ประธานหลิววิ่งไล่ตามไปถึงหน้าลิฟต์“ประธานฟู่ โครงการนี้เถิงอี้ของเราได้เตรียมการอย่างเต็มที่ ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก หากในเวลานี้บริษัทตี้เซิ่งไม่ร่วมมือกับเรา ก็จะเป็นการทำลายเราอย่างร้ายแรง หวังว่าประธานฟู่จะให้โอกาสเราอีกครั้ง”ฟู่ซิวเป่ยและหลีเกอต่างก็ไม่พูดอะไร!เมื่อลิฟต์ค่อย ๆ ใกล้มาถึงชั้น ประธานหลิวก็นึกคำพูดไม่ออก “ประธานฟู่ ประธานหลี! ผมยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกัน ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดในครั้งนี้ แต่ถึงยังไง ความร่วมมือก็ต้องอาศัยการปรับตัว…”ประตูลิฟต์เปิดออกหลีเกอและฟู่ซิวเปยเดินเข้าไป“ประธานหลิว! พวกเราขอตัวก่อน”พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น หัวใจของประธานหลิวราวกับจมลงไปในก้นทะเล เขาทำได้เพียงมองดูประตูลิฟต์ปิดลงช้า ๆในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็หลานหนีเดินตรงมาเช่นกัน “ประธานหลิว!”ประธานหลิวเพิ่งได้สติกลับมา รีบหันกลับไป เมื่อเห็นว่าเป็นฮั่วจิ้นเฉิงก็อดตกใจไม่ได้ “ประธานฮั่ว คุณมาที่นี่ทำ…”ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “วันนี้ถือซะว่ามาเปิดหูเปิดตา แต่ประธานหลิว ต่อไปนี้ช่วยเตือนคนของคุณหน่อยว่าอย่าทำเรื่องตลกแ
“แต่ก็ต้องขอบคุณคุณนะคะ ที่ส่งเอกสารให้ฉันก่อน ทำให้ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีนาโนล่วงหน้า”ไม่อย่างนั้น เธออาจจะถูกผู้จัดการกู้กลั่นแกล้งในที่ประชุมและทำให้ขายหน้าได้“พี่ซิวเป่ย งั้นเราจะร่วมมือกับเถิงอี้กรุ๊ปต่อไปไหมคะ?”ฟู่ซิวเป่ยเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ สายตาอ่อนโยนราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่า “คุณคิดยังไงล่ะ?”หลีเกอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอใสราวกับน้ำในบ่อน้ำ ฟู่ซิวเป่ยรู้สึกชัดเจนว่าหัวใจของเขาเต้นรัวแรงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดบางสิ่งบางอย่าง“หลังจากนี้ คุณช่วยเปลี่ยนคำเรียกได้ไหม?”หลีเกอแสดงความสับสนในทันที ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟู่ซิวเป่ยก็พูดต่อ “หลังจากนี้ เรียกผมว่าซิวเป่ยเฉย ๆ ก็พอ”หลีเกอรู้สึกไม่คุ้นปากอย่างมากพวกเขาเติบโตมาด้วยกัน เรียกอีกฝ่ายว่าพี่ซิวเป่ยจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว จู่ ๆ ให้มาเปลี่ยน เธอไม่คุ้นชินจริง ๆ“แต่ฉันไม่ชินนี่คะ”“ค่อย ๆ เปลี่ยนก็ได้ สักวันเดี๋ยวก็ชินเอง”ฟู่ซิวเป่ยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ดีมาก “ไปกันเถอะ ผมจะไปส่ง”เมื่อพูดจบ ฟู่ซิวเป่ยก็จับมือเธอไว้ มือของเขาแข็งแรงและอบอุ่น ต่างจากเนื้อหนังเย็นชาของฮั่วจิ้นเ
