ฉีอวิ๋นเทียนรู้สึกเป็นครั้งแรก ว่าการที่เขาเป็นคนตระกูลฉีก็ดีเหมือนกัน..."โครงการตานตงนี้ บริษัทของเรารับช่วงแต่เพียงผู้เดียวคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ดังนั้นผมขอแนะนำให้หาบริษัทที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งพอ ๆ กันมาร่วมมือ ความเสี่ยงของเราก็จะลดลงไปมาก..."เมื่อพูดถึงเรื่องงาน ใบหน้าของฉีอวิ๋นเทียนไม่มีความเหลาะแหละเหลวไหลอีกแล้วจากนั้นก็พูดต่อ "ในบรรดาบริษัทชั้นนำในเมืองปินเฉิง นอกจากบริษัทฮั่วกรุ๊ปแล้ว ก็มีบริษัทเอฟแอลกรุ๊ปที่แข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งประธานบริษัทก็คือฟู่ซิวเป่ย พวกคุณทั้งสองร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่ง ก็จะได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าหนึ่งบวกหนึ่งแน่นอน"หลีเกอแสดงความแปลกใจออกมา "คุณหมายความว่าจะให้เราร่วมมือกับเอฟแอลกรุ๊ปงั้นเหรอ?"ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้า "เอฟแอลกรุ๊ปเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่อย่าลืมว่า..."ฉีอวิ๋นเทียนหยุดพูดไป แล้วเงยหน้ามองหลีเกอ "ยังมีอีกตัวเลือกหนึ่ง นั่นคือฮั่วกรุ๊ป""ฮั่วจิ้นเฉิงเหรอ?" หลีเกอพูดชื่อนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ส่ายหน้าเบา ๆ ปฏิเสธทันที "ไม่ลิสต์ฮั่วกรุ๊ปไว้ในการพิจารณาแล้วกัน เอาเป็นเอฟแอลกรุ๊ปดีกว่า"เพราะเธอไม่อยากมีส่วนเกี่ย
"คุณเจิ้ง วันนี้มีงานอะไรบ้างคะ"เจิ้งหลิ่วเดินตามเธอโดยเว้นระยะห่างครึ่งก้าว รายงานตารางงานของเธอ "เช้าวันนี้สิบโมง มีประชุมกับบริษัทต่างชาติผ่านวิดีโอ บ่ายสองนัดคุยเรื่องโครงการกับผู้จัดการบริษัทฉีหัง ตอนเย็นหนึ่งทุ่ม เข้าร่วมงานฉลองครบรอบแต่งงานห้าสิบปีของประธานของหมิงจื้อกรุ๊ปและภรรยาของเขา...""โอเค จำได้แล้ว"ทันทีที่พูดจบ โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลีเกอดังขึ้น "ไงจ๊ะ ที่รัก ยุ่งอยู่หรือเปล่า?"เสียงของเจี่ยงอีอีดังมาจากโทรศัพท์ "ครั้งก่อนที่ฉันบอกเธอว่ามีลูกค้าต้องการให้เราออกแบบเสื้อผ้าในงบสามแสน วันนี้เธอเข้ามาที่ร้านแล้วนะ""ลูกค้าระบุว่าอยากเจอเธอโดยตรง พอจะมีเวลาแวะมาที่นี่สักแป๊บไหม?"ขณะที่ผลักประตูเข้าไปในห้องทำงาน หลีเกอถาม "เมื่อไหร่?""ฉันถามแล้ว ขอแค่ก่อนเที่ยง ตอนไหนก็ได้""โอเค ไว้เจอกัน"เจี่ยงอีอีวางสาย ไม่ลืมเสิร์ฟกาแฟให้อีกฝ่าย "คุณจิน รอสักครู่นะคะ ดีไซเนอร์ของเรากำลังจะเดินทางมาเร็ว ๆ นี้..."หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าคุณจินพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่พูดอะไรทันใดนั้นหน้าร้าน ร่างที่คุ้นเคยหยุดยืนนิ่ง เฉียวซีอวิ๋นเพิ่งออกจากคุกวันนี้ สิ่งแรกที่เธอทำ คือใช้บัตร
