จนกระทั่งวันซ้อมใหญ่ก่อนถึงวันงานจริงเธอถึงได้รู้เรื่องนี้จากปากของเจี่ยงอีอี"ที่รัก ฉันได้ยินมาว่าสถานที่จัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากฮั่วกรุ๊ป ท่านประธานฮั่วจิ้นเฉิงจะเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์วันพรุ่งนี้ด้วย และจะกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานด้วยตัวเอง"หลีเกอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย"ฮั่วกรุ๊ปหันมาทำงานการกุศลตั้งแต่เมื่อไหร่?"เจี่ยงอีอีพูดแดกดันอย่างไม่เกรงใจ "คงเป็นเพราะเรื่องฉาวของฮั่วซินเมื่อครั้งก่อนแน่ ๆ การกระทำของหล่อนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลฮั่วในระดับหนึ่ง ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงน่ะสิ"หลีเกอร้องอ๋อออกมาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเธอเป็นแค่นักออกแบบหลักของงาน ภารกิจของเธอคือทำให้เสื้อผ้าทุกชุดในงานแฟชั่นโชว์พรุ่งนี้สามารถจัดแสดงได้อย่างราบรื่น"ที่รัก เธอว่า หรือฮั่วจิ้นเฉิงจะรู้ว่าเธอเป็นนักออกแบบหลักของงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ ถึงได้จงใจเอาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมกับงาน?"ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างนั้น"อีอี เธอคิดมากเกินไปแล้วมั้ง?"ฮั่วจิ้นเฉิงเป็นคนแบบไหนไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธออีกแล้วเขาไม่เคยสนใจเรื่องใด ๆ ของเธอเลย แล้วจะทำเรื่องที่แหวกขนบสามัญสำนึกแบ
งานแฟชั่นโชว์ในเมืองปินเฉิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก นักออกแบบหน้าใหม่ในวงการ และสื่อมวลชนจากทั้งในและต่างประเทศมาร่วมงานจำนวนมากผู้คนมากมายต่างเฝ้ารอคอยงานแฟชั่นโชว์ครั้งสำคัญนี้หลีเกอรีบมาถึงงานตั้งแต่เช้าตรู่ และทำงานยุ่งวุ่นวายอยู่หลังเวทีเจี่ยงอีอีก็อยู่เป็นเพื่อนเธอ คอยคุมช่างแต่งหน้าดูแลช่างแต่งหน้าให้กับนางแบบ และจัดชุดเสื้อผ้ากับนางแบบให้เข้าชุดกันงานโชว์ในวันนี้มีความสำคัญมาก เธอจึงต้องตรวจสอบทุกรายละเอียดอย่างใกล้ชิดห้ามไม่ให้มีข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นหลีเกอรู้สึกกังวลตลอดเวลาเจี่ยงอีอีเห็นดังนั้นจึงรีบยื่นน้ำให้เธอหนึ่งแก้ว "ที่รัก ดื่มน้ำหน่อยสิ!"หลีเกอรับมาพร้อมกับพูด "ขอบคุณนะ"หลังจากเตรียมงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองถึงค่อยโล่งใจ"แขกด้านหน้ามาเกือบครบแล้ว เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนแฟชั่นโชว์จะเริ่ม เธอไปพักผ่อนได้"หลีเกอพยักหน้าทันใดนั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลีเกอก็ดังขึ้นเมื่อเห็นเบอร์โทรเข้า พบว่าเป็นพี่ชายคนที่สามของเธอ หลีหราน คนคนนี้ไม่ได้ติดต่อเธอมาเป็นเวลานานแล้ววันนี้เขาโทรมาหาเธอทำไม?หลีเกอใช้ช่วงเวล
