ระยะทางจากชานเมืองหลวงถึงจุดหมายปลายทางเกือบห้าร้อยกิโลเมตร ทำให้ผู้โดยสารร่างเล็กเผลอหลับไปด้วยความเพลีย หลังจากที่เธอโทรบอกเพื่อนที่ทำงานว่าไม่ได้ไปทำงานอีกแล้ว และพยายามโทรศัพท์ติดต่อมารดาจนแบตเตอร์รี่โทรศัพท์หมดแต่ก็ไม่มีใครรับสาย เหมันต์ชำเลืองตามองผู้โดยสารข้างกาย แล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ในตอนที่หญิงสาววิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เขากลัวเหลือเกินว่าเธอจะเปลี่ยนใจไม่ยอมไปด้วยกันเสียแล้ว เขานั่งลุ้นอยู่จนเลยเวลาไปหลายนาทีจากที่กำหนดให้เธอ แต่เขากลับต่อเวลารอออกไปอีก ด้วยความหวังว่าเธอจะกลับออกมาแล้วขึ้นรถมากับเขา เมื่อนึกถึงตอนที่เห็นร่างเล็กหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากบ้าน หัวใจที่เคยสงบนิ่งก็ลิงโลดเต้นแรงอย่างไม่น่าให้อภัย และเผลอยิ้มอย่างพอใจจนน่าเกลียด แค่เจอกันตัวเป็นๆครั้งแรกหัวใจและร่างกายกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเธอจนน่าตกใจ
“อาจันทร์ครับ ผมพาน้องกลับไปที่บ้านด้วยแล้วนะครับ เช็คเงินสดห้าล้านอยู่ในซองในตู้จดหมายหน้าบ้านนะครับ” เขาโทรหาพรจันทร์ในตอนที่เห็นเพียงขวัญเดินออกมาจากประตูบ้าน ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะพรจันทร์อุทานเสียงดัง และบอกเขาว่าลืมบอกลูกสาวให้เตรียมตัว หากแต่เขาไม่ได้สอบถามหรือพูดอะไรต่อ เหมันต์ตัดสายทันทีที่บอกธุระของตัวเองเสร็จ
เหมันต์พาหญิงสาวตรงกลับบ้านสวนทันที ระหว่างทางแวะพักเพียงแค่ครั้งเดียว เพียงขวัญนั่งมองเหม่อไปเบื้องหน้า และถอนหายใจเบาๆเป็นบางครั้ง เพราะความไม่คุ้นชินกับเพื่อนร่วมทาง ความเงียบภายในรถทำให้หญิงสาว ข่มตาหลับหนีบรรยากาศชวนอึดอัด
“ขวัญ” เสียงเรียกจนเกือบเป็นตะคอก ทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งตื่น
“คะ” ใบหน้าหวานเหลียวซ้ายขวา แล้วหันไปจ้องหน้าสารถีที่พาเธอมาจากบ้าน เหมันต์เปิดไฟภายในรถไว้ก่อนปลุกเธอแล้ว หญิงสาวจึงเห็นหน้าตาของเขาได้ชัดเจน ใบหน้าคมเข้มรับกับทรงผมตัดสั้นเปิดหน้าผาก คิ้วเข้มดกหนาเหนือดวงตาดุดัน รับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาหยักได้รูป ทั้งหมดรวมเป็นเค้าโครงหน้าที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้เธอตะลึงไปชั่วขณะ ตั้งแต่พบกันเมื่อตอนเย็น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจ้องหน้าเขาแล้วพิจารณาอย่างละเอียด
“จะมองอีกนานไหม ถึงแล้ว ลงไปสิ” เหมันต์ดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถไปก่อน เพียงขวัญสะบัดค้อนวงเล็กตามหลังเขา ก่อนเปิดประตูก้าวลงไปยืนบนผืนดินที่เธอมาเหยียบย่างเป็นครั้งแรกในชีวิต ผืนดินที่กำลังจะทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไป
รอบข้างที่มืดมิดทำให้เพียงขวัญมองเห็นได้เพียงระยะใกล้ๆ เหมันต์ถือไฟฉายหิ้วกระเป๋าใบโตของเธอเดินตรงไปยังตัวบ้าน
