"ออกมาเพื่ออาละวาดน่ะเหรอ?" หลีเกอเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงใจสีหน้าของเฉียวซีอวิ๋นเปลี่ยนไป แต่ก็อดกลั้นความโกรธในอกไว้ มุมปากยกยิ้มหยัน "รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงออกมาได้?""จิ้นเฉิงยอมควักเงินประกันตัวไม่อั้นเพื่อฉัน เข้าใจหรือยังล่ะหลีเกอ ในใจของจิ้นเฉิงมีแต่ฉันคนเดียวมาตลอด ส่วนเธอก็แค่เมียเก่าที่เขาเกลียดชัง"เมื่อได้ยินแบบนั้น หลีเกอไม่ได้โกรธ ไม่โมโหใด ๆ ยกแขนกอดอก สีหน้าไม่สะทกสะท้าน"งั้นก็ขอความกรุณาล่ามโซ่ให้อยู่กับที่ด้วย อย่าออกมาไล่กัดคนอื่นอีกเลย""แก!" เฉียวซีอวิ๋นกัดฟัน จ้องมองหลีเกออย่างดุร้าย "ฉันจะบอกอะไรให้ หลีเกอ ที่ผ่านมาฉันต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน ฉันก็จะให้เธอได้ลิ้มรสด้วยเหมือนกัน""ถ้าเธออยากเข้าคุกอีกรอบก็ลองดูสิ"คำพูดของหลีเกอมีพลังข่มขวัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเฉียวซีอวิ๋นที่เพิ่งออกจากคุกมา คำพูดนี้ไม่ต่างอะไรกับการกางอาณาเขตร่างกายของเฉียวซีอวิ๋นสั่นสะท้านเธอไม่อยากเหยียบย่างเข้าไปในคุกอีกเลยตลอดชีวิตนี้"...แก ระวังไว้ให้ดีเถอะ"เฉียวซีอวิ๋นพูดจาข่มขู่บ้างแต่ทันทีที่เธอพูดจบหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านหลังกลับเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวประคองถ้วยก
"ชุดหลักที่จัดแสดงในงานแฟชั่นโชว์ที่ปินเฉิงก่อนหน้านี้ เป็นผลงานการออกแบบของคุณใช่ไหม! มันยอดเยี่ยมมากเลย ฉันได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับคุณเยอะเลยตั้งแต่ตอนอยู่ที่ประเทศ F"พูดจบ จินชั่นชั่นก็ยื่นมือมาหาหลีเกอ "สวัสดีค่ะ ฉัน จินชั่นชั่น!""สวัสดีค่ะ คุณจิน ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับคำเตือนสติที่กล้าหาญของคุณเมื่อกี้มากเลยนะคะ ถ้าวันข้างหน้าคุณอยากมาเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ร้านของเราในอนาคต ฉันจะลดราคาให้เฉพาะคุณแปดเปอร์เซ็นต์"จินชั่นชั่นยิ้มยินดี พูดติดตลก "แค่พูดความจริงสองสามคำ ดูเหมือนว่าจะได้กำไรไม่น้อยเลยนะ""คุณต้องการชุดราตรีแบบสั่งตัดพิเศษด้วยใช่ไหมคะ?" หลีเกอถามดวงตาของจินชั่นชั่นเจือรอยยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็พูดว่า "ฉันอยากสั่งตัดชุดราตรีเครื่องลายครามแบบเดียวกันกับในงานแฟชั่นโชว์เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม ฉันเลยนึกถึงคุณเป็นคนแรก พอจะมีเวลาช่วยตัดให้ฉันหรือเปล่า?""แน่นอนค่ะ ฉันจะวัดตัวให้คุณตอนนี้เลย"หลีเกอวัดตัวให้จินชั่นชั่น ทั้งสองสาวพูดคุยกันถูกคอก่อนจากไป จินชั่นชั่นยื่นนามบัตรให้กับหลีเกอ "...ถ้าชุดเสร็จเมื่อไหร่ อย่าลืมโทรหาฉัน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะคะ"หลีเกอรับมา "ด้