"ออกมาเพื่ออาละวาดน่ะเหรอ?" หลีเกอเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงใจสีหน้าของเฉียวซีอวิ๋นเปลี่ยนไป แต่ก็อดกลั้นความโกรธในอกไว้ มุมปากยกยิ้มหยัน "รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงออกมาได้?""จิ้นเฉิงยอมควักเงินประกันตัวไม่อั้นเพื่อฉัน เข้าใจหรือยังล่ะหลีเกอ ในใจของจิ้นเฉิงมีแต่ฉันคนเดียวมาตลอด ส่วนเธอก็แค่เมียเก่าที่เขาเกลียดชัง"เมื่อได้ยินแบบนั้น หลีเกอไม่ได้โกรธ ไม่โมโหใด ๆ ยกแขนกอดอก สีหน้าไม่สะทกสะท้าน"งั้นก็ขอความกรุณาล่ามโซ่ให้อยู่กับที่ด้วย อย่าออกมาไล่กัดคนอื่นอีกเลย""แก!" เฉียวซีอวิ๋นกัดฟัน จ้องมองหลีเกออย่างดุร้าย "ฉันจะบอกอะไรให้ หลีเกอ ที่ผ่านมาฉันต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน ฉันก็จะให้เธอได้ลิ้มรสด้วยเหมือนกัน""ถ้าเธออยากเข้าคุกอีกรอบก็ลองดูสิ"คำพูดของหลีเกอมีพลังข่มขวัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเฉียวซีอวิ๋นที่เพิ่งออกจากคุกมา คำพูดนี้ไม่ต่างอะไรกับการกางอาณาเขตร่างกายของเฉียวซีอวิ๋นสั่นสะท้านเธอไม่อยากเหยียบย่างเข้าไปในคุกอีกเลยตลอดชีวิตนี้"...แก ระวังไว้ให้ดีเถอะ"เฉียวซีอวิ๋นพูดจาข่มขู่บ้างแต่ทันทีที่เธอพูดจบหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านหลังกลับเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวประคองถ้วยก
"ชุดหลักที่จัดแสดงในงานแฟชั่นโชว์ที่ปินเฉิงก่อนหน้านี้ เป็นผลงานการออกแบบของคุณใช่ไหม! มันยอดเยี่ยมมากเลย ฉันได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับคุณเยอะเลยตั้งแต่ตอนอยู่ที่ประเทศ F"พูดจบ จินชั่นชั่นก็ยื่นมือมาหาหลีเกอ "สวัสดีค่ะ ฉัน จินชั่นชั่น!""สวัสดีค่ะ คุณจิน ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับคำเตือนสติที่กล้าหาญของคุณเมื่อกี้มากเลยนะคะ ถ้าวันข้างหน้าคุณอยากมาเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ร้านของเราในอนาคต ฉันจะลดราคาให้เฉพาะคุณแปดเปอร์เซ็นต์"จินชั่นชั่นยิ้มยินดี พูดติดตลก "แค่พูดความจริงสองสามคำ ดูเหมือนว่าจะได้กำไรไม่น้อยเลยนะ""คุณต้องการชุดราตรีแบบสั่งตัดพิเศษด้วยใช่ไหมคะ?" หลีเกอถามดวงตาของจินชั่นชั่นเจือรอยยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็พูดว่า "ฉันอยากสั่งตัดชุดราตรีเครื่องลายครามแบบเดียวกันกับในงานแฟชั่นโชว์เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม ฉันเลยนึกถึงคุณเป็นคนแรก พอจะมีเวลาช่วยตัดให้ฉันหรือเปล่า?""แน่นอนค่ะ ฉันจะวัดตัวให้คุณตอนนี้เลย"หลีเกอวัดตัวให้จินชั่นชั่น ทั้งสองสาวพูดคุยกันถูกคอก่อนจากไป จินชั่นชั่นยื่นนามบัตรให้กับหลีเกอ "...ถ้าชุดเสร็จเมื่อไหร่ อย่าลืมโทรหาฉัน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะคะ"หลีเกอรับมา "ด้
