หานเสวี่ยเอ้อร์เคยผ่านงานใหญ่มาแล้วนับไม่ถ้วน แม้ว่าฟู่ซิวเป่ยจะไม่ให้เกียรติเธอเลย แต่เธอก็ไม่โกรธเคือง กลับพูดต่อไปว่า "เข้าใจค่ะ เข้าใจค่ะ ประธานฟู่คงจะลืมไป ฉัน หานเสวี่ยเอ้อร์ เราเคยเจอกันที่งานเปิดตัวเอฟแอลกรุ๊ป"ฟู่ซิวเป่ยถึงจะได้ยินอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่มีความทรงจำใด ๆ"โอ้ ขอโทษด้วยครับ ผมจำไม่ได้เลย"คำพูดนี้ตรงไปตรงมาเกินไปสื่อถึงการปฏิเสธอย่างชัดเจนหานเสวี่ยเอ้อร์เห็นดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มแห้งหลีเกอที่อยู่ข้าง ๆ อดขำไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าฟู่ซิวเป่ยจะเป็นผู้ชายเถรตรงขนาดนี้ มีสาวสวยอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดขณะเดียวกันที่หน้าประตู ฮั่วจิ้นเฉิงสวมชุดสูทสีดำล้วนซึ่งตัดเย็บพิเศษปรากฏตัวขึ้นที่นี่เช่นกันช่วงเวลาที่ผ่านมา ชื่อเสียงของตระกูลฮั่วตกต่ำลงอย่างมากเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลฮั่วกลับคืน เขาจึงต้องเข้าร่วมงานประมูลการกุศลครั้งนี้ด้วยเหตุผลหลักทั้งเพื่อร่วมงานการกุศล บริจาคเพื่อการกุศล และต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกู้คืนความประทับใจอันดีของสาธารณชนที่มีต่อตระกูลฮั่ว"ประธานฮั่ว! ยินดีต้อนรับครับ! เชิญทางนี้..." ฝ่ายผู้จัดงานเห็นฮั่วจิ้นเฉิง บุคค
"นาฬิการาคาหลักแสน กลับถูกประมูลไปในราคาสองล้าน! เหลือจะเชื่อเลย""ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครประมูล นั่นคุณหนูหลีไงล่ะ เงินเยอะจนใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด""สองล้านสำหรับเธอมันก็แค่เศษเงิน ไม่ได้มีค่าอะไรเลย""..."หานเสวี่ยเอ้อร์เย้ยหยันดูถูกเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบของคนรอบข้าง จากนั้นก็ยกป้ายขึ้นอีกครั้ง"สามล้าน!"พิธีกรตื่นเต้น "เยี่ยมครับ คุณผู้หญิงท่านนี้ประมูลที่สามล้าน!"หลีเกอไม่สนใจ ยกป้ายขึ้นอีกครั้ง “ห้าล้าน!""โอ้โฮ! ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?! นาฬิกาเรือนนี้ถูกประมูลแข่งกันในราคาสูงขนาดนี้เชียว!""สงสัยคงรวยจนไม่เห็นคุณค่าของเงินละมั้ง!""พวกคุณจะไปรู้อะไร เอาเข้าจริงเงินทั้งหมดก็จะถูกนำไปบริจาคเพื่อการกุศล ยิ่งบริจาคมากหน่อยก็เท่ากับทำบุญมาก""..."ฟู่ซิวเป่ยมองหลีเกอด้วยความสงสัย แล้วพูดเสียงเบา "พอแล้วคุณ!"ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าหลีเกออยากประมูลนาฬิกาเรือนนี้ไปทำไม แต่ราคาปัจจุบันก็สูงเกินกว่ามูลค่าจริงของนาฬิกาไปมากแต่หลีเกอกลับปลอบใจเขา"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ซิวเป่ย!"ทันทีที่หลีเกอพูดจบ หานเสวี่ยเอ้อร์ก็ตะโกนราคาอีกครั้ง "หกล้าน!"เธอพูดประโยคนี้โดยไม่กะพริบตาเลยสักนิด