“นั่นห้องนอน ห้องน้ำอยู่ในนั้น” เมื่อเปิดไฟทุกดวงภายในบ้าน เพียงขวัญถึงรู้ว่าบ้านชั้นเดียวของเขาเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ ผนังปูนเปลือยและของตกแต่งบ้านเป็นโทนสีน้ำตาล ผนังใช้อิฐเปลือยสีน้ำตาลแดง เฟอร์นิเจอร์ใช้โทนสีค่อนไปทางสีน้ำตาลเข้ม หากแต่โซฟาตัวยาวและผ้าม่านหน้าต่างที่ยาวตั้งแต่เพดานจรดพื้น ใช้โทนสีขาวตัดกันอย่างลงตัว
“ดึกมากแล้วรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปใส่บาตรกับผม” เพียงขวัญเลิกคิ้วเรียวสูง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนพูดก็เดินไปอีกทางกับที่ชี้บอกว่าเป็นห้องนอน หญิงสาวตัดสินใจลากกระเป๋าเข้าไปในนั้น ห้องนอนกว้างโทนสีน้ำตาลดูอบอุ่นน่านอน เตียงหลังใหญ่กลางห้องคลุมด้วยผ้าห่มผืนใหญ่สีน้ำตาลเข้ม เครื่องนอนทุกชิ้นอยู่ในโทนสีเดียวกัน ทุกอย่างดูเรียบง่ายแต่หรูหรา หากแต่เธอจะนอนหลับไหม...ในคืนนี้
สายน้ำอุ่นช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี ร่างเปลือยเปล่าสมส่วนขาวนวล ผมยาวเกล้ามัดขึ้นลวกๆ ยืนอยู่ใต้สายน้ำ เพียงขวัญหลับตาเงยหน้ารับสายน้ำจากฝักบัวอันใหญ่ให้รินรดร่างกาย กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำทำให้รู้สึกสดชื่น มือบางลูบไล้ลำคอเรื่อยไปยังแขนเรียว สายน้ำช่วยพัดพาความกังวลใจทั้งหลายได้ชั่วเวลาหนึ่ง อย่างน้อยก็ช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวในห้องน้ำ ช่วงเวลาที่ไม่ต้องเห็นหน้านิ่งดุๆ
“ผมอาบด้วย” ดวงตากลมโตเบิกโพลงตื่นตระหนก ร่างบางสมส่วนขยับกายออก
ห่างคนตัวโตร่างเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเธอแทบไม่ทัน เมื่อเขาแทรกเบียดมาแย่งพื้นที่ใต้สายน้ำอุ่น เพียงขวัญหลับตาหันหลังให้เขาทันที ขาเรียวขยับไวเท่าความคิด เธอต้องออกจากที่ที่แสนอันตรายในตอนนี้ทันที หากแต่เอวคอดกิ่วกลับถูกรวบดึงให้เข้าใกล้ร่างแกร่งกำยำ แผ่นหลังเนียนแนบไปกับอกกว้าง
“จะรีบไปไหน ถูหลังให้หน่อย” เหมันต์ยัดฟองน้ำถูตัวใส่มือบางแล้วหันหลังให้ เพียงขวัญอยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ ร่างสาวแดงก่ำไปทั้งร่าง ใบหน้าร้อนวูบวาบ ทั้งกลัวทั้งเขินอาย และประหม่า
“ขวัญขอแต่งตัวก่อน คุณรอสักครู่นะคะ”
“เสียเวลา เร็วๆหน่อย ผมง่วง” เขาตวาดเธออีกแล้ว เพียงขวัญสะดุ้งจนตัวสั่น ตัดสินใจหันหน้ากลับมามองคนที่ยืนหันหลังให้ ค่อยๆถูฟองน้ำไปตามแผ่นหลังกว้าง เธอมาที่นี่เพื่อทำหน้าที่ภรรยา และนี่คือสิ่งที่เธอเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องเจอ แต่เขาก็จู่โจมรวดเร็วเหลือเกิน เธอยังไม่ทันได้ทำใจเลย
“แรงๆหน่อยสิ ถูเบาอย่างนี้ขี้ไคลมันจะไปหลุดได้ยังไง” คนถูกตวาดสะดุ้งอีกแล้ว ทำไมเขาชอบใช้เสียงข่มขู่เธอนักนะ อารมณ์กรุ่นๆของคนถูกตวาดถูกดุหลายครั้งชักเดือดขึ้นมาบ้าง หญิงสาวค้อนให้กับแผ่นหลังกว้าง
