“ก่อนอื่น ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ เทคโนโลยีนาโนเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา…”กู้หว่านชิงยืนอยู่บนเวทีหลักด้วยความมั่นใจ พูดอย่างคล่องแคล่ว เธอเลื่อนสไลด์พาวเวอร์พอยต์เพื่อนำเสนอข้อมูลโดยละเอียดให้กับทุกคนต้องบอกว่าการที่กู้หว่านชิงสามารถขึ้นมาเป็นผู้จัดการได้ ความสามารถของเธอย่อมไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นทักษะการพูดหรือความเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพส่วนตัว ล้วนอยู่ในระดับมืออาชีพหลังจากที่เธอแนะนำอย่างคล่องแคล่ว เธอก็ปิดเอกสารในมือ ยิ้มให้กับทุกคน“ข้างต้นคือความคิดบางส่วนของฉันเอง หากทุกท่านมีข้อสงสัยใด ๆ สามารถสอบถามได้เลย เราจะได้พูดคุยถกเถียงกัน”ขณะที่กู้หว่านชิงพูด เธอก็ใช้สายตาสำรวจทุกคน สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่หลีเกอ“คุณหลี ในฐานะประธานของบริษัทตี้เซิ่ง ฉันอยากทราบว่าคุณมีคำแนะนำดี ๆ ให้กับแผนการของเราบ้างไหมคะ? ลองให้คำแนะนำเราสักหน่อย”กู้หว่านชิงพูดชี้นำไปที่หลีเกอโดยตรง เมื่อเธอพูดจบ สายตาของทุกคนก็พุ่งไปที่หลีเกอหลีเกอไม่ได้มองข้ามการเยาะเย้ยในสายตาของอีกฝ่าย เพียงแต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่มีคิดจะเคลื่อนไหวใด ๆเมื่อเห็นว่าหลีเกอไม่สะท
น้ำเสียงของหลีเกอไม่ดังไม่เบา แต่ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน ทัศนคติที่เป็นมืออาชีพของเธอได้รับการยอมรับจากทุกคน โดยส่วนใหญ่พยักหน้าด้วยความชื่นชม“แต่มีข้อผิดพลาดที่ชัดเจนอยู่สองสามประการ เราจะมาพูดคุยกันในส่วนนี้”เมื่อหลีเกอพูดจบ ทุกคนก็มองหน้ากันไปมา ต่างก็มองเห็นความเหลือเชื่อในสายตาของอีกฝ่าย“เหอะ คุณหลีเกอ รู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”กู้หว่านชิงเป็นคนแรกที่พูดออกมา ทั่วทั้งร่างกายของเธอแผ่ซ่านไปด้วยความโกรธพาวเวอร์พอยต์ของเธอผ่านการแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าไม่มีปัญหาใด ๆ ถึงได้นำออกมานำเสนอหลีเกอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ กลับกล้าพูดว่างานนำเสนอของเธอมีปัญหา?“คุณหลี ฉันเคารพในฐานะที่คุณเป็นประธานของบริษัทตี้เซิ่ง ถึงได้เชิญคุณออกมาให้ความคิดเห็นและคำแนะนำ ไม่คิดว่าคุณจะปราศจากความเป็นมืออาชีพ กลับพูดจาไร้สาระในที่ประชุม!”กู้หว่านชิงพูดอย่างไม่เกรงใจเมื่อเป็นเรื่องงาน เธอคิดว่าตัวเองเป็นมืออาชีพมากกว่าหลีเกอที่อยู่ตรงหน้าไม่รู้กี่เท่าดังนั้นเธอจึงไม่เชื่อเลยว่า หลีเกอจะสามารถหาข้อผิดพลาดในพาวเวอร์พอยต์ของเธอได้หลีเกอเงยหน้าขึ้น มองเธออย่างไม่เกรงกลัว
