หลีเกอยิ้มอย่างจริงใจ “ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับเรื่องวันนี้มากนะคะ ติดหนี้คุณไว้หนึ่งครั้ง ถ้าวันไหนฉันพอจะช่วยอะไรได้ ก็อย่าเกรงใจที่จะบอก”ซางรุ่ยพยักหน้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ลืมเตือนเธอ “ผู้อำนวยการหูไม่ใช่คนที่รับมือง่ายอย่างที่เห็นภายนอก เขาโลดโผนอยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายปีแล้ว ทั้งเส้นสายและกลอุบายนั้นเหนือกว่าที่เราจะคาดเดาได้ หลังจากนี้คุณเองก็ควรระมัดระวังตัวไว้”“ได้ค่ะ ฉันจะระวังตัวมากขึ้น"ซางรุ่ยจ้องใบหน้าด้านข้างของเธอ ดวงตามองไปเห็นปอยผมข้างหู จึงเอื้อมมือออกไปหมายจะจัดให้“คุณชายซาง” เสียงของฮั่วจิ้นเฉิงดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาต้องหยุดชะงักซางรุ่ยยิ้มแล้วหดมือที่ค้างอยู่กลางอากาศกลับมา จากนั้นก็พูดกับหลีเกอ “ทรงผมคุณไม่เรียบร้อยน่ะ”“ไงนะคะ?”หลีเกอเพิ่งรู้สึกตัวช้ากว่าครึ่งจังหวะฮั่วจิ้นเฉิงก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เดินไปยืนอยู่ข้างหลีเกอทันที บังสายตาเขาไว้“ได้ยินมาว่าคุณชายซางกำลังจะแต่งงานกับคุณหนูหย่วนหยาง ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วย ผมยินดีจากใจจริงที่คุณชายซางได้เจอคู่ครองที่ถูกใจ”การแต่งงานกับหย่วนหยางเป็นความประสงค์ของครอบครัว เข
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมแชงกรีลา ได้ยินเสียงดังโครมครามดังลั่น ผู้อำนวยการหูโกรธจนทุบทำลายข้าวของภายในห้องราบคาบ“นังเด็กเมื่อวานซืน! กล้ามาข่มขวัญฉันต่อหน้าคนอื่น!”ผู้อำนวยการหูเตะเก้าอี้ตรงหน้าอย่างแรง เก้าอี้จึงล้มลงกับพื้นทันทีดวงตาของเขาหรี่ลงเรื่องนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้!ขืนปล่อยผ่านไป วันหลังอาจจะถูกหลีเกอข่มเหงจนโผล่หัวไม่พ้นน้ำตลอดไปเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก “ฉันไม่สนว่าแกจะใช้วิธีไหน แต่ฉันต้องการให้หลีเกอเสื่อมเสียชื่อเสียงจนต้องออกจากตี้เซิ่ง”หลังจากวางสาย ผู้อำนวยการหูก็กำลังจะออกไป แต่กลับได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเสียก่อน“ใคร?”เขาถามอย่างระมัดระวัง วินาทีต่อมาประตูห้องก็ถูกเปิดออก“คุณหูคะ ท่านประธานของเราขอเชิญคุณไปพูดคุยค่ะ!”ผู้อำนวยการหูทำหน้างง “ท่านประธานของคุณคือใคร?”“เฉียวเจิ้นสยงค่ะ…”ผู้อำนวยการหูคุ้นเคยกับชื่อนี้ดี แต่เขากับเฉียวเจิ้นสยงไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันนี่“คุณเฉียวมาเชิญผมมีธุระอะไร?”“ถ้าคุณไปเดี๋ยวจะทราบเองค่ะ”หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อำนวยการหูก็ตัดสินใจเดินตามคนที่มาเชิญเขา...ห้าทุ่มตรง