หลีเกอกลับไม่รู้สึกอะไร"คุณฮั่ว คนที่คุณควรสนใจไม่ใช่ฉัน ตอนนี้เฉียวซีอวิ๋นยังอยู่ในคุกไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณมีเวลา ก็แวะไปเยี่ยมเธอสักหน่อย"เมื่อได้ยินชื่อที่ไม่ได้ยินมานานสีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว "อย่าพูดถึงเธอ!"แต่หลีเกอกลับหัวเราะ"ทำไมคะ คุณฮั่ว แสงสว่างในดวงใจของคุณตอนนี้กลายเป็นความมืดมนแล้วเหรอ?"ฮั่วจิ้นเฉิงพยายามระงับความโกรธในใจ "หลีเกอ ผมกับเธอไม่เป็นอย่างที่คุณคิด ทำไมถึงไม่เชื่อผม...""พอเถอะ คุณฮั่ว! วันเป็นวันดึ การพูดถึงเรื่องในอดีตไม่รู้จบจะนำมาซึ่งความโชคร้ายนะคะ"หลีเกอไม่สนใจเรื่องราวระหว่างเขากับเฉียวซีอวิ๋นไม่สนใจเรื่องใด ๆ ของพวกเขาเลย"ฉันต้องไปแล้วค่ะ คุณฮั่ว เชิญตามสบาย"หลังจากพูดจบ หลีเกอก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองแต่เมื่อเธอกลับมาที่หลังเวที สถานการณ์กลับกลายเป็นความโกลาหล"หลีเกอ ในที่สุดเธอก็กลับมา เป็นเรื่องแล้ว..." เจี่ยงอีอีดึงแขนเธอไปพร้อมกับพูดด้วยความกังวลหลีเกอรีบถาม"อะไร มีอะไรเกิดขึ้น?""...ชุดเสียหาย"เมื่อหลีเกอได้ยินดังนั้น เธอก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว พบว่าชุดเด่น ๆ หลายชุดบนโต๊ะถูกกรรไกรตัดจนกลายเป็น
"ทำไงกันดี หลีเกอ อีกแค่ห้านาทีงานก็จะเริ่มแล้ว เราจะทันหรือเปล่า?"เจี่ยงอีอีเดินไปเดินมาที่หลังเวทีด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลหลีเกอพยายามจัดการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วแล้วแท้ ๆ แต่เสื้อผ้าในมือก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง"หรือเราจะไปขอให้ผู้จัดงานเลื่อนเวลาออกไปอีกหน่อยดี..."เจี่ยงอีอีเสนอ แต่หลีเกอกลับปรามไว้"ไม่ได้ งานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้สำคัญมาก ถ้าขอเลื่อนเวลาออกไป จะส่งผลกระทบอย่างมาก""แล้วจะทำไงดีล่ะ? จะปล่อยให้พวกเขารอเฉย ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ"หลีเกอเคลื่อนไหวร่างกายเร็วขึ้น เธอหยิบเข็มและด้ายในมือขึ้นมาเย็บ พร้อมกับครุ่นคิดอย่างหนัก จากนั้นก็พูดขึ้น "นอกซะจากว่า... จะหาเหตุผลที่เหมาะสมได้""โอ๊ย เวลาจวนตัวจะแย่แล้ว เหตุผลอะไรถึงเหมาะสมล่ะ?"ทีมงานหลังเวทีช่วยกันครุ่นคิดกันอย่างหนัก ทุกคนมองหน้ากันไปมา แต่ก็ไม่มีใครคิดอะไรออก"ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ให้นางแบบเซตแรกเดินวนบนเวทีหลาย ๆ รอบ อย่างน้อย ๆ ก็จะได้เวลาเพิ่มขึ้นมาสิบนาที""แต่บรรดานักข่าวไม่ได้คนโง่นะ ถ้าเดินหลายรอบ พวกเขาก็จะเดาได้ทันทีว่ามีปัญหาเกิดขึ้นที่หลังเวที""งานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้มีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ถ้าเกิดเ
