น้ำเสียงของหลีเกอไม่ดังไม่เบา แต่ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน ทัศนคติที่เป็นมืออาชีพของเธอได้รับการยอมรับจากทุกคน โดยส่วนใหญ่พยักหน้าด้วยความชื่นชม“แต่มีข้อผิดพลาดที่ชัดเจนอยู่สองสามประการ เราจะมาพูดคุยกันในส่วนนี้”เมื่อหลีเกอพูดจบ ทุกคนก็มองหน้ากันไปมา ต่างก็มองเห็นความเหลือเชื่อในสายตาของอีกฝ่าย“เหอะ คุณหลีเกอ รู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”กู้หว่านชิงเป็นคนแรกที่พูดออกมา ทั่วทั้งร่างกายของเธอแผ่ซ่านไปด้วยความโกรธพาวเวอร์พอยต์ของเธอผ่านการแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าไม่มีปัญหาใด ๆ ถึงได้นำออกมานำเสนอหลีเกอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ กลับกล้าพูดว่างานนำเสนอของเธอมีปัญหา?“คุณหลี ฉันเคารพในฐานะที่คุณเป็นประธานของบริษัทตี้เซิ่ง ถึงได้เชิญคุณออกมาให้ความคิดเห็นและคำแนะนำ ไม่คิดว่าคุณจะปราศจากความเป็นมืออาชีพ กลับพูดจาไร้สาระในที่ประชุม!”กู้หว่านชิงพูดอย่างไม่เกรงใจเมื่อเป็นเรื่องงาน เธอคิดว่าตัวเองเป็นมืออาชีพมากกว่าหลีเกอที่อยู่ตรงหน้าไม่รู้กี่เท่าดังนั้นเธอจึงไม่เชื่อเลยว่า หลีเกอจะสามารถหาข้อผิดพลาดในพาวเวอร์พอยต์ของเธอได้หลีเกอเงยหน้าขึ้น มองเธออย่างไม่เกรงกลัว
“ผู้จัดการกู้ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”ประธานหลิวอดเป็นห่วงไม่ได้ หัวใจเต้นระทึก!เมื่อกี้นี้หลีเกอได้พิสูจน์ด้วยความสามารถของตัวเองแล้วว่าเธอไม่ใช่คนโง่เขลาตามที่ผู้จัดการกู้คิด!ผู้จัดการกู้กำมือทั้งสองข้างไว้เงียบ ๆ จ้องหลีเกอด้วยสายตาที่เหมือนจะพ่นไฟออกมา แต่ก็ยังฝืนกลั้นเอาไว้“ฉันไม่เป็นไรค่ะ!”หลังจากที่หลีเกออธิบายเสร็จ ทุกคนก็เริ่มตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็นของตัวเองหลีเกอรับมือกับคำถามของทุกคนอย่างคล่องแคล่ว ไม่รู้สึกเก้อเขินเลย หนำซ้ำยังเสริมความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพอย่างเหมาะสม ได้รับคำชมจากทุกคนเธอใช้ความสามารถสั่งสอนผู้จัดการกู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร!“แปะ แปะ แปะ..." เสียงปรบมือดังขึ้น ฮั่วจิ้นเฉิงลุกขึ้นเป็นคนแรก เขาใช้สายตาชื่นชมมองหลีเกอ “ความเป็นมืออาชีพของประธานหลียังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม! ไม่เสียชื่อที่เคยร่วมงานกับฮั่วกรุ๊ป!”เมื่อได้ยินแบบนี้ทุกคนมองหน้ากันด้วยความฉงน และเริ่มพูดคุยกันเบา ๆ“หลีเกอ เคยเป็นพนักงานของฮั้วกรุ๊ปเหรอ!!!”“พวกคุณคงรู้ดีว่าฮั่วกรุ๊ปมีมาตรฐานที่เข้มงวดมากสำหรับพนักงาน หลีเกอเคยทำงานที่ฮั่วกรุ๊ปมาก่อน และสามารถทำงานได้ดี แสดงใ
