หลีเกอในชุดราตรีสีม่วงสุดหรู สวมรองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตร เผยให้เห็นเสน่ห์และออร่าอันเหลือล้น เดิมทีเธอก็สวยอยู่แล้ว บวกกับรูปร่างที่เพรียวบางยิ่งทำให้ดูสง่างามในชุดราตรีทันทีที่เธอปรากฏตัว ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่เธอ“ว้าว! นั่นไง ลูกสาวตระกูลหลี สวยจริง ๆ เลย หุ่นดีมาก น่าอิจฉาจัง!”“ใช่ ๆ! ชุดราตรีที่เธอสวมก็เก๋มาก ไม่รู้ว่าสั่งตัดจากแบรนด์หรูอะไร ใส่แล้วดูดีสุด ๆ!”“ฮั่วจิ้นเฉิงตาบอดรึยังไง ปล่อยให้สาวสวยขนาดนี้หลุดมือไปได้ แถมยังไปคบกับผู้หญิงไม่ได้เรื่องอย่างเฉียวซีอวิ๋นอีก ป่านนี้คงเสียดายแย่”“อุ๊ย พูดถึงก็มา! คุณชายฮั่วก็มาร่วมงานนี้ด้วยนะ...”ทุกคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ สายตาจ้องมองไปยังฮั่วจิ้นเฉิงที่อยู่ไม่ไกลตั้งแต่หลีเกอเข้ามา สายตาของฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่เคยละไปจากเธอเลย หลีเกอในวันนี้สวยมาก สวยจนเขาไม่อาจละสายตา“คุณฮั่วคะ!” เสียงของหลานหนีทำให้เขาจำต้องละสายตาและหันกลับไปมอง“เมื่อกี้ฉันไปสืบมาแล้วค่ะ ยังไม่มีข่าวคราวของผู้บริหารสูงสุดของทางเอฟแอลกรุ๊ปเลย แต่มีคนกระซิบมาว่าผู้บริหารสูงสุดคนนี้เหมือนจะมาจากประเทศ F แต่ข่าวนี้ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ เพราะยังไม่มีใครเค
“อะไรกัน ซินซิน! เธอรู้จักกับประธานลึกลับคนนี้มาก่อนรึไง!”“จริงด้วย เธอเก็บความลับเก่งเกินไปแล้ว!”“รีบบอกเราเร็วเข้า ประธานลึกลับคนนี้หน้าตาเป็นยังไง หล่อไหม?”ฮั่วซินกวาดมองสายตาที่หิวกระหายของพวกเธอ ความรู้สึกไร้สาระในใจได้รับการเติมเต็มอย่างเต็มที่ แม้ว่าเธอจะไม่เคยพบชายคนนี้มาก่อน แต่ในหัวก็ได้ร่างภาพที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาแล้ว เธอคิดว่าชายที่มีภูมิหลังและความสามารถที่ไม่ธรรมดาขนาดนี้ หน้าตาย่อมไม่มีทางแย่จนเป็นตัวประหลาดแน่ดังนั้นเธอจึงคุยโวอย่างไม่ละอาย “จะแง้มให้นิดหนึ่งก็ได้ ว่าจริง ๆ แล้วเราเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว!”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป สาว ๆ ที่คอยติดตามเธอก็ตื่นเต้นกันใหญ่“ว้าว ซินซิน เธอนี่สุดยอดเลย!”“สมกับเป็นคุณหนูตระกูลฮั่วจริง ๆ มีข้อมูลวงในเยอะมาก คิดว่าในเมืองปินเฉิงกว้างใหญ่แห่งนี้ คงมีแค่เธอคนเดียวที่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา”“ใช่ ใช่ ซินซิน รีบบอกเราซิ ประธานลึกลับคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่?”ฮั่วซินถูกพวกเธอชมจนรู้สึกเย่อหยิ่งขึ้นมาเล็กน้อย พูดโกหกได้โดยที่ตาไม่ขยิบ“อืม จริง ๆ แล้วตัวจริงของเขาหล่อมาก แต่ค่อนข้างเป็นคนเก็บตัวนิดหน่อย ไม่ใช่คนชอบอวด