หลีเกอก็โล่งใจเช่นกัน"เยี่ยมไปเลย!"จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น สังเกตฮั่วจิ้นเฉิงบนเวที เขายืนหันหลังให้แสงไฟ หลีเกอมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่จากเสียงที่ได้ยินผ่านเครื่องขยายเสียงนั้นทั้งนุ่มนวลและมั่นใจเสี้ยววินาทีนั้นหลีเกอพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของเขาฮั่วจิ้นเฉิงกล่าวสุนทรพจน์นานถึงสิบห้านาที ซึ่งถือว่านานกว่าเวลาที่กำหนดไว้แต่เดิมไปมากแต่บรรดาผู้สื่อข่าวที่อยู่ด้านล่างกลับไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายหรือเซ็ง เพราะฮั่วจิ้นเฉิงพูดถึงแผนงานในอนาคตของฮั่วกรุ๊ป ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผู้คนในเมืองปินเฉิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นทุกคนดังนั้นทุกคนจึงตั้งใจฟังฮั่วจิ้นเฉิงพูดอย่างจริงจัง"ผู้อำนวยการหู เกิดอะไรขึ้นครับ? ทำไมสุนทรพจน์ถึงนานเกินเวลาอย่างนี้" ผู้ช่วยกระซิบข้างหูเบา ๆผู้อำนวยการหูพอจะเข้าใจเช่นกันว่าฮั่วจิ้นเฉิงกำลังยืดเวลา แต่เขาไม่คิดว่าเวลาสิบกว่านาทีจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้"...ยังมีแผนสำรองอีกไหม" ผู้อำนวยการหูถามผู้ช่วยรีบตอบ "วางใจเลยครับ เราเตรียมพร้อมมาอย่างดี... งานแฟชั่นโชว์วันนี้จะต้องพังพินาศไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม..."เป็นไปตามคาดหลังจากฮั่วจิ้นเฉิงกล่าวสุนทร
"อาจจะดังไปทั่วโลกเลยก็ได้นะ""..."ผู้อำนวยการหูฟังผู้คนรอบข้างพูดคุยกันอย่างออกรส ส่วนใหญ่ชื่นชมแฟชั่นโชว์นี้เป็นเสียงเดียวกัน แต่สีหน้าของเขากลับมืดมนจนน่าเกลียดผู้ช่วยข้าง ๆ ถึงกับปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วก็กระซิบเบา ๆ ว่า "ผู้อำนวยการหูครับ ถึงยังไงชุดหลักของพวกเธอก็ขาดวิ่นไปแล้ว ถึงยังไงงานก็ต้องพัง..."ใครจะรู้ว่าเขายังไม่ทันจะพูดจบนางแบบที่สวมชุดหลักก็ปรากฏตัวบนเวทีทันทีที่เธอปรากฏตัว บรรยากาศทั้งงานก็เงียบกริบ สายตาทุกคู่จ้องไปที่กลางเวที ชุดหลักที่หลีเกอเพิ่งแก้ทรงไปเมื่อครู่ ไม่เพียงแต่จะเลือกใช้สีสันที่แหวกขนบและใช้สไตล์การตัดเย็บที่แปลกใหม่เท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือมันมีความพิเศษมากทำให้ผู้คนละสายตาไม่ได้"ถ่ายเร็ว! สไตล์การตัดเย็บของชุดนี้มีมิติจริง ๆ เป็นชุดที่สวยที่สุดในค่ำคืนนี้เลย""ดีไซน์เนอร์คนนี้เก่งมาก! ถ่ายทอดสไตล์แปลกใหม่ออกมาได้อย่างสมบูรณ์""หลังจากจบงาน ฉันต้องไปขอสัมภาษณ์เธอให้ได้!""เธอสามารถออกแบบชุดที่มีความพิเศษขนาดนี้เชียว ทำให้วัฒนธรรมจีนดั้งเดิมของเราดังไกลไปทั่วโลก ดีไซน์เนอร์คนนี้ต้องมีจิตใจรักชาติอย่างเต็มเปี่ยม""เธอสมควรได้รับ
