หลังจากที่เจิ้งหลิ่วและคณะจากไปเขาก็อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ "นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ?! คนตาบอดหน้าไหนมันไปทำให้ประธานหลีไม่พอใจ รีบออกมาเสนอหน้าให้ฉันเห็นเดี๋ยวนี้!"ทุกคนมองหน้ากัน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจสีหน้าของทุกคนเหมือนกำลังเผชิญกับศัตรู วิเวียนก็ไม่เคยเห็นเจ้านายตัวเองอยู่ในสภาพนี้มาก่อน จึงกลัวจนตัวสั่น"ประธานโจว ฉันเพิ่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดค่ะ เห็นว่ามีคนขวางคุณหลีไว้ที่หน้าห้องประชุม" เลขาฯ วิ่งออกมารายงานโจวจื่อหยางโกรธจนตัวสั่น"มันเป็นใคร! ใครกล้ากีดกันประธานหลี?"เลขาฯ ก้มหน้าลง จากนั้นก็ผลักเสี่ยวเฉิน เลขาของวิเวียนออกมา"เสี่ยวเฉิน?"เสี่ยวเฉินที่ถูกเรียกชื่อถูกผลักออกมาโดยตรง ลื่นล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง แต่เธอก็ไม่สนใจความเจ็บปวด รีบพูดกับโจวจื่อหยาง "ประธานโจวคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่คิดว่า..."โจวจื่อหยางเตะเธอเข้าที่ไหล่ "คิดว่าอะไร คิดว่าอะไร?! ไม่รู้หรือไงว่านั่นคือประธานหลีจากเมืองปินเฉิง เธอนี่มันไม่มีหัวคิดเอาซะเลย บริษัทเลี้ยงเธอไว้ทำซากอะไรวะ!""ประธานโจว ฉันผิดไปแล้วค่ะ! ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันผิด ครั้งนี้ช่วยให้อภัยฉันได้ไหมคะ ข
ฟู่ซิวเป่ยลงมืออย่างรวดเร็ว ทั้งตี้เซิ่งและเอฟแอลกรุ๊ปประกาศยกเลิกความร่วมมือกับมีเดียเอเชียในเวลาเดียวกัน ทำให้ธุรกิจของมีเดียเอเชียหยุดชะงักไปเป็นแถววิเวียนมองสถานการณ์ภายในบริษัทที่วุ่นวายไปหมด แทบไม่เชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะผู้หญิงคนเดียวอย่างหลีเกอเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉีอวิ๋นเทียน ซึ่งเป็นคนติดต่อกับเธอมาโดยตลอด "ปะ... ประธานฉีใช่ไหมคะ?"ฉีอวิ๋นเทียนที่ปลายสายไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตานตง เขาตอบกลับไปตามมารยาท "ผู้จัดการวิเวียน ความร่วมมือครั้งนี้ราบรื่นดีใช่ไหมครับ?"วิเวียนไม่ได้ตอบคำถามของเขาโดยตรงแต่ถามกลับไปว่า "ประธานฉีคะ ฉันอยากถามคุณเรื่องหนึ่ง ประธานหลีของคุณมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษหรือเปล่า?"ฉีอวิ๋นเทียนพอได้ยินคำถามนี้ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติเขาพูดว่า "เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? ผู้จัดการวิเวียน"วิเวียนเม้มริมฝีปากตอบตามความจริง"ตี้เซิ่งและเอฟแอลกรุ๊ปยกเลิกความร่วมมือกับมีเดียเอเชียแล้วค่ะ"ฉีอวิ๋นเทียนตกใจมากเขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำถาม "นี่มันเรื่องอะไรกันครับ? ผู้จัดการวิเวียน คุณต้องให้เหตุผลที่มีน้ำหนักกับผมเดี๋ยวนี้"
ตอนบ่ายประธานของติ่งลี่มารอที่หน้าโรงแรมตั้งแต่เช้าพอเห็นหลีเกอ เขาก็แสดงความเคารพอย่างมาก "ประธานหลี ผมประธานของบริษัทติ่งลี่ ชื่อชือหย่วนครับ นี่นามบัตรของผม""ประธานหลี ยินดีต้อนรับสู่ตานตง และขอบคุณที่เลือกติ่งลี่ของเรานะครับ"หลีเกอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วรับนามบัตรของเขามาอ่านบนนามบัตรสีทองสะท้อนแสงวิบวับระบุชื่อ ชือหย่วน "ประธานชือ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ""ได้ยังไงกัน ๆ ประธานหลี คุณสุภาพเกินไปแล้วครับ"พูดจบ ชือหย่วนก็ทำท่าเชื้อเชิญ "ประธานหลี ประธานฟู่ ขึ้นรถกันเถอะครับ"หลีเกอและฟู่ซิวเป่ยขึ้นรถตู้รถแล่นไปตามถนน ชือหย่วนทำหน้าที่ไกด์แนะนำทิวทัศน์และวัฒนธรรมของตานตงอย่างกระตือรือร้นจนกระทั่งรถมาจอดที่หน้าเหมืองชือหย่วนยังรู้สึกเสียดายเล็กน้อย "ประธานหลี ถึงแม้ตานตงจะเป็นเมืองเล็ก แต่ก็มีอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เกษตรกรรม และปศุสัตว์ที่เจริญรุ่งเรือง วันนี้เราไปเยี่ยมชมเหมืองแร่กันก่อน พรุ่งนี้ค่อยพาพวกคุณไปเยี่ยมชมฟาร์มแล้วกัน""ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนประธานชือแล้วค่ะ"หลีเกอพูดแล้วก็ลงจากรถพร้อมกับฟู่ซิวเป่ยเงยหน้ามองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าบริเวณโดยรอบรกร้างมาก มีแค่เหมืองแ