แต่ฮั่วจิ้นเฉิงยังคงจ้องไปยังทิศทางที่หลีเกอจากไป ถามกลับ "เฉียวซีอวิ๋น คุณจงใจใช่ไหม? คุณรู้ว่าหลีเกออยู่ที่นี่ ก็เลยจงใจเรียกผมมาแสดงละครลิงให้เธอเห็นเหรอ?""...จิ้นเฉิง เข้าใจผิดแล้ว!""พอเถอะ ผมรู้ดีว่าคุณเป็นคนยังไง"“ที่ผมยอมประกันตัวคุณออกมา ไม่ใช่ให้คุณมาที่นี่เพื่อแสดงความเย่อหยิ่งและหยาบคายนะ""ขอเตือนคุณไว้เลย อยู่ให้ห่างจากหลีเกอมากเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่อย่างนั้น ผมจะส่งคุณกลับเข้าไปเอง""..."เฉียวซีอวิ๋นโกรธมาก เธออยากจับแขนฮั่วจิ้นเฉิง แต่เขากลับสะบัดออก "พอซะที อย่ามาเสแสร้งทำตัวน่าสงสารที่นี่ บัตรเครดิตผมก็ให้คุณไปแล้ว อยากซื้ออะไรก็ซื้อเอง ครั้งหน้าอย่าโทรหาผมอีก"หลังจากพูดประโยคนี้จบ ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่สนใจสีหน้าที่น่าเกลียดของเฉียวซีอวิ๋น ทิ้งไว้เพียงแค่แผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยวให้เธอมองตามในรถฮั่วจิ้นเฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก "ผมให้คุณตามดูเฉียวซีอวิ๋น มีความคืบหน้าอะไรบ้าง?""คุณฮั่ว ตอนนี้ยังไม่มีข่าวอะไรครับ...""คอยดูให้ดี ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไร รายงานให้ผมรู้ทันที""ครับ คุณฮั่ว"หลังจากวางสาย ฮั่วจิ้นเฉิงก็โยนโทรศัพท์ไปด้านข้างเขาเงยหน้าขึ้น
ฟู่ซิวเป่ยกลับไม่แสดงอาการใด ๆ เขาส่งเมนูให้เธอโดยตรง "เอาแค่นี้แหละ! ถ้าอยากกินอะไรเพิ่มเติมค่อยสั่งทีหลัง"หลังจากพนักงานเสิร์ฟเดินจากไปหลีเกอจึงวางแก้วน้ำลง แล้วพูดว่า "พี่ซิวเป่ย ทำไมคุณรู้ว่าฉันไม่กินต้นหอมกับขิง?"แม้แต่ฮั่วจิ้นเฉิงที่แต่งงานกับเธอมาตั้งสามปียังไม่รู้เรื่องนี้เลยฟู่ซิวเป่ยรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?ฟู่ซิวเป่ยเงยหน้าขึ้น ดวงตาลึกล้ำของเขามองไปเธอ ก่อนจะพูดในที่สุดว่า "พี่ชายคุณเคยบอก""พี่ชายเหรอ?"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้าเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ไม่ได้บอกตรง ๆ ว่ารายละเอียดเหล่านี้เป็นผลมาจากการสังเกตอย่างละเอียดของเขาเองหลีเกอก็ไม่สงสัย"หลีเกอ นั่นเธอเหรอ?" จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น ทำให้หลีเกอเผลอขมวดคิ้ว จากนั้นฮั่วซวงซวงก็เดินมาหาหลีเกอเธอไม่สนใจสิ่งใด สายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเธอมองสลับไปมาระหว่างหลีเกอกับฟู่ซิวเป่ยในฐานะอาสาวของฮั่วจิ้นเฉิง เธอไม่ชอบหน้าหลีเกอมาโดยตลอด แต่ไม่คิดว่าหลังหลีเกอออกจากตระกูลฮั่วไปแล้วจะได้ผูกสัมพันธไมตรีกับชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมคนนี้"พวกเธอเป็นอะไรกัน?" ฮั่วซวงซวงถามหลีเกอไม่มีความรู้สึกในแง่บวกต่อคน
