เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อระบุตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์ของหลีเกอที่หายไปครั้งสุดท้ายเวลาที่สัญญาณหายไปคือเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนตำแหน่งยังอยู่ในเหมือง"ค้นหาต่อไป เธอยังอยู่ในเหมือง ถ้าไม่เจอตัว ไม่ต้องกลับมารายงาน"ฟู่ซิวเป่ยสั่งการอย่างเด็ดขาดจากนั้นก็โทรหาหลีหานไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลีหานและหลีหรานก็พาคนขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมาทันที เครื่องบินส่วนตัวจอดเรียงรายกันเป็นแถวกลางอากาศ เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมากแม้แต่ชือหย่วนที่เคยชินกับเรื่องใหญ่มานับไม่ถ้วน ก็ยังไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน และยังประหลาดใจกับสถานะของหลีเกอคนที่มาพร้อมกับหลีหานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีความเฉียบแหลมมากกว่าบอดี้การ์ดทั่วไปมากพวกเขายังนำสุนัขค้นหาและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาด้วยหลังลงจากเครื่องบิน หลีหาน หลีหราน และฟู่ซิวเป่ยก็มารวมตัวกันทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไร แต่มีความเข้าใจที่ตรงกัน แบ่งทีมกันค้นหาหลีเกอ"หลีหราน ให้คนลงไป มีเหมืองเป็นจุดศูนย์กลาง ขยายออกในรัศมีห้ากิโลเมตร ค้นหาแบบปูพรมเพื่อหาน้องสี่""ครับ พี่ใหญ่" หลีหรานไม่ลังเลเลย สั่งคนลงไปในเหมืองด้านล่างแต่ตานตงไม่เหมือนกับปินเฉิงที่มีกล้อ
"ตามหาต่อไป เหมืองสุดท้ายเหลืออีกสองแห่ง ถ้าหาไม่เจอ อาจต้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพ"หลีหานสั่งการ ฟู่ซิวเป่ยลุกขึ้นก่อนใคร เขาไม่สนใจความเหนื่อยล้าของร่างกายเลย รีบลงไปที่เหมืองแห่งที่เก้าในที่สุดฟ้าไม่กลั่นแกล้งผู้มีความตั้งใจตีสามฟู่ซิวเป่ยเจอตัวหลีเกอที่เหมืองแห่งสุดท้าย ขณะนั้นหลีเกอขาดน้ำและขาดออกซิเจนมาหลายสิบชั่วโมงแล้ว แทบจะหมดสติฟู่ซิวเป่ยแบกเธอขึ้นหลัง เดินขึ้นบันไดทีละขั้น แบกร่างอ่อนปวกเปียกของหลีเกอออกมาจากเหมืองทีมแพทย์รอสแตนบายอยู่ก่อนแล้ว พอหลีเกอออกมาก็รีบส่งตัวเธอไปให้ทีมแพทย์ช่วยยื้อชีวิตอย่างเต็มที่เวลาผ่านไปทีละนาทีหลีหานและหลีหรานที่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉินเริ่มใจร้อนถึงแม้ว่าพวกเขาจะตามหาเธอมาทั้งคืนจนเหนื่อยล้าแทบหมดแรง แต่ก็ไม่สนใจสภาพตัวเองเลย สนใจแค่หลีเกอเพียงคนเดียว"ไอ้ชาติชั่วหน้าไหนมันพาน้องสี่ลงไปในเหมืองวะ รอฉันจับตัวมันได้ก่อนเถอะ ฉันจะถลกหนังมันทั้งเป็น!"หลีหรานพูดด้วยความโกรธแค้น กัดฟันกรอดส่วนหลีหานไม่พูดอะไร เงยหน้ามองไปทางฟู่ซิวเป่ยที่นั่งห่อเหี่ยวอยู่ไม่ไกลถามว่า "ซิวเป่ย! ลองคิดดูดี ๆ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น พวกนายไปขัด
