แต่หลีเกอกลับส่ายหัวเบา ๆ น้ำเสียงหนักแน่นมา “ไม่ค่ะ ฉันต้องเอาของของฉันคืนมาเอง”เธอหันไปมองฮั่วซินในฝูงชนตอนนี้ฮั่วซินกำลังโด่งดัง พูดคุยกับคนใหญ่คนโตในวงการอย่างออกรสเธอเห็นหลีเกอที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แสดงท่าทีเยาะเย้ย ราวกับท้าว่าคนอย่างเธอจะทำอะไรฉันได้“คุณหนูฮั่ว อาจารย์โม่ให้มาเชิญคุณค่ะ”เจ้าหน้าที่ในงานเดินไปหาฮั่วซิน พูดอย่างสุภาพฮั่วซินพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”แล้วก็หมุนตัวเดินตามเจ้าหน้าที่ไปขณะนี้ อาจารย์โม่กำลังพูดคุยกับเพื่อน ๆ ร่วมวงการเกี่ยวกับผลงานของฮั่วซิน เมื่อเห็นว่าฮั่วซินมาแล้ว อาจารย์โม่จึงแนะนำว่า “ท่านประธานจู เพื่อนของผมสนใจงานออกแบบของคุณมาก อยากฟังแนวคิดการออกแบบและแรงบันดาลใจในการออกแบบจากคุณโดยตรง”“ค่ะ อาจารย์โม่” ฮั่วซินหันไปมองท่านประธานจูที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เกี่ยวกับแนวคิดการออกแบบของผลงานชิ้นนี้ ฉันหยิบยกผู้หญิงในสังคมปัจจุบันที่มีอิสระและความเข้มแข็งมากมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบค่ะ ฉันอยากออกแบบเสื้อผ้าที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิงที่มีอิสรเสรี นั่นคือที่มาของต้นแบบผลงานชิ้นนี้ ผ่านการแก้ไขหลาย
“คุณบอกว่าผลงานออกแบบชิ้นนี้ไม่ใช่ของฉัน งั้นคุณก็เอาหลักฐานมาให้ฉันดูสิ! ถ้าคุณแสดงหลักฐานไม่ได้ ฉันจะฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาท”ฮั่วซินมั่นใจว่าหลีเกอไม่มีหลักฐานอีกฝ่ายพูดจาไม่เกรงใจ หลีเกอกลับพูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันไม่มีหลักฐานในมือจริง ๆ”“เกินไปนะ ไม่มีหลักฐานยังกล้ากล่าวหาว่าคนอื่นลอกเลียนแบบ”"ใช่ นี่มันใส่ร้ายป้ายสีกันชัด ๆ""ไม่คิดว่าหลีเกอที่เป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลีจะเป็นคนแบบนี้""คุณคงไม่รู้ล่ะสิ ฮั่วซินเคยเป็นน้องสะใภ้ของเธอมาก่อน อาจเป็นไปได้ว่าเธอทำแบบนี้ก็เพื่อแก้แค้นฮั่วซิน""โอ้โห้ น่ากลัวเกินไปแล้ว"ฮั่วซินเห็นว่าความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ต่างก็เข้าข้างตัวเอง ทำให้ยิ่งได้ใจสายตาของผู้คนเฉียบแหลม เธอมั่นใจมากว่าวันนี้จะทำให้หลีเกอที่มาด้วยรอยยิ้มต้องร้องไห้กลับไป"เหอะ ไม่มีหลักฐานก็ขอโทษฉันซะ ฉันอาจจะเมตตาปล่อยผ่านก็ได้"หลีเกอยิ้มหยัน"ขอโทษ? เธอสมควรได้รับเหรอ!"สีหน้าฮั่วซินเปลี่ยนไป "หลีเกอ เธอเป็นคนมาหาเรื่องเอง อย่าโทษฉันที่ไม่เกรงใจ"แต่หลีเกอกลับพูดว่า "ฉันไม่มีหลักฐานในมือ รวมถึงต้นฉบับของผลงานออกแบบชิ้นนี้ ก็เพราะตัวต้นฉบับโดนเธอขโมยไปไงล่ะ"
