“อะไรกัน ซินซิน! เธอรู้จักกับประธานลึกลับคนนี้มาก่อนรึไง!”“จริงด้วย เธอเก็บความลับเก่งเกินไปแล้ว!”“รีบบอกเราเร็วเข้า ประธานลึกลับคนนี้หน้าตาเป็นยังไง หล่อไหม?”ฮั่วซินกวาดมองสายตาที่หิวกระหายของพวกเธอ ความรู้สึกไร้สาระในใจได้รับการเติมเต็มอย่างเต็มที่ แม้ว่าเธอจะไม่เคยพบชายคนนี้มาก่อน แต่ในหัวก็ได้ร่างภาพที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาแล้ว เธอคิดว่าชายที่มีภูมิหลังและความสามารถที่ไม่ธรรมดาขนาดนี้ หน้าตาย่อมไม่มีทางแย่จนเป็นตัวประหลาดแน่ดังนั้นเธอจึงคุยโวอย่างไม่ละอาย “จะแง้มให้นิดหนึ่งก็ได้ ว่าจริง ๆ แล้วเราเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว!”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป สาว ๆ ที่คอยติดตามเธอก็ตื่นเต้นกันใหญ่“ว้าว ซินซิน เธอนี่สุดยอดเลย!”“สมกับเป็นคุณหนูตระกูลฮั่วจริง ๆ มีข้อมูลวงในเยอะมาก คิดว่าในเมืองปินเฉิงกว้างใหญ่แห่งนี้ คงมีแค่เธอคนเดียวที่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา”“ใช่ ใช่ ซินซิน รีบบอกเราซิ ประธานลึกลับคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่?”ฮั่วซินถูกพวกเธอชมจนรู้สึกเย่อหยิ่งขึ้นมาเล็กน้อย พูดโกหกได้โดยที่ตาไม่ขยิบ“อืม จริง ๆ แล้วตัวจริงของเขาหล่อมาก แต่ค่อนข้างเป็นคนเก็บตัวนิดหน่อย ไม่ใช่คนชอบอวด
ฮั่วซินพูดด้วยความไม่พอใจ แต่หลีเกอที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับคลี่ยิ้มบาง และถามกลับว่า “เธอคิดว่าคนอย่างฉันจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นด้วยเหรอ?”ประโยคเรียบง่ายแต่ทรงพลัง“เธอเป็นคุณหนูของตระกูลหลีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประธานบริษัทตี้เซิ่งคนปัจจุบัน…” ลิ้วล้อของฮั่วซินพูดด้วยน้ำเสียงที่อิจฉาสถานะเหล่านี้แค่พูดก็ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกต่ำต้อยถ้าจะพูดถึงการไต่เต้าคนอื่น หลีเกอต่างหากที่ควรเป็นคนคนนั้น!ใบหน้าของฮั่วซินมืดลงทันที!หลีเกอมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย แล้วพูดต่อ “ฉันว่าคนที่อยากเกาะคนอื่นจริง ๆ น่าจะเป็นคนอื่นมากกว่า แต่... อาจจะทำแบบนั้นไม่ได้ง่าย ๆ”ฮั่วซินโกรธมาก“หลีเกอ เธอก็แค่ผู้หญิงที่พี่ชายฉันทิ้งไป มีสิทธิ์อะไรมาพูดจากระแนะกระแหนฉันแบบนี้ เชื่อหรือเปล่าว่าฉันฉีกปากแกได้”หลีเกอไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ขณะที่ฮั่วซินแทบจะกระโดดด้วยความโกรธ ในสายตาของหลีเกอเวลานี้ ฮั่วซินดูเหมือนตัวตลก“ฮั่วซิน หุบปาก!” ฮั่วจิ้นเฉิงโผล่มาทันเวลา รีบตะโกนห้ามเธอฮั่วซินไม่คิดว่าแม้กระทั่งวันนี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็ยังปกป้องหลีเกออย่างออกนอกหน้า ทำให้เธอรู้สึกไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง“พี่ชาย!”
