“เดี๋ยวฉันโทรไปสอบถามให้นะคะ” ผู้ช่วยพูดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ผู้อำนวยการหูเรียกไว้“ไม่ต้องหรอก รออีกหน่อยก็ได้”เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ฮั่วจิ้นเฉิงถึงพาผู้ช่วยอย่างหลานหนีมาสายกว่าเวลานัด“คุณฮั่ว! ดีใจที่ได้พบคุณจริง ๆ ครับ” ผู้อำนวยการหูรีบลุกขึ้นต้อนรับด้วยรอยยิ้มประจบใบหน้าลึกลับของฮั่วจิ้นเฉิงไม่มีอารมณ์ใด ๆ แสดงออกมา ทำให้คนคาดเดาไม่ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ผู้อำนวยการหู รอนานไหมครับ?”“ไม่นานเลยครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน แต่คุณซางจากฉีหังกรุ๊ปยังไม่มา งั้นเราพูดคุยกันไปพลาง ๆ ระหว่างรอก็แล้วกัน”ผู้อำนวยการหูพูดแล้วก็ดึงเก้าอี้ให้ฮั่วจิ้นเฉิง “คุณฮั่ว เชิญนั่งครับ”ฮั่วจิ้นเฉิงนั่งลงไขว่ห้างอย่างสบาย ๆ“คุณฮั่ว วันนี้คุณให้เกียรติผมมากเลยครับ”“ผู้อำนวยการหู เรามาเข้าเรื่องธุรกิจดีกว่า มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ” หลานหนีที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดขึ้นผู้อำนวยการหูหัวเราะ “คุณฮั่วมองคนขาดจริง ๆ ครับ วันนี้ที่ผมนัดคุณออกมา ที่จริงมีเรื่องอยากจะรบกวนเล็กน้อย”ฮั่วจิ้นเฉิงสบจังหวะพูดขึ้น “จริงด้วย ผู้อำนวยการหูในฐานะคณะกรรมการบริหารของบริษัทตี้เซิ่ง ตามหลัก
มุมปากของหลีเกอปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดูเหมือนว่าผู้อำนวยการหูไม่ค่อยต้อนรับฉันสักเท่าไหร่เลย”ถึงพูดอย่างนั้น แต่ก็อดที่จะก้าวเท้าเดินเข้าไปไม่ได้ผู้อำนวยการหูเองก็ไม่คิดว่าจะโดนหลีเกอจับได้คาหนังคาเขา ราวกับโดนจับได้ว่ากำลังทำความชั่วลับหลัง บรรยากาศจึงค่อนข้างอึดอัดอย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าแล้ว ไม่นานสีหน้าท่าทีก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม“คุณหนูหลีเกอพูดอะไรอย่างนั้น ผมจะไม่ต้อนรับคุณได้ยังไง?” พูดพลางก็ลุกขึ้นลากเก้าอี้ให้หลีเกอนั่งด้วยตัวเองหลีเกอจึงนั่งลง เงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาที่กำลังพิจารณาเธออยู่ เมื่อทั้งสี่ตามาบรรจบกัน ก็เกิดประกายไฟที่มองไม่เห็นแลบแปลบออกมา“บังเอิญจัง คุณชายฮั่วก็อยู่ที่นี่ด้วย” หลีเกอขมวดคิ้วแล้วเริ่มพูดก่อน “ดูเหมือนฉันจะมาขัดจังหวะพวกคุณสินะ”“อย่าพูดว่าขัดขังหวะเลย แค่บังเอิญพูดถึงคุณเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าคุณหนูหลีเกอเพิ่งแยกตัวออกไปจากตระกูลฮั่ว ก็ได้รับตำแหน่งประธานบริษัทตี้เซิ่งของตระกูลได้อย่างมั่นคง ผู้อำนวยการหูกำลังชื่นชมคุณอยู่เลย บอกว่าคุณมีความสามารถมาก จนถึงกับประกาศกร้าวในที่ประชุมว่าจะเพิ่มผลประกอบการขึ้นเป็นร้อยละสามสิบภายในหน
