หลังจากครั้งนั้น หลินซืออี้ก็ถูกทางบริษัทปรับลดตำแหน่ง จากที่เคยเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของประธานบริษัท ตอนนี้ถูกย้ายไปเป็นหัวหน้าฝ่ายขายแทนหลินซืออี้ไม่พอใจเรื่องนี้อย่างยิ่งเธอแอบไปหาฟู่ซิวเป่ยหลายครั้ง แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างไม่ใยดีหลินซืออี้คิดไปคิดมา เกรงว่าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนความคิดของฟู่ซิวเป่ยได้ และมีบทบาทสำคัญพอสมควรคนคนนั้นก็คือหลีเกอ"คุณฟู่" หลินซืออี้พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายฟู่ซิวเป่ย จากนั้นมองไปที่หลีเกอ ท่าทีของเธอยังคงมีความเคารพ "ประธานหลี"หลีเกอยิ้มตอบเธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของฟู่ซิวเป่ยหลินซืออี้ก็อุ้มกองเอกสารเดินตามเข้ามาด้วย "คุณฟู่ เอกสารของแผนกขายบางส่วนนี้ต้องรอให้คุณเซ็นชื่อค่ะ"ฟู่ซิวเป่ยทำสัญญาณเชิญให้นั่งลง จากนั้นหยิบปากกาขึ้นมา มือใหญ่ของเขาขยับว่องไว ตวัดเซ็นชื่อของตัวเองลงไปอย่างมั่นคงช่วงนี้ฟู่ซิวเป่ยไม่ค่อยเข้ามาที่บริษัท มีงานค้างอยู่มากมายที่ยังไม่ได้จัดการ หลีเกอนั่งรอเขาอยู่ตรงโซฟาหยิบนิตยสารมาพลิกดูผ่าน ๆ ด้วยความเบื่อหน่ายจนกระทั่งฟู่ซิวเป่ยจัดการเสร็จ หลีเกอก็ทนความง่วงไม่ไหว ผล็อยหลับไปบนโซฟาก่อน
คำว่าพี่ซิวเป่ย ทำให้หัวใจของฟู่ซิวเป่ยพองฟูอย่างบอกไม่ถูก เขาจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ขี่ม้าเล่นอยู่ในบริเวณคฤหาสน์ดวงตาของหลีเกอน้อยกวาดมองไปรอบ ๆ ถามคำถามมากมาย"พี่ซิวเป่ย ทำไมเจ้าม้าน้อยถึงไม่พูดกับเราเลยล่ะ?""ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า""ทำไมนกถึงบินได้""ทำไมโลกนี้มีเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิง""..."หลีเกอตัวน้อยเหมือนเป็นเจ้าหนูจำไมที่ในหัวมีคำถามมากมายหลายหมื่นคำถาม แต่ฟู่ซิวเป่ยตัวน้อยกลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย ตอบเธอทีละคำถามด้วยความอดทน"ว้าว พี่ซิวเป่ยเก่งจัง รู้ทุกอย่างเลย"หลีเกอตัวน้อยมองเขาด้วยความชื่นชม ดวงตาของเธอเป็นประกายสดใส ฟู่ซิวเป่ยตัวน้อยรู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุดน้องสาวคนนี้ช่างน่ารักจนใจเจ็บ"...เสี่ยวเกอ เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ตลอดไปได้ไหม?"หลีเกอตัวน้อยส่ายหัว "ไม่ได้" พูดจบ เธอก็ใช้นิ้วมือนับเลขอย่างจริงจัง "ที่บ้านหนูมีพี่ชายสามคน... รวมพี่ซิวเป่ยด้วย ตอนนี้หนูมีพี่ชายสี่คนแล้ว"สีหน้าของฟู่ซิวเป่ยห่อเหี่ยวลงทันทีความหึงหวงพุ่งขึ้นมา"เธอมีพี่ชายสามคนแล้วเหรอ... แต่พี่มีเธอเป็นน้องสาวคนเดียวนะ"ดวงตาของหลีเกอตัวน้อยกลอกไปมา สุดท้า
"ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของฟู่ซิวเป่ยเขาเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเสียมารยาทไปชั่วขณะเห็นว่าหลีเกอหลับสนิท ฟู่ซิวเป่ยจึงไม่รบกวนเธอ แต่เดินไปที่ประตู กีดกันกลุ่มคนที่กำลังจะเข้ามารายงานความคืบหน้าของงานไว้ที่หน้าประตู "...ถ้าเป็นเรื่องงาน ค่อยไปจัดการในห้องประชุมทั้งหมด"ทุกคนมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนสถานที่ชั่วคราว แต่ก็ยังเดินไปที่ห้องประชุมอย่างเชื่อฟังหลีเกอนอนหลับสนิททีเดียว จนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมา ห้องทำงานขนาดใหญ่กลับว่างเปล่า เธอลุกขึ้น ทันใดนั้นผ้าห่มผืนบางก็ร่วงลงมาที่พื้นหลีเกอรีบหยิบขึ้นมาแล้วลุกขึ้น วินาทีถัดมา ประตูสำนักงานก็ถูกผลักเปิด ฟู่ซิวเป่ยเดินเข้ามา สบตากันพอดี เสียงทุ้มต่ำของเขาทักทาย "ตื่นแล้วเหรอ?"หลีเกออึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกเขินอาย "ฉันหลับไปนานไหมคะ?""อืม สักพักใหญ่..."ฟู่ซิวเป่ยเดินไปหาเธอโดยตรง มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ "อยากออกไปเดินเล่นหน่อยไหม?"หลีเกอประหลาดใจ "ได้เหรอคะ?""อยู่แล้ว"หลังจากได้รับคำตอบยืนยัน หลีเกอก็พยักหน้า จากนั้นฟู่ซิวเป่ยก็พาเธอไปทัวร์ทั่วบริษัทเอฟแอลกรุ๊ป
"เอาตรง ๆนะ ฉันว่าเป็นอย่างนั้นชัวร์แปดสิบเปอร์เซ็นต์... ทำไมคุณฟู่ต้องหันมาสนใจเลขาฯ ล่ะ ถ้าจะหาคู่ครองทั้งที ก็ควรจะเป็นคนที่ฐานะสมกันอย่างคุณหนูหลีสิถึงจะเหมาะสม""..."หลินซืออี้ยืนอยู่หน้าประตู ฟังพนักงานพูดคุยกัน หัวใจรู้สึกปั่นป่วน มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ข้างลำตัวกำแน่นโดยไม่รู้ตัวดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองอีกด้านหนึ่ง หลีเกอและฟู่ซิวเป่ยเดินสำรวจบริษัทจนทั่ว หลีเกอพอจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทโดยคร่าวแล้วฟู่ซิวเป่ยพูดต่อ "เป็นยังไงบ้าง? คุณหนูหลี สนใจจะร่วมมือหรือยัง"หลีเกอยกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า "ต้องคิดด้วยเหรอคะ อย่าปล่อยให้เงินทองไหลไปสู่มือคนอื่นเลย เราตกลงกันตรงนี้เลยดีกว่า"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้า "ดี! งั้นพรุ่งนี้ก็ให้พนักงานของทั้งสองบริษัทมาประสานงานกัน แล้วรีบเซ็นสัญญากันให้เร็วที่สุด""ได้เลยค่ะ! พี่ซิวเป่ย เราทำงานกันได้มีประสิทธิภาพดีจริง ๆ""..."ทั้งสองคนเดินไปตามทางพลางพูดคุยกัน ฟู่ซิวเป่ยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "คุยเรื่องงานเสร็จแล้ว ออกไปพักผ่อนข้างนอกกันไหม?"ดวงตาของหลีเกอเต็มไปด้วยความสนใจ "พี่ซิวเป่ย อยากพาฉันไปไหนเหรอคะ?"ฟู่ซิวเป
ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับ "...เธอเข้าไปคนเดียวเถอะ"ฮั่วอวิ๋นเจินกัดริมฝีปากล่างเมื่อเห็นว่าฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจ ก็เลยเดินตามอยู่ข้าง ๆ ไม่นานลูกค้าที่พวกเขาพูดถึงอย่างประธานหูก็มาถึง"ขอโทษด้วยนะครับ ประธานฮั่ว ผมมาช้าไปหน่อย"ฮั่วจิ้นเฉิงรักษาความเป็นมืออาชีพได้ดีเยี่ยม ท่าทางไม่เย่อหยิ่งหรือชักสีหน้า ยื่นมือออกไปหาประธานหู"ประธานหู ไม่เป็นไรเลยครับ ได้ยินมาว่าคุณชอบขี่ม้า วันนี้เลยถือโอกาสนัดคุยกันที่สนามแข่งม้าโดยเฉพาะเสีย คาดหวังว่าจะได้เห็นท่วงท่าการขี่ม้าของประธานหูนะครับ""ประธานฮั่วเกรงใจเกินไปแล้วครับ ได้ยินมาว่าประธานฮั่วเองก็พอมีความรู้เรื่องการขี่ม้าอยู่บ้างเหมือนกัน วันนี้เราต้องมาประลองกันสักหน่อยแล้ว"ทั้งสองคนพูดคุยกันเดินไปที่สนามแข่งม้าไปพลางฮั่วอวิ๋นเจินไม่สนใจการขี่ม้า จึงแยกไปนั่งพักที่โซนพักผ่อน"เด็กเสิร์ฟ ขอเครื่องดื่มให้ฉันหน่อย..."ฮั่วอวิ๋นเจินพูดกับพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ด้านหลัง แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา เงยหน้าขึ้นมองไปทางสนามแข่งม้า วินาทีถัดมา สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเงาที่คุ้นเคยฮั่วอวิ๋นเจินผุดลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัวดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง"ห
ประธานหูพยักหน้ารัว"มาเจรจาความร่วมมือกับประธานฮั่วจากฮั่วกรุ๊ปน่ะครับ แล้วถือโอกาสขี่ม้าด้วยสักหน่อย คุณฟู่สนใจไหมครับ? เราไปด้วยกันได้นะ?"แต่ฟู่ซิวเป่ยกลับปฏิเสธทันที"ขอโทษครับ ผมไม่สะดวก"ประธานหูหันไปมองหลีเกอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็เข้าใจทันที "เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วครับ งั้นคุณฟู่ ผมขอตัวก่อนนะครับ เอาไว้ค่อยนัดหมายวันว่างกันใหม่"หลังจากทักทายฟู่ซิวเป่ยแล้ว ประธานหูก็จากไป"คุณฮั่ว เราไปกันเถอะครับ"ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับเสียงเย็นชา "ไม่ไปแล้วครับ ประธานหู ความร่วมมือของเราจบลงเท่านี้"ประธานหูงงเป็นไก่ตาแตก"คุณฮั่ว เมื่อกี้คุณยังไม่ได้พูดแบบนี้เลยนะครับ?"ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า "คุณก็พูดเองนี่ครับ ว่าเมื่อกี้"ประธานหูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าตัวเองทำผิดตรงไหน แต่ด้วยอำนาจบารมีของฮั่วกรุ๊ป ทำให้เขาก็ไม่กล้าแสดงความโกรธออกมาอย่างเปิดเผยได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดก่อนจะหันหลังเดินจากไปฮั่วจิ้นเฉิงยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขากลับจ้องไปที่หลีเกอราวกับเปลวไฟที่ลุกโชนพร้อมจะแผดเผาเธอหลีเกอรับรู้สายตาของเขา จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น แล้วก็สบตาก