น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความหมายตอกย้ำ แต่มีเพียงฮั่วซินเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกผิดแค่ไหนเมื่อหลีเกอได้ยินพิธีกรพูดชื่อฟู่ซิวเป่ย สายตาของเธอก็ฉายไปด้วยแววแห่งความประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ตกใจมากนักเมื่อคิดถึงสายโทรเข้าของแม่บุญธรรมทุกอย่างดูเหมือนจะมีที่มาที่ไป!เธอเงยหน้าพร้อมยิ้มเล็กน้อย จิบไวน์ในแก้วจนหมดขณะนี้ ทุกคนในงานต่างมองไปในทิศทางเดียว รอคอยด้วยความใจจดใจจ่อภายใต้ความคาดหวังของทุกคน ร่างสูงเพรียวก็เดินสวนทางกับแสงไฟออกมาทีละก้าว ท่าทางของเขาสง่างาม ทุกย่างก้าวเป็นจังหวะจนกระทั่งเขาเดินขึ้นไปบนเวที แสงไฟสาดส่องไปที่ตัวเขา ทุกคนจึงได้เห็นโฉมหน้าของเขาอย่างชัดเจนชายหนุ่มสวมสูทสีม่วง ทำให้รูปร่างของเขาดูสูงเพรียว ใบหน้าคมลึกแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่แปลกใหม่ ออร่าอันโดดเด่นทำให้ผู้คนถึงกับร้องว้าวตั้งแต่แรกเห็น“โอ้โฮ ผู้ชายคนนี้หล่อมาก! หล่อสุด ๆ ไปเลย!”“ตรงสเปกฉันเลย!”“หล่อขนาดนี้เชียว แถมความสามารถยังโดดเด่นอีก สวรรค์ปิดประตูบานไหนของเขาไว้กันนะ!”“...”ฟู่ซิวเป่ยรับรู้ถึงสายตาของทุกคน แต่ไม่ได้สะทกสะท้าน ดวงตาอันลึกล้ำของเขาสำรวจฝูงชน ก่อนจะหยุดอยู่ที่หลีเ
หลีเกอพยักหน้าเล็กน้อย “ทั้งเซอร์ไพร์สทั้งดีใจเลยค่ะ!”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าการพูดคุยของพวกเขานั้นทำให้ทุกคนรอบข้างตกใจจนพูดไม่ออก พวกเขารู้สึกได้ถึงความเอ็นดูที่ฟู่ซิวเป่ยมีต่อหลีเกออย่างชัดเจน สายตาที่มองกันนั้นหวานหยดราวกับคู่รักที่กำลังตกหลุมรักความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนถูกจุดประกายขึ้นมาในทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่ในขณะนี้ ใคร ๆ ก็มองออกว่าเป็นชุดโทนสีเดียวกัน!“พวกเขาคงไม่ได้กำลังคบกันอยู่หรอกนะ!” ไม่รู้ว่าใครพูดประโยคนี้ขึ้นมา ทำให้ไฟแห่งการคาดเดาลุกโชนขึ้นในทันทีฮั่วจิ้นเฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไป สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที สายตาของเขาจ้องไปที่ทั้งคู่ราวกับจะพ่นไฟออกมา“คุณฟู่ คุณรู้จักกับหลีเกอด้วยเหรอคะ?” ลิ่วล้อของฮั่วซินอดไม่ได้ที่จะถามฟู่ซิวเป่ยหันไปมองหลีเกอ แล้วพูดว่า “ครับ รู้จักกันมานานแล้ว”เมื่อคำตอบนี้จบลง บรรยากาศโดยรอบก็ระเบิดพล่านรู้จักกันมานานแล้ว?นั่นหมายความว่าพวกเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กน่ะสิ!ไม่น่าแปลกใจเลย หลีเกอเป็นคุณหนูของตระกูลหลีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ผู้ชายที่เติบโตมาด้วยกันกับเธอจะมีความสามารถธรรมดาได้อย่างไร เอฟแอลก
