เพิ่งจะนั่งลง หญิงสาววัยสามสิบกว่า ๆ สวมแว่นกรอบดำก็เดินเข้ามา ดูเป็นคนเคร่งขรึมเธอถือแฟ้มเอกสารไว้ในมือ เมื่อเข้ามาแล้วก็ทักทายฮั่วจิ้นเฉิงก่อน “ประธานฮั่ว ไม่พบกันนานเลยนะคะ”ฮั่วจิ้นเฉิงเงยหน้าขึ้น คิ้วกระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ารู้จักอีกฝ่าย “ผู้จัดการกู้"กู้หว่านชิงพยักหน้าเล็กน้อย แต่กลับมองไปที่หลีเกอที่อยู่ไม่ไกลนัก สายตาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “ท่านนี้คงจะเป็นคุณหนูหลีสินะ”น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกหลีเกอขมวดคิ้ว สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความไม่เป็นมิตรของหญิงสาวตรงหน้าแต่ในความทรงจำของเธอ เธอไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับหญิงสาวคนนี้มาก่อน“สวัสดีค่ะ ฉันหลีเกอ”หลีเกอแนะนำตัวอย่างสุภาพ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับกอดอก แสดงท่าทีหยิ่งยโส “ฉันรู้จักคุณดี ภรรยาเก่าของประธานฮั่ว”คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมที่กว้างขวางเย็นเยียบลงไปเล็กน้อย“คุณหนูหลี อายุยังน้อยก็สามารถขึ้นเป็นประธานของบริษัทตี้เซิ่งได้แล้ว แสดงว่ามีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ไม่ทราบว่าคุณหนูหลีมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนาโนมากน้อยแค่ไหน?”หลีเกอยิ้มตามมารยาท ตอบกลับอย่างสุภาพและเป็นทางการ“พอใช้ค่ะ ได้ศึกษามา
การที่เธอสามารถเข้าหาฟู่ซิวเป่ยได้ แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้มีวิธีการอันชาญฉลาด ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้เฉียวซีอวิ๋นเคยบอกว่าหลีเกอเป็นคนที่แทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฮั่วจิ้นเฉิง!ดูเหมือนว่าสิ่งที่ซีอวิ๋นพูดจะถูกต้องจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้จัดการได้ยากเมื่อคิดได้ดังนี้ แม้ว่ากู้หว่านชิงจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังต้องก้มหัวลงขอโทษทันที “ขอโทษค่ะ คุณฟู่ ฉันเผลอพูดอะไรที่ไม่เหมาะสม ต้องขออภัยด้วยค่ะ”แต่ฟู่ซิวเป่ยกลับพูดว่า “คนที่คุณกู้ควรขอโทษไม่ใช่ผม”กู้หว่านชิงตกใจ!ให้เธอไปขอโทษหลีเกองั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้!ถ้าไม่ใช่เพราะหลีเกอ ครอบครัวลุงของเธอคงไม่ล้มละลาย และเฉียวซีอวิ๋น ลูกพี่ลูกน้องของเธอคงไม่ถูกจำคุก! เธอตั้งใจว่าวันนี้จะต้องสอนบทเรียนหลีเกอให้จงได้“คุณฟู่คะ ฉัน…”ฟู่ซิวเป่ยมีสีหน้าเย็นชา นิ้วเคาะลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ ความกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านไปทั่วห้องประชุมขนาดใหญ่ความอดทนของฟู่ซิวเป่ยมีจำกัดเมื่อเห็นว่าเธอไม่มีทีท่าจะขอโทษ เขาก็ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าของตัวเอง “ถ้าอย่างนั้น วันนี้เราคงไม่ต้องคุยเรื่องความร่วมมือกันแล้ว เอฟแอลกรุ๊ปของเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโปรเจ็กต์นี
“ก่อนอื่น ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ เทคโนโลยีนาโนเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา…”กู้หว่านชิงยืนอยู่บนเวทีหลักด้วยความมั่นใจ พูดอย่างคล่องแคล่ว เธอเลื่อนสไลด์พาวเวอร์พอยต์เพื่อนำเสนอข้อมูลโดยละเอียดให้กับทุกคนต้องบอกว่าการที่กู้หว่านชิงสามารถขึ้นมาเป็นผู้จัดการได้ ความสามารถของเธอย่อมไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นทักษะการพูดหรือความเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพส่วนตัว ล้วนอยู่ในระดับมืออาชีพหลังจากที่เธอแนะนำอย่างคล่องแคล่ว เธอก็ปิดเอกสารในมือ ยิ้มให้กับทุกคน“ข้างต้นคือความคิดบางส่วนของฉันเอง