แต่ฮั่วจิ้นเฉิงยังคงจ้องไปยังทิศทางที่หลีเกอจากไป ถามกลับ "เฉียวซีอวิ๋น คุณจงใจใช่ไหม? คุณรู้ว่าหลีเกออยู่ที่นี่ ก็เลยจงใจเรียกผมมาแสดงละครลิงให้เธอเห็นเหรอ?""...จิ้นเฉิง เข้าใจผิดแล้ว!""พอเถอะ ผมรู้ดีว่าคุณเป็นคนยังไง"“ที่ผมยอมประกันตัวคุณออกมา ไม่ใช่ให้คุณมาที่นี่เพื่อแสดงความเย่อหยิ่งและหยาบคายนะ""ขอเตือนคุณไว้เลย อยู่ให้ห่างจากหลีเกอมากเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่อย่างนั้น ผมจะส่งคุณกลับเข้าไปเอง""..."เฉียวซีอวิ๋นโกรธมาก เธออยากจับแขนฮั่วจิ้นเฉิง แต่เขากลับสะบัดออก "พอซะที อย่ามาเสแสร้งทำตัวน่าสงสารที่นี่ บัตรเครดิตผมก็ให้คุณไปแล้ว อยากซื้ออะไรก็ซื้อเอง ครั้งหน้าอย่าโทรหาผมอีก"หลังจากพูดประโยคนี้จบ ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่สนใจสีหน้าที่น่าเกลียดของเฉียวซีอวิ๋น ทิ้งไว้เพียงแค่แผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยวให้เธอมองตามในรถฮั่วจิ้นเฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก "ผมให้คุณตามดูเฉียวซีอวิ๋น มีความคืบหน้าอะไรบ้าง?""คุณฮั่ว ตอนนี้ยังไม่มีข่าวอะไรครับ...""คอยดูให้ดี ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไร รายงานให้ผมรู้ทันที""ครับ คุณฮั่ว"หลังจากวางสาย ฮั่วจิ้นเฉิงก็โยนโทรศัพท์ไปด้านข้างเขาเงยหน้าขึ้น
ฟู่ซิวเป่ยกลับไม่แสดงอาการใด ๆ เขาส่งเมนูให้เธอโดยตรง "เอาแค่นี้แหละ! ถ้าอยากกินอะไรเพิ่มเติมค่อยสั่งทีหลัง"หลังจากพนักงานเสิร์ฟเดินจากไปหลีเกอจึงวางแก้วน้ำลง แล้วพูดว่า "พี่ซิวเป่ย ทำไมคุณรู้ว่าฉันไม่กินต้นหอมกับขิง?"แม้แต่ฮั่วจิ้นเฉิงที่แต่งงานกับเธอมาตั้งสามปียังไม่รู้เรื่องนี้เลยฟู่ซิวเป่ยรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?ฟู่ซิวเป่ยเงยหน้าขึ้น ดวงตาลึกล้ำของเขามองไปเธอ ก่อนจะพูดในที่สุดว่า "พี่ชายคุณเคยบอก""พี่ชายเหรอ?"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้าเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ไม่ได้บอกตรง ๆ ว่ารายละเอียดเหล่านี้เป็นผลมาจากการสังเกตอย่างละเอียดของเขาเองหลีเกอก็ไม่สงสัย"หลีเกอ นั่นเธอเหรอ?" จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น ทำให้หลีเกอเผลอขมวดคิ้ว จากนั้นฮั่วซวงซวงก็เดินมาหาหลีเกอเธอไม่สนใจสิ่งใด สายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเธอมองสลับไปมาระหว่างหลีเกอกับฟู่ซิวเป่ยในฐานะอาสาวของฮั่วจิ้นเฉิง เธอไม่ชอบหน้าหลีเกอมาโดยตลอด แต่ไม่คิดว่าหลังหลีเกอออกจากตระกูลฮั่วไปแล้วจะได้ผูกสัมพันธไมตรีกับชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมคนนี้"พวกเธอเป็นอะไรกัน?" ฮั่วซวงซวงถามหลีเกอไม่มีความรู้สึกในแง่บวกต่อคน