“ผู้หญิงอย่างเราไม่ใช่คนใจกว้างขนาดนั้นค่ะ ไม่ยอมให้อภัยกับเรื่องพรรค์นั้น คุณหนูหลีก็ไม่ต่างกัน”แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว หลีเกอที่เคยมีฮั่วจิ้นเฉิงอยู่ในสายตาเพียงคนเดียว แม้ทรายเข้าตาครึ่งเม็ดก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน แต่ตอนนี้… ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปฮั่วจิ้นเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ อารมณ์ทั้งหมดก็หายไปในทันที ราวกับว่าฮั่วจิ้นเฉิงที่ดูอ่อนแอเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาของเขา“...ไปกันเถอะ หลานหนี”พูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไป...หลีเกอกลับมาที่บริษัทตี้เซิ่ง ยังไม่ทันได้นั่งลงก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนผู้อำนวยการหูได้รับข่าวสารเป็นคนแรกความร่วมมือระหว่างตี้เซิ่งและเถิงอี้ล่มไม่เป็นท่า!เขาอารมณ์ดีจนอดไม่ได้ที่จะมาเยาะเย้ยหลีเกอถึงห้องทำงาน“คุณหลี! ไม่ได้เจอกันนาน ดูโทรมลงไปเยอะ คงจะเหนื่อยกับงานไม่น้อยเลยสินะครับ!”ท่าทางของเขาเหมือนหมาป่าที่กำลังจ้องจะกินไก่หลีเกอไม่เงยหน้าขึ้นมามองและตอบกลับ “ดูเหมือนผู้อำนวยการหูจะว่างมาก มีเวลาแวะมาเยี่ยมฉันถึงที่”ผู้อำนวยการหูยิ้มเยาะ เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วลากเก้าอี้มานั่ง“คนหนุ่มสาวใจร้อนไปไม่ดีหรอก! ผลประกอบการไม่ได้สำ
คราวนี้เจิ้งหลิ่ววางสัญญาวางไว้ตรงหน้าหลีเกอ “นี่ครับ คุณอ่านดูสิ!”ไม่น่าเชื่อเลยว่าเถิงอี้จะแสดงความจริงใจขนาดนี้“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราคงต้องตกลงเรื่องความร่วมมือนี้ไว้ก่อน แต่การเซ็นสัญญาจริง ๆ เราจะต้องรอการประชุมครั้งถัดไปร่วมกับพวกเขาอีกครั้ง”“ครับ คุณหลี”หลังจากตกลงเรื่องนี้แล้ว อารมณ์ของหลีเกอก็ดีขึ้นทันที รู้สึกมีพลังมากขึ้น แม้กระทั่งตอนอ่านเอกสารก็ยังตั้งใจมากกว่าเก่าเธอจดจ่ออยู่กับงานจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างเงียบ ๆเจี่ยงอีอีเห็นหลีเกอที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกเหลือเชื่อมาก ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะทุ่มเทให้กับงานขนาดนี้เธอเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วเคาะโต๊ะ หลีเกอยังไม่เงยหน้าขึ้นมา แต่พูดก่อนแล้วว่า “อืม เจิ้งหลิ่ว ช่วยชงกาแฟให้ฉันด้วยสิคะ”เจี่ยงอีอี “...”หลีเกอพูดจบ เห็นว่าไม่มีเสียงตอบ จึงเงยหน้าขึ้นมา เห็นเป็นเจี่ยงอีอีเธอก็ตกใจ “อีอี ทำไมถึงเป็นเธอไปได้?”เจี่ยงอีอีถอนหายใจ “ไม่งั้นเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ?”หลีเกอรีบลุกขึ้นทันทีแล้วจับมือเธอ “เธอมาหาฉันทำไมไม่บอกล่วงหน้า ฉันนึกว่าเป็นเจิ้งหลิ่ว”เจี่ยงอีอีผายมือแล้วพูดว่า “ฉันโทรหาแล้ว แต่ไม่มี