หลังจากที่ลูกน้องทุกคนออกไปแล้วโจวจื่อหยางก็โล่งใจ นั่งลงกับพื้นฟู่ซิวเป่ยโบกมือ ลูกน้องก็ลากตัวเขาออกไปไฟในห้องฉุกเฉินยังคงสว่างอยู่ฟู่ซิวเป่ย หลีหาน และหลีหรานทั้งสามใจจดใจจ่ออยู่ที่นั่นจนกระทั่งฟ้าใกล้สว่าง ไฟในห้องผ่าตัดจึงดับลง ทั้งสามคนลุกขึ้นพร้อมกัน แล้วเดินไปรอที่หน้าประตูหมอเดินออกมาจากห้อง ถอดหน้ากากออกฟู่ซิวเป่ยถามก่อนใคร "เป็นยังไงครับ? เธอเป็นยังไงบ้าง?"หมอถอนหายใจ บอกว่า "ขาดออกซิเจนเป็นเวลานานเกินไป ถึงแม้จะช่วยยื้อชีวิตได้ แต่เกรงว่าคุณหลีอาจตื่นขึ้นมาได้ยากแล้ว..."ดวงตาฟู่ซิวเป่ยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เสียงสั่นเครือ "คุณ... คุณว่าไงนะ?""ประธานฟู่ครับ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ของเราที่มีอยู่ในตอนนี้ เราไม่สามารถทำอะไรได้จริง ๆ คุณหลีอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา""เป็นไปไม่ได้!"หลีหรานพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ"น้องสี่จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราได้ยังไง เป็นไปไม่ได้" เขาไม่เชื่อว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้หลีหานในเวลานี้ก็ถึงกับใจสลาย"...ไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ เหรอ"หมอทำเพียงส่ายหัว ราวกับตัดสินโทษประหารชีวิตให้พวกเขา!แต่แล้วเขาก็พูดต่อ"อาจจะมีคนหนึ่งที
ไป๋สี่เจี้ยนไม่เคยได้ยินฟู่ซิวเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขนาดนี้มาก่อน ท่าทางเจ้าชู้บนใบหน้าของเขาหายไปในทันที "พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?""ช่วยคน!"คำพูดสองคำง่าย ๆ ไป๋สี่เจี้ยนก็เข้าใจในทันที วางสายแล้วลุกขึ้น สาวสวยข้างหลังตะโกนไล่หลัง "คุณไป๋ จะไปแล้วเหรอคะ"ไป๋สี่เจี้ยนไม่มีเวลาสนใจ“ต่างคนต่างไปเถอะ"พูดจบก็ไม่สนใจท่าทางออดอ้อนของสาวสวย สั่งให้คนจัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวหลังจากใช้เวลาบินลัดฟ้าอยู่สองชั่วโมงครึ่ง ไป๋สี่เจี้ยนก็มาถึงโรงพยาบาลตานตง"หมอ… หมอไป๋นี่นา""โอ้โฮ ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?""หมอไป๋จริง ๆ ด้วย""..."ไป๋สี่เจี้ยนไม่สนใจสายตาและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของทีมแพทย์บนเครื่องบิน เขาดูรายงานการตรวจวินิจฉัยต่าง ๆ ของหลีเกอแล้ว ในหัววางแผนการผ่าตัดไว้หมดแล้วเช่นกันดังนั้นเมื่อเครื่องลงจอด เขาจึงเปลี่ยนไปสวมชุดผ่าตัดและเดินเข้าห้องผ่าตัดทันทีไฟในห้องผ่าตัดสว่างขึ้นอีกครั้ง"หมอคนนี้มีฝีมือจริง ๆ เหรอ" หลีหรานสงสัยหลีหานพูดเอง “ขึ้นชื่อว่า ‘ไป๋สี่เจี้ยน’ ไม่มีคำว่าราคาคุย ทุกเคสที่ผ่านมือเขายังไม่เคยมีเคสไหนล้มเหลว ถ้าแม้แต่เขายังช่ว