หลังจากพูดจบ หลีเกอก็ลุกขึ้นและเดินไปทางห้องน้ำอย่างไรก็ตาม หลีเกอไม่ได้สังเกตเลยว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมองพวกเขาอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อเห็นว่าเธอเดินออกไปคนเดียวพวกเขาก็รีบวิ่งตามเธอไป"ประธานฟู่ครับ ในตานตง นอกเหนือจากมีเดียเอเชีย ก็มีแต่พวกเราติ่งลี่เท่านั้นที่มีความสามารถในการร่วมมือกับคุณและประธานหลีเพื่อโครงการมูลค่าหลายพันล้าน""คุณคิดว่าความร่วมมือของเราในครั้งนี้พอจะดำเนินต่อไปได้หรือเปล่าครับ?"ฟู่ซิวเป่ยไม่ได้ตอบรับเขาโดยตรงแม้ว่าในขณะนี้ ติ่งลี่จะเป็นพันธมิตรที่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาก็ตามเขายังคงไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ บนใบหน้า พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เปลี่ยนแปลง"ความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทของเราทั้งสามให้ความสำคัญมาก จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ""เมื่อการสำรวจสิ้นสุดลง บริษัทของเราทั้งสองจะจัดทำแผนธุรกิจสรุปความเป็นไปได้ เมื่อประเมินความเสี่ยงแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกครั้ง"คำพูดของฟู่ซิวเป่ยมีความเป็นมืออาชีพมาก!ทำให้คนคาดเดาไม่ได้เลยว่าไพ่ตายของเขาคืออะไรชือหย่วนก็อยู่ในแวดวงธุรกิจมานานหลายปี เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร"ประธานฟู่ พูดถูกต้องแล้ว! เรื่องควา
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อระบุตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์ของหลีเกอที่หายไปครั้งสุดท้ายเวลาที่สัญญาณหายไปคือเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนตำแหน่งยังอยู่ในเหมือง"ค้นหาต่อไป เธอยังอยู่ในเหมือง ถ้าไม่เจอตัว ไม่ต้องกลับมารายงาน"ฟู่ซิวเป่ยสั่งการอย่างเด็ดขาดจากนั้นก็โทรหาหลีหานไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลีหานและหลีหรานก็พาคนขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมาทันที เครื่องบินส่วนตัวจอดเรียงรายกันเป็นแถวกลางอากาศ เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมากแม้แต่ชือหย่วนที่เคยชินกับเรื่องใหญ่มานับไม่ถ้วน ก็ยังไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน และยังประหลาดใจกับสถานะของหลีเกอคนที่มาพร้อมกับหลีหานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีความเฉียบแหลมมากกว่าบอดี้การ์ดทั่วไปมากพวกเขายังนำสุนัขค้นหาและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาด้วยหลังลงจากเครื่องบิน หลีหาน หลีหราน และฟู่ซิวเป่ยก็มารวมตัวกันทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไร แต่มีความเข้าใจที่ตรงกัน แบ่งทีมกันค้นหาหลีเกอ"หลีหราน ให้คนลงไป มีเหมืองเป็นจุดศูนย์กลาง ขยายออกในรัศมีห้ากิโลเมตร ค้นหาแบบปูพรมเพื่อหาน้องสี่""ครับ พี่ใหญ่" หลีหรานไม่ลังเลเลย สั่งคนลงไปในเหมืองด้านล่างแต่ตานตงไม่เหมือนกับปินเฉิงที่มีกล้อ