“ผู้จัดการกู้ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”ประธานหลิวอดเป็นห่วงไม่ได้ หัวใจเต้นระทึก!เมื่อกี้นี้หลีเกอได้พิสูจน์ด้วยความสามารถของตัวเองแล้วว่าเธอไม่ใช่คนโง่เขลาตามที่ผู้จัดการกู้คิด!ผู้จัดการกู้กำมือทั้งสองข้างไว้เงียบ ๆ จ้องหลีเกอด้วยสายตาที่เหมือนจะพ่นไฟออกมา แต่ก็ยังฝืนกลั้นเอาไว้“ฉันไม่เป็นไรค่ะ!”หลังจากที่หลีเกออธิบายเสร็จ ทุกคนก็เริ่มตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็นของตัวเองหลีเกอรับมือกับคำถามของทุกคนอย่างคล่องแคล่ว ไม่รู้สึกเก้อเขินเลย หนำซ้ำยังเสริมความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพอย่างเหมาะสม ได้รับคำชมจากทุกคนเธอใช้ความสามารถสั่งสอนผู้จัดการกู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร!“แปะ แปะ แปะ..." เสียงปรบมือดังขึ้น ฮั่วจิ้นเฉิงลุกขึ้นเป็นคนแรก เขาใช้สายตาชื่นชมมองหลีเกอ “ความเป็นมืออาชีพของประธานหลียังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม! ไม่เสียชื่อที่เคยร่วมงานกับฮั่วกรุ๊ป!”เมื่อได้ยินแบบนี้ทุกคนมองหน้ากันด้วยความฉงน และเริ่มพูดคุยกันเบา ๆ“หลีเกอ เคยเป็นพนักงานของฮั้วกรุ๊ปเหรอ!!!”“พวกคุณคงรู้ดีว่าฮั่วกรุ๊ปมีมาตรฐานที่เข้มงวดมากสำหรับพนักงาน หลีเกอเคยทำงานที่ฮั่วกรุ๊ปมาก่อน และสามารถทำงานได้ดี แสดงใ
ประธานหลิววิ่งไล่ตามไปถึงหน้าลิฟต์“ประธานฟู่ โครงการนี้เถิงอี้ของเราได้เตรียมการอย่างเต็มที่ ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก หากในเวลานี้บริษัทตี้เซิ่งไม่ร่วมมือกับเรา ก็จะเป็นการทำลายเราอย่างร้ายแรง หวังว่าประธานฟู่จะให้โอกาสเราอีกครั้ง”ฟู่ซิวเป่ยและหลีเกอต่างก็ไม่พูดอะไร!เมื่อลิฟต์ค่อย ๆ ใกล้มาถึงชั้น ประธานหลิวก็นึกคำพูดไม่ออก “ประธานฟู่ ประธานหลี! ผมยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกัน ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดในครั้งนี้ แต่ถึงยังไง ความร่วมมือก็ต้องอาศัยการปรับตัว…”ประตูลิฟต์เปิดออกหลีเกอและฟู่ซิวเปยเดินเข้าไป“ประธานหลิว! พวกเราขอตัวก่อน”พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น หัวใจของประธานหลิวราวกับจมลงไปในก้นทะเล เขาทำได้เพียงมองดูประตูลิฟต์ปิดลงช้า ๆในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็หลานหนีเดินตรงมาเช่นกัน “ประธานหลิว!”ประธานหลิวเพิ่งได้สติกลับมา รีบหันกลับไป เมื่อเห็นว่าเป็นฮั่วจิ้นเฉิงก็อดตกใจไม่ได้ “ประธานฮั่ว คุณมาที่นี่ทำ…”ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “วันนี้ถือซะว่ามาเปิดหูเปิดตา แต่ประธานหลิว ต่อไปนี้ช่วยเตือนคนของคุณหน่อยว่าอย่าทำเรื่องตลกแ
