น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความหมายตอกย้ำ แต่มีเพียงฮั่วซินเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกผิดแค่ไหนเมื่อหลีเกอได้ยินพิธีกรพูดชื่อฟู่ซิวเป่ย สายตาของเธอก็ฉายไปด้วยแววแห่งความประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ตกใจมากนักเมื่อคิดถึงสายโทรเข้าของแม่บุญธรรมทุกอย่างดูเหมือนจะมีที่มาที่ไป!เธอเงยหน้าพร้อมยิ้มเล็กน้อย จิบไวน์ในแก้วจนหมดขณะนี้ ทุกคนในงานต่างมองไปในทิศทางเดียว รอคอยด้วยความใจจดใจจ่อภายใต้ความคาดหวังของทุกคน ร่างสูงเพรียวก็เดินสวนทางกับแสงไฟออกมาทีละก้าว ท่าทางของเขาสง่างาม ทุกย่างก้าวเป็นจังหวะจนกระทั่งเขาเดินขึ้นไปบนเวที แสงไฟสาดส่องไปที่ตัวเขา ทุกคนจึงได้เห็นโฉมหน้าของเขาอย่างชัดเจนชายหนุ่มสวมสูทสีม่วง ทำให้รูปร่างของเขาดูสูงเพรียว ใบหน้าคมลึกแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่แปลกใหม่ ออร่าอันโดดเด่นทำให้ผู้คนถึงกับร้องว้าวตั้งแต่แรกเห็น“โอ้โฮ ผู้ชายคนนี้หล่อมาก! หล่อสุด ๆ ไปเลย!”“ตรงสเปกฉันเลย!”“หล่อขนาดนี้เชียว แถมความสามารถยังโดดเด่นอีก สวรรค์ปิดประตูบานไหนของเขาไว้กันนะ!”“...”ฟู่ซิวเป่ยรับรู้ถึงสายตาของทุกคน แต่ไม่ได้สะทกสะท้าน ดวงตาอันลึกล้ำของเขาสำรวจฝูงชน ก่อนจะหยุดอยู่ที่หลีเ
หลีเกอพยักหน้าเล็กน้อย “ทั้งเซอร์ไพร์สทั้งดีใจเลยค่ะ!”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าการพูดคุยของพวกเขานั้นทำให้ทุกคนรอบข้างตกใจจนพูดไม่ออก พวกเขารู้สึกได้ถึงความเอ็นดูที่ฟู่ซิวเป่ยมีต่อหลีเกออย่างชัดเจน สายตาที่มองกันนั้นหวานหยดราวกับคู่รักที่กำลังตกหลุมรักความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนถูกจุดประกายขึ้นมาในทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่ในขณะนี้ ใคร ๆ ก็มองออกว่าเป็นชุดโทนสีเดียวกัน!“พวกเขาคงไม่ได้กำลังคบกันอยู่หรอกนะ!” ไม่รู้ว่าใครพูดประโยคนี้ขึ้นมา ทำให้ไฟแห่งการคาดเดาลุกโชนขึ้นในทันทีฮั่วจิ้นเฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไป สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที สายตาของเขาจ้องไปที่ทั้งคู่ราวกับจะพ่นไฟออกมา“คุณฟู่ คุณรู้จักกับหลีเกอด้วยเหรอคะ?” ลิ่วล้อของฮั่วซินอดไม่ได้ที่จะถามฟู่ซิวเป่ยหันไปมองหลีเกอ แล้วพูดว่า “ครับ รู้จักกันมานานแล้ว”เมื่อคำตอบนี้จบลง บรรยากาศโดยรอบก็ระเบิดพล่านรู้จักกันมานานแล้ว?นั่นหมายความว่าพวกเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กน่ะสิ!ไม่น่าแปลกใจเลย หลีเกอเป็นคุณหนูของตระกูลหลีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ผู้ชายที่เติบโตมาด้วยกันกับเธอจะมีความสามารถธรรมดาได้อย่างไร เอฟแอลก