“รายการต่อไปคือชุดกี่เพ้า สมบัติตกทอดจากสมัยสาธารณรัฐ ออกแบบโดยมีแรงบันดาลใจมาจากเครื่องลายครามสีน้ำเงินและสีขาว มีอายุหลายสิบปี ควรค่าแก่การสะสม กี่เพ้าชุดนี้มีราคาเปิดประมูลเริ่มต้นที่ 500,000 หยวนครับ”“550,000...”“600,000...”“700,000...”“...”ในไม่ช้า ชุดกี่เพ้าก็ถูกประมูลไปจนถึงราคาหนึ่งล้านหยวนหลีเกอเห็นจังหวะที่เหมาะสมจึงเสนอราคา “1,500,000 หยวน!”ผู้คนรอบข้างเห็นว่าเป็นหลีเกอ จึงพากันวางป้ายไม่ประมูลต่อแต่ไม่คาดคิดว่าในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงกลับยกป้ายในมือขึ้นมา “1,800,000 หยวน!”นี่เป็นครั้งแรกที่ฮั่วจิ้นเฉิงเสนอราคาในคืนนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาต้องการแย่งชุดกี่เพ้านี้ไปจากหลีเกอ“โห นี่มันฉากอะไรกันเนี่ย ฮั่วจิ้นเฉิงกับหลีเกอใช้เงินสู้กันเหรอ?”“อดีตภรรยา ปะทะ อดีตสามี ดูซิว่าใครจะเหนือกว่ากัน?”“ฉันเริ่มรู้สึกตื่นเต้นแล้วล่ะ!”“...”หลีเกอไม่คิดว่าฮั่วจิ้นเฉิงจะเสนอราคา คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน จากนั้นก็ประมูลตามไปติด ๆ “2,200,000 หยวน”ฮั่วจิ้นเฉิงยกป้ายต่อเนื่อง “3,000,000 หยวน!”ราวกับเขาเองก็จะไม่หยุดจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการจุดประสงค์หนึ่งที่ฮั่
หลีเกอไม่ได้ให้ความสนใจเธอหยิบบัตรเครดิตของตัวเองออกมาเมื่อหลีเกอหยิบบัตรเครดิตส่งให้พนักงาน ฟู่ซิวเป่ยที่อยู่ข้างหลังกลับรีบเสนอตัวก่อน“ใช้ใบนี้แล้วกัน...”หลีเกอรีบปฏิเสธ“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ซิวเป่ย ฉันจ่ายเองได้...”ฟู่ซิวเป่ยกลับคลี่ยิ้ม“ระหว่างเรา ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันขนาดนั้น คิดเสียว่ากี่เพ้าชุดนี้เป็นของขวัญที่ผมตั้งใจให้ หวังว่าหลังจากนี้กิจการของคุณจะรุ่งเรือง งานแสดงแฟชั่นโชว์ครั้งนี้เป็นกระแสโด่งดังไปทั่ว”“ไงนะ?” หลีเกอตกตะลึงตั้งท่าจะพูดอะไรต่อฟู่ซิวเป่ยไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ หยิบบัตรเครดิตยื่นให้พนักงานโดยตรงยี่สิบล้านหยวนถูกตัดชำระออกจากบัตรไปอย่างง่ายดายแลกมาด้วยชุดกี่เพ้าเครื่องลายครามหลีเกอยังคงลังเลอยู่บ้าง พี่ซิวเป่ยใจดีกับเธอเกินไปแล้วหรือเปล่านะ?พนักงานจัดการแพ็กชุดกี่เพ้าให้อย่างเรียบร้อยแล้วนำมาให้หลีเกอเมื่อครู่นี้ตอนอยู่บนเวที แค่มองจากระยะไกลก็รู้สึกทึ่งมากแล้วตอนนี้เมื่อมันถูกวางอยู่ตรงหน้า หลีเกอกลับละสายตาไปไม่ได้เลยลายปักและฝีเย็บแต่ละเข็มแต่ละเส้นด้ายล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์สูงมาก ฝีมือการเย็บปักถักร้อยบ่งบอกถึงกลิ่นอายของยุคส