"ตามหาต่อไป เหมืองสุดท้ายเหลืออีกสองแห่ง ถ้าหาไม่เจอ อาจต้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพ"หลีหานสั่งการ ฟู่ซิวเป่ยลุกขึ้นก่อนใคร เขาไม่สนใจความเหนื่อยล้าของร่างกายเลย รีบลงไปที่เหมืองแห่งที่เก้าในที่สุดฟ้าไม่กลั่นแกล้งผู้มีความตั้งใจตีสามฟู่ซิวเป่ยเจอตัวหลีเกอที่เหมืองแห่งสุดท้าย ขณะนั้นหลีเกอขาดน้ำและขาดออกซิเจนมาหลายสิบชั่วโมงแล้ว แทบจะหมดสติฟู่ซิวเป่ยแบกเธอขึ้นหลัง เดินขึ้นบันไดทีละขั้น แบกร่างอ่อนปวกเปียกของหลีเกอออกมาจากเหมืองทีมแพทย์รอสแตนบายอยู่ก่อนแล้ว พอหลีเกอออกมาก็รีบส่งตัวเธอไปให้ทีมแพทย์ช่วยยื้อชีวิตอย่างเต็มที่เวลาผ่านไปทีละนาทีหลีหานและหลีหรานที่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉินเริ่มใจร้อนถึงแม้ว่าพวกเขาจะตามหาเธอมาทั้งคืนจนเหนื่อยล้าแทบหมดแรง แต่ก็ไม่สนใจสภาพตัวเองเลย สนใจแค่หลีเกอเพียงคนเดียว"ไอ้ชาติชั่วหน้าไหนมันพาน้องสี่ลงไปในเหมืองวะ รอฉันจับตัวมันได้ก่อนเถอะ ฉันจะถลกหนังมันทั้งเป็น!"หลีหรานพูดด้วยความโกรธแค้น กัดฟันกรอดส่วนหลีหานไม่พูดอะไร เงยหน้ามองไปทางฟู่ซิวเป่ยที่นั่งห่อเหี่ยวอยู่ไม่ไกลถามว่า "ซิวเป่ย! ลองคิดดูดี ๆ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น พวกนายไปขัด
หลังจากที่ลูกน้องทุกคนออกไปแล้วโจวจื่อหยางก็โล่งใจ นั่งลงกับพื้นฟู่ซิวเป่ยโบกมือ ลูกน้องก็ลากตัวเขาออกไปไฟในห้องฉุกเฉินยังคงสว่างอยู่ฟู่ซิวเป่ย หลีหาน และหลีหรานทั้งสามใจจดใจจ่ออยู่ที่นั่นจนกระทั่งฟ้าใกล้สว่าง ไฟในห้องผ่าตัดจึงดับลง ทั้งสามคนลุกขึ้นพร้อมกัน แล้วเดินไปรอที่หน้าประตูหมอเดินออกมาจากห้อง ถอดหน้ากากออกฟู่ซิวเป่ยถามก่อนใคร "เป็นยังไงครับ? เธอเป็นยังไงบ้าง?"หมอถอนหายใจ บอกว่า "ขาดออกซิเจนเป็นเวลานานเกินไป ถึงแม้จะช่วยยื้อชีวิตได้ แต่เกรงว่าคุณหลีอาจตื่นขึ้นมาได้ยากแล้ว..."ดวงตาฟู่ซิวเป่ยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เสียงสั่นเครือ "คุณ... คุณว่าไงนะ?""ประธานฟู่ครับ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ของเราที่มีอยู่ในตอนนี้ เราไม่สามารถทำอะไรได้จริง ๆ คุณหลีอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา""เป็นไปไม่ได้!"หลีหรานพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ"น้องสี่จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราได้ยังไง เป็นไปไม่ได้" เขาไม่เชื่อว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้หลีหานในเวลานี้ก็ถึงกับใจสลาย"...ไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ เหรอ"หมอทำเพียงส่ายหัว ราวกับตัดสินโทษประหารชีวิตให้พวกเขา!แต่แล้วเขาก็พูดต่อ"อาจจะมีคนหนึ่งที
ไป๋สี่เจี้ยนไม่เคยได้ยินฟู่ซิวเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขนาดนี้มาก่อน ท่าทางเจ้าชู้บนใบหน้าของเขาหายไปในทันที "พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?""ช่วยคน!"คำพูดสองคำง่าย ๆ ไป๋สี่เจี้ยนก็เข้าใจในทันที วางสายแล้วลุกขึ้น สาวสวยข้างหลังตะโกนไล่หลัง "คุณไป๋ จะไปแล้วเหรอคะ"ไป๋สี่เจี้ยนไม่มีเวลาสนใจ“ต่างคนต่างไปเถอะ"พูดจบก็ไม่สนใจท่าทางออดอ้อนของสาวสวย สั่งให้คนจัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวหลังจากใช้เวลาบินลัดฟ้าอยู่สองชั่วโมงครึ่ง ไป๋สี่เจี้ยนก็มาถึงโรงพยาบาลตานตง"หมอ… หมอไป๋นี่นา""โอ้โฮ ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?""หมอไป๋จริง ๆ ด้วย""..."ไป๋สี่เจี้ยนไม่สนใจสายตาและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของทีมแพทย์บนเครื่องบิน เขาดูรายงานการตรวจวินิจฉัยต่าง ๆ ของหลีเกอแล้ว ในหัววางแผนการผ่าตัดไว้หมดแล้วเช่นกันดังนั้นเมื่อเครื่องลงจอด เขาจึงเปลี่ยนไปสวมชุดผ่าตัดและเดินเข้าห้องผ่าตัดทันทีไฟในห้องผ่าตัดสว่างขึ้นอีกครั้ง"หมอคนนี้มีฝีมือจริง ๆ เหรอ" หลีหรานสงสัยหลีหานพูดเอง “ขึ้นชื่อว่า ‘ไป๋สี่เจี้ยน’ ไม่มีคำว่าราคาคุย ทุกเคสที่ผ่านมือเขายังไม่เคยมีเคสไหนล้มเหลว ถ้าแม้แต่เขายังช่ว