หลังจากครั้งนั้น หลินซืออี้ก็ถูกทางบริษัทปรับลดตำแหน่ง จากที่เคยเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของประธานบริษัท ตอนนี้ถูกย้ายไปเป็นหัวหน้าฝ่ายขายแทนหลินซืออี้ไม่พอใจเรื่องนี้อย่างยิ่งเธอแอบไปหาฟู่ซิวเป่ยหลายครั้ง แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างไม่ใยดีหลินซืออี้คิดไปคิดมา เกรงว่าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนความคิดของฟู่ซิวเป่ยได้ และมีบทบาทสำคัญพอสมควรคนคนนั้นก็คือหลีเกอ"คุณฟู่" หลินซืออี้พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายฟู่ซิวเป่ย จากนั้นมองไปที่หลีเกอ ท่าทีของเธอยังคงมีความเคารพ "ประธานหลี"หลีเกอยิ้มตอบเธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของฟู่ซิวเป่ยหลินซืออี้ก็อุ้มกองเอกสารเดินตามเข้ามาด้วย "คุณฟู่ เอกสารของแผนกขายบางส่วนนี้ต้องรอให้คุณเซ็นชื่อค่ะ"ฟู่ซิวเป่ยทำสัญญาณเชิญให้นั่งลง จากนั้นหยิบปากกาขึ้นมา มือใหญ่ของเขาขยับว่องไว ตวัดเซ็นชื่อของตัวเองลงไปอย่างมั่นคงช่วงนี้ฟู่ซิวเป่ยไม่ค่อยเข้ามาที่บริษัท มีงานค้างอยู่มากมายที่ยังไม่ได้จัดการ หลีเกอนั่งรอเขาอยู่ตรงโซฟาหยิบนิตยสารมาพลิกดูผ่าน ๆ ด้วยความเบื่อหน่ายจนกระทั่งฟู่ซิวเป่ยจัดการเสร็จ หลีเกอก็ทนความง่วงไม่ไหว ผล็อยหลับไปบนโซฟาก่อน
คำว่าพี่ซิวเป่ย ทำให้หัวใจของฟู่ซิวเป่ยพองฟูอย่างบอกไม่ถูก เขาจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ขี่ม้าเล่นอยู่ในบริเวณคฤหาสน์ดวงตาของหลีเกอน้อยกวาดมองไปรอบ ๆ ถามคำถามมากมาย"พี่ซิวเป่ย ทำไมเจ้าม้าน้อยถึงไม่พูดกับเราเลยล่ะ?""ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า""ทำไมนกถึงบินได้""ทำไมโลกนี้มีเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิง""..."หลีเกอตัวน้อยเหมือนเป็นเจ้าหนูจำไมที่ในหัวมีคำถามมากมายหลายหมื่นคำถาม แต่ฟู่ซิวเป่ยตัวน้อยกลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย ตอบเธอทีละคำถามด้วยความอดทน"ว้าว พี่ซิวเป่ยเก่งจัง รู้ทุกอย่างเลย"หลีเกอตัวน้อยมองเขาด้วยความชื่นชม ดวงตาของเธอเป็นประกายสดใส ฟู่ซิวเป่ยตัวน้อยรู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุดน้องสาวคนนี้ช่างน่ารักจนใจเจ็บ"...เสี่ยวเกอ เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ตลอดไปได้ไหม?"หลีเกอตัวน้อยส่ายหัว "ไม่ได้" พูดจบ เธอก็ใช้นิ้วมือนับเลขอย่างจริงจัง "ที่บ้านหนูมีพี่ชายสามคน... รวมพี่ซิวเป่ยด้วย ตอนนี้หนูมีพี่ชายสี่คนแล้ว"สีหน้าของฟู่ซิวเป่ยห่อเหี่ยวลงทันทีความหึงหวงพุ่งขึ้นมา"เธอมีพี่ชายสามคนแล้วเหรอ... แต่พี่มีเธอเป็นน้องสาวคนเดียวนะ"ดวงตาของหลีเกอตัวน้อยกลอกไปมา สุดท้า
"ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของฟู่ซิวเป่ยเขาเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเสียมารยาทไปชั่วขณะเห็นว่าหลีเกอหลับสนิท ฟู่ซิวเป่ยจึงไม่รบกวนเธอ แต่เดินไปที่ประตู กีดกันกลุ่มคนที่กำลังจะเข้ามารายงานความคืบหน้าของงานไว้ที่หน้าประตู "...ถ้าเป็นเรื่องงาน ค่อยไปจัดการในห้องประชุมทั้งหมด"ทุกคนมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนสถานที่ชั่วคราว แต่ก็ยังเดินไปที่ห้องประชุมอย่างเชื่อฟังหลีเกอนอนหลับสนิททีเดียว จนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมา ห้องทำงานขนาดใหญ่กลับว่างเปล่า เธอลุกขึ้น ทันใดนั้นผ้าห่มผืนบางก็ร่วงลงมาที่พื้นหลีเกอรีบหยิบขึ้นมาแล้วลุกขึ้น วินาทีถัดมา ประตูสำนักงานก็ถูกผลักเปิด ฟู่ซิวเป่ยเดินเข้ามา สบตากันพอดี เสียงทุ้มต่ำของเขาทักทาย "ตื่นแล้วเหรอ?"หลีเกออึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกเขินอาย "ฉันหลับไปนานไหมคะ?""อืม สักพักใหญ่..."ฟู่ซิวเป่ยเดินไปหาเธอโดยตรง มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ "อยากออกไปเดินเล่นหน่อยไหม?"หลีเกอประหลาดใจ "ได้เหรอคะ?""อยู่แล้ว"หลังจากได้รับคำตอบยืนยัน หลีเกอก็พยักหน้า จากนั้นฟู่ซิวเป่ยก็พาเธอไปทัวร์ทั่วบริษัทเอฟแอลกรุ๊ป
"เอาตรง ๆนะ ฉันว่าเป็นอย่างนั้นชัวร์แปดสิบเปอร์เซ็นต์... ทำไมคุณฟู่ต้องหันมาสนใจเลขาฯ ล่ะ ถ้าจะหาคู่ครองทั้งที ก็ควรจะเป็นคนที่ฐานะสมกันอย่างคุณหนูหลีสิถึงจะเหมาะสม""..."หลินซืออี้ยืนอยู่หน้าประตู ฟังพนักงานพูดคุยกัน หัวใจรู้สึกปั่นป่วน มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ข้างลำตัวกำแน่นโดยไม่รู้ตัวดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองอีกด้านหนึ่ง หลีเกอและฟู่ซิวเป่ยเดินสำรวจบริษัทจนทั่ว หลีเกอพอจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทโดยคร่าวแล้วฟู่ซิวเป่ยพูดต่อ "เป็นยังไงบ้าง? คุณหนูหลี สนใจจะร่วมมือหรือยัง"หลีเกอยกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า "ต้องคิดด้วยเหรอคะ อย่าปล่อยให้เงินทองไหลไปสู่มือคนอื่นเลย เราตกลงกันตรงนี้เลยดีกว่า"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้า "ดี! งั้นพรุ่งนี้ก็ให้พนักงานของทั้งสองบริษัทมาประสานงานกัน แล้วรีบเซ็นสัญญากันให้เร็วที่สุด""ได้เลยค่ะ! พี่ซิวเป่ย เราทำงานกันได้มีประสิทธิภาพดีจริง ๆ""..."ทั้งสองคนเดินไปตามทางพลางพูดคุยกัน ฟู่ซิวเป่ยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "คุยเรื่องงานเสร็จแล้ว ออกไปพักผ่อนข้างนอกกันไหม?"ดวงตาของหลีเกอเต็มไปด้วยความสนใจ "พี่ซิวเป่ย อยากพาฉันไปไหนเหรอคะ?"ฟู่ซิวเป
ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับ "...เธอเข้าไปคนเดียวเถอะ"ฮั่วอวิ๋นเจินกัดริมฝีปากล่างเมื่อเห็นว่าฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจ ก็เลยเดินตามอยู่ข้าง ๆ ไม่นานลูกค้าที่พวกเขาพูดถึงอย่างประธานหูก็มาถึง"ขอโทษด้วยนะครับ ประธานฮั่ว ผมมาช้าไปหน่อย"ฮั่วจิ้นเฉิงรักษาความเป็นมืออาชีพได้ดีเยี่ยม ท่าทางไม่เย่อหยิ่งหรือชักสีหน้า ยื่นมือออกไปหาประธานหู"ประธานหู ไม่เป็นไรเลยครับ ได้ยินมาว่าคุณชอบขี่ม้า วันนี้เลยถือโอกาสนัดคุยกันที่สนามแข่งม้าโดยเฉพาะเสีย คาดหวังว่าจะได้เห็นท่วงท่าการขี่ม้าของประธานหูนะครับ""ประธานฮั่วเกรงใจเกินไปแล้วครับ ได้ยินมาว่าประธานฮั่วเองก็พอมีความรู้เรื่องการขี่ม้าอยู่บ้างเหมือนกัน วันนี้เราต้องมาประลองกันสักหน่อยแล้ว"ทั้งสองคนพูดคุยกันเดินไปที่สนามแข่งม้าไปพลางฮั่วอวิ๋นเจินไม่สนใจการขี่ม้า จึงแยกไปนั่งพักที่โซนพักผ่อน"เด็กเสิร์ฟ ขอเครื่องดื่มให้ฉันหน่อย..."ฮั่วอวิ๋นเจินพูดกับพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ด้านหลัง แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา เงยหน้าขึ้นมองไปทางสนามแข่งม้า วินาทีถัดมา สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเงาที่คุ้นเคยฮั่วอวิ๋นเจินผุดลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัวดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง"ห
ประธานหูพยักหน้ารัว"มาเจรจาความร่วมมือกับประธานฮั่วจากฮั่วกรุ๊ปน่ะครับ แล้วถือโอกาสขี่ม้าด้วยสักหน่อย คุณฟู่สนใจไหมครับ? เราไปด้วยกันได้นะ?"แต่ฟู่ซิวเป่ยกลับปฏิเสธทันที"ขอโทษครับ ผมไม่สะดวก"ประธานหูหันไปมองหลีเกอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็เข้าใจทันที "เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วครับ งั้นคุณฟู่ ผมขอตัวก่อนนะครับ เอาไว้ค่อยนัดหมายวันว่างกันใหม่"หลังจากทักทายฟู่ซิวเป่ยแล้ว ประธานหูก็จากไป"คุณฮั่ว เราไปกันเถอะครับ"ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับเสียงเย็นชา "ไม่ไปแล้วครับ ประธานหู ความร่วมมือของเราจบลงเท่านี้"ประธานหูงงเป็นไก่ตาแตก"คุณฮั่ว เมื่อกี้คุณยังไม่ได้พูดแบบนี้เลยนะครับ?"ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า "คุณก็พูดเองนี่ครับ ว่าเมื่อกี้"ประธานหูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าตัวเองทำผิดตรงไหน แต่ด้วยอำนาจบารมีของฮั่วกรุ๊ป ทำให้เขาก็ไม่กล้าแสดงความโกรธออกมาอย่างเปิดเผยได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดก่อนจะหันหลังเดินจากไปฮั่วจิ้นเฉิงยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขากลับจ้องไปที่หลีเกอราวกับเปลวไฟที่ลุกโชนพร้อมจะแผดเผาเธอหลีเกอรับรู้สายตาของเขา จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น แล้วก็สบตาก