"หายห่วงได้เลย ไม่มีเคสไหนที่ล้มเหลวคามือผม คุณหนูหลีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะฟื้น"เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็โล่งใจฟู่ซิวเป่ยยื่นมือไปตบไหล่เขา "เหนื่อยไหม..."ใครจะรู้ว่าในวินาทีต่อมา ท่าทางของเขาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไป๋สี่เจี้ยนเอียงศีรษะไปถูกับไหล่เขา "พี่ใหญ่ ฉันทุ่มเทขนาดนี้ แค่ชมเชยไม่กี่คำก็จบแล้ว ไม่ยุติธรรมเลย"ฟู่ซิวเป่ยจับหัวเขาไว้แล้วพูดว่า "อยากได้อะไรก็พูดมา แม้แต่ดวงจันทร์บนท้องฟ้า ฉันก็จะสอยลงมาให้นาย"ไป๋สี่เจี้ยนดีใจ "พี่ใหญ่ พี่พูดเองนะ อย่าผิดคำพูดล่ะ"พูดจบ ไป๋สี่เจี้ยนก็อ้าปากหาววอด "ผ่าตัดมาตั้งนาน ผมง่วงจะแย่อยู่แล้ว ขอไปนอนก่อน วันหลังค่อยมาขอรางวัลจากพี่"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้า บอดี้การ์ดข้างหลังก็เดินเข้ามาพาไป๋สี่เจี้ยนไปพักผ่อนกลับมาที่เดิมในห้องผ่าตัด แพทย์ที่สวมชุดกาวน์สีขาวต่างก็ส่งเสียงชื่นชม"นี่… เป็นไปได้ยังไง สมองคนไข้ขาดออกซิเจนเป็นเวลานานขนาดนั้น ตอนนี้กลับมาเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น""นี่มันปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ชัด ๆ""หมอไป๋สุดยอดจริง ๆ""ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะใช้เคสนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับเขียนว
"คุณหลี ผมจะอยู่ที่นี่หรือไม่อยู่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนี่?"ฮั่วจิ้นเฉิงแสดงจุดยืนของเขาหลีหานรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ จึงเตือนเพียงประโยคเดียว "ประธานฮั่ว เวลาคนเราตกรถไฟก็ยังรู้จักปล่อยผ่านแล้วซื้อตั๋วขึ้นขบวนถัดไป เพราะคนฉลาดจะรู้ว่าถึงจะจมจ่อมอยู่กับขบวนที่ตัวเองพลาด รถไฟก็ไม่วิ่งย้อนกลับมา ประโยคนี้ประธานฮั่วคงจะเข้าใจ"พูดจบ หลีหานก็พาหลีหรานเดินจากไป"พี่ใหญ่ จะปล่อยให้เขาอยู่เฝ้าแบบนี้น่ะเหรอ?"หลีหรานยังไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่หลีหานกลับพูดว่า "ถ้าเขาไม่ไปซะอย่าง เราจะทำอะไรได้""แต่น้องสี่ไม่อยากเจอหน้าเขานะ!""เราต้องเชื่อใจน้องสี่ เธอมีจิตสำนึกเพียงพอ ต้องรู้ว่าใครคือคนที่คู่ควรจะฝากชีวิตไว้"หลีหรานฟังคำพูดนี้แล้วก็ใจเย็นลงบ้าง "ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ!"การนอนหลับครั้งนี้ หลีเกอรู้สึกเหมือนตัวเองหลับไปนานมาก เธอฝันย้อนไปยาวนานทีเดียวเธอฝันถึงเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เธอได้เจอกับฮั่วจิ้นเฉิงเป็นครั้งแรกตอนนั้นเธอยังเรียนปริญญาโทอยู่ที่คณะออกแบบในมหาวิทยาลัยโคลอมเบีย เธอห่างบ้านไปอยู่ต่างประเทศเป็นครั้งแรก ตระกูลหลีทั้งบ้านต่างก็เป็นห่วง"น้องสี่ พี่ซื้อบ้าน
