ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับ "...เธอเข้าไปคนเดียวเถอะ"ฮั่วอวิ๋นเจินกัดริมฝีปากล่างเมื่อเห็นว่าฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจ ก็เลยเดินตามอยู่ข้าง ๆ ไม่นานลูกค้าที่พวกเขาพูดถึงอย่างประธานหูก็มาถึง"ขอโทษด้วยนะครับ ประธานฮั่ว ผมมาช้าไปหน่อย"ฮั่วจิ้นเฉิงรักษาความเป็นมืออาชีพได้ดีเยี่ยม ท่าทางไม่เย่อหยิ่งหรือชักสีหน้า ยื่นมือออกไปหาประธานหู"ประธานหู ไม่เป็นไรเลยครับ ได้ยินมาว่าคุณชอบขี่ม้า วันนี้เลยถือโอกาสนัดคุยกันที่สนามแข่งม้าโดยเฉพาะเสีย คาดหวังว่าจะได้เห็นท่วงท่าการขี่ม้าของประธานหูนะครับ""ประธานฮั่วเกรงใจเกินไปแล้วครับ ได้ยินมาว่าประธานฮั่วเองก็พอมีความรู้เรื่องการขี่ม้าอยู่บ้างเหมือนกัน วันนี้เราต้องมาประลองกันสักหน่อยแล้ว"ทั้งสองคนพูดคุยกันเดินไปที่สนามแข่งม้าไปพลางฮั่วอวิ๋นเจินไม่สนใจการขี่ม้า จึงแยกไปนั่งพักที่โซนพักผ่อน"เด็กเสิร์ฟ ขอเครื่องดื่มให้ฉันหน่อย..."ฮั่วอวิ๋นเจินพูดกับพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ด้านหลัง แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา เงยหน้าขึ้นมองไปทางสนามแข่งม้า วินาทีถัดมา สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเงาที่คุ้นเคยฮั่วอวิ๋นเจินผุดลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัวดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง"ห
ประธานหูพยักหน้ารัว"มาเจรจาความร่วมมือกับประธานฮั่วจากฮั่วกรุ๊ปน่ะครับ แล้วถือโอกาสขี่ม้าด้วยสักหน่อย คุณฟู่สนใจไหมครับ? เราไปด้วยกันได้นะ?"แต่ฟู่ซิวเป่ยกลับปฏิเสธทันที"ขอโทษครับ ผมไม่สะดวก"ประธานหูหันไปมองหลีเกอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็เข้าใจทันที "เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วครับ งั้นคุณฟู่ ผมขอตัวก่อนนะครับ เอาไว้ค่อยนัดหมายวันว่างกันใหม่"หลังจากทักทายฟู่ซิวเป่ยแล้ว ประธานหูก็จากไป"คุณฮั่ว เราไปกันเถอะครับ"ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับเสียงเย็นชา "ไม่ไปแล้วครับ ประธานหู ความร่วมมือของเราจบลงเท่านี้"ประธานหูงงเป็นไก่ตาแตก"คุณฮั่ว เมื่อกี้คุณยังไม่ได้พูดแบบนี้เลยนะครับ?"ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า "คุณก็พูดเองนี่ครับ ว่าเมื่อกี้"ประธานหูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าตัวเองทำผิดตรงไหน แต่ด้วยอำนาจบารมีของฮั่วกรุ๊ป ทำให้เขาก็ไม่กล้าแสดงความโกรธออกมาอย่างเปิดเผยได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดก่อนจะหันหลังเดินจากไปฮั่วจิ้นเฉิงยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขากลับจ้องไปที่หลีเกอราวกับเปลวไฟที่ลุกโชนพร้อมจะแผดเผาเธอหลีเกอรับรู้สายตาของเขา จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น แล้วก็สบตาก