สีหน้าของฮั่วซินในขณะนี้ดูแย่มาก แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้"หลีเกอ เธอก็ดีแต่พูดพล่ามไปเรื่อยต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้เท่านั้นแหละ หลักฐานล่ะ! เอาหลักฐานมาให้ฉันสิ! ถ้าไม่มีหลักฐาน คิดว่าตัวเองจะพลิกขาวเป็นดำได้ด้วยคำพูดแค่สองสามคำเหรอ?"แม้ว่าฮั่วซินจะรู้สึกผิด แต่เธอก็ยังคงดื้อด้าน พูดพลางมองหาที่พึ่งในฝูงชนในที่สุดเธอก็เห็นฮั่วจินเฉิงราวกับคว้าเจอฟางเส้นสุดท้าย เธอรีบวิ่งไปหาฮั่วจินเฉิง"พี่ชาย! เมียเก่าพี่พยายามจะใส่ร้ายฉัน เธอยังแค้นใจเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่หายแน่ ๆ ถึงหาโอกาสแก้แค้นฉัน ต้องการทำลายอนาคตของฉันต่อหน้าทุกคน"ฮั่วจินเฉิงถูกฮั่วซินลากมาอยู่ตรงหน้าหลีเกอ สีหน้าของหลีเกอยังคงเฉยเมยไม่รู้ทำไม แต่เมื่อเห็นหลีเกอเป็นแบบนี้ แม้จะยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขากลับรู้สึกว่าเธออยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยลี้สถานการณ์มาถึงขั้นนี้ถ้าฮั่วซินถูกแฉว่าขโมยผลงานออกแบบ เธอจะหมดอนาคตในสายงานออกแบบไปโดยสิ้นเชิง การพยายามเล่าเรียนอย่างทุ่มเทหลายปีก็จะสูญเปล่า อนาคตต้องพังไม่เหลือชิ้นดีในฐานะพี่ชายของฮั่วซิน!ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร เขาไม่สามารถปล่อยให้หลีเกอทำลายอนาคตฮั่วซินไ
เมื่อเผชิญกับเสียงกล่าวหาที่ดุดันของทุกคน ฮั่วซินก็อดไม่ได้ที่จะกอดอก ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย จากนั้นก็หันไปมองหลีเกอ"ทุกคนพูดถูกค่ะ คุณหลี หลักฐานสำคัญแบบนี้ต้องเอาออกมาโชว์ได้แล้ว ไม่งั้น... ฉันจะโทรแจ้งตำรวจแล้วนะ" ฮั่วซินโบกโทรศัพท์ในมือ ทำท่าจะกดโทรออกจริง ๆฮั่วจิ้นเฉิงต้องการขัดขวางเธอ แต่ฮั่วซินไม่สนใจเลยโม่อี้เฟยที่ยืนอยู่ไม่ไกลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หวังจะเปิดคลิปเสียงที่บันทึกไว้ออกมา สายตาของเขาเหลือบไปทางหลีเกอในขณะเดียวกันหลีเกอยังคงสงบราวกับว่าทุกอย่างยังคงอยู่ในกำมือ "คุณฮั่วซิน คุณมั่นใจนักเหรอว่าฉันไม่มีหลักฐาน? แต่ก็แปลกดี พอดีฉันค่อนข้างติดนิสัยชอบเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องผลงานของฉัน"สีหน้าของ ฮั่วซินแข็งทื่อ"เธอพูดอะไร?"แต่หลีเกอไม่สนใจ เธอกลับหันไปทางทุกคน "ฉันมีหลักฐานค่ะ มันอยู่ในผลงานออกแบบชิ้นนี้"ทุกคนงุนงง"หมายความว่าไง ผลงานชิ้นนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่""ใช่ อย่าอ้อมค้อมนักเลย เอาหลักฐานออกมาสิ พวกเราถึงจะรู้ความจริง""คุณหลี หรือคุณทิ้งลายน้ำไว้ในผลงานออกแบบ?"หลีเกอคลี่ยิ้มเล็กน้อย "ถูกต้องค่ะ ถ้าคุณฮ