หลีเกอยิ้มอย่างจริงใจ “ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับเรื่องวันนี้มากนะคะ ติดหนี้คุณไว้หนึ่งครั้ง ถ้าวันไหนฉันพอจะช่วยอะไรได้ ก็อย่าเกรงใจที่จะบอก”ซางรุ่ยพยักหน้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ลืมเตือนเธอ “ผู้อำนวยการหูไม่ใช่คนที่รับมือง่ายอย่างที่เห็นภายนอก เขาโลดโผนอยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายปีแล้ว ทั้งเส้นสายและกลอุบายนั้นเหนือกว่าที่เราจะคาดเดาได้ หลังจากนี้คุณเองก็ควรระมัดระวังตัวไว้”“ได้ค่ะ ฉันจะระวังตัวมากขึ้น"ซางรุ่ยจ้องใบหน้าด้านข้างของเธอ ดวงตามองไปเห็นปอยผมข้างหู จึงเอื้อมมือออกไปหมายจะจัดให้“คุณชายซาง” เสียงของฮั่วจิ้นเฉิงดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาต้องหยุดชะงักซางรุ่ยยิ้มแล้วหดมือที่ค้างอยู่กลางอากาศกลับมา จากนั้นก็พูดกับหลีเกอ “ทรงผมคุณไม่เรียบร้อยน่ะ”“ไงนะคะ?”หลีเกอเพิ่งรู้สึกตัวช้ากว่าครึ่งจังหวะฮั่วจิ้นเฉิงก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เดินไปยืนอยู่ข้างหลีเกอทันที บังสายตาเขาไว้“ได้ยินมาว่าคุณชายซางกำลังจะแต่งงานกับคุณหนูหย่วนหยาง ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วย ผมยินดีจากใจจริงที่คุณชายซางได้เจอคู่ครองที่ถูกใจ”การแต่งงานกับหย่วนหยางเป็นความประสงค์ของครอบครัว เข
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมแชงกรีลา ได้ยินเสียงดังโครมครามดังลั่น ผู้อำนวยการหูโกรธจนทุบทำลายข้าวของภายในห้องราบคาบ“นังเด็กเมื่อวานซืน! กล้ามาข่มขวัญฉันต่อหน้าคนอื่น!”ผู้อำนวยการหูเตะเก้าอี้ตรงหน้าอย่างแรง เก้าอี้จึงล้มลงกับพื้นทันทีดวงตาของเขาหรี่ลงเรื่องนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้!ขืนปล่อยผ่านไป วันหลังอาจจะถูกหลีเกอข่มเหงจนโผล่หัวไม่พ้นน้ำตลอดไปเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก “ฉันไม่สนว่าแกจะใช้วิธีไหน แต่ฉันต้องการให้หลีเกอเสื่อมเสียชื่อเสียงจนต้องออกจากตี้เซิ่ง”หลังจากวางสาย ผู้อำนวยการหูก็กำลังจะออกไป แต่กลับได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเสียก่อน“ใคร?”เขาถามอย่างระมัดระวัง วินาทีต่อมาประตูห้องก็ถูกเปิดออก“คุณหูคะ ท่านประธานของเราขอเชิญคุณไปพูดคุยค่ะ!”ผู้อำนวยการหูทำหน้างง “ท่านประธานของคุณคือใคร?”“เฉียวเจิ้นสยงค่ะ…”ผู้อำนวยการหูคุ้นเคยกับชื่อนี้ดี แต่เขากับเฉียวเจิ้นสยงไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันนี่“คุณเฉียวมาเชิญผมมีธุระอะไร?”“ถ้าคุณไปเดี๋ยวจะทราบเองค่ะ”หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อำนวยการหูก็ตัดสินใจเดินตามคนที่มาเชิญเขา...ห้าทุ่มตรง