กว่าจะได้เจอกันอีกครั้งก็ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนหลีเกอเรียนวิชาเอกเสร็จ ออกมาจากอาคารเรียน ก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งหัวเราะเยาะกันระนาวจากนั้นก็มีเสียงพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วยความหยาบคาย "พวกคนจีนนี่โง่จริง ๆ เหมือนหมาเร่ร่อนเลย""เมื่อก่อนพวกแกเป็นแค่คนกากของเอเชียตะวันออก ตอนนี้ก็ยังกากอยู่เหมือนเดิม""ผ่านมาหลายปี พวกคนจีนก็ยังถูกเราเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า""..."หลีเกอได้ยินดังนั้น คิ้วขมวดมุ่น เปลวไฟในอกลุกโชนสุดขีด คนต่างชาติพวกนี้เป็นบัดซบอะไรกันกล้าด่าพวกเราแบบนี้ได้ยังไง!เธอกำลังจะเดินไปโต้แย้งแต่ยังไม่ทันได้เดินถึงสองก้าว ก็ได้ยินเสียงต่อยกันและเสียงร้องโอดโอยของผู้ชายส่วนใหญ่ พร้อมกับเสียงตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้"บ้าอะไรวะ กล้าดียังไงมาต่อยกู!" ยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนชกเข้าที่ใบหน้าอีกครั้ง"สมน้ำหน้า! อยากปากหมาด่าพวกเราเอง วันนี้เดี๋ยวจะประเคนให้รู้จักว่ากังฟูจีนแท้ ๆ เป็นยังไง!"ชายหนุ่มพูดจบก็ต่อยเข้าที่ใบหน้าของเขาอีกครั้งได้ยินเสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดหลีเกอเดินเข้าไป เห็นเด็กหนุ่มผิวเหลืองคนหนึ่งกำลังจัดการกับชาวต่างชาติกลุ่มนั้น ท่าทางของเขาคล่องแคล่วเหมือนสาย
รูมเมทเห็นผู้ชายตามมาส่งเธอ จึงซุบซิบนินทาว่า "เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นใครเหรอ แฟนหรือเปล่า? หล่อจังเลย!""จริงด้วย กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ดีจัง มาดแมนสุด ๆ ไปเลย!""เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย""..."เมื่อเผชิญกับคำถามมากมายของรูมเมท หลีเกอรีบอธิบาย "เขาไม่ใช่แฟนฉัน อย่าคิดไปเองสิ""ไงนะ? ไม่ใช่แฟนเธอ แล้วเขาชื่ออะไรล่ะ พอจะแนะนำให้ฉันรู้จักได้ไหม?"คำถามนี้ทำเอาหลีเกออึ้งไปเลย พวกเขาเจอกันมาสองครั้งแล้ว แต่เธอยังไม่รู้จักชื่อเขาเลย"เอ่อ ไว้ครั้งหน้าฉันจะถามเขาแล้วมาบอกพวกเธออีกทีนะ"รูมเมทดูผิดหวังเล็กน้อย ส่วนหลีเกอก็ขมวดคิ้วไม่คลายในใจคิดว่าครั้งต่อไปจะต้องถามให้รู้เรื่องแน่ ๆ ว่าเขาชื่ออะไร เรียนคณะอะไร... ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ก็ต้องถามให้หมดอย่างไรก็ตาม การพบกันครั้งต่อไปที่หลีเกอรอคอยมาถึงเร็วกว่าที่คิดวันรุ่งขึ้น หลีเกอก็ได้พบกับเขาอีกครั้ง"หลีเกอ นั่นไม่ใช่ผู้ชายที่พาเธอมาส่งเมื่อวานเหรอ? ทำไมเขาโดนเรียกไปที่ฝ่ายกิจการนักศึกษาล่ะ?"รูมเมทดึงเธอเข้ามาแล้วถามซักไซ้!หลีเกอแปลกใจรีบตามไปทันที เธอแอบอยู่ที่หน้าห้องฝ่ายกิจการนักศึกษา เห็นชาวต่างชาต