ฮั่วจิ้นเฉิงพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้แสร้งทำเป็นไม่สนใจอะไรเขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา"กี่เพ้าชุดนี้สวยดี..."หลีเกอรู้สึกได้ถึงความรู้สึกพิเศษที่ฮั่วจิ้นเฉิงมีต่อกี่เพ้าชุดนี้ เธอจึงถามกลับ "ประธานฮั่วเองก็สนใจกี่เพ้าชุดนี้ด้วยเหรอคะ?"ฮั่วจิ้นเฉิงไม่ได้อธิบายอะไรมากนักเขาเพียงพูดว่า "ของดี ใคร ๆ ก็ชอบ เท่านั้นเอง"หลีเกอสังเกตเห็นว่าเขาดูเหมือนจะมีเรื่องราวอะไรในใจแต่เธอก็ไม่คิดให้ความสนใจอะไรมาก"ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณประธานฮั่วที่ยอมเสียสละให้ค่ะ"พูดจบ หลีเกอก็เตรียมตัวจะจากไปฮั่วจิ้นเฉิงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงเฝ้ามองเธอก้าวเดินจากไปใครจะรู้วินาทีถัดมาหานเสวี่ยเอ้อร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลกลับหน้าด้านเดินเข้ามาหา "ประธานฮั่วคะ พอจะให้ฉันยืมเงินสักสามล้านได้ไหมคะ?"ฮั่วจิ้นเฉิงหันกลับมามองไปที่หานเสวี่ยเอ้อร์ซึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังแววตาของเขาฉายแววเย้ยหยันสุดท้ายก็ตอบกลับไปว่า "ผมไม่มีนิสัยชอบให้ใครยืมเงิน"การปฏิเสธที่ชัดเจนแบบนี้ทำให้หานเสวี่ยเอ้อร์ถึงกับหน้าชาแต่ตอนนี้เธอไม่มีเงินเพียงพอแม้แต่หนึ่งล้านเพื่อจ่ายราคาประมูลสุดท้ายก็ถูกเจ้าหน
จนกระทั่งวันซ้อมใหญ่ก่อนถึงวันงานจริงเธอถึงได้รู้เรื่องนี้จากปากของเจี่ยงอีอี"ที่รัก ฉันได้ยินมาว่าสถานที่จัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากฮั่วกรุ๊ป ท่านประธานฮั่วจิ้นเฉิงจะเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์วันพรุ่งนี้ด้วย และจะกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานด้วยตัวเอง"หลีเกอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย"ฮั่วกรุ๊ปหันมาทำงานการกุศลตั้งแต่เมื่อไหร่?"เจี่ยงอีอีพูดแดกดันอย่างไม่เกรงใจ "คงเป็นเพราะเรื่องฉาวของฮั่วซินเมื่อครั้งก่อนแน่ ๆ การกระทำของหล่อนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลฮั่วในระดับหนึ่ง ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงน่ะสิ"หลีเกอร้องอ๋อออกมาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเธอเป็นแค่นักออกแบบหลักของงาน ภารกิจของเธอคือทำให้เสื้อผ้าทุกชุดในงานแฟชั่นโชว์พรุ่งนี้สามารถจัดแสดงได้อย่างราบรื่น"ที่รัก เธอว่า หรือฮั่วจิ้นเฉิงจะรู้ว่าเธอเป็นนักออกแบบหลักของงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ ถึงได้จงใจเอาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมกับงาน?"ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างนั้น"อีอี เธอคิดมากเกินไปแล้วมั้ง?"ฮั่วจิ้นเฉิงเป็นคนแบบไหนไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธออีกแล้วเขาไม่เคยสนใจเรื่องใด ๆ ของเธอเลย แล้วจะทำเรื่องที่แหวกขนบสามัญสำนึกแบ