ฮั่วอวิ๋นเจินโกรธมาก พูดจาด่าทอไม่หยุดปาก"คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้มันต้องอับอายกันไปข้าง"ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้วแล้วคว้าแขนเธอไว้ "เธอทำอะไร?"ฮั่วอวิ๋นเจินยังไม่ทันได้ตอบ ทางคอกม้าก็มีเสียงหลีเกอกรีดร้องดังลั่น "กรี๊ด…"เดิมทีหลีเกอตั้งใจจะไปให้อาหารม้า แต่ไม่รู้ว่าทำไมม้าถึงแตกตื่นแล้วพุ่งตรงมาหาหลีเกอสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้ทำให้หลีเกอตกใจจนลืมตอบสนอง เห็นว่าม้ากำลังจะพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว แต่จะกระโดดหนีก็ช้าไปแล้วฟู่ซิวเป่ยรีบเข้าไปปกป้องเธอ แล้วก็ดึงเธอลงไปกอดไว้แน่น"ระวัง…"แต่เจ้าม้าขาวกลับโกรธมาก มันกระตุกเชือกอย่างแรงราวกับจะพุ่งออกจากคอกม้าให้ได้หลีเกอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเธอคลุกคลีกับม้ามาหลายปีแล้ว รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าม้าตัวนี้ไม่ปกติ "พี่ซิวเป่ย ม้าตัวนี้มีปัญหา"ฟู่ซิวเป่ยก็รู้สึกได้เช่นกัน"ปกติเจ้าม้าขาวมีนิสัยอ่อนโยนมาก ไม่เคยคลั่งแบบนี้"ทันทีที่พูดจบ ฮั่วจิ้นเฉิงก็รีบวิ่งเข้ามา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย "หลีเกอ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม"ม้าขาวเห็นฮั่วอวิ๋นเจินที่วิ่งตามเข้ามา มันก็ออกแรงดึงรั้งเชือกอย่างแรงแล้วก็พุ่งเข้าไปหาเสาข้า
"หลีเกอคนนี้เป็นตัวซวยของครอบครัวเราจริง ๆ เลย เราไปทำอะไรให้ เธอถึงได้ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า""คุณแม่คะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปทวงความแค้นจากมันให้ได้...""ลูกได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แม้แต่สนามแข่งม้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย"ฮั่วอวิ๋นเจินเหมือนคว้าจุดอ่อนได้ "คุณแม่คะ สนามแข่งม้านั่นก็เป็นธุรกิจของแฟนใหม่นังหลีเกอ พวกมันต้องรวมหัวกันแน่ ๆ""นี่มันเกินไปแล้ว! คิดว่าตระกูลฮั่วของเราเล่นงานได้ง่าย ๆ หรือไง?!"กัวเหลียนโกรธจนหน้าแดง เธอมีลูกสาวคนเดียว ตอนนี้ลูกสาวสุดดวงใจก็ถูกคนอื่นรังแกอย่างโหดเหี้ยม!เมื่อพูดจบ กัวเหลียนก็หุนหันจะออกไปข้างนอก!แต่ในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงกลับยืนขวางอยู่ที่หน้าประตู กัวเหลียนหัวเราะเสียงเย็น "จิ้นเฉิง เธอก็ได้ยินแล้วนี่ว่านังสารเลวหลีเกอนั่นเป็นคนทำ ครั้งนี้เธอต้องไม่ปล่อยมันไปนะ"ฮั่วจิ้นเฉิงยิ้มมุมปาก แต่กลับเป็นรอยเย้ยหยัน "ป้าสะใภ้ใหญ่ ผมว่าคุณไม่ค่อยรู้จักลูกสาวตัวเองเท่าไหร่เลยนะ"กัวเหลียนไม่เข้าใจ "หมายความว่ายังไง?"ฮั่วจิ้นเฉิงพูดตรง ๆ "ตอนนั้นผมเองก็อยู่ที่นั่นด้วย"กัวเหลียนตกใจสุดขีด พูดโดยไม่ทันคิด "จิ้นเฉิง ช่วงเวลาแบบนี้เธอคงไม่เข้าข้าง