เมื่อมองไปในทิศทางที่โม่อี้เฟยชี้ไป เขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคย ต่อให้เธอจะกลายเป็นเถ้าถ่าน เขาก็จำได้ หลีเกอ! คุณไม่ได้กลับไปกับซางรุ่ยแล้วหรอกเหรอ?ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?ท่าเต้นของหลีเกอเย้ายวนมาก ทันทีที่เธอปรากฏตัวก็ดึงดูดสายตาของทุกคน ไม่กี่วินาทีก็กลายเป็นจุดสนใจของทั้งงานเธอหัวเราะอย่างร่าเริงและเปิดเผย ร่างกายของเธอเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ สวยงามจนตาพร่ามองไม่เห็นสิ่งอื่น ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกใจเต้นรัวไม่หยุดนี่คือท่าทางที่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เคยเห็นมาก่อน เธอเคยมีด้านนี้ด้วยเหรอเปล่งประกายในที่ที่เขาไม่เคยเห็นไม่นึกเลยว่าเธอหัวเราะแล้วจะสวยได้ขนาดนี้!ในใจของฮั่วจิ้นเฉิงมีความรู้สึกที่หลากหลาย เขากระดกเหล้าในมือหมดแก้วในคราวเดียว อารมณ์ที่ถูกกดขี่ไว้เมื่อครู่ระเบิดออกมาในเวลานี้ ไม่หลงเหลือความลังเลอีกต่อไป เขาวางแก้วลงแล้วเดินไปหาหลีเกอ“ว้าว! หลีเกอ เธอสวยสะบัดเลย!”เจี่ยงอีอีอดไม่ได้ที่จะผิวปากไปทางหลีเกอ เธออดไม่ได้ที่จะตะโกนสู้กับเสียงเพลงอึกทึก “คืนนี้ฉันไม่ได้เรียกเธอออกมาเปล่า ๆ นะ ใช้ประโยชน์จากค่ำคืนและเครื่องดื่มพวกนี้ปล่อยใจให้เต็มที่เถอะ!”ในเวลานี้ หลีเกอรู้
ในขณะเดียวกันหน้าบาร์ ฮั่วซินถือโทรศัพท์โทรหาฮั่วจิ้นเฉิง แต่ไม่มีใครรับสาย หญิงสาวที่เดินอยู่ข้างเธอรีบถาม “แน่ใจเหรอว่าพี่ชายเธออยู่ที่นี่”ฮั่วซินพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดว่า “พี่ซีอวิ๋น ไม่ผิดหรอก พี่ชายฉันต้องอยู่ที่นี่แน่นอน”คนที่มาด้วยกันกับเธอคือ เฉียวซีอวิ๋น!เดิมทีเธอถูกเฉียวเจิ้นสยงส่งเข้าไปในสถานกักกัน ตระกูลเฉียวทอดทิ้งเธอไปแล้ว ตระกูลหลีก็ส่งหลักฐานที่สมบูรณ์ครบถ้วนมาให้ทันเวลา รอเพียงศาลเริ่มการพิจารณาคดีอย่างไรก็ตาม สถานะของเธอนับว่าพิเศษ เพราะเธอยังตั้งท้องอยู่เฉียวซีอวิ๋นใช้เหตุผลด้านร่างกายไม่อำนวยเพื่อขอประกันตัวเธอโทรหาฮั่วจิ้นเฉิง ส่งข้อความหาเขา อยากจะเจอหน้าเขา แต่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกเลยเธอจึงกัดฟันคิดหาวิธีบางอย่าง แอบหนีออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อได้ยินฮั่วซินบอกว่าฮั่วจิ้นเฉิงอยู่ที่บาร์ เธอถึงได้มาที่นี่“พี่ซีอวิ๋น เราเข้าไปกันเถอะ!”ฮั่วซินพาเฉียวซีอวิ๋นเดินผ่านล็อบบี้ของบาร์ เมื่อสัมผัสกับบรรยากาศที่คึกคักรอบตัว หัวใจของเฉียวซีอวิ๋นก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในวินาทีถัดมา สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า
