แต่เธอกลับตื่นตระหนกจนลืมตัวผ้าห่มที่คลุมอยู่บนตัวเลื่อนหลุดไหลลงมาตามไหล่ ฮั่วซินเปลือยล่อนจ้อน!"อู้ ว้าวว เซ็กซี่เป็นบ้า คุณหนูตระกูลดัง ๆ นี่มีรสนิยมส่วนตัวแบบนี้หรอกเหรอ?""รออะไรอยู่ล่ะ ถ่ายเลยสิ แค่รูปพวกนี้ก็พอให้เรามีกินมีใช้ทั้งชาติได้แล้ว""ตระกูลฮั่วจบเห่แน่""..."ฮั่วซินได้ยินคำนินทาเหล่านี้แล้วรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิดนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?เมื่อกวาดตามองฉากโกลาหลที่ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลงง่าย ๆ ฮั่วซินหายใจไม่ทัน ถึงกับเป็นลมล้มพับไปกู้หว่านชิงอยากจะหนี แต่กลับหาเสื้อผ้าของตัวเองไม่เจอ ตอนนี้เธอเปลือยกายอยู่ หนีไปไหนไม่ได้เลยได้แต่ปล่อยให้ผู้สื่อข่าวเหล่านี้รัวชัดเตอร์ภาพนู้ดของตัวเองไม่หยุดกู้หว่านชิงรู้ตัวว่าคราวนี้เธอ... จบเห่แล้วอย่างไรก็ตาม เรื่องยังไม่จบแค่นั้นเนื่องจากมีการไลฟ์สดทางอินเทอร์เน็ต ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องจึงอยู่ในสายตาของชาวเน็ตนับหมื่นที่กำลังรับชม ในเวลาอันรวดเร็ว ข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกโซเชียลชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์และถกเถียงกันอย่างดุเดือด"...จะบ้าตาย นี่คุณหนูตระกูลฮั่วจริง ๆ เหรอ ของดีไ
"ที่รัก เห็นข่าวหรือยัง?"จู้หว่านอี้ถามทางโทรศัพท์"เห็นแล้ว ที่รัก เธอนี่นับวันยิ่งเก่งจริง ๆ" หลีเกอเปิดรูปภาพที่ฮั่วซินและกู้หว่านชิงถูกถ่ายไว้ ต้องบอกว่าช่างภาพพวกนี้มีฝีมือจริงมื??ๆทุกภาพถ่ายออกมาได้เร้าใจมาก กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชมอย่างเต็มที่จู้หว่านอี้ยิ้มและพูดต่อ "ฉันจัดการกับข่าวนี้เรียบร้อย ไม่มีทางถูกลบออกจากเทรนด์หัวข้อข่าวภายในสามวันสามคืนนี้หรอก ในเมื่อหล่อนอยากดังนัก ก็จัดให้หล่อนโด่งดังเต็มที่ไปเลย"ต้องบอกเลยว่าจู้หว่านอี้มีมาตรการในการจัดการที่เด็ดขาด ไม่ยืดเยื้อมีเพื่อนที่ดีแบบนี้ หลีเกอรู้สึกอุ่นใจมาก"ขอบคุณนะเพื่อนรัก ว่าแต่เธอจะกลับปินเฉิงเมื่อไหร่?""ยังมีงานที่ต้องสะสางในดูไบอีกเพียบ คาดว่าจะกลับสิ้นเดือนนี้ กลับไปเมื่อไหร่จะรีบติดต่อเธอกับอีอีเลย""ได้ พวกเราเตรียมฉลองการกลับมาของเธอไว้แล้วล่ะ"หลังจากพูดคุยกันสักพัก สองสาวก็วางสายในเวลาเดียวกันหุ้นของตระกูลฮั่วเริ่มตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากข่าวฉาวของฮั่วซิน ในเวลาเพียงครึ่งวัน มูลค่าตลาดก็หายไปหลายสิบล้านสำนักงานใหญ่ชั้นบนสุดของอาคารฮั่วกรุ๊ปหลานหนีรา