คำพูดนี้เต็มไปด้วยความอ่อนแอบางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถชดเชยด้วยคำพูดลอย ๆ ได้หลีเกอขมวดคิ้วมุมปากของเธอปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ "คนที่ทำผิดไม่ใช่คุณฮั่ว คุณฮั่วจะขอโทษแทนทำไมคะ?"ฮั่วจิ้นเฉิงส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า "คำขอโทษนี้แทนความผิดทั้งหมดของผมในอดีต!""พอเถอะ คุณฮั่ว!"หลีเกอพูดแล้วมองไปยังกัวเหลียนที่อยู่ไม่ไกลนัก "ฉันตั้งใจว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด""ได้ ผมสนับสนุนการตัดสินใจของคุณทุกอย่าง"คำพูดของฮั่วจิ้นเฉิงแสดงให้เห็นถึงทัศนคติของเขาอย่างชัดเจน กัวเหลียนตกใจ "จิ้นเฉิง แกจะร่วมมือกับผู้หญิงคนนี้ลงโทษอวิ๋นเจินงั้นเหรอ? คนที่นอนอยู่บนเตียงคือลูกพี่ลูกน้องของแกนะ!"ฮั่วจิ้นเฉิงไม่ยอมสบตา "ทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง""...อวิ๋นเจินไปทำอะไรนักหนาแกถึงได้ทำกับเธอแบบนี้! คนที่นอนเจ็บอยู่นั่นพี่สาวแกนะ!"กัวเหลียนโกรธจนตัวสั่น "ฉันไม่สนว่าพวกแกจะเข้าขากันยังไง แต่ห้ามแตะอวิ๋นเจินแม้แต่นิ้วเดียว"หลีเกอไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า "เราไม่ทำอะไรหรอก แต่ตำรวจไม่แน่..."เมื่อพูดจบ เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบสองนายก็เดินเข้ามา"ทางเราได้รับแจ้งว่า
ฟู่ซิวเป่ยกลับหัวเราะเสียงเย็น พูดชัดถ้อยชัดคำกลับไป "ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมาดูกัน ว่าใครมาก่อน แล้วใครกันแน่ที่มาทีหลัง!"ดวงตาของฮั่วจิ้นเฉิงไหววูบด้วยความสงสัย!"คุณฟู่ คำพูดของคุณหมายความว่ายังไง?"ฟู่ซิวเป่ยไม่คิดจะปิดบังเลย พูดตรงไปตรงมา "สามปีมันนานพอแล้ว ฮั่วจิ้นเฉิง ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมยกหลีเกอให้คุณอีก"คำพูดของฟู่ซิวเป่ยชัดเจนทุกคำ หลีเกอเงยหน้าขึ้นมองเขา รู้สึกเหมือนตัวเองพลาดอะไรบางอย่างไปฮั่วจิ้นเฉิงนิ่งฟังคำพูดของเขาจากนั้นก็ยิ้มหยัน"คุณน่ะเหรอ? คนแซ่ฟู่ อย่าลืมสิว่าที่นี่เป็นอาณาจักรของใคร?"ฟู่ซิวเป่ยตอบกลับอย่างไม่รีบร้อน "ถ้าพูดถึงเมื่อก่อน อำนาจทั้งหมดอาจจะเป็นของตระกูลฮั่ว""แต่ตอนนี้และในอนาคต คุณชายฮั่ว ลองวัดกันได้เลย!"บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นดินปืนมาคุพร้อมจะปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ!ฮั่วจิ้นเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย ความรู้สึกเมื่อได้พบกับศัตรูที่สูสีกันนั้นเป็นอะไรที่ชวนให้เอาชนะมาก! เขาไม่ได้ต่อสู้กับใครที่แข็งแกร่งขนาดนี้มานานแล้ว"อยากแข่งกับผมงั้นเหรอ? ผม ฮั่วจิ้นเฉิง ไม่เคยแพ้ใครตั้งแต่เด็กจนโต...""หลีเกอ ผมจะต้องได้คุณคืนมา""ฟู่ซิวเป่ย ผมจะทำให้ค