หลังจากครั้งนั้น หลินซืออี้ก็ถูกทางบริษัทปรับลดตำแหน่ง จากที่เคยเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของประธานบริษัท ตอนนี้ถูกย้ายไปเป็นหัวหน้าฝ่ายขายแทนหลินซืออี้ไม่พอใจเรื่องนี้อย่างยิ่งเธอแอบไปหาฟู่ซิวเป่ยหลายครั้ง แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างไม่ใยดีหลินซืออี้คิดไปคิดมา เกรงว่าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนความคิดของฟู่ซิวเป่ยได้ และมีบทบาทสำคัญพอสมควรคนคนนั้นก็คือหลีเกอ"คุณฟู่" หลินซืออี้พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายฟู่ซิวเป่ย จากนั้นมองไปที่หลีเกอ ท่าทีของเธอยังคงมีความเคารพ "ประธานหลี"หลีเกอยิ้มตอบเธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของฟู่ซิวเป่ยหลินซืออี้ก็อุ้มกองเอกสารเดินตามเข้ามาด้วย "คุณฟู่ เอกสารของแผนกขายบางส่วนนี้ต้องรอให้คุณเซ็นชื่อค่ะ"ฟู่ซิวเป่ยทำสัญญาณเชิญให้นั่งลง จากนั้นหยิบปากกาขึ้นมา มือใหญ่ของเขาขยับว่องไว ตวัดเซ็นชื่อของตัวเองลงไปอย่างมั่นคงช่วงนี้ฟู่ซิวเป่ยไม่ค่อยเข้ามาที่บริษัท มีงานค้างอยู่มากมายที่ยังไม่ได้จัดการ หลีเกอนั่งรอเขาอยู่ตรงโซฟาหยิบนิตยสารมาพลิกดูผ่าน ๆ ด้วยความเบื่อหน่ายจนกระทั่งฟู่ซิวเป่ยจัดการเสร็จ หลีเกอก็ทนความง่วงไม่ไหว ผล็อยหลับไปบนโซฟาก่อน
คำว่าพี่ซิวเป่ย ทำให้หัวใจของฟู่ซิวเป่ยพองฟูอย่างบอกไม่ถูก เขาจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ขี่ม้าเล่นอยู่ในบริเวณคฤหาสน์ดวงตาของหลีเกอน้อยกวาดมองไปรอบ ๆ ถามคำถามมากมาย"พี่ซิวเป่ย ทำไมเจ้าม้าน้อยถึงไม่พูดกับเราเลยล่ะ?""ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า""ทำไมนกถึงบินได้""ทำไมโลกนี้มีเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิง""..."หลีเกอตัวน้อยเหมือนเป็นเจ้าหนูจำไมที่ในหัวมีคำถามมากมายหลายหมื่นคำถาม แต่ฟู่ซิวเป่ยตัวน้อยกลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย ตอบเธอทีละคำถามด้วยความอดทน"ว้าว พี่ซิวเป่ยเก่งจัง รู้ทุกอย่างเลย"หลีเกอตัวน้อยมองเขาด้วยความชื่นชม ดวงตาของเธอเป็นประกายสดใส ฟู่ซิวเป่ยตัวน้อยรู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุดน้องสาวคนนี้ช่างน่ารักจนใจเจ็บ"...เสี่ยวเกอ เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ตลอดไปได้ไหม?"หลีเกอตัวน้อยส่ายหัว "ไม่ได้" พูดจบ เธอก็ใช้นิ้วมือนับเลขอย่างจริงจัง "ที่บ้านหนูมีพี่ชายสามคน... รวมพี่ซิวเป่ยด้วย ตอนนี้หนูมีพี่ชายสี่คนแล้ว"สีหน้าของฟู่ซิวเป่ยห่อเหี่ยวลงทันทีความหึงหวงพุ่งขึ้นมา"เธอมีพี่ชายสามคนแล้วเหรอ... แต่พี่มีเธอเป็นน้องสาวคนเดียวนะ"ดวงตาของหลีเกอตัวน้อยกลอกไปมา สุดท้า
"ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของฟู่ซิวเป่ยเขาเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเสียมารยาทไปชั่วขณะเห็นว่าหลีเกอหลับสนิท ฟู่ซิวเป่ยจึงไม่รบกวนเธอ แต่เดินไปที่ประตู กีดกันกลุ่มคนที่กำลังจะเข้ามารายงานความคืบหน้าของงานไว้ที่หน้าประตู "...ถ้าเป็นเรื่องงาน ค่อยไปจัดการในห้องประชุมทั้งหมด"ทุกคนมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนสถานที่ชั่วคราว แต่ก็ยังเดินไปที่ห้องประชุมอย่างเชื่อฟังหลีเกอนอนหลับสนิททีเดียว จนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมา ห้องทำงานขนาดใหญ่กลับว่างเปล่า เธอลุกขึ้น ทันใดนั้นผ้าห่มผืนบางก็ร่วงลงมาที่พื้นหลีเกอรีบหยิบขึ้นมาแล้วลุกขึ้น วินาทีถัดมา ประตูสำนักงานก็ถูกผลักเปิด ฟู่ซิวเป่ยเดินเข้ามา สบตากันพอดี เสียงทุ้มต่ำของเขาทักทาย "ตื่นแล้วเหรอ?"หลีเกออึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกเขินอาย "ฉันหลับไปนานไหมคะ?""อืม สักพักใหญ่..."ฟู่ซิวเป่ยเดินไปหาเธอโดยตรง มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ "อยากออกไปเดินเล่นหน่อยไหม?"หลีเกอประหลาดใจ "ได้เหรอคะ?""อยู่แล้ว"หลังจากได้รับคำตอบยืนยัน หลีเกอก็พยักหน้า จากนั้นฟู่ซิวเป่ยก็พาเธอไปทัวร์ทั่วบริษัทเอฟแอลกรุ๊ป
"เอาตรง ๆนะ ฉันว่าเป็นอย่างนั้นชัวร์แปดสิบเปอร์เซ็นต์... ทำไมคุณฟู่ต้องหันมาสนใจเลขาฯ ล่ะ ถ้าจะหาคู่ครองทั้งที ก็ควรจะเป็นคนที่ฐานะสมกันอย่างคุณหนูหลีสิถึงจะเหมาะสม""..."หลินซืออี้ยืนอยู่หน้าประตู ฟังพนักงานพูดคุยกัน หัวใจรู้สึกปั่นป่วน มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ข้างลำตัวกำแน่นโดยไม่รู้ตัวดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองอีกด้านหนึ่ง หลีเกอและฟู่ซิวเป่ยเดินสำรวจบริษัทจนทั่ว หลีเกอพอจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทโดยคร่าวแล้วฟู่ซิวเป่ยพูดต่อ "เป็นยังไงบ้าง? คุณหนูหลี สนใจจะร่วมมือหรือยัง"หลีเกอยกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า "ต้องคิดด้วยเหรอคะ อย่าปล่อยให้เงินทองไหลไปสู่มือคนอื่นเลย เราตกลงกันตรงนี้เลยดีกว่า"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้า "ดี! งั้นพรุ่งนี้ก็ให้พนักงานของทั้งสองบริษัทมาประสานงานกัน แล้วรีบเซ็นสัญญากันให้เร็วที่สุด""ได้เลยค่ะ! พี่ซิวเป่ย เราทำงานกันได้มีประสิทธิภาพดีจริง ๆ""..."ทั้งสองคนเดินไปตามทางพลางพูดคุยกัน ฟู่ซิวเป่ยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "คุยเรื่องงานเสร็จแล้ว ออกไปพักผ่อนข้างนอกกันไหม?"ดวงตาของหลีเกอเต็มไปด้วยความสนใจ "พี่ซิวเป่ย อยากพาฉันไปไหนเหรอคะ?"ฟู่ซิวเป