เมื่อมองไปในทิศทางที่โม่อี้เฟยชี้ไป เขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคย ต่อให้เธอจะกลายเป็นเถ้าถ่าน เขาก็จำได้ หลีเกอ! คุณไม่ได้กลับไปกับซางรุ่ยแล้วหรอกเหรอ?ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?ท่าเต้นของหลีเกอเย้ายวนมาก ทันทีที่เธอปรากฏตัวก็ดึงดูดสายตาของทุกคน ไม่กี่วินาทีก็กลายเป็นจุดสนใจของทั้งงานเธอหัวเราะอย่างร่าเริงและเปิดเผย ร่างกายของเธอเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ สวยงามจนตาพร่ามองไม่เห็นสิ่งอื่น ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกใจเต้นรัวไม่หยุดนี่คือท่าทางที่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เคยเห็นมาก่อน เธอเคยมีด้านนี้ด้วยเหรอเปล่งประกายในที่ที่เขาไม่เคยเห็นไม่นึกเลยว่าเธอหัวเราะแล้วจะสวยได้ขนาดนี้!ในใจของฮั่วจิ้นเฉิงมีความรู้สึกที่หลากหลาย เขากระดกเหล้าในมือหมดแก้วในคราวเดียว อารมณ์ที่ถูกกดขี่ไว้เมื่อครู่ระเบิดออกมาในเวลานี้ ไม่หลงเหลือความลังเลอีกต่อไป เขาวางแก้วลงแล้วเดินไปหาหลีเกอ“ว้าว! หลีเกอ เธอสวยสะบัดเลย!”เจี่ยงอีอีอดไม่ได้ที่จะผิวปากไปทางหลีเกอ เธออดไม่ได้ที่จะตะโกนสู้กับเสียงเพลงอึกทึก “คืนนี้ฉันไม่ได้เรียกเธอออกมาเปล่า ๆ นะ ใช้ประโยชน์จากค่ำคืนและเครื่องดื่มพวกนี้ปล่อยใจให้เต็มที่เถอะ!”ในเวลานี้ หลีเกอรู้
ในขณะเดียวกันหน้าบาร์ ฮั่วซินถือโทรศัพท์โทรหาฮั่วจิ้นเฉิง แต่ไม่มีใครรับสาย หญิงสาวที่เดินอยู่ข้างเธอรีบถาม “แน่ใจเหรอว่าพี่ชายเธออยู่ที่นี่”ฮั่วซินพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดว่า “พี่ซีอวิ๋น ไม่ผิดหรอก พี่ชายฉันต้องอยู่ที่นี่แน่นอน”คนที่มาด้วยกันกับเธอคือ เฉียวซีอวิ๋น!เดิมทีเธอถูกเฉียวเจิ้นสยงส่งเข้าไปในสถานกักกัน ตระกูลเฉียวทอดทิ้งเธอไปแล้ว ตระกูลหลีก็ส่งหลักฐานที่สมบูรณ์ครบถ้วนมาให้ทันเวลา รอเพียงศาลเริ่มการพิจารณาคดีอย่างไรก็ตาม สถานะของเธอนับว่าพิเศษ เพราะเธอยังตั้งท้องอยู่เฉียวซีอวิ๋นใช้เหตุผลด้านร่างกายไม่อำนวยเพื่อขอประกันตัวเธอโทรหาฮั่วจิ้นเฉิง ส่งข้อความหาเขา อยากจะเจอหน้าเขา แต่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกเลยเธอจึงกัดฟันคิดหาวิธีบางอย่าง แอบหนีออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อได้ยินฮั่วซินบอกว่าฮั่วจิ้นเฉิงอยู่ที่บาร์ เธอถึงได้มาที่นี่“พี่ซีอวิ๋น เราเข้าไปกันเถอะ!”ฮั่วซินพาเฉียวซีอวิ๋นเดินผ่านล็อบบี้ของบาร์ เมื่อสัมผัสกับบรรยากาศที่คึกคักรอบตัว หัวใจของเฉียวซีอวิ๋นก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในวินาทีถัดมา สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า