“แต่ก็ต้องขอบคุณคุณนะคะ ที่ส่งเอกสารให้ฉันก่อน ทำให้ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีนาโนล่วงหน้า”ไม่อย่างนั้น เธออาจจะถูกผู้จัดการกู้กลั่นแกล้งในที่ประชุมและทำให้ขายหน้าได้“พี่ซิวเป่ย งั้นเราจะร่วมมือกับเถิงอี้กรุ๊ปต่อไปไหมคะ?”ฟู่ซิวเป่ยเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ สายตาอ่อนโยนราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่า “คุณคิดยังไงล่ะ?”หลีเกอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอใสราวกับน้ำในบ่อน้ำ ฟู่ซิวเป่ยรู้สึกชัดเจนว่าหัวใจของเขาเต้นรัวแรงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดบางสิ่งบางอย่าง“หลังจากนี้ คุณช่วยเปลี่ยนคำเรียกได้ไหม?”หลีเกอแสดงความสับสนในทันที ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟู่ซิวเป่ยก็พูดต่อ “หลังจากนี้ เรียกผมว่าซิวเป่ยเฉย ๆ ก็พอ”หลีเกอรู้สึกไม่คุ้นปากอย่างมากพวกเขาเติบโตมาด้วยกัน เรียกอีกฝ่ายว่าพี่ซิวเป่ยจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว จู่ ๆ ให้มาเปลี่ยน เธอไม่คุ้นชินจริง ๆ“แต่ฉันไม่ชินนี่คะ”“ค่อย ๆ เปลี่ยนก็ได้ สักวันเดี๋ยวก็ชินเอง”ฟู่ซิวเป่ยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ดีมาก “ไปกันเถอะ ผมจะไปส่ง”เมื่อพูดจบ ฟู่ซิวเป่ยก็จับมือเธอไว้ มือของเขาแข็งแรงและอบอุ่น ต่างจากเนื้อหนังเย็นชาของฮั่วจิ้นเ
“ผู้หญิงอย่างเราไม่ใช่คนใจกว้างขนาดนั้นค่ะ ไม่ยอมให้อภัยกับเรื่องพรรค์นั้น คุณหนูหลีก็ไม่ต่างกัน”แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว หลีเกอที่เคยมีฮั่วจิ้นเฉิงอยู่ในสายตาเพียงคนเดียว แม้ทรายเข้าตาครึ่งเม็ดก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน แต่ตอนนี้… ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปฮั่วจิ้นเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ อารมณ์ทั้งหมดก็หายไปในทันที ราวกับว่าฮั่วจิ้นเฉิงที่ดูอ่อนแอเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาของเขา“...ไปกันเถอะ หลานหนี”พูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไป...หลีเกอกลับมาที่บริษัทตี้เซิ่ง ยังไม่ทันได้นั่งลงก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนผู้อำนวยการหูได้รับข่าวสารเป็นคนแรกความร่วมมือระหว่างตี้เซิ่งและเถิงอี้ล่มไม่เป็นท่า!เขาอารมณ์ดีจนอดไม่ได้ที่จะมาเยาะเย้ยหลีเกอถึงห้องทำงาน“คุณหลี! ไม่ได้เจอกันนาน ดูโทรมลงไปเยอะ คงจะเหนื่อยกับงานไม่น้อยเลยสินะครับ!”ท่าทางของเขาเหมือนหมาป่าที่กำลังจ้องจะกินไก่หลีเกอไม่เงยหน้าขึ้นมามองและตอบกลับ “ดูเหมือนผู้อำนวยการหูจะว่างมาก มีเวลาแวะมาเยี่ยมฉันถึงที่”ผู้อำนวยการหูยิ้มเยาะ เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วลากเก้าอี้มานั่ง“คนหนุ่มสาวใจร้อนไปไม่ดีหรอก! ผลประกอบการไม่ได้สำ