ฮั่วซินพูดด้วยความไม่พอใจ แต่หลีเกอที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับคลี่ยิ้มบาง และถามกลับว่า “เธอคิดว่าคนอย่างฉันจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นด้วยเหรอ?”ประโยคเรียบง่ายแต่ทรงพลัง“เธอเป็นคุณหนูของตระกูลหลีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประธานบริษัทตี้เซิ่งคนปัจจุบัน…” ลิ้วล้อของฮั่วซินพูดด้วยน้ำเสียงที่อิจฉาสถานะเหล่านี้แค่พูดก็ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกต่ำต้อยถ้าจะพูดถึงการไต่เต้าคนอื่น หลีเกอต่างหากที่ควรเป็นคนคนนั้น!ใบหน้าของฮั่วซินมืดลงทันที!หลีเกอมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย แล้วพูดต่อ “ฉันว่าคนที่อยากเกาะคนอื่นจริง ๆ น่าจะเป็นคนอื่นมากกว่า แต่... อาจจะทำแบบนั้นไม่ได้ง่าย ๆ”ฮั่วซินโกรธมาก“หลีเกอ เธอก็แค่ผู้หญิงที่พี่ชายฉันทิ้งไป มีสิทธิ์อะไรมาพูดจากระแนะกระแหนฉันแบบนี้ เชื่อหรือเปล่าว่าฉันฉีกปากแกได้”หลีเกอไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ขณะที่ฮั่วซินแทบจะกระโดดด้วยความโกรธ ในสายตาของหลีเกอเวลานี้ ฮั่วซินดูเหมือนตัวตลก“ฮั่วซิน หุบปาก!” ฮั่วจิ้นเฉิงโผล่มาทันเวลา รีบตะโกนห้ามเธอฮั่วซินไม่คิดว่าแม้กระทั่งวันนี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็ยังปกป้องหลีเกออย่างออกนอกหน้า ทำให้เธอรู้สึกไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง“พี่ชาย!”
น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความหมายตอกย้ำ แต่มีเพียงฮั่วซินเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกผิดแค่ไหนเมื่อหลีเกอได้ยินพิธีกรพูดชื่อฟู่ซิวเป่ย สายตาของเธอก็ฉายไปด้วยแววแห่งความประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ตกใจมากนักเมื่อคิดถึงสายโทรเข้าของแม่บุญธรรมทุกอย่างดูเหมือนจะมีที่มาที่ไป!เธอเงยหน้าพร้อมยิ้มเล็กน้อย จิบไวน์ในแก้วจนหมดขณะนี้ ทุกคนในงานต่างมองไปในทิศทางเดียว รอคอยด้วยความใจจดใจจ่อภายใต้ความคาดหวังของทุกคน ร่างสูงเพรียวก็เดินสวนทางกับแสงไฟออกมาทีละก้าว ท่าทางของเขาสง่างาม ทุกย่างก้าวเป็นจังหวะจนกระทั่งเขาเดินขึ้นไปบนเวที แสงไฟสาดส่องไปที่ตัวเขา ทุกคนจึงได้เห็นโฉมหน้าของเขาอย่างชัดเจนชายหนุ่มสวมสูทสีม่วง ทำให้รูปร่างของเขาดูสูงเพรียว ใบหน้าคมลึกแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่แปลกใหม่ ออร่าอันโดดเด่นทำให้ผู้คนถึงกับร้องว้าวตั้งแต่แรกเห็น“โอ้โฮ ผู้ชายคนนี้หล่อมาก! หล่อสุด ๆ ไปเลย!”“ตรงสเปกฉันเลย!”“หล่อขนาดนี้เชียว แถมความสามารถยังโดดเด่นอีก สวรรค์ปิดประตูบานไหนของเขาไว้กันนะ!”“...”ฟู่ซิวเป่ยรับรู้ถึงสายตาของทุกคน แต่ไม่ได้สะทกสะท้าน ดวงตาอันลึกล้ำของเขาสำรวจฝูงชน ก่อนจะหยุดอยู่ที่หลีเ