เสียงโหวกเหวกในล็อบบี้เบาลงทันทีเพราะเสียงร้องขอความช่วยเหลือ“ช่วยด้วย ช่วยลูกฉันด้วย!”หลีเกอมองเหตุการณ์นี้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เฉียวซีอวิ๋นใช้อุบายเดิม ๆ อีกแลัว เธอติดใจทักษะการแสดงละครตบตาคนมากเกินไปหรือเปล่าฮั่วจิ้นเฉิงที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ มืดลง ก้าวขายาว ๆ เดินไปข้างหน้า เห็นเฉียวซีอวิ๋นล้มกองอยู่บนพื้นในเวลานี้เขาไม่มีเวลาถามว่าเฉียวซีอวิ๋นมาที่นี่ได้อย่างไรเฉียวซีอวิ๋นคว้ามือของเขาไว้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไร้การเสแสร้ง“จิ้นเฉิง ช่วยฉันด้วย! ช่วยลูกของเราด้วย!”“พี่ชาย นังหลีเกอ ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นผลักพี่ซีอวิ๋น พี่ซีอวิ๋นถึงได้เป็นแบบนี้” ฮั่วซินเป็นคนแรกที่กล่าวหาหลีเกอแต่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจ เขาจ้องมองเฉียวซีอวิ๋นที่ดูเหมือนไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ ยื่นมือออกไปหมายจะอุ้มเธอ แต่ในวินาทีถัดมา มือใหญ่ของเขาก็สัมผัสกับบางสิ่งที่เปียกชื้น“เลือด! พี่ชาย พี่ซีอวิ๋นมีเลือดออก!” เสียงร้องของฮั่วซินทำให้ผู้คนรอบข้างตกใจ“มัวยืนทำอะไรอยู่ รีบโทร 120 สิ!” ไม่รู้ว่าใครในฝูงชนตะโกน ผู้คนต่างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้
“ถ้าอย่างนั้นก็แจ้งความเลย!”เฉียวเจิ้นสยงพูดพร้อมกับจ้องไปที่ฮั่วซินด้วยสายตาที่เฉียบคมราวกับเหยี่ยว “ในเมื่อคุณหนูฮั่วบอกว่าเห็นเหตุการณ์ด้วยตาตัวเอง คุณคงไม่ยอมให้ซีอวิ๋นต้องเจ็บปวดฟรีแน่ ถึงตอนนั้นหวังว่าคุณหนูฮั่วจะออกหน้าเป็นพยาน พูดในสิ่งที่คุณเห็นอย่างตรงไปตรงมา”ฮั่วซิน “ฉัน…” เธอเม้มริมฝีปากแน่น เดิมทีเธอตั้งใจจะออกหน้าเป็นพยาน แต่เมื่อสบตากับฮั่วจิ้นเฉิง ก็ได้แต่กลืนคำพูดที่อยู่ในปากกลับลงไปเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ “ตอนนั้นไฟในบาร์มืดสลัว ฉันอาจจะมองเห็นไม่ชัดเจนค่ะ”เธอกลับคำหน้าด้าน ๆ ต่อหน้าเฉียวเจิ้นสยง!หัวใจของฮั่วซินเต้นรัวราวกับจะถูกดันทะลุออกมาจากลำคอเฉียวเจิ้นสยงหัวเราะในลำคอ “คุณหนูฮั่ว ผมแค่ต้องการให้คุณพูดความจริง จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอ?”“ฉัน…” ฮั่วซินหลุบตาลง มองไปที่ฮั่วจิ้นเฉิงด้วยสายตาที่เหมือนจะขอความช่วยเหลือดวงตาของเฉียวเจิ้นสยงค่อย ๆ จมลงอย่างช้า ๆ ไม่คาดคิดว่าในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงจะยังคงปกป้องหลีเกอเขาแสดงท่าทีในฐานะผู้อาวุโสกว่าทันที “จิ้นเฉิง ซีอวิ๋นกำลังตั้งท้องลูกของเธอ! ตอนนี้เด็กไม่อยู่แล้ว ในฐานะพ่อ เธอกลับไม่เสียใจแม้แต่น้อย กลับค
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