ฟู่ซิวเป่ยจ้องมองตรงไปข้างหน้า สองมือจับพวงมาลัยแน่น พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งที่สุด"ทำตามหัวใจตัวเองเถอะ ต่อให้ในใจคุณไม่มีผม จะมองว่าผมเป็นพี่ชายตลอดไปก็ได้!""ไม่ต้องฝืนความรู้สึกตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ"หลีเกอรู้ดี ในโลกนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจเธอมากที่สุดเธอไม่อยากทำให้ความรู้สึกนี้ต้องสูญเปล่าดังนั้น เธอลองกล้าก้าวออกไปสักก้าวหนึ่งดีไหม?"...เข้าใจแล้วค่ะ พี่ซิวเป่ย"ฟู่ซิวเป่ยยิ้มปลอบ"...พรุ่งนี้ ผมจะให้ผู้รับผิดชอบโครงการตานตงของบริษัทมาที่ตี้เซิ่ง แล้วเราค่อยเซ็นสัญญากัน"หลีเกอเห็นว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว ครึ่งจังหวะหลังเธอถึงได้สติตอบสนอง"ได้สิคะ ประธานฟู่ ขอให้ความร่วมมือระหว่างเราราบรื่น"วันรุ่งขึ้นตัวแทนของบริษัทเอฟแอลกรุ๊ปก็มาที่บริษัทตี้เซิ่งแต่เช้าสิบโมงตรงผู้รับผิดชอบโครงการของทั้งสองบริษัทก็ลงนามในสัญญา"ประธานฟู่ ต่อจากนี้ไป สองบริษัทของเราถือเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ในด้านธุรกิจคงต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่น้อยเลย" หลีเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม ฟู่ซิวเป่ยจ้องมองเธอ แล้วพูดว่า
สายตาของฟู่ซิวเป่ยมืดลงเขากำชับให้หลีเกอหยุดยืนอยู่เฉย ๆแล้วก็เดินอ้อมไปที่เบาะฝั่งคนขับคนขับสวมชุดผู้ป่วยในของโรงพยาบาลสักแห่ง ร่างกายผอมแห้ง เป็นผู้หญิง เลือดไหลออกมาจากบริเวณศีรษะ คว่ำหน้าฟุบพวงมาลัยอยู่ที่เบาะคนขับ ไม่ขยับเขยื้อนจนกระทั่งฟู่ซิวเป่ยผลักเธอให้หงายไปด้านหลัง ถึงมองเห็นใบหน้าของเธอ"เธอนั่นเอง..."หลีเกอก็มองเห็นคนที่อยู่บนเบาะคนขับเช่นเดียวกันฮั่วอวิ๋นเจิน"...เธอออกมาได้ยังไง แล้วเมื่อกี้เธอ…??"ความคิดร้ายแรงผุดขึ้นมาในหัว!"เธอถึงกับจะฆ่าฉันเลยเหรอ?" หลีเกอพึมพำเธอเพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนนี้ทั้งหมดนี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ!มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นการฆาตกรรม!ฮั่วอวิ๋นเจินอยากฆ่าเธอ?หัวใจหลีเกอเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว เสี้ยววินาทีเมื่อกี้นี้เธอเกือบ...ถ้าเมื่อกี้ฟู่ซิวเป่ยไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วช่วยผลักเธอออกไป ปกป้องเธอเอาไว้เธอคงจะ...หลีเกอไม่กล้าคิดฉากต่อจากนั้นแต่หัวใจของเธอกลับเต้นแรงเพราะอกสั่นขวัญแขวน!ฟู่ซิวเป่ยเข้าใจอารมณ์เธอดี เขาเดินไปโอบไหล่พร้อมกับปลอบโยนเธอ "ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว!"จังหวะนั้นเธอรู้สึกสบายใจขึ้นทันทีเจ้าหน้าที