หลีเกอพยักหน้าเล็กน้อย “ทั้งเซอร์ไพร์สทั้งดีใจเลยค่ะ!”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าการพูดคุยของพวกเขานั้นทำให้ทุกคนรอบข้างตกใจจนพูดไม่ออก พวกเขารู้สึกได้ถึงความเอ็นดูที่ฟู่ซิวเป่ยมีต่อหลีเกออย่างชัดเจน สายตาที่มองกันนั้นหวานหยดราวกับคู่รักที่กำลังตกหลุมรักความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนถูกจุดประกายขึ้นมาในทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่ในขณะนี้ ใคร ๆ ก็มองออกว่าเป็นชุดโทนสีเดียวกัน!“พวกเขาคงไม่ได้กำลังคบกันอยู่หรอกนะ!” ไม่รู้ว่าใครพูดประโยคนี้ขึ้นมา ทำให้ไฟแห่งการคาดเดาลุกโชนขึ้นในทันทีฮั่วจิ้นเฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไป สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที สายตาของเขาจ้องไปที่ทั้งคู่ราวกับจะพ่นไฟออกมา“คุณฟู่ คุณรู้จักกับหลีเกอด้วยเหรอคะ?” ลิ่วล้อของฮั่วซินอดไม่ได้ที่จะถามฟู่ซิวเป่ยหันไปมองหลีเกอ แล้วพูดว่า “ครับ รู้จักกันมานานแล้ว”เมื่อคำตอบนี้จบลง บรรยากาศโดยรอบก็ระเบิดพล่านรู้จักกันมานานแล้ว?นั่นหมายความว่าพวกเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กน่ะสิ!ไม่น่าแปลกใจเลย หลีเกอเป็นคุณหนูของตระกูลหลีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ผู้ชายที่เติบโตมาด้วยกันกับเธอจะมีความสามารถธรรมดาได้อย่างไร เอฟแอลก
จนกระทั่งทั้งสองคนเดินไปจนสุดทางเดิน ฟู่ซิวเป่ยจึงหยุดฝีเท้า “เข้าไปกันเถอะ คำตอบรออยู่ข้างใน” พูดจบเขาก็ผลักประตูเบา ๆ แล้วเดินเข้าไป“คุณปู่หลีครับ ผมพาหลีเกอมาหาแล้ว!”หลีเกอตกใจ รีบมองตามสายตาไปก็พบว่าหลีเจิ้งเฟยกำลังนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้“คุณปู่!” หลีเกอดีใจมาก วิ่งปรี่เข้าไปกอดหลีเจิ้งเฟยทันที“คุณปู่ ทำไมมาที่ปินเฉิงทั้งทีแล้วไม่ยอมบอกหลานกันคะ?”“ฉันบอกให้เขาปิดเรื่องนี้จากเธอเอง ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าเซอร์ไพรส์เหรอ?” เสียงของจ้าวเหิงดังขึ้นหลังจากนั้น หลีเกอประหลาดใจซ้ำสอง “แม่บุญธรรม คุณก็มาด้วยเหรอคะ?”จ้าวเหิงเดินมาหาเธอ ยื่นมือไปจิ้มจมูกเธอเบา ๆ“ฉันจะไม่มาได้ยังไงกัน อ้อ เรื่องในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร พวกเรารู้เรื่องที่เธอพูดหมดแล้วนะ!”หลีเกอรู้สึกอาย!“เรื่องที่เธอเดิมพันกับผู้อำนวยการหูไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว จากนี้เธอจะทำยังไงต่อไปล่ะ?”หลีเกอแลบลิ้นออกมา พูดว่า “ก็คงต้องทำงานให้หนักขึ้น ดันผลประกอบการให้ได้ตามเป้า”“ดีมาก! ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ ดูเหมือนว่าเธอจะมีความมั่นใจอยู่พอสมควร แบบนี้ก็ดี ฉายแววมุ่งมั่นเหมือนสมัยฉันยังหนุ่ม ๆ!”หลีเจิ้งเฟยชื่