จนกระทั่งทั้งสองคนเดินไปจนสุดทางเดิน ฟู่ซิวเป่ยจึงหยุดฝีเท้า “เข้าไปกันเถอะ คำตอบรออยู่ข้างใน” พูดจบเขาก็ผลักประตูเบา ๆ แล้วเดินเข้าไป“คุณปู่หลีครับ ผมพาหลีเกอมาหาแล้ว!”หลีเกอตกใจ รีบมองตามสายตาไปก็พบว่าหลีเจิ้งเฟยกำลังนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้“คุณปู่!” หลีเกอดีใจมาก วิ่งปรี่เข้าไปกอดหลีเจิ้งเฟยทันที“คุณปู่ ทำไมมาที่ปินเฉิงทั้งทีแล้วไม่ยอมบอกหลานกันคะ?”“ฉันบอกให้เขาปิดเรื่องนี้จากเธอเอง ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าเซอร์ไพรส์เหรอ?” เสียงของจ้าวเหิงดังขึ้นหลังจากนั้น หลีเกอประหลาดใจซ้ำสอง “แม่บุญธรรม คุณก็มาด้วยเหรอคะ?”จ้าวเหิงเดินมาหาเธอ ยื่นมือไปจิ้มจมูกเธอเบา ๆ“ฉันจะไม่มาได้ยังไงกัน อ้อ เรื่องในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร พวกเรารู้เรื่องที่เธอพูดหมดแล้วนะ!”หลีเกอรู้สึกอาย!“เรื่องที่เธอเดิมพันกับผู้อำนวยการหูไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว จากนี้เธอจะทำยังไงต่อไปล่ะ?”หลีเกอแลบลิ้นออกมา พูดว่า “ก็คงต้องทำงานให้หนักขึ้น ดันผลประกอบการให้ได้ตามเป้า”“ดีมาก! ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ ดูเหมือนว่าเธอจะมีความมั่นใจอยู่พอสมควร แบบนี้ก็ดี ฉายแววมุ่งมั่นเหมือนสมัยฉันยังหนุ่ม ๆ!”หลีเจิ้งเฟยชื่
“พี่ชาย!” ยังไม่ทันจะเดินไปถึงสองก้าว เขาก็ถูกฮั่วซินขวางทางไว้สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นชาลงเล็กน้อย “มีอะไร?”ฮั่วซินโอ้อวดเกินจริง จึงถูกพวกลิ่วล้อตัวเล็ก ๆ เยาะเย้ยต่าง ๆ นานา ตอนนี้จึงมาหาฮั่วจิ้นเฉิงเพื่อขอให้ช่วยเอาคืนในสายตาของเธอ มีเพียงฮั่วจิ้นเฉิงเท่านั้นที่พอจะช่วยเธอได้ เพราะในปินเฉิง ทุกคนต่างก็ต้องเกรงใจตระกูลฮั่ว“พี่ชาย พี่กับประธานฟู่ของเอฟแอลกรุ๊ปสนิทกันแค่ไหน?”เมื่อพูดถึงฟู่ซิวเป่ย ดวงตาของฮั่วจิ้นเฉิงก็เย็นเยียบลงไปอีกสองสามเท่า มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ไม่สนิท แต่มีคนหนึ่งที่ดูจะสนิทกับเขามาก”ฮั่วซินตกใจเล็กน้อย มองตามสายตาไป ก็เห็นหลีเกอและฟู่ซิวเป่ยอยู่ท่ามกลางฝูงชนเปลวไฟแห่งความอิจฉาระเบิดออกมาในทันที มือกำแน่น“หลีเกอ นังผู้หญิงคนนี้ เพิ่งจะหย่าออกจากตระกูลฮั่วของเราไปไม่กี่วันก็ไปเกาะเอฟแอลกรุ๊ปแล้ว ไร้ยางอายจริง ๆ”ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่ซิวเป่ยเป็นผู้ชายที่โดดเด่นมาก หลีเกอจะคู่ควรกับเขาได้อย่างไร? ฮั่วจิ้นเฉิงได้กลิ่นความหึงหวงจากน้องสาวที่ไม่น้อยไปกว่าตัวเขา จึงเข้าใจในทันที“เธอชอบฟู่ซิวเป่ยคนนี้เหรอ?”ฮั่วซินฮึดฮัด “พี่ไม่คิดเหรอว่านังหลีเกอมันคู