จนกระทั่งทั้งสองคนเดินไปจนสุดทางเดิน ฟู่ซิวเป่ยจึงหยุดฝีเท้า “เข้าไปกันเถอะ คำตอบรออยู่ข้างใน” พูดจบเขาก็ผลักประตูเบา ๆ แล้วเดินเข้าไป“คุณปู่หลีครับ ผมพาหลีเกอมาหาแล้ว!”หลีเกอตกใจ รีบมองตามสายตาไปก็พบว่าหลีเจิ้งเฟยกำลังนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้“คุณปู่!” หลีเกอดีใจมาก วิ่งปรี่เข้าไปกอดหลีเจิ้งเฟยทันที“คุณปู่ ทำไมมาที่ปินเฉิงทั้งทีแล้วไม่ยอมบอกหลานกันคะ?”“ฉันบอกให้เขาปิดเรื่องนี้จากเธอเอง ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าเซอร์ไพรส์เหรอ?” เสียงของจ้าวเหิงดังขึ้นหลังจากนั้น หลีเกอประหลาดใจซ้ำสอง “แม่บุญธรรม คุณก็มาด้วยเหรอคะ?”จ้าวเหิงเดินมาหาเธอ ยื่นมือไปจิ้มจมูกเธอเบา ๆ“ฉันจะไม่มาได้ยังไงกัน อ้อ เรื่องในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร พวกเรารู้เรื่องที่เธอพูดหมดแล้วนะ!”หลีเกอรู้สึกอาย!“เรื่องที่เธอเดิมพันกับผู้อำนวยการหูไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว จากนี้เธอจะทำยังไงต่อไปล่ะ?”หลีเกอแลบลิ้นออกมา พูดว่า “ก็คงต้องทำงานให้หนักขึ้น ดันผลประกอบการให้ได้ตามเป้า”“ดีมาก! ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ ดูเหมือนว่าเธอจะมีความมั่นใจอยู่พอสมควร แบบนี้ก็ดี ฉายแววมุ่งมั่นเหมือนสมัยฉันยังหนุ่ม ๆ!”หลีเจิ้งเฟยชื่
“พี่ชาย!” ยังไม่ทันจะเดินไปถึงสองก้าว เขาก็ถูกฮั่วซินขวางทางไว้สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นชาลงเล็กน้อย “มีอะไร?”ฮั่วซินโอ้อวดเกินจริง จึงถูกพวกลิ่วล้อตัวเล็ก ๆ เยาะเย้ยต่าง ๆ นานา ตอนนี้จึงมาหาฮั่วจิ้นเฉิงเพื่อขอให้ช่วยเอาคืนในสายตาของเธอ มีเพียงฮั่วจิ้นเฉิงเท่านั้นที่พอจะช่วยเธอได้ เพราะในปินเฉิง ทุกคนต่างก็ต้องเกรงใจตระกูลฮั่ว“พี่ชาย พี่กับประธานฟู่ของเอฟแอลกรุ๊ปสนิทกันแค่ไหน?”เมื่อพูดถึงฟู่ซิวเป่ย ดวงตาของฮั่วจิ้นเฉิงก็เย็นเยียบลงไปอีกสองสามเท่า มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ไม่สนิท แต่มีคนหนึ่งที่ดูจะสนิทกับเขามาก”ฮั่วซินตกใจเล็กน้อย มองตามสายตาไป ก็เห็นหลีเกอและฟู่ซิวเป่ยอยู่ท่ามกลางฝูงชนเปลวไฟแห่งความอิจฉาระเบิดออกมาในทันที มือกำแน่น“หลีเกอ นังผู้หญิงคนนี้ เพิ่งจะหย่าออกจากตระกูลฮั่วของเราไปไม่กี่วันก็ไปเกาะเอฟแอลกรุ๊ปแล้ว ไร้ยางอายจริง ๆ”ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่ซิวเป่ยเป็นผู้ชายที่โดดเด่นมาก หลีเกอจะคู่ควรกับเขาได้อย่างไร? ฮั่วจิ้นเฉิงได้กลิ่นความหึงหวงจากน้องสาวที่ไม่น้อยไปกว่าตัวเขา จึงเข้าใจในทันที“เธอชอบฟู่ซิวเป่ยคนนี้เหรอ?”ฮั่วซินฮึดฮัด “พี่ไม่คิดเหรอว่านังหลีเกอมันคู