"อะไรนะ กี่เพ้าตัวเดียว ประมูลกันเป็นยี่สิบล้านเลยเหรอ!""พลิกความคิดของฉันเลยนะนี่ แต่คุ้มค่าที่ได้เห็นจริง ๆ!!!""..."หลีเกอไม่รู้เลยว่าขณะนี้ชาวเน็ตกำลังแตกตื่นด้วยเรื่องอะไรกัน เธอเดินไปตามทางเดินทอดยาวบนเวที ทุกก้าวเหยียบลงบนจุดเป๊ะ ๆ ทุกการเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงความสง่างามของเธอผู้คนข้างล่างต่างก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะโดยเฉพาะอย่างยิ่งฮั่วจิ้นเฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลตอนนี้ดวงตาของเขาไม่สามารถเฉไฉมองไปเห็นสิ่งอื่นใดได้อีกแล้วสายตาของเขามีเพียงเธอคนเดียว!หลีเกอเดินจบรอบแล้ว เธอก็เดินลงจากเวที เท้าของเธออ่อนแรงลงทันที ตกลงไปอยู่ในอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง เป็นหลีหรานนั่นเองที่รับเธอไว้อย่างมั่นคง แล้วโอบเธอเข้ามากอดในอ้อมแขนหลีเกอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ "พี่สาม! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้คะ???"หลีหรานปล่อยเธอออก ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "บอกแล้วไงว่ามีของขวัญจะให้ แต่เธอดันไม่ยอมมารับ ฉันเลยถือวิสาสะแกะริบบิ้นเอง แล้วตามมาหาเธอนี่ไง"หลีเกอเพิ่งจะเข้าใจของขวัญที่หลีหรานพูดถึงคือตัวเขาเอง!"ว้าว ขอบคุณนะคะพี่สาม! แต่ฉันต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน รอให้แฟชั่นโชว์จบเมื่
"ตรวจสอบแล้ว..."ฟู่ซิวเป่ยเดินออกมาจากความมืด แล้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหลีเกอ "กล้องวงจรปิดทุกตัวในสถานที่จัดงานได้รับการเช็กย้อนหลังแล้ว พบเบาะแสบางอย่างจริง แต่ตอนนี้เห็นผู้กระทำแค่จากด้านหลัง ไม่เห็นหน้าตรง""ว่าไงนะ! มีคนจงใจทำให้งานพังจริง ๆ ด้วย!" เจี่ยงอีอีโกรธมาก"ถ้าเห็นแค่ด้านหลังจะตามตัวได้ไหมคะ?" หลีเกอถามฟู่ซิวเป่ยตบไหล่เธอเพื่อปลอบโยน"วางใจเถอะ! มันหนีไปไหนไม่รอดหรอก"หลีเกอจึงวางใจ"ช่วงนี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยกันมามากพอแล้ว คืนนี้ผมจองห้องส่วนตัวไว้ ออกไปผ่อนคลายกันสักหน่อยเถอะ!"เมื่อฟู่ซิวเป่ยพูดจบ เจ้าหน้าที่ที่อยู่รอบ ๆ ก็ร้องเฮไปตาม ๆ กัน"เยี่ยมเลยค่ะ! ขอบคุณคุณหนูหลี!""ขอบคุณประธานฟู่!""..."แต่หลีเกอกลับหันไปจับมือหลีหราน "ไปกันเถอะ! คืนนี้ไปสนุกด้วยกันสิคะ?"หลีหรานยักไหล่แล้วตอบตกลง "ได้อยู่แล้ว!"แต่หลีเกอก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ!เธอโทรหาเจินซินเดี๋ยวนั้นเป็นไปตามคาดทันทีที่ได้ยินว่าหลีหรานกลับมา เจินซินก็รีบถามหาโลเคชั่นทันทีหนึ่งชั่วโมงต่อมาห้องส่วนตัวที่หรูหราที่สุดในห้องคาราโอเกะฮวนเถิง คนทั้งกลุ่มมาถึงกันครบแล้วเจินซินเห็นหล
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