“พี่ชาย!” ยังไม่ทันจะเดินไปถึงสองก้าว เขาก็ถูกฮั่วซินขวางทางไว้สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นชาลงเล็กน้อย “มีอะไร?”ฮั่วซินโอ้อวดเกินจริง จึงถูกพวกลิ่วล้อตัวเล็ก ๆ เยาะเย้ยต่าง ๆ นานา ตอนนี้จึงมาหาฮั่วจิ้นเฉิงเพื่อขอให้ช่วยเอาคืนในสายตาของเธอ มีเพียงฮั่วจิ้นเฉิงเท่านั้นที่พอจะช่วยเธอได้ เพราะในปินเฉิง ทุกคนต่างก็ต้องเกรงใจตระกูลฮั่ว“พี่ชาย พี่กับประธานฟู่ของเอฟแอลกรุ๊ปสนิทกันแค่ไหน?”เมื่อพูดถึงฟู่ซิวเป่ย ดวงตาของฮั่วจิ้นเฉิงก็เย็นเยียบลงไปอีกสองสามเท่า มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ไม่สนิท แต่มีคนหนึ่งที่ดูจะสนิทกับเขามาก”ฮั่วซินตกใจเล็กน้อย มองตามสายตาไป ก็เห็นหลีเกอและฟู่ซิวเป่ยอยู่ท่ามกลางฝูงชนเปลวไฟแห่งความอิจฉาระเบิดออกมาในทันที มือกำแน่น“หลีเกอ นังผู้หญิงคนนี้ เพิ่งจะหย่าออกจากตระกูลฮั่วของเราไปไม่กี่วันก็ไปเกาะเอฟแอลกรุ๊ปแล้ว ไร้ยางอายจริง ๆ”ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่ซิวเป่ยเป็นผู้ชายที่โดดเด่นมาก หลีเกอจะคู่ควรกับเขาได้อย่างไร? ฮั่วจิ้นเฉิงได้กลิ่นความหึงหวงจากน้องสาวที่ไม่น้อยไปกว่าตัวเขา จึงเข้าใจในทันที“เธอชอบฟู่ซิวเป่ยคนนี้เหรอ?”ฮั่วซินฮึดฮัด “พี่ไม่คิดเหรอว่านังหลีเกอมันคู
เมื่อฟู่ซิวเป่ยได้ยิน สายตาของเขาก็เย็นลงทีละน้อย แก้วไวน์ในมือสั่น ของเหลวสีแดงเข้มแกว่งไปมาเรื่องที่หลีเกอเคยถูกอดีตแม่สามีและน้องสะใภ้กลั่นแกล้งนั้น เขารู้สึกคับแค้นใจแทนเสมอมา“สวัสดีค่ะ คุณฟู่” ฮั่วซินดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่าบรรยากาศมีอะไรผิดปกติ ยื่นมือขวาออกไปหาฟู่ซิวเป่ยโดยตรงยื้อกันอยู่นาน ฟู่ซิวเป่ยก็ไม่มีทีท่าว่าจะจับมือเธอฮั่วซินรู้สึกอับอายเล็กน้อย จึงชักมือกลับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “คุณฟู่ยังหนุ่มอยู่เลย แต่ดำรงตำแหน่งเป็นถึงประธานเอฟแอลกรุ๊ปแล้ว วันนี้ฉันโชคดีมากเลยค่ะที่ได้เห็นคุณฟู่ หวังว่าในอนาคตตระกูลฮั่วของเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับเอฟแอลกรุ๊ปนะคะ”ฟู่ซิวเป่ยยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้ไม่ได้แผ่ไปถึงดวงตา “ขอบคุณคำชมของคุณฮั่ว แต่เรื่องความร่วมมือ เกรงว่าคงขอผ่านไปก่อน”คำพูดของฟู่ซิวเป่ยนี้ออกจะไม่ให้เกียรติฮั่วซินสักเท่าไหร่ผู้คนรอบข้างก็ไม่คิดว่าฟู่ซิวเป่ยที่เพิ่งมาถึงจะกล้าปฏิบัติต่อตระกูลฮั่วซึ่งเป็นเจ้าถิ่นแบบนี้หลายคนต่างก็รู้สึกกังวลใจแทนฟู่ซิวเป่ยฮั่วซินก็ตกตะลึงเช่นกัน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มพลันแข็งค้าง ในที่สุดรอยยิ้มก็ค่อย ๆ เลือนหายไม่เคยมีสักครั้งที่เธอไ