หากทุกท่านมีข้อสงสัยใด ๆ สามารถสอบถามได้เลย เราจะได้พูดคุยถกเถียงกัน”ขณะที่กู้หว่านชิงพูด เธอก็ใช้สายตาสำรวจทุกคน สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่หลีเกอ“คุณหลี ในฐานะประธานของบริษัทตี้เซิ่ง ฉันอยากทราบว่าคุณมีคำแนะนำดี ๆ ให้กับแผนการของเราบ้างไหมคะ? ลองให้คำแนะนำเราสักหน่อย”กู้หว่านชิงพูดชี้นำไปที่หลีเกอโดยตรง เมื่อเธอพูดจบ สายตาของทุกคนก็พุ่งไปที่หลีเกอหลีเกอไม่ได้มองข้ามการเยาะเย้ยในสายตาของอีกฝ่าย เพียงแต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่มีคิดจะเคลื่อนไหวใด ๆเมื่อเห็นว่าหลีเกอไม่สะท
น้ำเสียงของหลีเกอไม่ดังไม่เบา แต่ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน ทัศนคติที่เป็นมืออาชีพของเธอได้รับการยอมรับจากทุกคน โดยส่วนใหญ่พยักหน้าด้วยความชื่นชม“แต่มีข้อผิดพลาดที่ชัดเจนอยู่สองสามประการ เราจะมาพูดคุยกันในส่วนนี้”เมื่อหลีเกอพูดจบ ทุกคนก็มองหน้ากันไปมา ต่างก็มองเห็นความเหลือเชื่อในสายตาของอีกฝ่าย“เหอะ คุณหลีเกอ รู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”กู้หว่านชิงเป็นคนแรกที่พูดออกมา ทั่วทั้งร่างกายของเธอแผ่ซ่านไปด้วยความโกรธพาวเวอร์พอยต์ของเธอผ่านการแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าไม่มีปัญหาใด ๆ ถึงได้นำออกมานำเสนอหลีเกอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ กลับกล้าพูดว่างานนำเสนอของเธอมีปัญหา?“คุณหลี ฉันเคารพในฐานะที่คุณเป็นประธานของบริษัทตี้เซิ่ง ถึงได้เชิญคุณออกมาให้ความคิดเห็นและคำแนะนำ ไม่คิดว่าคุณจะปราศจากความเป็นมืออาชีพ กลับพูดจาไร้สาระในที่ประชุม!”กู้หว่านชิงพูดอย่างไม่เกรงใจเมื่อเป็นเรื่องงาน เธอคิดว่าตัวเองเป็นมืออาชีพมากกว่าหลีเกอที่อยู่ตรงหน้าไม่รู้กี่เท่าดังนั้นเธอจึงไม่เชื่อเลยว่า หลีเกอจะสามารถหาข้อผิดพลาดในพาวเวอร์พอยต์ของเธอได้หลีเกอเงยหน้าขึ้น มองเธออย่างไม่เกรงกลัว
“ผู้จัดการกู้ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”ประธานหลิวอดเป็นห่วงไม่ได้ หัวใจเต้นระทึก!เมื่อกี้นี้หลีเกอได้พิสูจน์ด้วยความสามารถของตัวเองแล้วว่าเธอไม่ใช่คนโง่เขลาตามที่ผู้จัดการกู้คิด!ผู้จัดการกู้กำมือทั้งสองข้างไว้เงียบ ๆ จ้องหลีเกอด้วยสายตาที่เหมือนจะพ่นไฟออกมา แต่ก็ยังฝืนกลั้นเอาไว้“ฉันไม่เป็นไรค่ะ!”หลังจากที่หลีเกออธิบายเสร็จ ทุกคนก็เริ่มตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็นของตัวเองหลีเกอรับมือกับคำถามของทุกคนอย่างคล่องแคล่ว ไม่รู้สึกเก้อเขินเลย หนำซ้ำยังเสริมความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพอย่างเหมาะสม ได้รับคำชมจากทุกคนเธอใช้ความสามารถสั่งสอนผู้จัดการกู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร!“แปะ แปะ แปะ..." เสียงปรบมือดังขึ้น ฮั่วจิ้นเฉิงลุกขึ้นเป็นคนแรก เขาใช้สายตาชื่นชมมองหลีเกอ “ความเป็นมืออาชีพของประธานหลียังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม! ไม่เสียชื่อที่เคยร่วมงานกับฮั่วกรุ๊ป!”เมื่อได้ยินแบบนี้ทุกคนมองหน้ากันด้วยความฉงน และเริ่มพูดคุยกันเบา ๆ“หลีเกอ เคยเป็นพนักงานของฮั้วกรุ๊ปเหรอ!!!”“พวกคุณคงรู้ดีว่าฮั่วกรุ๊ปมีมาตรฐานที่เข้มงวดมากสำหรับพนักงาน หลีเกอเคยทำงานที่ฮั่วกรุ๊ปมาก่อน และสามารถทำงานได้ดี แสดงใ