ประธานหลิววิ่งไล่ตามไปถึงหน้าลิฟต์“ประธานฟู่ โครงการนี้เถิงอี้ของเราได้เตรียมการอย่างเต็มที่ ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก หากในเวลานี้บริษัทตี้เซิ่งไม่ร่วมมือกับเรา ก็จะเป็นการทำลายเราอย่างร้ายแรง หวังว่าประธานฟู่จะให้โอกาสเราอีกครั้ง”ฟู่ซิวเป่ยและหลีเกอต่างก็ไม่พูดอะไร!เมื่อลิฟต์ค่อย ๆ ใกล้มาถึงชั้น ประธานหลิวก็นึกคำพูดไม่ออก “ประธานฟู่ ประธานหลี! ผมยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกัน ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดในครั้งนี้ แต่ถึงยังไง ความร่วมมือก็ต้องอาศัยการปรับตัว…”ประตูลิฟต์เปิดออกหลีเกอและฟู่ซิวเปยเดินเข้าไป“ประธานหลิว! พวกเราขอตัวก่อน”พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น หัวใจของประธานหลิวราวกับจมลงไปในก้นทะเล เขาทำได้เพียงมองดูประตูลิฟต์ปิดลงช้า ๆในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็หลานหนีเดินตรงมาเช่นกัน “ประธานหลิว!”ประธานหลิวเพิ่งได้สติกลับมา รีบหันกลับไป เมื่อเห็นว่าเป็นฮั่วจิ้นเฉิงก็อดตกใจไม่ได้ “ประธานฮั่ว คุณมาที่นี่ทำ…”ฮั่วจิ้นเฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “วันนี้ถือซะว่ามาเปิดหูเปิดตา แต่ประธานหลิว ต่อไปนี้ช่วยเตือนคนของคุณหน่อยว่าอย่าทำเรื่องตลกแ
“แต่ก็ต้องขอบคุณคุณนะคะ ที่ส่งเอกสารให้ฉันก่อน ทำให้ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีนาโนล่วงหน้า”ไม่อย่างนั้น เธออาจจะถูกผู้จัดการกู้กลั่นแกล้งในที่ประชุมและทำให้ขายหน้าได้“พี่ซิวเป่ย งั้นเราจะร่วมมือกับเถิงอี้กรุ๊ปต่อไปไหมคะ?”ฟู่ซิวเป่ยเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ สายตาอ่อนโยนราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่า “คุณคิดยังไงล่ะ?”หลีเกอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอใสราวกับน้ำในบ่อน้ำ ฟู่ซิวเป่ยรู้สึกชัดเจนว่าหัวใจของเขาเต้นรัวแรงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดบางสิ่งบางอย่าง“หลังจากนี้ คุณช่วยเปลี่ยนคำเรียกได้ไหม?”หลีเกอแสดงความสับสนในทันที ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟู่ซิวเป่ยก็พูดต่อ “หลังจากนี้ เรียกผมว่าซิวเป่ยเฉย ๆ ก็พอ”หลีเกอรู้สึกไม่คุ้นปากอย่างมากพวกเขาเติบโตมาด้วยกัน เรียกอีกฝ่ายว่าพี่ซิวเป่ยจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว จู่ ๆ ให้มาเปลี่ยน เธอไม่คุ้นชินจริง ๆ“แต่ฉันไม่ชินนี่คะ”“ค่อย ๆ เปลี่ยนก็ได้ สักวันเดี๋ยวก็ชินเอง”ฟู่ซิวเป่ยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ดีมาก “ไปกันเถอะ ผมจะไปส่ง”เมื่อพูดจบ ฟู่ซิวเป่ยก็จับมือเธอไว้ มือของเขาแข็งแรงและอบอุ่น ต่างจากเนื้อหนังเย็นชาของฮั่วจิ้นเ
