"อวิ๋นเจินโตจนถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมทำอะไรไม่หัดคิดหน้าคิดหลังซะบ้าง คราวนี้ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน""แม่ครับ ผมมีลูกสาวแค่คนเดียว ถ้าเธอต้องติดคุก คนเป็นพ่ออย่างผมจะอยู่ยังไง?"แต่คุณย่าฮั่วกลับไม่สะทกสะท้าน "เธอโตแล้ว ควรรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ"ฮั่วเจี้ยนกั๋วไม่คิดว่าคุณย่าฮั่วจะเด็ดขาดขนาดนี้ จึงพูดขู่ "แม่ครับ ถ้าอวิ๋นเจินเป็นอะไรไป ผมก็จะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วเหมือนกัน ถ้าแม่ไม่อยากสูญเสียลูกชายในวัยชรา งั้นก็ตามใจ"พูดจบฮั่วเจี้ยนกั๋วก็เดินออกไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง เหลือไว้เพียงคุณย่าฮั่วที่ถอนหายใจด้วยความสิ้นหวังสุดท้าย คุณย่าฮั่วก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปหาฮั่วจิ้นเฉิง "จิ้นเฉิง เรื่องนี้หลานน่าจะต้องไปหาเสี่ยวเกอจริง ๆ เธอเป็นคนใจอ่อน ลองเจรจากันดูซิว่าพอจะมีวิธีไกล่เกลี่ยกันได้ไหม?"ฮั่วจิ้นเฉิงเปลี่ยนไปสวมชุดสูทเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเย็นชา ไม่มองหน้าใคร "คุณย่า เรื่องนี้ยกให้ฝ่ายกฎหมายของตระกูลฮั่วจัดการเถอะครับ"เขาไม่มีหน้าไปขอร้องหลีเกอ เพราะการขโมยความลับของบริษัทไม่ใช่เรื่องเล็ก ชุดข้อมูลสำคัญเมื่อหลุดออกไปอาจทำให้บริษัททั้งบริษัทล้มละลายได้ดังนั้น เขาจึงต
เพียงแต่เฉียวซีอวิ๋นไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น!"...สามเดือน ผมต้องการประกันตัวเธอแค่สามเดือน ถามให้หน่อยซิว่าเงินประกันพอจะลดครึ่งหนึ่งได้ไหม ถ้าได้ก็โอนเงินเลย!""ได้ค่ะ ประธานฮั่ว"...ที่บริษัทตี้เซิ่ง หลีเกอกำลังประชุมร่วมกับบริษัทต่างชาติ เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง เจิ้งหลิ่วก็เคาะประตูห้องทำงานของเธอ "คุณหลีครับ คนจากฝ่ายกฎหมายของบริษัทฮั่วกรุ๊ปมาแล้ว พวกเขาต้องการพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องที่ฮั่วอวิ๋นเจินขโมยข้อมูลลับของบริษัท"หลีเกอสั่งการทันที "เรื่องนี้มอบให้ทนายความของบริษัทเราจัดการก็ได้ สุดท้ายค่อยมารายงานผลให้ฉันก็พอ""ได้ครับ คุณหลี"เจิ้งหลิ่วออกไปก็บังเอิญเจอกับผู้อำนวยการหูที่หน้าห้องทำงาน เจิ้งหลิ่วแสดงสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม ทักทายอย่างสุภาพ "ผู้อำนวยการหู"ผู้อำนวยการหูพูดด้วยรอยยิ้ม "เลขาเจิ้ง คุณเป็นคนเก่าแก่ของหลีหาน ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นหรอก"แต่เจิ้งหลิ่วกลับพยักหน้าเล็กน้อย "ผู้อำนวยการหูมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?"สายตาของผู้อำนวยการหูมองไปยังประตูห้องทำงานที่ปิดสนิท "ผมมาหาคุณหลี..."พูดจบก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานของหลีเกอ"คุณหลี ยุ่งอยู่หรือเปล่า