เมื่อฟู่ซิวเป่ยได้ยิน สายตาของเขาก็เย็นลงทีละน้อย แก้วไวน์ในมือสั่น ของเหลวสีแดงเข้มแกว่งไปมาเรื่องที่หลีเกอเคยถูกอดีตแม่สามีและน้องสะใภ้กลั่นแกล้งนั้น เขารู้สึกคับแค้นใจแทนเสมอมา“สวัสดีค่ะ คุณฟู่” ฮั่วซินดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่าบรรยากาศมีอะไรผิดปกติ ยื่นมือขวาออกไปหาฟู่ซิวเป่ยโดยตรงยื้อกันอยู่นาน ฟู่ซิวเป่ยก็ไม่มีทีท่าว่าจะจับมือเธอฮั่วซินรู้สึกอับอายเล็กน้อย จึงชักมือกลับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “คุณฟู่ยังหนุ่มอยู่เลย แต่ดำรงตำแหน่งเป็นถึงประธานเอฟแอลกรุ๊ปแล้ว วันนี้ฉันโชคดีมากเลยค่ะที่ได้เห็นคุณฟู่ หวังว่าในอนาคตตระกูลฮั่วของเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับเอฟแอลกรุ๊ปนะคะ”ฟู่ซิวเป่ยยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้ไม่ได้แผ่ไปถึงดวงตา “ขอบคุณคำชมของคุณฮั่ว แต่เรื่องความร่วมมือ เกรงว่าคงขอผ่านไปก่อน”คำพูดของฟู่ซิวเป่ยนี้ออกจะไม่ให้เกียรติฮั่วซินสักเท่าไหร่ผู้คนรอบข้างก็ไม่คิดว่าฟู่ซิวเป่ยที่เพิ่งมาถึงจะกล้าปฏิบัติต่อตระกูลฮั่วซึ่งเป็นเจ้าถิ่นแบบนี้หลายคนต่างก็รู้สึกกังวลใจแทนฟู่ซิวเป่ยฮั่วซินก็ตกตะลึงเช่นกัน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มพลันแข็งค้าง ในที่สุดรอยยิ้มก็ค่อย ๆ เลือนหายไม่เคยมีสักครั้งที่เธอไ
เมื่อพูดจบ ฟู่ซิวเป่ยก็ปล่อยเธอไปฮั่วซินกัดฟันกรอด“หลีเกอ อย่าเพิ่งได้ใจไป ฉันต้องหาทางไล่แกออกจากเมืองปินเฉิงให้ได้ ทำให้แกเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลีเกอได้ยินก็รู้สึกขำ เหลือบมองไปทางฮั่วจิ้นเฉิงที่อยู่ไม่ไกลนักแล้วพูดว่า “ประธานฮั่วคะ คุณหนูฮั่วคงจะเมาใหญ่แล้ว ไม่ทันไรก็เริ่มพูดจาเพ้อเจ้อ ยังไงรบกวนช่วยพาเธอกลับบ้านด้วยนะคะ”ฮั่วจิ้นเฉิงก้าวฉับ ๆ เข้ามา สีหน้ามืดมัว คว้าแขนฮั่วซิน“ตามพี่มา!”“พี่ชาย ฉันกำลังสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ให้พี่อยู่นะ จะลากฉันไปไหน?”“ยังไม่เข็ดอีกเหรอ?” เมื่อฮั่วจิ้นเฉิงพูดจบ ฮั่วซินถึงได้สังเกตเห็นสายตาคนอื่นที่มองมาจากรอบด้านทันใดนั้นก็รู้สึกอับอายเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไป ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีในที่สุดก็ถูกฮั่วจิ้นเฉิงลากออกจากงานเลี้ยงไปพอเธอจากไปแล้ว ฟู่ซิวเป่ยก็ถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง? ไหวไหม?”หลีเกอพยักหน้าเบา ๆ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”“ก่อนหน้านี้เธอก็ชอบรังแกคุณแบบนี้เหรอ? สามปีที่ผ่านมาคุณใช้ชีวิตยังไง?” ในคำพูดของฟู่ซิวเป่ยแฝงไปด้วยความเจ็บปวดจากการกระทำของฮั่วซินเมื่อครู่ ทำให้เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหลีเกอใน
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