“จริงด้วย ได้ยินมาว่าลูกสะใภ้ของคุณเปิดร้านขายเสื้อผ้า สไตล์เสื้อผ้าดูเก๋ไก๋มาก ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลายคนมีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้”“คุณนายฮั่ว พวกเราออกจะสนิทกันขนาดนี้! คุณช่วยคุยกับลูกสะใภ้ของคุณให้หน่อยได้ไหม เผื่อว่าพวกเราจะมีโอกาสได้ไปอุดหนุนเสื้อผ้าร้านเธอสักชิ้นสองชิ้น”“... ”หลี่ซูฉินฟังคุณนายผู้ดีเหล่านั้นสลับกันพูดคนละคำสองคำ ต่างก็ยกยอหลีเกอกันทั้งนั้น สีหน้าของเธอดูไม่ดีนักก่อนหน้านี้เธอคิดว่าหลีเกอเป็นแค่เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรที่อยู่ในชนบท จึงคิดว่าตัวเองทำอะไรกับหลีเกอก็ได้ แม้กระทั่งบังคับให้หลีเกอหย่ากับฮั่วจิ้นเฉิงตอนนี้สถานะของหลีเกอเปิดเผยออกมาแล้ว เธอรู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เธอคงจะปฏิบัติกับหลีเกอดี ๆ ตอนนี้ตัวเองจะได้ไม่ตกที่นั่งลำบากแบบนี้“คุณนายฮั่ว ว่ายังไงคะ? ได้หรือไม่ได้? ถ้าได้ ฉันจะนัดเพื่อน ๆ ของฉันไปอุดหนุนร้านของลูกสะใภ้คุณเดี๋ยวนี้เลย”หลี่ซูฉินกระแอมไอเบา ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัด “เอ่อ… เรื่องของเด็ก ๆ ฉันไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งหรอก”“ตายแล้ว คุณนายฮั่ว พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน? นั่นลูกสะใภ้ของคุณเลยนะคะ จะไม่พูดอะไรกับเธอสักคำเลยเ
"คุณหนูหลี คุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอคะ?" คุณนายผู้มั่งคั่งคนหนึ่งเหลือบไปเห็นหลีเกอ ดวงตาเธอพลันสว่างวาบขึ้น เธอรีบยิ้มแย้มอย่างแจ่มใสทักทายกลับหลีเกอ"พวกเราก็มาทำสปากับคุณแม่สามีคุณเหมือนกันค่ะ พวกเรายังพูดกันอยู่เลยว่าจะไปเลือกชุดที่ร้านของคุณต่อ!"หลีเกอจำคุณนายผู้มั่งคั่งคนนี้ได้ขึ้นทันที!"คุณนายสวี่ ถ้าคุณนายจะมาเลือกชุดที่ร้าน ฉันยินดีต้อนรับเสมอนะคะ แต่ฉันกับฮั่วจิ้นเฉิงหย่ากันแล้ว คุณนายฮั่วคนปัจจุบันก็ไม่ใช่แม่สามีของฉันแล้ว ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ดีอย่างที่คุณนายคิดหรอกค่ะ!"คำพูดของหลีเกอดูสบายมาก ๆแต่กลับเหมือนค้อนหนักทุบลงบนหัวใจของหลี่ซูฉินเมื่อครู่เธอยังคุยโวกับคุณนายผู้มั่งคั่งหลายคนอยู่เลย แต่ตอนนี้ความจริงอันโหดร้ายถูกหลีเกอเปิดเผยออกมา ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นทันทีคุณนายสวี่ฉลาดหลักแหลมเช่นกัน เมื่อเห็นหลีเกอพูดแบบนี้ เธอรีบพูดขอโทษทันที "โอ๊ย ฉันช่างขี้ลืมจริง ๆ! ฉันขอโทษด้วยนะคะ ฉันหวังว่าคุณหนูหลีจะไม่ถือสา"เธอวางตัวต่ำดีนะ!ทั้งที่หลีเกอเป็นแค่รุ่นน้อง แต่คำพูดของเธอกลับแสดงความเคารพต่อหลีเกออย่างเต็มเปี่ยมคุณนายคนอื่นอยากจะเกาะติดหลีเกอเช่นกัน พวกเธอ