“ผู้หญิงอย่างเราไม่ใช่คนใจกว้างขนาดนั้นค่ะ ไม่ยอมให้อภัยกับเรื่องพรรค์นั้น คุณหนูหลีก็ไม่ต่างกัน”แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว หลีเกอที่เคยมีฮั่วจิ้นเฉิงอยู่ในสายตาเพียงคนเดียว แม้ทรายเข้าตาครึ่งเม็ดก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน แต่ตอนนี้… ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปฮั่วจิ้นเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ อารมณ์ทั้งหมดก็หายไปในทันที ราวกับว่าฮั่วจิ้นเฉิงที่ดูอ่อนแอเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาของเขา“...ไปกันเถอะ หลานหนี”พูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไป...หลีเกอกลับมาที่บริษัทตี้เซิ่ง ยังไม่ทันได้นั่งลงก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนผู้อำนวยการหูได้รับข่าวสารเป็นคนแรกความร่วมมือระหว่างตี้เซิ่งและเถิงอี้ล่มไม่เป็นท่า!เขาอารมณ์ดีจนอดไม่ได้ที่จะมาเยาะเย้ยหลีเกอถึงห้องทำงาน“คุณหลี! ไม่ได้เจอกันนาน ดูโทรมลงไปเยอะ คงจะเหนื่อยกับงานไม่น้อยเลยสินะครับ!”ท่าทางของเขาเหมือนหมาป่าที่กำลังจ้องจะกินไก่หลีเกอไม่เงยหน้าขึ้นมามองและตอบกลับ “ดูเหมือนผู้อำนวยการหูจะว่างมาก มีเวลาแวะมาเยี่ยมฉันถึงที่”ผู้อำนวยการหูยิ้มเยาะ เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วลากเก้าอี้มานั่ง“คนหนุ่มสาวใจร้อนไปไม่ดีหรอก! ผลประกอบการไม่ได้สำ
คราวนี้เจิ้งหลิ่ววางสัญญาวางไว้ตรงหน้าหลีเกอ “นี่ครับ คุณอ่านดูสิ!”ไม่น่าเชื่อเลยว่าเถิงอี้จะแสดงความจริงใจขนาดนี้“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราคงต้องตกลงเรื่องความร่วมมือนี้ไว้ก่อน แต่การเซ็นสัญญาจริง ๆ เราจะต้องรอการประชุมครั้งถัดไปร่วมกับพวกเขาอีกครั้ง”“ครับ คุณหลี”หลังจากตกลงเรื่องนี้แล้ว อารมณ์ของหลีเกอก็ดีขึ้นทันที รู้สึกมีพลังมากขึ้น แม้กระทั่งตอนอ่านเอกสารก็ยังตั้งใจมากกว่าเก่าเธอจดจ่ออยู่กับงานจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างเงียบ ๆเจี่ยงอีอีเห็นหลีเกอที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกเหลือเชื่อมาก ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะทุ่มเทให้กับงานขนาดนี้เธอเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วเคาะโต๊ะ หลีเกอยังไม่เงยหน้าขึ้นมา แต่พูดก่อนแล้วว่า “อืม เจิ้งหลิ่ว ช่วยชงกาแฟให้ฉันด้วยสิคะ”เจี่ยงอีอี “...”หลีเกอพูดจบ เห็นว่าไม่มีเสียงตอบ จึงเงยหน้าขึ้นมา เห็นเป็นเจี่ยงอีอีเธอก็ตกใจ “อีอี ทำไมถึงเป็นเธอไปได้?”เจี่ยงอีอีถอนหายใจ “ไม่งั้นเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ?”หลีเกอรีบลุกขึ้นทันทีแล้วจับมือเธอ “เธอมาหาฉันทำไมไม่บอกล่วงหน้า ฉันนึกว่าเป็นเจิ้งหลิ่ว”เจี่ยงอีอีผายมือแล้วพูดว่า “ฉันโทรหาแล้ว แต่ไม่มี