เสียงโหวกเหวกในล็อบบี้เบาลงทันทีเพราะเสียงร้องขอความช่วยเหลือ“ช่วยด้วย ช่วยลูกฉันด้วย!”หลีเกอมองเหตุการณ์นี้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เฉียวซีอวิ๋นใช้อุบายเดิม ๆ อีกแลัว เธอติดใจทักษะการแสดงละครตบตาคนมากเกินไปหรือเปล่าฮั่วจิ้นเฉิงที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ มืดลง ก้าวขายาว ๆ เดินไปข้างหน้า เห็นเฉียวซีอวิ๋นล้มกองอยู่บนพื้นในเวลานี้เขาไม่มีเวลาถามว่าเฉียวซีอวิ๋นมาที่นี่ได้อย่างไรเฉียวซีอวิ๋นคว้ามือของเขาไว้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไร้การเสแสร้ง“จิ้นเฉิง ช่วยฉันด้วย! ช่วยลูกของเราด้วย!”“พี่ชาย นังหลีเกอ ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นผลักพี่ซีอวิ๋น พี่ซีอวิ๋นถึงได้เป็นแบบนี้” ฮั่วซินเป็นคนแรกที่กล่าวหาหลีเกอแต่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจ เขาจ้องมองเฉียวซีอวิ๋นที่ดูเหมือนไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ ยื่นมือออกไปหมายจะอุ้มเธอ แต่ในวินาทีถัดมา มือใหญ่ของเขาก็สัมผัสกับบางสิ่งที่เปียกชื้น“เลือด! พี่ชาย พี่ซีอวิ๋นมีเลือดออก!” เสียงร้องของฮั่วซินทำให้ผู้คนรอบข้างตกใจ“มัวยืนทำอะไรอยู่ รีบโทร 120 สิ!” ไม่รู้ว่าใครในฝูงชนตะโกน ผู้คนต่างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้
“ถ้าอย่างนั้นก็แจ้งความเลย!”เฉียวเจิ้นสยงพูดพร้อมกับจ้องไปที่ฮั่วซินด้วยสายตาที่เฉียบคมราวกับเหยี่ยว “ในเมื่อคุณหนูฮั่วบอกว่าเห็นเหตุการณ์ด้วยตาตัวเอง คุณคงไม่ยอมให้ซีอวิ๋นต้องเจ็บปวดฟรีแน่ ถึงตอนนั้นหวังว่าคุณหนูฮั่วจะออกหน้าเป็นพยาน พูดในสิ่งที่คุณเห็นอย่างตรงไปตรงมา”ฮั่วซิน “ฉัน…” เธอเม้มริมฝีปากแน่น เดิมทีเธอตั้งใจจะออกหน้าเป็นพยาน แต่เมื่อสบตากับฮั่วจิ้นเฉิง ก็ได้แต่กลืนคำพูดที่อยู่ในปากกลับลงไปเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ “ตอนนั้นไฟในบาร์มืดสลัว ฉันอาจจะมองเห็นไม่ชัดเจนค่ะ”เธอกลับคำหน้าด้าน ๆ ต่อหน้าเฉียวเจิ้นสยง!หัวใจของฮั่วซินเต้นรัวราวกับจะถูกดันทะลุออกมาจากลำคอเฉียวเจิ้นสยงหัวเราะในลำคอ “คุณหนูฮั่ว ผมแค่ต้องการให้คุณพูดความจริง จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอ?”“ฉัน…” ฮั่วซินหลุบตาลง มองไปที่ฮั่วจิ้นเฉิงด้วยสายตาที่เหมือนจะขอความช่วยเหลือดวงตาของเฉียวเจิ้นสยงค่อย ๆ จมลงอย่างช้า ๆ ไม่คาดคิดว่าในเวลานี้ ฮั่วจิ้นเฉิงจะยังคงปกป้องหลีเกอเขาแสดงท่าทีในฐานะผู้อาวุโสกว่าทันที “จิ้นเฉิง ซีอวิ๋นกำลังตั้งท้องลูกของเธอ! ตอนนี้เด็กไม่อยู่แล้ว ในฐานะพ่อ เธอกลับไม่เสียใจแม้แต่น้อย กลับค