งานแฟชั่นโชว์ในเมืองปินเฉิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก นักออกแบบหน้าใหม่ในวงการ และสื่อมวลชนจากทั้งในและต่างประเทศมาร่วมงานจำนวนมากผู้คนมากมายต่างเฝ้ารอคอยงานแฟชั่นโชว์ครั้งสำคัญนี้หลีเกอรีบมาถึงงานตั้งแต่เช้าตรู่ และทำงานยุ่งวุ่นวายอยู่หลังเวทีเจี่ยงอีอีก็อยู่เป็นเพื่อนเธอ คอยคุมช่างแต่งหน้าดูแลช่างแต่งหน้าให้กับนางแบบ และจัดชุดเสื้อผ้ากับนางแบบให้เข้าชุดกันงานโชว์ในวันนี้มีความสำคัญมาก เธอจึงต้องตรวจสอบทุกรายละเอียดอย่างใกล้ชิดห้ามไม่ให้มีข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นหลีเกอรู้สึกกังวลตลอดเวลาเจี่ยงอีอีเห็นดังนั้นจึงรีบยื่นน้ำให้เธอหนึ่งแก้ว "ที่รัก ดื่มน้ำหน่อยสิ!"หลีเกอรับมาพร้อมกับพูด "ขอบคุณนะ"หลังจากเตรียมงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองถึงค่อยโล่งใจ"แขกด้านหน้ามาเกือบครบแล้ว เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนแฟชั่นโชว์จะเริ่ม เธอไปพักผ่อนได้"หลีเกอพยักหน้าทันใดนั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลีเกอก็ดังขึ้นเมื่อเห็นเบอร์โทรเข้า พบว่าเป็นพี่ชายคนที่สามของเธอ หลีหราน คนคนนี้ไม่ได้ติดต่อเธอมาเป็นเวลานานแล้ววันนี้เขาโทรมาหาเธอทำไม?หลีเกอใช้ช่วงเวล
หลีเกอกลับไม่รู้สึกอะไร"คุณฮั่ว คนที่คุณควรสนใจไม่ใช่ฉัน ตอนนี้เฉียวซีอวิ๋นยังอยู่ในคุกไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณมีเวลา ก็แวะไปเยี่ยมเธอสักหน่อย"เมื่อได้ยินชื่อที่ไม่ได้ยินมานานสีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว "อย่าพูดถึงเธอ!"แต่หลีเกอกลับหัวเราะ"ทำไมคะ คุณฮั่ว แสงสว่างในดวงใจของคุณตอนนี้กลายเป็นความมืดมนแล้วเหรอ?"ฮั่วจิ้นเฉิงพยายามระงับความโกรธในใจ "หลีเกอ ผมกับเธอไม่เป็นอย่างที่คุณคิด ทำไมถึงไม่เชื่อผม...""พอเถอะ คุณฮั่ว! วันเป็นวันดึ การพูดถึงเรื่องในอดีตไม่รู้จบจะนำมาซึ่งความโชคร้ายนะคะ"หลีเกอไม่สนใจเรื่องราวระหว่างเขากับเฉียวซีอวิ๋นไม่สนใจเรื่องใด ๆ ของพวกเขาเลย"ฉันต้องไปแล้วค่ะ คุณฮั่ว เชิญตามสบาย"หลังจากพูดจบ หลีเกอก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองแต่เมื่อเธอกลับมาที่หลังเวที สถานการณ์กลับกลายเป็นความโกลาหล"หลีเกอ ในที่สุดเธอก็กลับมา เป็นเรื่องแล้ว..." เจี่ยงอีอีดึงแขนเธอไปพร้อมกับพูดด้วยความกังวลหลีเกอรีบถาม"อะไร มีอะไรเกิดขึ้น?""...ชุดเสียหาย"เมื่อหลีเกอได้ยินดังนั้น เธอก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว พบว่าชุดเด่น ๆ หลายชุดบนโต๊ะถูกกรรไกรตัดจนกลายเป็น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