ฮั่วอวิ๋นเจินโกรธมาก พูดจาด่าทอไม่หยุดปาก"คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้มันต้องอับอายกันไปข้าง"ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้วแล้วคว้าแขนเธอไว้ "เธอทำอะไร?"ฮั่วอวิ๋นเจินยังไม่ทันได้ตอบ ทางคอกม้าก็มีเสียงหลีเกอกรีดร้องดังลั่น "กรี๊ด…"เดิมทีหลีเกอตั้งใจจะไปให้อาหารม้า แต่ไม่รู้ว่าทำไมม้าถึงแตกตื่นแล้วพุ่งตรงมาหาหลีเกอสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้ทำให้หลีเกอตกใจจนลืมตอบสนอง เห็นว่าม้ากำลังจะพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว แต่จะกระโดดหนีก็ช้าไปแล้วฟู่ซิวเป่ยรีบเข้าไปปกป้องเธอ แล้วก็ดึงเธอลงไปกอดไว้แน่น"ระวัง…"แต่เจ้าม้าขาวกลับโกรธมาก มันกระตุกเชือกอย่างแรงราวกับจะพุ่งออกจากคอกม้าให้ได้หลีเกอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเธอคลุกคลีกับม้ามาหลายปีแล้ว รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าม้าตัวนี้ไม่ปกติ "พี่ซิวเป่ย ม้าตัวนี้มีปัญหา"ฟู่ซิวเป่ยก็รู้สึกได้เช่นกัน"ปกติเจ้าม้าขาวมีนิสัยอ่อนโยนมาก ไม่เคยคลั่งแบบนี้"ทันทีที่พูดจบ ฮั่วจิ้นเฉิงก็รีบวิ่งเข้ามา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย "หลีเกอ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม"ม้าขาวเห็นฮั่วอวิ๋นเจินที่วิ่งตามเข้ามา มันก็ออกแรงดึงรั้งเชือกอย่างแรงแล้วก็พุ่งเข้าไปหาเสาข้า
"หลีเกอคนนี้เป็นตัวซวยของครอบครัวเราจริง ๆ เลย เราไปทำอะไรให้ เธอถึงได้ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า""คุณแม่คะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปทวงความแค้นจากมันให้ได้...""ลูกได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แม้แต่สนามแข่งม้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย"ฮั่วอวิ๋นเจินเหมือนคว้าจุดอ่อนได้ "คุณแม่คะ สนามแข่งม้านั่นก็เป็นธุรกิจของแฟนใหม่นังหลีเกอ พวกมันต้องรวมหัวกันแน่ ๆ""นี่มันเกินไปแล้ว! คิดว่าตระกูลฮั่วของเราเล่นงานได้ง่าย ๆ หรือไง?!"กัวเหลียนโกรธจนหน้าแดง เธอมีลูกสาวคนเดียว ตอนนี้ลูกสาวสุดดวงใจก็ถูกคนอื่นรังแกอย่างโหดเหี้ยม!เมื่อพูดจบ กัวเหลียนก็หุนหันจะออกไปข้างนอก!แต่ในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงกลับยืนขวางอยู่ที่หน้าประตู กัวเหลียนหัวเราะเสียงเย็น "จิ้นเฉิง เธอก็ได้ยินแล้วนี่ว่านังสารเลวหลีเกอนั่นเป็นคนทำ ครั้งนี้เธอต้องไม่ปล่อยมันไปนะ"ฮั่วจิ้นเฉิงยิ้มมุมปาก แต่กลับเป็นรอยเย้ยหยัน "ป้าสะใภ้ใหญ่ ผมว่าคุณไม่ค่อยรู้จักลูกสาวตัวเองเท่าไหร่เลยนะ"กัวเหลียนไม่เข้าใจ "หมายความว่ายังไง?"ฮั่วจิ้นเฉิงพูดตรง ๆ "ตอนนั้นผมเองก็อยู่ที่นั่นด้วย"กัวเหลียนตกใจสุดขีด พูดโดยไม่ทันคิด "จิ้นเฉิง ช่วงเวลาแบบนี้เธอคงไม่เข้าข้าง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