่องระหว่างเราก็ถือว่าจบเจ๊ากันไป เรื่องในอดีตไม่ควรขุดมาพูดถึงอีก"กระดานหมากรุกต่างกระดานพนัน!นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ!ตาวอิ่งได้ยินเฮียเปียวพูดแบบนี้ สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงบ้าง รู้ว่าเฮียเปียวกำลังพยายามปกป้องเขาอยู่เพราะด้วยฝีมือการเล่นหมากรุกของเฮียเปียว ถ้าเขาบอกว่าตัวเองเป็นอันดับสองของเมืองปินเฉิง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าอ้างว่าเป็นที่หนึ่ง!หลีเกอเล่นหมากรุกกับเขา เธอไม่มีทางชนะได้เลย"ไงล่ะ คุณหนูหลี กล้าหรือเปล่า?" ตาวอิ่งอดไม่ได้ที่จะพูดจาถากถาง ตราบใดที่หลีเกอรับคำท้าไม่ว่ายังไงหลีเกอก็แพ้แน่นอนหลีเกอส่ายหน้าเบา ๆ เฮียเปียวคิดว่าหลีเก
ตาวอิ่งที่อยู่ด้านข้างพูดเบา ๆ ว่า "เฮียเปียว เราพักกันสักครู่ดีไหมครับ?"เฮียเปียวรีบโบกมือห้ามแล้วพูดว่า "ชมหมากรุกห้ามพูด ไม่รู้กฎข้อนี้เหรอ"ตาวอิ่งรีบปิดปากเงียบ แล้วเงยหน้าสังเกตสีหน้าหลีเกอเห็นได้ชัดว่าหลีเกอรักษาท่าทีสงบเสมอมา ไม่แสดงสีหน้าที่เกินความจำเป็นบนใบหน้า แม้ว่าเกมหมากรุกนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญในชีวิตเธอ แต่เธอกลับทำเหมือนไม่รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อยตาวอิ่งยิ้มเยาะในใจ : เสแสร้งต่อไปเถอะ ดูซิว่าจะเสแสร้งได้นานแค่ไหน"เฮ้อ ไม่ได้ ไม่ได้ คุณกินปืนใหญ่ของผมได้ยังไง..." เฮียเปียวรีบพูดขึ้นเพื่อขัดขวางการเคลื่อนไหวของหลีเกอ "ผมเดินผิด ขอเปลี่ยนตาเดินหน่อย..."เฮียเปียวพูดจบก็วางหมากของตัวเองกลับไปที่เดิม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ก็เพราะไอ้แซ่ตาวนี่คอยกวนประสาทอยู่ข้างหูผม ทำให้ความคิดของผมสับสน คุณหนูหลี ผมขอเปลี่ยนตาเดินได้ไหม?"หลีเกอไม่พูดอะไร แต่สีหน้าของเธอกลับพูดแทน ทำนองว่า "คุณคิดว่าไงล่ะ?"สีหน้าของเฮียเปียวย่ำแย่ลงทันที เขาเล่นหมากรุกมาหลายปีแล้ว แต่กลับจะหาเศษหาเลยเอาจากกลโกงง่าย ๆ แบบนี้ เลยกัดฟันพูดว่า "ก็ได้ กินก็กินไปเถอะ!"จากนั้นก็หยิบห