เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อระบุตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์ของหลีเกอที่หายไปครั้งสุดท้ายเวลาที่สัญญาณหายไปคือเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนตำแหน่งยังอยู่ในเหมือง"ค้นหาต่อไป เธอยังอยู่ในเหมือง ถ้าไม่เจอตัว ไม่ต้องกลับมารายงาน"ฟู่ซิวเป่ยสั่งการอย่างเด็ดขาดจากนั้นก็โทรหาหลีหานไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลีหานและหลีหรานก็พาคนขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมาทันที เครื่องบินส่วนตัวจอดเรียงรายกันเป็นแถวกลางอากาศ เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมากแม้แต่ชือหย่วนที่เคยชินกับเรื่องใหญ่มานับไม่ถ้วน ก็ยังไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน และยังประหลาดใจกับสถานะของหลีเกอคนที่มาพร้อมกับหลีหานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีความเฉียบแหลมมากกว่าบอดี้การ์ดทั่วไปมากพวกเขายังนำสุนัขค้นหาและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาด้วยหลังลงจากเครื่องบิน หลีหาน หลีหราน และฟู่ซิวเป่ยก็มารวมตัวกันทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไร แต่มีความเข้าใจที่ตรงกัน แบ่งทีมกันค้นหาหลีเกอ"หลีหราน ให้คนลงไป มีเหมืองเป็นจุดศูนย์กลาง ขยายออกในรัศมีห้ากิโลเมตร ค้นหาแบบปูพรมเพื่อหาน้องสี่""ครับ พี่ใหญ่" หลีหรานไม่ลังเลเลย สั่งคนลงไปในเหมืองด้านล่างแต่ตานตงไม่เหมือนกับปินเฉิงที่มีกล้อ
"ตามหาต่อไป เหมืองสุดท้ายเหลืออีกสองแห่ง ถ้าหาไม่เจอ อาจต้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพ"หลีหานสั่งการ ฟู่ซิวเป่ยลุกขึ้นก่อนใคร เขาไม่สนใจความเหนื่อยล้าของร่างกายเลย รีบลงไปที่เหมืองแห่งที่เก้าในที่สุดฟ้าไม่กลั่นแกล้งผู้มีความตั้งใจตีสามฟู่ซิวเป่ยเจอตัวหลีเกอที่เหมืองแห่งสุดท้าย ขณะนั้นหลีเกอขาดน้ำและขาดออกซิเจนมาหลายสิบชั่วโมงแล้ว แทบจะหมดสติฟู่ซิวเป่ยแบกเธอขึ้นหลัง เดินขึ้นบันไดทีละขั้น แบกร่างอ่อนปวกเปียกของหลีเกอออกมาจากเหมืองทีมแพทย์รอสแตนบายอยู่ก่อนแล้ว พอหลีเกอออกมาก็รีบส่งตัวเธอไปให้ทีมแพทย์ช่วยยื้อชีวิตอย่างเต็มที่เวลาผ่านไปทีละนาทีหลีหานและหลีหรานที่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉินเริ่มใจร้อนถึงแม้ว่าพวกเขาจะตามหาเธอมาทั้งคืนจนเหนื่อยล้าแทบหมดแรง แต่ก็ไม่สนใจสภาพตัวเองเลย สนใจแค่หลีเกอเพียงคนเดียว"ไอ้ชาติชั่วหน้าไหนมันพาน้องสี่ลงไปในเหมืองวะ รอฉันจับตัวมันได้ก่อนเถอะ ฉันจะถลกหนังมันทั้งเป็น!"หลีหรานพูดด้วยความโกรธแค้น กัดฟันกรอดส่วนหลีหานไม่พูดอะไร เงยหน้ามองไปทางฟู่ซิวเป่ยที่นั่งห่อเหี่ยวอยู่ไม่ไกลถามว่า "ซิวเป่ย! ลองคิดดูดี ๆ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น พวกนายไปขัด