ผู้อำนวยการหูเห็นว่าท่าทีของหลีเกอผิดปกติไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าเรื่องนี้ทำให้หลีเกอตั้งตัวไม่ทัน เธอเลยยังไม่ทันมีปฏิกิริยาใด ๆดังนั้นเขาจึงพูดว่า "ผิดหรือไม่ผิด ฝ่ายตรวจสอบบัญชีจะตรวจสอบให้ชัดเจน ขณะนี้คณะตรวจสอบอยู่ที่บริษัท คุณหลีจะออกไปดูหน่อยไหม?"หลีเกอมองเขาอย่างมีนัยยะ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปที่ห้องทำงานของฉีอวิ๋นเทียนขณะนี้มีกลุ่มคนสวมเครื่องแบบกำลังหาหลักฐานต่าง ๆ แต่ ฉีอวิ๋นเทียนกลับนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ท่าทางไม่สนใจอะไรเลย"ตรวจสอบเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็อย่ามายุ่งกับงานของผมอีก..." ฉีอวิ๋นเทียนพูดอย่างไม่แยแสแต่กลุ่มคนที่สวมเครื่องแบบเหล่านั้นไม่ได้สนใจเขา ยังคงค้นหาต่อไปฉีอวิ๋นเทียนหัวเราะเสียงเย็น สายตาค่อย ๆ เย็นชาลง หลีเกอเดินเข้ามา เห็นภาพแล้วสีหน้าไม่ดีเลย"พวกคุณกำลังทำอะไร"หัวหน้ากลุ่มคนที่สวมเครื่องแบบหยุดลง โค้งให้หลีเกอแล้วพูดว่า "ประธานหลี สวัสดีครับ พวกเรากำลังปฏิบัติหน้าที่! มีคนแจ้งเบาะแสด้วยชื่อจริงว่า คุณฉีอวิ๋นเทียนใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวในระหว่างปฏิบัติงาน ยักยอกเงินจำนวนมาก"หลีเกอยิ้ม มุม
ผู้อำนวยการหูเห็นทั้งสองคนร้องเพลงกันอย่างเข้าขาและสอดประสานกันอย่างดี ความไม่พอใจในใจของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น และส่งสายตาให้กับนักบัญชีที่อยู่ไม่ไกล นักบัญชีเข้าใจความหมาย จึงก้าวเท้าไปอยู่ตรงหน้าฉีอวิ๋นเทียน "ประธานฉีคะ เราต้องตรวจสอบบัญชีธนาคารในนามของคุณ โปรดให้ความร่วมมือด้วย..."ฉีอวิ๋นเทียนหัวเราะเสียงเย็น แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากนั้นก็หยิบบัตรเครดิตออกมาทีละใบ การกระทำของเขาแสดงถึงความดูถูก แต่บัตรที่หยิบออกมากลับทำให้ทุกคนตกใจไปตาม ๆ กันมีบัตรเครดิตสีดำรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันของธนาคารชั้นนำทั้งห้าของประเทศ และยังมีบัตรทองคำของธนาคารแห่งชาติสวิสอีกด้วย...เขาวางไว้บนโต๊ะทีละใบทำให้ฝ่ายบัญชีมองตาค้าง"นี่… นี่บัตรเครดิตของคุณทั้งหมดเลยเหรอ?"ฉีอวิ๋นเทียนหัวเราะในลำคอ "อยากตรวจสอบมากไม่ใช่เหรอ? ตรวจสอบเลยสิ แต่ผมคิดว่ายอดเงินในบัตรแต่ละใบคงไม่ใช่แค่ไม่กี่ล้านบาทหรอกนะ"ฝ่ายบัญชีรีบเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แต่ก็ยังฝืนพูดว่า "บัตรของคุณเป็นของจริงทั้งหมดหรือเปล่า? ไม่ใช่ของปลอมนะ! ต้องเป็นชื่อคุณเท่านั้น..."ฉีอวิ๋นเทียนกอดอก"งั้นก็เช็กดูสิว่าใช่ชื