หลังจากครั้งนั้น หลินซืออี้ก็ถูกทางบริษัทปรับลดตำแหน่ง จากที่เคยเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของประธานบริษัท ตอนนี้ถูกย้ายไปเป็นหัวหน้าฝ่ายขายแทนหลินซืออี้ไม่พอใจเรื่องนี้อย่างยิ่งเธอแอบไปหาฟู่ซิวเป่ยหลายครั้ง แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างไม่ใยดีหลินซืออี้คิดไปคิดมา เกรงว่าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนความคิดของฟู่ซิวเป่ยได้ และมีบทบาทสำคัญพอสมควรคนคนนั้นก็คือหลีเกอ"คุณฟู่" หลินซืออี้พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายฟู่ซิวเป่ย จากนั้นมองไปที่หลีเกอ ท่าทีของเธอยังคงมีความเคารพ "ประธานหลี"หลีเกอยิ้มตอบเธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของฟู่ซิวเป่ยหลินซืออี้ก็อุ้มกองเอกสารเดินตามเข้ามาด้วย "คุณฟู่ เอกสารของแผนกขายบางส่วนนี้ต้องรอให้คุณเซ็นชื่อค่ะ"ฟู่ซิวเป่ยทำสัญญาณเชิญให้นั่งลง จากนั้นหยิบปากกาขึ้นมา มือใหญ่ของเขาขยับว่องไว ตวัดเซ็นชื่อของตัวเองลงไปอย่างมั่นคงช่วงนี้ฟู่ซิวเป่ยไม่ค่อยเข้ามาที่บริษัท มีงานค้างอยู่มากมายที่ยังไม่ได้จัดการ หลีเกอนั่งรอเขาอยู่ตรงโซฟาหยิบนิตยสารมาพลิกดูผ่าน ๆ ด้วยความเบื่อหน่ายจนกระทั่งฟู่ซิวเป่ยจัดการเสร็จ หลีเกอก็ทนความง่วงไม่ไหว ผล็อยหลับไปบนโซฟาก่อน
คำว่าพี่ซิวเป่ย ทำให้หัวใจของฟู่ซิวเป่ยพองฟูอย่างบอกไม่ถูก เขาจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ขี่ม้าเล่นอยู่ในบริเวณคฤหาสน์ดวงตาของหลีเกอน้อยกวาดมองไปรอบ ๆ ถามคำถามมากมาย"พี่ซิวเป่ย ทำไมเจ้าม้าน้อยถึงไม่พูดกับเราเลยล่ะ?""ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า""ทำไมนกถึงบินได้""ทำไมโลกนี้มีเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิง""..."หลีเกอตัวน้อยเหมือนเป็นเจ้าหนูจำไมที่ในหัวมีคำถามมากมายหลายหมื่นคำถาม แต่ฟู่ซิวเป่ยตัวน้อยกลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย ตอบเธอทีละคำถามด้วยความอดทน"ว้าว พี่ซิวเป่ยเก่งจัง รู้ทุกอย่างเลย"หลีเกอตัวน้อยมองเขาด้วยความชื่นชม ดวงตาของเธอเป็นประกายสดใส ฟู่ซิวเป่ยตัวน้อยรู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุดน้องสาวคนนี้ช่างน่ารักจนใจเจ็บ"...เสี่ยวเกอ เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ตลอดไปได้ไหม?"หลีเกอตัวน้อยส่ายหัว "ไม่ได้" พูดจบ เธอก็ใช้นิ้วมือนับเลขอย่างจริงจัง "ที่บ้านหนูมีพี่ชายสามคน... รวมพี่ซิวเป่ยด้วย ตอนนี้หนูมีพี่ชายสี่คนแล้ว"สีหน้าของฟู่ซิวเป่ยห่อเหี่ยวลงทันทีความหึงหวงพุ่งขึ้นมา"เธอมีพี่ชายสามคนแล้วเหรอ... แต่พี่มีเธอเป็นน้องสาวคนเดียวนะ"ดวงตาของหลีเกอตัวน้อยกลอกไปมา สุดท้า