หลังจากที่ลูกน้องทุกคนออกไปแล้วโจวจื่อหยางก็โล่งใจ นั่งลงกับพื้นฟู่ซิวเป่ยโบกมือ ลูกน้องก็ลากตัวเขาออกไปไฟในห้องฉุกเฉินยังคงสว่างอยู่ฟู่ซิวเป่ย หลีหาน และหลีหรานทั้งสามใจจดใจจ่ออยู่ที่นั่นจนกระทั่งฟ้าใกล้สว่าง ไฟในห้องผ่าตัดจึงดับลง ทั้งสามคนลุกขึ้นพร้อมกัน แล้วเดินไปรอที่หน้าประตูหมอเดินออกมาจากห้อง ถอดหน้ากากออกฟู่ซิวเป่ยถามก่อนใคร "เป็นยังไงครับ? เธอเป็นยังไงบ้าง?"หมอถอนหายใจ บอกว่า "ขาดออกซิเจนเป็นเวลานานเกินไป ถึงแม้จะช่วยยื้อชีวิตได้ แต่เกรงว่าคุณหลีอาจตื่นขึ้นมาได้ยากแล้ว..."ดวงตาฟู่ซิวเป่ยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เสียงสั่นเครือ "คุณ... คุณว่าไงนะ?""ประธานฟู่ครับ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ของเราที่มีอยู่ในตอนนี้ เราไม่สามารถทำอะไรได้จริง ๆ คุณหลีอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา""เป็นไปไม่ได้!"หลีหรานพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ"น้องสี่จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราได้ยังไง เป็นไปไม่ได้" เขาไม่เชื่อว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้หลีหานในเวลานี้ก็ถึงกับใจสลาย"...ไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ เหรอ"หมอทำเพียงส่ายหัว ราวกับตัดสินโทษประหารชีวิตให้พวกเขา!แต่แล้วเขาก็พูดต่อ"อาจจะมีคนหนึ่งที
ไป๋สี่เจี้ยนไม่เคยได้ยินฟู่ซิวเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขนาดนี้มาก่อน ท่าทางเจ้าชู้บนใบหน้าของเขาหายไปในทันที "พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?""ช่วยคน!"คำพูดสองคำง่าย ๆ ไป๋สี่เจี้ยนก็เข้าใจในทันที วางสายแล้วลุกขึ้น สาวสวยข้างหลังตะโกนไล่หลัง "คุณไป๋ จะไปแล้วเหรอคะ"ไป๋สี่เจี้ยนไม่มีเวลาสนใจ“ต่างคนต่างไปเถอะ"พูดจบก็ไม่สนใจท่าทางออดอ้อนของสาวสวย สั่งให้คนจัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวหลังจากใช้เวลาบินลัดฟ้าอยู่สองชั่วโมงครึ่ง ไป๋สี่เจี้ยนก็มาถึงโรงพยาบาลตานตง"หมอ… หมอไป๋นี่นา""โอ้โฮ ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?""หมอไป๋จริง ๆ ด้วย""..."ไป๋สี่เจี้ยนไม่สนใจสายตาและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของทีมแพทย์บนเครื่องบิน เขาดูรายงานการตรวจวินิจฉัยต่าง ๆ ของหลีเกอแล้ว ในหัววางแผนการผ่าตัดไว้หมดแล้วเช่นกันดังนั้นเมื่อเครื่องลงจอด เขาจึงเปลี่ยนไปสวมชุดผ่าตัดและเดินเข้าห้องผ่าตัดทันทีไฟในห้องผ่าตัดสว่างขึ้นอีกครั้ง"หมอคนนี้มีฝีมือจริง ๆ เหรอ" หลีหรานสงสัยหลีหานพูดเอง “ขึ้นชื่อว่า ‘ไป๋สี่เจี้ยน’ ไม่มีคำว่าราคาคุย ทุกเคสที่ผ่านมือเขายังไม่เคยมีเคสไหนล้มเหลว ถ้าแม้แต่เขายังช่ว