“หลีเกอ!” หลี่ซูฉินพูดด้วยเสียงอ้อนวอน “เมื่อก่อนฉันทำผิดไปแล้วจริง ๆ แต่ฉันขอโทษเธอตรงนี้! จิ้นเฉิงไม่ได้ทำอะไรผิด จริง ๆ แล้วในใจของเขายังมีเธออยู่เสมอ เธอลองเก็บไปคิดเรื่องคืนดีกับจิ้นเฉิงได้ไหม แล้วกลับมาคบกันใหม่ ครั้งนี้ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพวกเธออีกต่อไป”“หน้าหนาจังนะ!” เจี่ยงอีอีพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ“ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก ไม่ดูตัวเองเลยว่าตระกูลฮั่วของพวกคุณเป็นยังไง ฉันขอบอกเลยนะ ว่าต่อให้ผู้ชายคนอื่นตายหมดทั้งโลก เพื่อนฉันก็จะไม่เลือกคนอย่างฮั่วจิ้นเฉิง”หลีเกอได้ยินแล้วก็แอบยกนิ้วให้เจี่ยงอีอีในใจ!“คุณนายฮั่ว คุณพูดแบบนี้ฉันก็ได้แต่ฟังเป็นเรื่องตลกเท่านั้นแหละ คนเราควรจะซื่อสัตย์ต่อตัวเองนะ อย่าเอาแต่เหยียบย่ำคนอื่นแบบนี้เลย”สีหน้าหลี่ซูฉินสลับไปมาระหว่างสีเขียวกับสีขาว เธอไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะไม่ให้เกียรติเธอถึงขนาดนี้! นี่คือหลีเกอคนที่เธอเคยรังแกได้ตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อนจริงเหรอ?หลี่ซูฉินยังคงไม่ยอมแพ้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่ให้ใครเห็น แล้วกดโทรหาฮั่วจิ้นเฉิง เธอจะให้ฮั่วจิ้นเฉิงได้เห็นธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้!“หลีเกอ เธอไม่รู้สึกเส
"ลูกต้องช่วยแม่แก้แค้นนะ... ฮัลโหล ลูกแม่?"หลี่ซูฉินยังพูดไม่ทันจบ ประโยคก็ถูกตัดไปแล้วเธอโกรธจนหายใจไม่ออก โยนโทรศัพท์ทิ้งลงพื้น"หลีเกอ แกมันปีศาจ!"หลี่ซูฉินโกรธจนสติแตก ใบหน้าของเธอแดงก่ำ คนรอบข้างเห็นแบบนี้ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันให้แซ่บสายตาหลายคู่พุ่งมาที่เธอ หลี่ซูฉินแทบอยากจะหาที่มุดหัวซ่อน"คุณนายฮั่ว..."ตอนนี้ร่างที่อ่อนช้อยเดินเข้ามาพร้อมกับรองเท้าส้นสูง หลินซืออี้มองเธอด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวทักทายหลี่ซูฉินไม่คุ้นหน้าคนแปลกหน้าคนนี้เลย เธอขยับปากแล้วถาม "คุณเป็นใคร?""คุณนายฮั่ว ฉันเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญก็คือฉันรู้จักหลีเกอ"เมื่อพูดถึงหลีเกอ หลี่ซูฉินพลันระมัดระวังตัวมากขึ้นทันที เธอหัวเราะหึ ๆ แล้วถาม "คุณกับนังปีศาจหลีเกอนั่นเป็นพวกเดียวกันเหรอ?"แต่หลินซืออี้กลับพูดว่า "คุณนายฮั่วเข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่จะเชิญคุณนายไปดื่มชายามบ่ายด้วยกัน แล้วก็คุยเรื่องหลีเกอไปด้วย คุณนายฮั่วมีเวลาไหม?"หลี่ซูฉินรู้สึกว่าหลินซืออี้มาไม่ดีแน่ แต่เธอก็อยากจะสอนบทเรียนให้หลีเกอจริง ๆเธอจึงตอบตกลง "ได้สิ! เราจะไปที่ไหน?"หลินซืออี้เลือกสถานที่แล้วพาหลี่ซูฉินออกไป...หลังออ