"หรือว่านี่เป็นแผนของคุณตั้งแต่แรก?""จุดประสงค์ของคุณคืออะไร? ต้องการไล่ผมออกจากตี้เซิ่งเหรอ?""..."ฉีอวิ๋นเทียนพูดเน้นทีละคำ แต่ละคำล้วนคมคายบาดลึก ทำให้ผู้อำนวยการหูพูดไม่ออก อึกอักอยู่นานก็ยังพูดประโยคที่สมบูรณ์ไม่ได้แต่ฉีอวิ๋นเทียนไม่ได้สนใจเขา กลับมองไปทางหลีเกอที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็พูดว่า "ประธานหลี คุณคิดว่าไงครับ?"หลีเกอเหลือบมองผู้อำนวยการหูอย่างเย็นชา จากนั้นก็พูดอย่างใจเย็น "ประธานฉีเป็นลูกชายคนโตของตระกูลฉีในประเทศ F และยังเคยเป็นอดีตคู่หมั้นที่ทางครอบครัวของเราสองคนจัดการให้ เขาเข้ามาทำงานที่ตี้เซิ่งด้วยความกระตือรือร้นและมีศักยภาพอย่างแท้จริง ทุกวันนี้ทุกคนคงเห็นความสามารถของท่านประธานฉีแล้ว โครงการตานตงเป็นสิ่งที่เขาทำการเจรจาและได้มาด้วยตัวเอง เรื่องในวันนี้ ทุกคนจำเป็นต้องอธิบายให้ประธานฉีฟังโดยละเอียด"สายตาของหลีเกอกวาดไปรอบ ๆ สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่นักบัญชี ความเย้ยหยันในดวงตาปรากฏชัดเจน"ในเมื่อคุณแจ้งเบาะแสด้วยชื่อจริง แสดงว่าคุณมีหลักฐานอยู่ในมือน่ะสิ?""งั้นตอนนี้ก็แสดงหลักฐานออกมา! ถ้าหามาไม่ได้ คุณก็จะเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จ ติดคุกสถานเดียว"
หลีเกอและฉีอวิ๋นเทียนสบตากัน ทั้งสองคนเข้าใจตรงกันผู้อำนวยการหูเห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่ลังเล คว้าตัวเสี่ยวเจิ้งมาแล้วผลักให้ล้มลงไปอยู่ตรงหน้าหลีเกอ"ไอ้สารเลว พูดมาเดี๋ยวนี้ว่าแกทำจริงรึเปล่า! กล้าใส่ร้ายประธานฉีว่ารับสินบน ฉันว่าแกคงกินหมีกินเสือเข้าไปสินะ!"เสี่ยวเจิ้งตกใจกลัวจนตัวสั่นคลานขึ้นมาจากพื้นตรงหน้าหลีเกอแล้ววิงวอนขอร้องไม่หยุด "ประธานหลี ให้อภัยผมเถอะครับ! ผมแค่คิดร้ายชั่ววูบ เผลอทำผิดอย่างร้ายแรงลงไป ผมไม่ได้ตั้งใจ..."หลีเกอจ้องมองเขาจากมุมมองที่สูงกว่าโดยไม่สะทกสะท้านเสี่ยวเจิ้งหันไปขอร้องฉีอวิ๋นเทียนที่อยู่ข้าง ๆ "ประธานฉี ได้โปรดเถอะครับ ปล่อยผมไปเถอะ... ผมไม่กล้าทำอย่างนี้อีกแล้ว"ฉีอวิ๋นเทียนค่อย ๆ ย่อตัวลง มุมปากยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มร้ายกาจ"...ให้อภัยคุณ ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้หรอกนะ แต่คุณต้องบอกผมมาตามตรงว่าใครสั่งให้คุณทำแบบนี้..."เสี่ยวเจิ้งเงยหน้าขึ้นมองผู้อำนวยการหูที่อยู่ข้าง ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วก็รีบหลุบตามองพื้นยอมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว"ไม่มีใครสั่งผมครับ ผมแค่อิจฉาประธานฉีที่ได้งานชิ้นใหญ่มา เลยอยากหาทางทำให้ประธานฉีห