เมื่อฟู่ซิวเป่ยได้ยิน สายตาของเขาก็เย็นลงทีละน้อย แก้วไวน์ในมือสั่น ของเหลวสีแดงเข้มแกว่งไปมาเรื่องที่หลีเกอเคยถูกอดีตแม่สามีและน้องสะใภ้กลั่นแกล้งนั้น เขารู้สึกคับแค้นใจแทนเสมอมา“สวัสดีค่ะ คุณฟู่” ฮั่วซินดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่าบรรยากาศมีอะไรผิดปกติ ยื่นมือขวาออกไปหาฟู่ซิวเป่ยโดยตรงยื้อกันอยู่นาน ฟู่ซิวเป่ยก็ไม่มีทีท่าว่าจะจับมือเธอฮั่วซินรู้สึกอับอายเล็กน้อย จึงชักมือกลับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “คุณฟู่ยังหนุ่มอยู่เลย แต่ดำรงตำแหน่งเป็นถึงประธานเอฟแอลกรุ๊ปแล้ว วันนี้ฉันโชคดีมากเลยค่ะที่ได้เห็นคุณฟู่ หวังว่าในอนาคตตระกูลฮั่วของเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับเอฟแอลกรุ๊ปนะคะ”ฟู่ซิวเป่ยยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้ไม่ได้แผ่ไปถึงดวงตา “ขอบคุณคำชมของคุณฮั่ว แต่เรื่องความร่วมมือ เกรงว่าคงขอผ่านไปก่อน”คำพูดของฟู่ซิวเป่ยนี้ออกจะไม่ให้เกียรติฮั่วซินสักเท่าไหร่ผู้คนรอบข้างก็ไม่คิดว่าฟู่ซิวเป่ยที่เพิ่งมาถึงจะกล้าปฏิบัติต่อตระกูลฮั่วซึ่งเป็นเจ้าถิ่นแบบนี้หลายคนต่างก็รู้สึกกังวลใจแทนฟู่ซิวเป่ยฮั่วซินก็ตกตะลึงเช่นกัน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มพลันแข็งค้าง ในที่สุดรอยยิ้มก็ค่อย ๆ เลือนหายไม่เคยมีสักครั้งที่เธอไ
เมื่อพูดจบ ฟู่ซิวเป่ยก็ปล่อยเธอไปฮั่วซินกัดฟันกรอด“หลีเกอ อย่าเพิ่งได้ใจไป ฉันต้องหาทางไล่แกออกจากเมืองปินเฉิงให้ได้ ทำให้แกเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลีเกอได้ยินก็รู้สึกขำ เหลือบมองไปทางฮั่วจิ้นเฉิงที่อยู่ไม่ไกลนักแล้วพูดว่า “ประธานฮั่วคะ คุณหนูฮั่วคงจะเมาใหญ่แล้ว ไม่ทันไรก็เริ่มพูดจาเพ้อเจ้อ ยังไงรบกวนช่วยพาเธอกลับบ้านด้วยนะคะ”ฮั่วจิ้นเฉิงก้าวฉับ ๆ เข้ามา สีหน้ามืดมัว คว้าแขนฮั่วซิน“ตามพี่มา!”“พี่ชาย ฉันกำลังสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ให้พี่อยู่นะ จะลากฉันไปไหน?”“ยังไม่เข็ดอีกเหรอ?” เมื่อฮั่วจิ้นเฉิงพูดจบ ฮั่วซินถึงได้สังเกตเห็นสายตาคนอื่นที่มองมาจากรอบด้านทันใดนั้นก็รู้สึกอับอายเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไป ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีในที่สุดก็ถูกฮั่วจิ้นเฉิงลากออกจากงานเลี้ยงไปพอเธอจากไปแล้ว ฟู่ซิวเป่ยก็ถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง? ไหวไหม?”หลีเกอพยักหน้าเบา ๆ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”“ก่อนหน้านี้เธอก็ชอบรังแกคุณแบบนี้เหรอ? สามปีที่ผ่านมาคุณใช้ชีวิตยังไง?” ในคำพูดของฟู่ซิวเป่ยแฝงไปด้วยความเจ็บปวดจากการกระทำของฮั่วซินเมื่อครู่ ทำให้เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหลีเกอใน
หลีเกออมยิ้มอย่างสุภาพ ปฏิเสธว่า “ไม่เป็นไรค่ะ เลขาหลิน เดี๋ยวจะมีคนมารับฉัน”“งั้นฉันขอไปส่งคุณที่หน้าประตูนะคะ” หลินซืออี้ไม่ให้โอกาสหลีเกอปฏิเสธ ทำท่าผายมือเชิญหลีเกอพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินออกไปทั้งรองเท้าส้นสูงที่หน้าประตู ฟู่ซิวเป่ยกำลังพูดคุยกับหุ้นส่วนของเอฟแอลกรุ๊ปหลายราย สายตาเหลือบไปเห็นหลีเกอที่กำลังเดินมาจากไม่ไกลนัก“ประธานหลิว เรื่องโครงการเทคโนโลยีนาโนรุ่นใหม่ พรุ่งนี้ เราจะไปคุยกันที่บริษัทของคุณต่อนะครับ”“ได้เลยครับ ประธานฟู่ ผมยินดีต้อนรับเสมอ”หลังจากส่งหุ้นส่วนไปแล้ว ฟู่ซิวเป่ยก็เดินไปหาหลีเกออย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าไหล่ของเธอเปลือยเปล่า ฟู่ซิวเป่ยก็ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก “ข้างนอกหนาว”พูดจบก็คลุมเสื้อคลุมให้หลีเกอหลินซืออี้ที่อยู่ด้านหลังเห็นฉากนี้ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ยังแปลกใจเล็กน้อยที่ฟู่ซิวเป่ยแสดงท่าทีอ่อนโยนต่อหลีเกอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“รถของฉันมาแล้วค่ะ” หลีเกอเห็นป้ายทะเบียนที่คุ้นเคย“ฟู่ซิวเป่ย พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้า ส่งหลีเกอขึ้นรถแล้วโบกมือให้คนขับรถสตาร์ทรถแล้วขับออกไป จนกระทั่งรถหายลับไป ในที่สุ
เพิ่งจะนั่งลง หญิงสาววัยสามสิบกว่า ๆ สวมแว่นกรอบดำก็เดินเข้ามา ดูเป็นคนเคร่งขรึมเธอถือแฟ้มเอกสารไว้ในมือ เมื่อเข้ามาแล้วก็ทักทายฮั่วจิ้นเฉิงก่อน “ประธานฮั่ว ไม่พบกันนานเลยนะคะ”ฮั่วจิ้นเฉิงเงยหน้าขึ้น คิ้วกระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ารู้จักอีกฝ่าย “ผู้จัดการกู้"กู้หว่านชิงพยักหน้าเล็กน้อย แต่กลับมองไปที่หลีเกอที่อยู่ไม่ไกลนัก สายตาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “ท่านนี้คงจะเป็นคุณหนูหลีสินะ”น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกหลีเกอขมวดคิ้ว สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความไม่เป็นมิตรของหญิงสาวตรงหน้าแต่ในความทรงจำของเธอ เธอไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับหญิงสาวคนนี้มาก่อน“สวัสดีค่ะ ฉันหลีเกอ”หลีเกอแนะนำตัวอย่างสุภาพ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับกอดอก แสดงท่าทีหยิ่งยโส “ฉันรู้จักคุณดี ภรรยาเก่าของประธานฮั่ว”คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมที่กว้างขวางเย็นเยียบลงไปเล็กน้อย“คุณหนูหลี อายุยังน้อยก็สามารถขึ้นเป็นประธานของบริษัทตี้เซิ่งได้แล้ว แสดงว่ามีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ไม่ทราบว่าคุณหนูหลีมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนาโนมากน้อยแค่ไหน?”หลีเกอยิ้มตามมารยาท ตอบกลับอย่างสุภาพและเป็นทางการ“พอใช้ค่ะ ได้ศึกษามา