"หายห่วงได้เลย ไม่มีเคสไหนที่ล้มเหลวคามือผม คุณหนูหลีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะฟื้น"เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็โล่งใจฟู่ซิวเป่ยยื่นมือไปตบไหล่เขา "เหนื่อยไหม..."ใครจะรู้ว่าในวินาทีต่อมา ท่าทางของเขาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไป๋สี่เจี้ยนเอียงศีรษะไปถูกับไหล่เขา "พี่ใหญ่ ฉันทุ่มเทขนาดนี้ แค่ชมเชยไม่กี่คำก็จบแล้ว ไม่ยุติธรรมเลย"ฟู่ซิวเป่ยจับหัวเขาไว้แล้วพูดว่า "อยากได้อะไรก็พูดมา แม้แต่ดวงจันทร์บนท้องฟ้า ฉันก็จะสอยลงมาให้นาย"ไป๋สี่เจี้ยนดีใจ "พี่ใหญ่ พี่พูดเองนะ อย่าผิดคำพูดล่ะ"พูดจบ ไป๋สี่เจี้ยนก็อ้าปากหาววอด "ผ่าตัดมาตั้งนาน ผมง่วงจะแย่อยู่แล้ว ขอไปนอนก่อน วันหลังค่อยมาขอรางวัลจากพี่"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้า บอดี้การ์ดข้างหลังก็เดินเข้ามาพาไป๋สี่เจี้ยนไปพักผ่อนกลับมาที่เดิมในห้องผ่าตัด แพทย์ที่สวมชุดกาวน์สีขาวต่างก็ส่งเสียงชื่นชม"นี่… เป็นไปได้ยังไง สมองคนไข้ขาดออกซิเจนเป็นเวลานานขนาดนั้น ตอนนี้กลับมาเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น""นี่มันปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ชัด ๆ""หมอไป๋สุดยอดจริง ๆ""ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะใช้เคสนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับเขียนว
"คุณหลี ผมจะอยู่ที่นี่หรือไม่อยู่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนี่?"ฮั่วจิ้นเฉิงแสดงจุดยืนของเขาหลีหานรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ จึงเตือนเพียงประโยคเดียว "ประธานฮั่ว เวลาคนเราตกรถไฟก็ยังรู้จักปล่อยผ่านแล้วซื้อตั๋วขึ้นขบวนถัดไป เพราะคนฉลาดจะรู้ว่าถึงจะจมจ่อมอยู่กับขบวนที่ตัวเองพลาด รถไฟก็ไม่วิ่งย้อนกลับมา ประโยคนี้ประธานฮั่วคงจะเข้าใจ"พูดจบ หลีหานก็พาหลีหรานเดินจากไป"พี่ใหญ่ จะปล่อยให้เขาอยู่เฝ้าแบบนี้น่ะเหรอ?"หลีหรานยังไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่หลีหานกลับพูดว่า "ถ้าเขาไม่ไปซะอย่าง เราจะทำอะไรได้""แต่น้องสี่ไม่อยากเจอหน้าเขานะ!""เราต้องเชื่อใจน้องสี่ เธอมีจิตสำนึกเพียงพอ ต้องรู้ว่าใครคือคนที่คู่ควรจะฝากชีวิตไว้"หลีหรานฟังคำพูดนี้แล้วก็ใจเย็นลงบ้าง "ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ!"การนอนหลับครั้งนี้ หลีเกอรู้สึกเหมือนตัวเองหลับไปนานมาก เธอฝันย้อนไปยาวนานทีเดียวเธอฝันถึงเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เธอได้เจอกับฮั่วจิ้นเฉิงเป็นครั้งแรกตอนนั้นเธอยังเรียนปริญญาโทอยู่ที่คณะออกแบบในมหาวิทยาลัยโคลอมเบีย เธอห่างบ้านไปอยู่ต่างประเทศเป็นครั้งแรก ตระกูลหลีทั้งบ้านต่างก็เป็นห่วง"น้องสี่ พี่ซื้อบ้าน