ฮั่วอวิ๋นเจินโกรธมาก พูดจาด่าทอไม่หยุดปาก"คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้มันต้องอับอายกันไปข้าง"ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้วแล้วคว้าแขนเธอไว้ "เธอทำอะไร?"ฮั่วอวิ๋นเจินยังไม่ทันได้ตอบ ทางคอกม้าก็มีเสียงหลีเกอกรีดร้องดังลั่น "กรี๊ด…"เดิมทีหลีเกอตั้งใจจะไปให้อาหารม้า แต่ไม่รู้ว่าทำไมม้าถึงแตกตื่นแล้วพุ่งตรงมาหาหลีเกอสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้ทำให้หลีเกอตกใจจนลืมตอบสนอง เห็นว่าม้ากำลังจะพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว แต่จะกระโดดหนีก็ช้าไปแล้วฟู่ซิวเป่ยรีบเข้าไปปกป้องเธอ แล้วก็ดึงเธอลงไปกอดไว้แน่น"ระวัง…"แต่เจ้าม้าขาวกลับโกรธมาก มันกระตุกเชือกอย่างแรงราวกับจะพุ่งออกจากคอกม้าให้ได้หลีเกอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเธอคลุกคลีกับม้ามาหลายปีแล้ว รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าม้าตัวนี้ไม่ปกติ "พี่ซิวเป่ย ม้าตัวนี้มีปัญหา"ฟู่ซิวเป่ยก็รู้สึกได้เช่นกัน"ปกติเจ้าม้าขาวมีนิสัยอ่อนโยนมาก ไม่เคยคลั่งแบบนี้"ทันทีที่พูดจบ ฮั่วจิ้นเฉิงก็รีบวิ่งเข้ามา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย "หลีเกอ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม"ม้าขาวเห็นฮั่วอวิ๋นเจินที่วิ่งตามเข้ามา มันก็ออกแรงดึงรั้งเชือกอย่างแรงแล้วก็พุ่งเข้าไปหาเสาข้า
"หลีเกอคนนี้เป็นตัวซวยของครอบครัวเราจริง ๆ เลย เราไปทำอะไรให้ เธอถึงได้ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า""คุณแม่คะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปทวงความแค้นจากมันให้ได้...""ลูกได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แม้แต่สนามแข่งม้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย"ฮั่วอวิ๋นเจินเหมือนคว้าจุดอ่อนได้ "คุณแม่คะ สนามแข่งม้านั่นก็เป็นธุรกิจของแฟนใหม่นังหลีเกอ พวกมันต้องรวมหัวกันแน่ ๆ""นี่มันเกินไปแล้ว! คิดว่าตระกูลฮั่วของเราเล่นงานได้ง่าย ๆ หรือไง?!"กัวเหลียนโกรธจนหน้าแดง เธอมีลูกสาวคนเดียว ตอนนี้ลูกสาวสุดดวงใจก็ถูกคนอื่นรังแกอย่างโหดเหี้ยม!เมื่อพูดจบ กัวเหลียนก็หุนหันจะออกไปข้างนอก!แต่ในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงกลับยืนขวางอยู่ที่หน้าประตู กัวเหลียนหัวเราะเสียงเย็น "จิ้นเฉิง เธอก็ได้ยินแล้วนี่ว่านังสารเลวหลีเกอนั่นเป็นคนทำ ครั้งนี้เธอต้องไม่ปล่อยมันไปนะ"ฮั่วจิ้นเฉิงยิ้มมุมปาก แต่กลับเป็นรอยเย้ยหยัน "ป้าสะใภ้ใหญ่ ผมว่าคุณไม่ค่อยรู้จักลูกสาวตัวเองเท่าไหร่เลยนะ"กัวเหลียนไม่เข้าใจ "หมายความว่ายังไง?"ฮั่วจิ้นเฉิงพูดตรง ๆ "ตอนนั้นผมเองก็อยู่ที่นั่นด้วย"กัวเหลียนตกใจสุดขีด พูดโดยไม่ทันคิด "จิ้นเฉิง ช่วงเวลาแบบนี้เธอคงไม่เข้าข้าง