เฉียวซีอวิ๋นกัดฟันพูดต่อ “จิ้นเฉิง ฉันรู้ว่าคุณอาจจะยังมีความรู้สึกดี ๆ ต่อหลีเกออยู่บ้าง ถึงยังไงพวกคุณก็เคยอยู่ด้วยกันมาสามปี แต่เธอเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมมาก เธอผลักฉัน ลูกของเราตายเพราะเธอ!”“เอาล่ะ ผมรู้แล้ว” ฮั่วจิ้นเฉิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย!"ในเมื่อคุณบอกว่าเธอเป็นคนผลักคุณ งั้นก็แจ้งความเลย ให้ตำรวจมาสืบสวนให้กระจ่าง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย”พูดจบฮั่วจิ้นเฉิงก็ลุกขึ้นเตรียมจะออกไปแต่ในตอนนั้น ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดเข้ามา หลีเกอยืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตู“หลีเกอ แกยังกล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีก!”เฉียวซีอวิ๋นเห็นหลีเกอ ทันใดนั้นก็ทำท่าเหมือนกับแมวที่ขนพองทั้งตัว ตะโกนใส่เธอด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแต่หลีเกอกลับไม่สะทกสะท้าน พูดแค่ว่า “เมื่อกี้ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันแล้ว ฉันอยากถามคุณเฉียวซีอวิ๋นหน่อย เมื่อคืนนี้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างที่คุณพูดจริง ๆ เหรอ?”“หลีเกอ นังผู้หญิงชั่ว! แกฆ่าลูกของฉัน!”ดวงตาของหลีเกอค่อย ๆ จมลง จากนั้นก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง “คุณเฉียว คุณกินไม่เลือกได้ แต่จะพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ แม้แต่เด็กสามขวบยัง
ถึงแม้เธอประกาศกร้าวว่าจะแจ้งความ แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมาถึงเร็วขนาดนี้!การกระทำของหลีเกอทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน“กรี๊ด! ออกไป! ออกไปให้หมด!” เฉียวซีอวิ๋นอุดหูแล้วกรีดร้อง ท่าทางในเวลานี้ดูเหมือนคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้!สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงเปลี่ยนไป แต่ยังคงหันไปเจรจากับตำรวจ“...ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งแท้งลูก อารมณ์ไม่ค่อยคงที่ ต้องขออภัยด้วยนะครับ”ตำรวจทั้งสองมองหน้ากัน แล้วก็แสดงท่าทีที่เป็นทางการ “เราได้รับแจ้งความให้มาที่นี่ วันนี้ที่พวกเราแค่มาทำตามหน้าที่เท่านั้น ต้องการสอบปากคำเพิ่มเติม คุณเฉียวซีอวิ๋น กรุณาให้ความร่วมมือกับเราด้วย”“กรี๊ด! ฉันปวดหัว! จิ้นเฉิง ฉันปวดหัว!” เฉียวซีอวิ๋นร้องพลางก็คว้ามือของฮั่วจิ้นเฉิงมาจับไว้ “หัวฉันเหมือนจะระเบิดอยู่แล้ว!”“ได้ เดี๋ยวผมเรียกหมอให้” ฮั่วจิ้นเฉิงพูดจบก็กดกริ่งที่หัวเตียงเฉียวซีอวิ๋นดูควบคุมร่างกายไม่ได้เลย “ไล่พวกเขาออกไป! ไล่พวกเขาออกไปให้หมด ฉันไม่ให้ปากคำ ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น!”ฮั่วจิ้นเฉิงเอื้อมมือออกไป ตบไหล่เธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยน“คุณตำรวจ หลานสาวผมเพิ่งจะเสียลูกไป สภาพจิตใจไม่คงที่ ถึงสอบปากคำก็อาจจะไม่ได้ความอะไร