กว่าจะได้เจอกันอีกครั้งก็ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนหลีเกอเรียนวิชาเอกเสร็จ ออกมาจากอาคารเรียน ก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งหัวเราะเยาะกันระนาวจากนั้นก็มีเสียงพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วยความหยาบคาย "พวกคนจีนนี่โง่จริง ๆ เหมือนหมาเร่ร่อนเลย""เมื่อก่อนพวกแกเป็นแค่คนกากของเอเชียตะวันออก ตอนนี้ก็ยังกากอยู่เหมือนเดิม""ผ่านมาหลายปี พวกคนจีนก็ยังถูกเราเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า""..."หลีเกอได้ยินดังนั้น คิ้วขมวดมุ่น เปลวไฟในอกลุกโชนสุดขีด คนต่างชาติพวกนี้เป็นบัดซบอะไรกันกล้าด่าพวกเราแบบนี้ได้ยังไง!เธอกำลังจะเดินไปโต้แย้งแต่ยังไม่ทันได้เดินถึงสองก้าว ก็ได้ยินเสียงต่อยกันและเสียงร้องโอดโอยของผู้ชายส่วนใหญ่ พร้อมกับเสียงตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้"บ้าอะไรวะ กล้าดียังไงมาต่อยกู!" ยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนชกเข้าที่ใบหน้าอีกครั้ง"สมน้ำหน้า! อยากปากหมาด่าพวกเราเอง วันนี้เดี๋ยวจะประเคนให้รู้จักว่ากังฟูจีนแท้ ๆ เป็นยังไง!"ชายหนุ่มพูดจบก็ต่อยเข้าที่ใบหน้าของเขาอีกครั้งได้ยินเสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดหลีเกอเดินเข้าไป เห็นเด็กหนุ่มผิวเหลืองคนหนึ่งกำลังจัดการกับชาวต่างชาติกลุ่มนั้น ท่าทางของเขาคล่องแคล่วเหมือนสาย
รูมเมทเห็นผู้ชายตามมาส่งเธอ จึงซุบซิบนินทาว่า "เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นใครเหรอ แฟนหรือเปล่า? หล่อจังเลย!""จริงด้วย กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ดีจัง มาดแมนสุด ๆ ไปเลย!""เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย""..."เมื่อเผชิญกับคำถามมากมายของรูมเมท หลีเกอรีบอธิบาย "เขาไม่ใช่แฟนฉัน อย่าคิดไปเองสิ""ไงนะ? ไม่ใช่แฟนเธอ แล้วเขาชื่ออะไรล่ะ พอจะแนะนำให้ฉันรู้จักได้ไหม?"คำถามนี้ทำเอาหลีเกออึ้งไปเลย พวกเขาเจอกันมาสองครั้งแล้ว แต่เธอยังไม่รู้จักชื่อเขาเลย"เอ่อ ไว้ครั้งหน้าฉันจะถามเขาแล้วมาบอกพวกเธออีกทีนะ"รูมเมทดูผิดหวังเล็กน้อย ส่วนหลีเกอก็ขมวดคิ้วไม่คลายในใจคิดว่าครั้งต่อไปจะต้องถามให้รู้เรื่องแน่ ๆ ว่าเขาชื่ออะไร เรียนคณะอะไร... ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ก็ต้องถามให้หมดอย่างไรก็ตาม การพบกันครั้งต่อไปที่หลีเกอรอคอยมาถึงเร็วกว่าที่คิดวันรุ่งขึ้น หลีเกอก็ได้พบกับเขาอีกครั้ง"หลีเกอ นั่นไม่ใช่ผู้ชายที่พาเธอมาส่งเมื่อวานเหรอ? ทำไมเขาโดนเรียกไปที่ฝ่ายกิจการนักศึกษาล่ะ?"รูมเมทดึงเธอเข้ามาแล้วถามซักไซ้!หลีเกอแปลกใจรีบตามไปทันที เธอแอบอยู่ที่หน้าห้องฝ่ายกิจการนักศึกษา เห็นชาวต่างชาต
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