คราวนี้เจิ้งหลิ่ววางสัญญาวางไว้ตรงหน้าหลีเกอ “นี่ครับ คุณอ่านดูสิ!”ไม่น่าเชื่อเลยว่าเถิงอี้จะแสดงความจริงใจขนาดนี้“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราคงต้องตกลงเรื่องความร่วมมือนี้ไว้ก่อน แต่การเซ็นสัญญาจริง ๆ เราจะต้องรอการประชุมครั้งถัดไปร่วมกับพวกเขาอีกครั้ง”“ครับ คุณหลี”หลังจากตกลงเรื่องนี้แล้ว อารมณ์ของหลีเกอก็ดีขึ้นทันที รู้สึกมีพลังมากขึ้น แม้กระทั่งตอนอ่านเอกสารก็ยังตั้งใจมากกว่าเก่าเธอจดจ่ออยู่กับงานจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างเงียบ ๆเจี่ยงอีอีเห็นหลีเกอที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกเหลือเชื่อมาก ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะทุ่มเทให้กับงานขนาดนี้เธอเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วเคาะโต๊ะ หลีเกอยังไม่เงยหน้าขึ้นมา แต่พูดก่อนแล้วว่า “อืม เจิ้งหลิ่ว ช่วยชงกาแฟให้ฉันด้วยสิคะ”เจี่ยงอีอี “...”หลีเกอพูดจบ เห็นว่าไม่มีเสียงตอบ จึงเงยหน้าขึ้นมา เห็นเป็นเจี่ยงอีอีเธอก็ตกใจ “อีอี ทำไมถึงเป็นเธอไปได้?”เจี่ยงอีอีถอนหายใจ “ไม่งั้นเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ?”หลีเกอรีบลุกขึ้นทันทีแล้วจับมือเธอ “เธอมาหาฉันทำไมไม่บอกล่วงหน้า ฉันนึกว่าเป็นเจิ้งหลิ่ว”เจี่ยงอีอีผายมือแล้วพูดว่า “ฉันโทรหาแล้ว แต่ไม่มี
“จริงด้วย ได้ยินมาว่าลูกสะใภ้ของคุณเปิดร้านขายเสื้อผ้า สไตล์เสื้อผ้าดูเก๋ไก๋มาก ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลายคนมีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้”“คุณนายฮั่ว พวกเราออกจะสนิทกันขนาดนี้! คุณช่วยคุยกับลูกสะใภ้ของคุณให้หน่อยได้ไหม เผื่อว่าพวกเราจะมีโอกาสได้ไปอุดหนุนเสื้อผ้าร้านเธอสักชิ้นสองชิ้น”“... ”หลี่ซูฉินฟังคุณนายผู้ดีเหล่านั้นสลับกันพูดคนละคำสองคำ ต่างก็ยกยอหลีเกอกันทั้งนั้น สีหน้าของเธอดูไม่ดีนักก่อนหน้านี้เธอคิดว่าหลีเกอเป็นแค่เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรที่อยู่ในชนบท จึงคิดว่าตัวเองทำอะไรกับหลีเกอก็ได้ แม้กระทั่งบังคับให้หลีเกอหย่ากับฮั่วจิ้นเฉิงตอนนี้สถานะของหลีเกอเปิดเผยออกมาแล้ว เธอรู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เธอคงจะปฏิบัติกับหลีเกอดี ๆ ตอนนี้ตัวเองจะได้ไม่ตกที่นั่งลำบากแบบนี้“คุณนายฮั่ว ว่ายังไงคะ? ได้หรือไม่ได้? ถ้าได้ ฉันจะนัดเพื่อน ๆ ของฉันไปอุดหนุนร้านของลูกสะใภ้คุณเดี๋ยวนี้เลย”หลี่ซูฉินกระแอมไอเบา ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัด “เอ่อ… เรื่องของเด็ก ๆ ฉันไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งหรอก”“ตายแล้ว คุณนายฮั่ว พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน? นั่นลูกสะใภ้ของคุณเลยนะคะ จะไม่พูดอะไรกับเธอสักคำเลยเ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