"อาจารย์โม่ ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ คุณฟังฉันอธิบายก่อน ฉันแค่ตัดสินใจพลาดชั่ววูบถึงได้เผลอทำเรื่องแบบนี้ลงไป โปรดยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว"ฮั่วซินอ้อนวอนด้วยเสียงสะอื้นแต่ศาสตราจารย์โม่กลับไม่สะทกสะท้าน "คุณฮั่ว คุณหมดสิทธิ์สมัครสอบเรียนคลาสปริญญาโทของผม ถ้าสอบจริง คะแนนวิชาชีพอาจผ่าน แต่ในเรื่องจริยธรรม คุณสอบตก"อนาคตฮั่วซินจบเห่แล้วถูกศาสตราจารย์โม่ปฏิเสธซึ่งหน้า คนในวงการก็มีกันแค่นี้ ถ้าเธออยากทำงานสายดีไซน์เนอร์ต่อคงเป็นไปไม่ได้แล้วหลี่ซูฉินก็ตกใจไม่แพ้กันเธอรีบวิ่งเข้าไปแล้วพูดด้วยความตื่นตระหนกอย่างมาก "อาจารย์โม่คะ ซินซินเธอยังเด็กเลยไม่ทันคิด ถึงพลาดทำเรื่องแบบนี้ลงไป โปรดให้โอกาสเธออีกสักครั้งเถอะค่ะ หลังจากนี้ฉันเชื่อว่าเธอต้องพยายามอย่างหนักและสุดความสามารถแน่นอน"แต่ประธานจูที่อยู่ข้าง ๆ กลับพูดว่า "แม้แต่ความประพฤติทางวิชาการยังไม่มีความซื่อสัตย์เลย ต่อให้เรียนได้เกรดดีแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ตัดใจเปลี่ยนสายอาชีพซะเถอะ""ไม่นะคะ! อาจารย์โม่ คนเราทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ซินซินยังเด็ก ผู้ใหญ่อย่างเราไม่ควรทำลายอนาคตของเธอเพราะเรื่องแค่นี้น
ฮั่วซินตกใจกลัว!เธอแทบไม่กล้าหายใจ ไม่คิดว่าคราวนี้ฮั่วจิ้นเฉิงจะจริงจัง"แม่คะ..."หลี่ซูฉินก็ไม่คิดว่าฮั่วจิ้นเฉิงจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ รีบห้ามปราม "ลูกชาย แกทำอะไรน่ะ!""เธอทำเรื่องแบบนี้ แม่เองก็หลีกหนีความรับผิดชอบไม่พ้นไปด้วยหรอก ในฐานะพ่อแม่ การตามใจลูกมากเกินไป สุดท้ายก็จะต้องรับผล"หลี่ซูฉินถึงกับอึ้ง"ไอ้ลูกคนนี้..."ฮั่วซินเห็นดังนั้นก็รู้สึกอับอายจนทนไม่ได้ รีบวิ่งหนีไปหลี่ซูฉินกลัวว่าเธอจะทำอะไรที่โง่เขลา จึงไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับฮั่วจิ้นเฉิง รีบวิ่งตามไปทันที"ซินซิน รอแม่ด้วย!"หลีเกอไม่สนใจเรื่องครอบครัวของพวกเขา แต่ผลลัพธ์นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากในเวลานี้ ฟู่ซิวเป่ยเดินมาหาเธอ ลูบไหล่เธอเพื่อปลอบโยน"ความจริงกระจ่างชัดแล้ว กลับกันเถอะ"หลีเกอพยักหน้า "ค่ะ"ฟู่ซิวเป่ยหันไปมองฮั่วจิ้นเฉิง แววตาเย็นชาไร้ความอบอุ่น ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกหนาวสั่นในใจ เมื่อมองภาพที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันแล้ว พบว่ามันช่างเจ็บปวด"หลีเกอ ตอนนี้แก้แค้นสำเร็จแล้ว เธอคงดีใจมากสินะ!" ฮั่วจิ้นเฉิงสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนักหลีเกอหัวเราะเยา
"หมายความว่ายังไง?"ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เข้าใจโม่อี้เฟยไม่ปิดบังอีกต่อไป รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดโปรแกรมบันทึกเสียงออกมา"นี่ไงล่ะ ความจริงที่ทำให้ฉันเรียกนายมา..."ฮั่วจิ้นเฉิงฟังคลิปบันทึกเสียงจนจบยิ่งฟังไป สีหน้าก็ยิ่งย่ำแย่"ฉันคิดว่าหลีเกอให้โอกาสเธอแล้ว แต่เธอไม่รู้จักถนอมไว้เอง กลับยังยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า! ไม่มีใครอดทนกับอะไรได้โดยที่ไม่มีขีดจำกัดหรอกนะ!"ฮั่วจิ้นเฉิงกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัวความรู้สึกเสียใจแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแววตาของฮั่วจิ้นเฉิงปรากฏความสับสนเป็นครั้งแรก เขาจ้องมองไปด้านหน้าอย่างว่างเปล่า ก่อนจะพูดพึมพำหลังจากผ่านไปนาน "ฉันเข้าใจเธอผิดมาตลอด..."..."คุณหลี รอผมด้วยครับ"หลีเกอกำลังจะจากไป แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตามมาหลีเกอไม่รู้จักชายหนุ่มตรงหน้า จึงถามด้วยความสงสัย "มีอะไรหรือเปล่าคะ?""คุณหลี สวัสดีครับ ผมเป็นผู้ช่วยของศาสตราจารย์โม่!"ชายหนุ่มพูดจบก็ยื่นนามบัตรที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรสีทองให้กับหลีเกอ "คุณหลี นี่คือคำเชิญที่ศาสตราจารย์โม่มอบหมายให้ผมมามอบให้คุณโดยเฉพาะครับ"หลีเกอรับมาเปิดออกดูคำเชิญจริงด้วย!"ศาสตราจารย์โม่บอกว่าวันนี้เป็นนิทรรศ
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงข่าวที่เพิ่งได้รับ เธอก็ยังเสี่ยงพูดออกมา"คุณฮั่ว เพิ่งมีโทรศัพท์จากเรือนจำติดต่อมา แจ้งว่าคุณหนูเฉียวพยายามฆ่าตัวตายค่ะ!"ประโยคนั้นทำให้บรรยากาศเงียบลงคงเป็นเพราะไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเฉียวซีอวิ๋นมานานฮั่วจิ้นเฉิงถาม "สถานการณ์เป็นยังไง""โชคดีที่ผู้คุมเรือนจำพบตัวทัน จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่คุณหนูเฉียวบอกว่าอยากเจอคุณค่ะ"เฉียวซีอวิ๋นถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาสิบปี เนื่องจากหลักฐานที่ชัดเจน ขณะนี้กำลังรับโทษอยู่ในเรือนจำ หลังจากที่ตระกูลเฉียวล่มสลาย เฉียวเจิ้นสยงก็หายเข้ากลีบเมฆและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่เคยไปเจอเธออีกเลย"ตอบผู้คุมเรือนจำว่าผมไม่ไป"ฮั่วจิ้นเฉิงพูดอย่างเย็นชา ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกใด ๆ ในน้ำเสียง"ค่ะ คุณฮั่ว"กำลังจะเดินออกไป แต่ฮั่วจิ้นเฉิงก็เรียกไว้ "ตอนนี้ฮั่วซินอยู่ที่ไหนแล้ว?""คุณหนูกลับถึงบ้านแล้วค่ะ""ระงับบัตรเครดิตทั้งหมดของเธอซะ ห้ามให้ใช้เงินแม้แต่หยวนเดียว"หลานหนีรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของฮั่วจิ้นเฉิง "ได้ค่ะคุณฮั่ว ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย!"เมื่อหลานหนีออกไปแล้วพื้นที
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