ประธานหลิววิ่งไล่ตามไปถึงหน้าลิฟต์“ประธานฟู่ โครงการนี้เถิงอี้ของเราได้เตรียมการอย่างเต็มที่ ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก หากในเวลานี้บริษัทตี้เซิ่งไม่ร่วมมือกับเรา ก็จะเป็นการทำลายเราอย่างร้ายแรง หวังว่าประธานฟู่จะให้โอกาสเราอีกครั้ง”ฟู่ซิวเป่ยและหลีเกอต่างก็ไม่พูดอะไร!เมื่อลิฟต์ค่อย ๆ ใกล้มาถึงชั้น ประธานหลิวก็นึกคำพูดไม่ออก “ประธานฟู่ ประธานหลี! ผมยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกัน ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดในครั้งนี้ แต่ถึงยังไง ความร่วมมือก็ต้องอาศัยการปรับตัว…”ประตูลิฟต์เปิดออกหลีเกอและฟู่ซิวเปยเดินเข้าไป“ประธานหลิว! พวกเราขอตัวก่อน”พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น หัวใจของประธานหลิวราวกับจมลงไปในก้นทะเล เขาทำได้เพียงมองดูประตูลิฟต์ปิดลงช้า ๆในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็หลานหนีเดินตรงมาเช่นกัน “ประธานหลิว!”ประธานหลิวเพิ่งได้สติกลับมา รีบหันกลับไป เมื่อเห็นว่าเป็นฮั่วจิ้นเฉิงก็อดตกใจไม่ได้ “ประธานฮั่ว คุณมาที่นี่ทำ…”ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “วันนี้ถือซะว่ามาเปิดหูเปิดตา แต่ประธานหลิว ต่อไปนี้ช่วยเตือนคนของคุณหน่อยว่าอย่าทำเรื่องตลกแ
“แต่ก็ต้องขอบคุณคุณนะคะ ที่ส่งเอกสารให้ฉันก่อน ทำให้ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีนาโนล่วงหน้า”ไม่อย่างนั้น เธออาจจะถูกผู้จัดการกู้กลั่นแกล้งในที่ประชุมและทำให้ขายหน้าได้“พี่ซิวเป่ย งั้นเราจะร่วมมือกับเถิงอี้กรุ๊ปต่อไปไหมคะ?”ฟู่ซิวเป่ยเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ สายตาอ่อนโยนราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่า “คุณคิดยังไงล่ะ?”หลีเกอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอใสราวกับน้ำในบ่อน้ำ ฟู่ซิวเป่ยรู้สึกชัดเจนว่าหัวใจของเขาเต้นรัวแรงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดบางสิ่งบางอย่าง“หลังจากนี้ คุณช่วยเปลี่ยนคำเรียกได้ไหม?”หลีเกอแสดงความสับสนในทันที ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟู่ซิวเป่ยก็พูดต่อ “หลังจากนี้ เรียกผมว่าซิวเป่ยเฉย ๆ ก็พอ”หลีเกอรู้สึกไม่คุ้นปากอย่างมากพวกเขาเติบโตมาด้วยกัน เรียกอีกฝ่ายว่าพี่ซิวเป่ยจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว จู่ ๆ ให้มาเปลี่ยน เธอไม่คุ้นชินจริง ๆ“แต่ฉันไม่ชินนี่คะ”“ค่อย ๆ เปลี่ยนก็ได้ สักวันเดี๋ยวก็ชินเอง”ฟู่ซิวเป่ยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ดีมาก “ไปกันเถอะ ผมจะไปส่ง”เมื่อพูดจบ ฟู่ซิวเป่ยก็จับมือเธอไว้ มือของเขาแข็งแรงและอบอุ่น ต่างจากเนื้อหนังเย็นชาของฮั่วจิ้นเ
“ผู้หญิงอย่างเราไม่ใช่คนใจกว้างขนาดนั้นค่ะ ไม่ยอมให้อภัยกับเรื่องพรรค์นั้น คุณหนูหลีก็ไม่ต่างกัน”แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว หลีเกอที่เคยมีฮั่วจิ้นเฉิงอยู่ในสายตาเพียงคนเดียว แม้ทรายเข้าตาครึ่งเม็ดก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน แต่ตอนนี้… ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปฮั่วจิ้นเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ อารมณ์ทั้งหมดก็หายไปในทันที ราวกับว่าฮั่วจิ้นเฉิงที่ดูอ่อนแอเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาของเขา“...ไปกันเถอะ หลานหนี”พูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไป...หลีเกอกลับมาที่บริษัทตี้เซิ่ง ยังไม่ทันได้นั่งลงก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนผู้อำนวยการหูได้รับข่าวสารเป็นคนแรกความร่วมมือระหว่างตี้เซิ่งและเถิงอี้ล่มไม่เป็นท่า!เขาอารมณ์ดีจนอดไม่ได้ที่จะมาเยาะเย้ยหลีเกอถึงห้องทำงาน“คุณหลี! ไม่ได้เจอกันนาน ดูโทรมลงไปเยอะ คงจะเหนื่อยกับงานไม่น้อยเลยสินะครับ!”ท่าทางของเขาเหมือนหมาป่าที่กำลังจ้องจะกินไก่หลีเกอไม่เงยหน้าขึ้นมามองและตอบกลับ “ดูเหมือนผู้อำนวยการหูจะว่างมาก มีเวลาแวะมาเยี่ยมฉันถึงที่”ผู้อำนวยการหูยิ้มเยาะ เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วลากเก้าอี้มานั่ง“คนหนุ่มสาวใจร้อนไปไม่ดีหรอก! ผลประกอบการไม่ได้สำ