"แม่ ฉันจะทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงดี" ฮั่วซินถามซ้ำ ๆ พร้อมกับร้องไห้หลี่ซูฉินสงสารลูกสาวมาก พยายามพูดปลอบโยนซ้ำแล้วซ้ำเล่า"ไม่เป็นไรนะลูก ไม่ต้องกังวล อีกสองวันแม่จะส่งลูกไปอยู่ต่างประเทศ ไปหลบอยู่ที่นั่นสักสองสามปี รอให้เรื่องนี้เงียบก่อน ทุกคนลืมแล้วค่อยกลับมา""ฮือฮือฮือฮือ... แม่คะ หนูไม่อยากไปต่างประเทศ หนูไม่อยากไป...""ลูกเอ๋ย ตอนนี้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าลูกไม่ไปต่างประเทศก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ดีนะที่ตอนนี้หนูลาออกจากมหาวิทยาลัยปินเฉิงแล้ว แม่จะให้พี่ชายลูกหาช่องทางให้สมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ไปแล้วต้องตั้งใจเรียนให้ดีนะ"หลี่ซูฉินถอนหายใจน้ำตาคลอเบ้าฮั่วซินร้องไห้จนตาบวม แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงหยุดร้องทันที "แม่ เป็นฝีมือนังหลีเกอ ต้องเป็นฝีมือนังหลีเกอแน่ ๆ มันเป็นคนทำให้หนูตกอยู่ในสภาพนี้"หลี่ซูฉินไม่เชื่อ"พูดอะไรนะ หลีเกอเหรอ?"ฮั่วซินมัวแต่เสียใจจนไม่ทันคิดว่าทำไมเรื่องราวถึงกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้ไปได้ ตอนนี้เมื่อใจเย็นลงแล้วถึงค่อย ๆ นึกทบทวน เห็นได้ชัดว่าคนที่ควรจะนอนอยู่ในโรงแรมแทนเธอคือหลีเกอต่างหากทำไมถึงกลายเป็นเธอกับกู้หว่านชิ
"คุณย่า เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบสืบหาความจริงให้กระจ่าง"คุณย่าฮั่วโบกมือ ปล่อยให้เขาจัดการตามสบายหลังจากฮั่วจิ้นเฉิงได้คำอนุญาตเขาจึงหันไปมองฮั่วซิน แม้ว่าตอนนี้ฮั่วซินจะร้องไห้จนแทบจะเป็นลม แต่ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย"เล่ามาเดี๋ยวนี้ เรื่องจริงมันเป็นยังไง?"เสียงร้องไห้ของฮั่วซินหยุดลงทันทีไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆเธอไม่กล้าเล่าความจริงให้ฮั่วจิ้นเฉิงรับรู้ เพราะฮั่วจิ้นเฉิงเคยเตือนเธอแล้วว่าห้ามยุ่งกับหลีเกอเด็ดขาด แต่สุดท้ายเธอก็อดใจไม่ไหว ตอนนี้ตัวเองยังกลายเป็นแบบนี้อีก เธอไม่มีหน้าจะเผชิญความจริงกับฮั่วจิ้นเฉิงเลยไม่เหลือใบหน้าจะเผชิญความจริงกับตระกูลฮั่วด้วยซ้ำเธอกลัวว่าหากพูดความจริงออกไป บ้านหลังนี้ก็คงไม่มีที่ยืนให้เธออีกต่อไป"แม่คะ..." ฮั่วซินทำได้แค่เรียกหลี่ซูฉินแต่หลี่ซูฉินสังเกตเห็นสีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร"ฮั่วซิน พูดความจริงมา"ฮั่วจิ้นเฉิงอดทนไม่ไหวฮั่วซินตัวสั่น "พี่ชาย อย่าโกรธสิ ตอนนี้ฉันเป็นเหยื่อนะ พี่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของฉัน จะไม่ช่วยฉันทวงความยุติธรรมเลยเหรอ?""ฮั่วซิน พอได้แล้ว" ฮั่วจิ้นเฉิงอดทนอดกลั้นมา