“จริงด้วย ได้ยินมาว่าลูกสะใภ้ของคุณเปิดร้านขายเสื้อผ้า สไตล์เสื้อผ้าดูเก๋ไก๋มาก ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลายคนมีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้”“คุณนายฮั่ว พวกเราออกจะสนิทกันขนาดนี้! คุณช่วยคุยกับลูกสะใภ้ของคุณให้หน่อยได้ไหม เผื่อว่าพวกเราจะมีโอกาสได้ไปอุดหนุนเสื้อผ้าร้านเธอสักชิ้นสองชิ้น”“... ”หลี่ซูฉินฟังคุณนายผู้ดีเหล่านั้นสลับกันพูดคนละคำสองคำ ต่างก็ยกยอหลีเกอกันทั้งนั้น สีหน้าของเธอดูไม่ดีนักก่อนหน้านี้เธอคิดว่าหลีเกอเป็นแค่เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรที่อยู่ในชนบท จึงคิดว่าตัวเองทำอะไรกับหลีเกอก็ได้ แม้กระทั่งบังคับให้หลีเกอหย่ากับฮั่วจิ้นเฉิงตอนนี้สถานะของหลีเกอเปิดเผยออกมาแล้ว เธอรู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เธอคงจะปฏิบัติกับหลีเกอดี ๆ ตอนนี้ตัวเองจะได้ไม่ตกที่นั่งลำบากแบบนี้“คุณนายฮั่ว ว่ายังไงคะ? ได้หรือไม่ได้? ถ้าได้ ฉันจะนัดเพื่อน ๆ ของฉันไปอุดหนุนร้านของลูกสะใภ้คุณเดี๋ยวนี้เลย”หลี่ซูฉินกระแอมไอเบา ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัด “เอ่อ… เรื่องของเด็ก ๆ ฉันไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งหรอก”“ตายแล้ว คุณนายฮั่ว พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน? นั่นลูกสะใภ้ของคุณเลยนะคะ จะไม่พูดอะไรกับเธอสักคำเลยเ
"คุณหนูหลี คุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอคะ?" คุณนายผู้มั่งคั่งคนหนึ่งเหลือบไปเห็นหลีเกอ ดวงตาเธอพลันสว่างวาบขึ้น เธอรีบยิ้มแย้มอย่างแจ่มใสทักทายกลับหลีเกอ"พวกเราก็มาทำสปากับคุณแม่สามีคุณเหมือนกันค่ะ พวกเรายังพูดกันอยู่เลยว่าจะไปเลือกชุดที่ร้านของคุณต่อ!"หลีเกอจำคุณนายผู้มั่งคั่งคนนี้ได้ขึ้นทันที!"คุณนายสวี่ ถ้าคุณนายจะมาเลือกชุดที่ร้าน ฉันยินดีต้อนรับเสมอนะคะ แต่ฉันกับฮั่วจิ้นเฉิงหย่ากันแล้ว คุณนายฮั่วคนปัจจุบันก็ไม่ใช่แม่สามีของฉันแล้ว ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ดีอย่างที่คุณนายคิดหรอกค่ะ!"คำพูดของหลีเกอดูสบายมาก ๆแต่กลับเหมือนค้อนหนักทุบลงบนหัวใจของหลี่ซูฉินเมื่อครู่เธอยังคุยโวกับคุณนายผู้มั่งคั่งหลายคนอยู่เลย แต่ตอนนี้ความจริงอันโหดร้ายถูกหลีเกอเปิดเผยออกมา ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นทันทีคุณนายสวี่ฉลาดหลักแหลมเช่นกัน เมื่อเห็นหลีเกอพูดแบบนี้ เธอรีบพูดขอโทษทันที "โอ๊ย ฉันช่างขี้ลืมจริง ๆ! ฉันขอโทษด้วยนะคะ ฉันหวังว่าคุณหนูหลีจะไม่ถือสา"เธอวางตัวต่ำดีนะ!ทั้งที่หลีเกอเป็นแค่รุ่นน้อง แต่คำพูดของเธอกลับแสดงความเคารพต่อหลีเกออย่างเต็มเปี่ยมคุณนายคนอื่นอยากจะเกาะติดหลีเกอเช่นกัน พวกเธอ