ฉีอวิ๋นเทียนรู้สึกเป็นครั้งแรก ว่าการที่เขาเป็นคนตระกูลฉีก็ดีเหมือนกัน..."โครงการตานตงนี้ บริษัทของเรารับช่วงแต่เพียงผู้เดียวคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ดังนั้นผมขอแนะนำให้หาบริษัทที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งพอ ๆ กันมาร่วมมือ ความเสี่ยงของเราก็จะลดลงไปมาก..."เมื่อพูดถึงเรื่องงาน ใบหน้าของฉีอวิ๋นเทียนไม่มีความเหลาะแหละเหลวไหลอีกแล้วจากนั้นก็พูดต่อ "ในบรรดาบริษัทชั้นนำในเมืองปินเฉิง นอกจากบริษัทฮั่วกรุ๊ปแล้ว ก็มีบริษัทเอฟแอลกรุ๊ปที่แข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งประธานบริษัทก็คือฟู่ซิวเป่ย พวกคุณทั้งสองร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่ง ก็จะได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าหนึ่งบวกหนึ่งแน่นอน"หลีเกอแสดงความแปลกใจออกมา "คุณหมายความว่าจะให้เราร่วมมือกับเอฟแอลกรุ๊ปงั้นเหรอ?"ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้า "เอฟแอลกรุ๊ปเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่อย่าลืมว่า..."ฉีอวิ๋นเทียนหยุดพูดไป แล้วเงยหน้ามองหลีเกอ "ยังมีอีกตัวเลือกหนึ่ง นั่นคือฮั่วกรุ๊ป""ฮั่วจิ้นเฉิงเหรอ?" หลีเกอพูดชื่อนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ส่ายหน้าเบา ๆ ปฏิเสธทันที "ไม่ลิสต์ฮั่วกรุ๊ปไว้ในการพิจารณาแล้วกัน เอาเป็นเอฟแอลกรุ๊ปดีกว่า"เพราะเธอไม่อยากมีส่วนเกี่ย
"คุณเจิ้ง วันนี้มีงานอะไรบ้างคะ"เจิ้งหลิ่วเดินตามเธอโดยเว้นระยะห่างครึ่งก้าว รายงานตารางงานของเธอ "เช้าวันนี้สิบโมง มีประชุมกับบริษัทต่างชาติผ่านวิดีโอ บ่ายสองนัดคุยเรื่องโครงการกับผู้จัดการบริษัทฉีหัง ตอนเย็นหนึ่งทุ่ม เข้าร่วมงานฉลองครบรอบแต่งงานห้าสิบปีของประธานของหมิงจื้อกรุ๊ปและภรรยาของเขา...""โอเค จำได้แล้ว"ทันทีที่พูดจบ โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลีเกอดังขึ้น "ไงจ๊ะ ที่รัก ยุ่งอยู่หรือเปล่า?"เสียงของเจี่ยงอีอีดังมาจากโทรศัพท์ "ครั้งก่อนที่ฉันบอกเธอว่ามีลูกค้าต้องการให้เราออกแบบเสื้อผ้าในงบสามแสน วันนี้เธอเข้ามาที่ร้านแล้วนะ""ลูกค้าระบุว่าอยากเจอเธอโดยตรง พอจะมีเวลาแวะมาที่นี่สักแป๊บไหม?"ขณะที่ผลักประตูเข้าไปในห้องทำงาน หลีเกอถาม "เมื่อไหร่?""ฉันถามแล้ว ขอแค่ก่อนเที่ยง ตอนไหนก็ได้""โอเค ไว้เจอกัน"เจี่ยงอีอีวางสาย ไม่ลืมเสิร์ฟกาแฟให้อีกฝ่าย "คุณจิน รอสักครู่นะคะ ดีไซเนอร์ของเรากำลังจะเดินทางมาเร็ว ๆ นี้..."หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าคุณจินพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่พูดอะไรทันใดนั้นหน้าร้าน ร่างที่คุ้นเคยหยุดยืนนิ่ง เฉียวซีอวิ๋นเพิ่งออกจากคุกวันนี้ สิ่งแรกที่เธอทำ คือใช้บัตร