เรื่องราวของฮั่วซินยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องบนอินเทอร์เน็ตเพื่อลดกระแสความร้อนแรง ฮั่วจิ้นเฉิงจึงจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของฮั่วกรุ๊ปก่อนกำหนด โดยเป็นงานควบการนำเสนอผลการวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับหุ่นยนต์นาโนด้วยต้องยอมรับเลยกลยุทธ์ของฮั่วจิ้นเฉิงนั้นรวดเร็วและแม่นยำอย่างยิ่ง ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ของฮั้วกรุ๊ปมาลดกระแสความร้อนแรงของข่าวฉาวฮั่วซินในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ หุ้นของตระกูลฮั่วก็เริ่มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ"โอ้โฮ อย่างที่คาดไว้เลย กลยุทธ์ของฮั่วจิ้นเฉิงนี่สุดยอดจริง ๆ"เจี่ยงอีอีอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชมจู้หว่านอี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็แสดงความเห็น "เป็นกลยุทธ์ทั่วไปของกลุ่มทุนนิยม ฉันได้ยินมาว่าฮั่วซินถูกส่งตัวไปต่างประเทศแล้ว ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เธอคงไม่กลับมาสร้างความวุ่นวายอีก""หึ ผู้หญิงคนนี้มีความคิดที่สกปรก ทำเรื่องเกินเลยมากมาย พูดตามตรง ฉันคิดว่าฮั่วจิ้นเฉิงเมตตาเธอมากเกินไปด้วยซ้ำ""ยังไงนั่นก็น้องสาวแท้ ๆ ของเขา คงไม่ลงโทษกันถึงตายหรอก"ทั้งสองพูดคุยกันและหันไปมองหลีเกอจู้หว่านอี้บอกว่า "ที่รัก ต่อให้ฮั่วซินหนีไปแล้วก็ยังหนีไม่พ้นความอับอายขายหน้
หลีเกออดไม่ได้ที่จะถามนั่นคือจุดประสงค์ที่ฟู่ซิวเป่ยมาในวันนี้"ตอนนี้กี่เพ้าชุดนี้ถูกเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ แต่คืนนี้จะถูกนำออกมาประมูลการกุศล ขายทอดออกไป"เมื่อพูดจบเจี่ยงอีอีเป็นคนแรกที่ตื่นเต้น "รออะไรอยู่ล่ะ ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ก็ตาม เราต้องประมูลมาให้ได้"จู้หว่านอี้เห็นด้วยเช่นกัน"ดูแล้วกี่เพ้าชุดนี้ต้องมีประโยชน์สำหรับแฟชั่นโชว์ครั้งนี้มาก เราต้องทำยังไงก็ได้ให้ได้มันมา"สายตาของหลีเกอไม่ละไปจากภาพถ่ายชุดกี่เพ้าตรงหน้าเลยเธอเงยหน้ามองฟู่ซิวเป่ย “พี่ซิวเป่ยคะ เอาตามนี้เลย""ได้ งั้นคืนนี้ผมจะไปกับคุณ”เจี่ยงอีอีและจู้หว่านอี้ตอบรับ "พวกเราไปด้วย"...หนึ่งทุ่มตรงสถานที่จัดงานประมูลการกุศลครั้งนี้คือสมาคมการค้าปินเฉิงแห่งที่หนึ่ง เวลานี้ผู้คนคึกคักมาก คนที่สามารถเข้าร่วมงานประมูลการกุศลครั้งนี้ได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลชั้นสูงของปินเฉิงเจี่ยงอีอีและจู้หว่านอี้แต่งตัวอย่างประณีต สวมชุดเพื่อนซี้สีเดียวกันทันทีที่พวกเธอปรากฏตัวก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย"นั่นไม่ใช่เจ้าของร้านแบรนด์เนมชื่อดังในปินเฉิงหรอกเหรอ? เธอก็มาที่นี่ด้วย!""คนที่อยู่ข้างเธ
หานเสวี่ยเอ้อร์เคยผ่านงานใหญ่มาแล้วนับไม่ถ้วน แม้ว่าฟู่ซิวเป่ยจะไม่ให้เกียรติเธอเลย แต่เธอก็ไม่โกรธเคือง กลับพูดต่อไปว่า "เข้าใจค่ะ เข้าใจค่ะ ประธานฟู่คงจะลืมไป ฉัน หานเสวี่ยเอ้อร์ เราเคยเจอกันที่งานเปิดตัวเอฟแอลกรุ๊ป"ฟู่ซิวเป่ยถึงจะได้ยินอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่มีความทรงจำใด ๆ"โอ้ ขอโทษด้วยครับ ผมจำไม่ได้เลย"คำพูดนี้ตรงไปตรงมาเกินไปสื่อถึงการปฏิเสธอย่างชัดเจนหานเสวี่ยเอ้อร์เห็นดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มแห้งหลีเกอที่อยู่ข้าง ๆ อดขำไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าฟู่ซิวเป่ยจะเป็นผู้ชายเถรตรงขนาดนี้ มีสาวสวยอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดขณะเดียวกันที่หน้าประตู ฮั่วจิ้นเฉิงสวมชุดสูทสีดำล้วนซึ่งตัดเย็บพิเศษปรากฏตัวขึ้นที่นี่เช่นกันช่วงเวลาที่ผ่านมา ชื่อเสียงของตระกูลฮั่วตกต่ำลงอย่างมากเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลฮั่วกลับคืน เขาจึงต้องเข้าร่วมงานประมูลการกุศลครั้งนี้ด้วยเหตุผลหลักทั้งเพื่อร่วมงานการกุศล บริจาคเพื่อการกุศล และต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกู้คืนความประทับใจอันดีของสาธารณชนที่มีต่อตระกูลฮั่ว"ประธานฮั่ว! ยินดีต้อนรับครับ! เชิญทางนี้..." ฝ่ายผู้จัดงานเห็นฮั่วจิ้นเฉิง บุคค
"นาฬิการาคาหลักแสน กลับถูกประมูลไปในราคาสองล้าน! เหลือจะเชื่อเลย""ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครประมูล นั่นคุณหนูหลีไงล่ะ เงินเยอะจนใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด""สองล้านสำหรับเธอมันก็แค่เศษเงิน ไม่ได้มีค่าอะไรเลย""..."หานเสวี่ยเอ้อร์เย้ยหยันดูถูกเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบของคนรอบข้าง จากนั้นก็ยกป้ายขึ้นอีกครั้ง"สามล้าน!"พิธีกรตื่นเต้น "เยี่ยมครับ คุณผู้หญิงท่านนี้ประมูลที่สามล้าน!"หลีเกอไม่สนใจ ยกป้ายขึ้นอีกครั้ง “ห้าล้าน!""โอ้โฮ! ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?! นาฬิกาเรือนนี้ถูกประมูลแข่งกันในราคาสูงขนาดนี้เชียว!""สงสัยคงรวยจนไม่เห็นคุณค่าของเงินละมั้ง!""พวกคุณจะไปรู้อะไร เอาเข้าจริงเงินทั้งหมดก็จะถูกนำไปบริจาคเพื่อการกุศล ยิ่งบริจาคมากหน่อยก็เท่ากับทำบุญมาก""..."ฟู่ซิวเป่ยมองหลีเกอด้วยความสงสัย แล้วพูดเสียงเบา "พอแล้วคุณ!"ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าหลีเกออยากประมูลนาฬิกาเรือนนี้ไปทำไม แต่ราคาปัจจุบันก็สูงเกินกว่ามูลค่าจริงของนาฬิกาไปมากแต่หลีเกอกลับปลอบใจเขา"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ซิวเป่ย!"ทันทีที่หลีเกอพูดจบ หานเสวี่ยเอ้อร์ก็ตะโกนราคาอีกครั้ง "หกล้าน!"เธอพูดประโยคนี้โดยไม่กะพริบตาเลยสักนิด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