เหมันต์ขบกรามแน่น พยายามห้ามใจไม่หันกลับไปมองเรือนร่างเย้ายวนของคนที่กำลังถูหลังให้ เธอขาวโพลนท่ามกลางสายน้ำพร่างพรม อวบอิ่มในส่วนที่พึงมีของสตรีเพศ ผิวนวลลออตาคงจะเนียนลื่นมือนักหากได้ลูบไล้สัมผัส หัวใจหนุ่มเต้นโครมคราม กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกตอบรับการสัมผัสจากมือน้อยที่แตะโดนผิวกาย ตอนแรกก็คิดว่าแค่รีบๆอาบน้ำนอน คิดว่าเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อะไรๆของผู้หญิงก็คงไม่แตกต่างกันนักหรอก หากแต่เมื่อผลักประตูเข้ามา แล้วเห็นภาพหญิงสาวยืนหลับตาพริ้มเงยหน้าน้อยๆ ร่างกายเขากลับตื่นตัวอย่างรุนแรงจนแทบระเบิด ไม่เหมือน...เพียงขวัญไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเห็นสักนิด“สะ...เสร็จแล้วค่ะ”“ขอบคุณ”เพียงขวัญเหลียวหน้าเหลียวหลัง อยากจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ แต่ขาเจ้ากรรมกลับก้าวไม่ออก จนกระทั่งร่างสูงใหญ่หันกลับมาเผชิญหน้ากัน ดวงตาตื่นกลัวของเธอทำให้ชายหนุ่มหรี่ตามองประเมินสถานการณ์ ปากอิ่มเผยอค้างท่าทางขัดเขินของหญิงสาวทำให้เหมันต์กระตุกยิ้ม ใบหน้าหล่อเข้มก้มลงจนชิดใบหูเล็ก“รู้ใช่ไหมว่าคุณมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร” เป็นน้ำเสียงที่เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยินมา เพียงขวัญผงะใบหน้าออกเล็กน้อย สบสายตาคม
เพียงขวัญเดินช้าๆ ก้มหน้าเล็กน้อยตรงไปยังเตียงกว้าง ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วเอนกายลงนอนตัวแข็งทื่อ ไออุ่นจากร่างใหญ่แผ่ลามมาถึงผิวเนื้อจนใจสาวสั่นไหว แทบจะวายเอาเสียให้ได้ ผ้าห่มหนาผืนใหญ่ถูกตลบคลุมร่างบาง แล้วไฟทั้งห้องก็ดับลง หญิงสาวหลับตาแน่น กำมือสองข้างไว้ข้างกาย เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะโดนเชือด รอเวลาที่เพชฌฆาตจะลงดาบ อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก แรงขยับของคนตัวโตทำให้หัวใจเธอกระตุกวาบ“พรุ่งนี้ต้องตื่นไปใส่บาตรแต่เช้า อย่าตื่นสายล่ะ” เหมันต์พลิกกายนอนหันหลังให้หญิงสาว คนนอนรอเชือดรออยู่นานเริ่มสงสัย ดวงตากลมโตลืมขึ้นท่ามกลางความมืด หันใบหน้ามองไปทางที่คนตัวใหญ่นอนอยู่ ในนามความที่มองเห็นอะไรไม่ชัดเจนเท่าไร แต่เพียงขวัญพอมองเห็นได้ว่าเขานอนหันหลังให้เธอ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่ง อกโล่งใจ ร่างบางพลิกกายตะแคงหันหน้าจ้องมองแผ่นหลังกว้างในความมืด อย่างน้อยหากเขาหันกลับมา เธอจะได้ตั้งรับทัน แต่เพราะความเหนื่อย เมื่อยล้าจากการเดินทาง จึงทำให้คนที่พยายามระแวดระวังภัยหลับลึกไปในเวลาอันรวดเร็ว“กลัวจนตัวสั่น อ่อนจริงๆ” เหมันต์ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอจึงหันกลับมา ยันตัวลุกเล็กน้อยมอ
“บอกดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องว่าเลย ใครกันแน่ที่ชอบโวยวาย”เพียงขวัญใช้เวลาไม่นานในการแต่งตัวให้เรียบร้อย เสื้อยืดสีหวานถูกใส่ทับไว้ด้านในผ้าซิ่น หญิงสาวเกล้าผมขึ้น เปิดเผยดวงหน้าหวาน และลำคอระหง ใบหน้าไร้การเติมแต่งสีสัน ประแป้งฝุ่นและทาเพียงลิปสติกมันเท่านั้น“แล้วข้าวเหนียวล่ะคะ” เหมันต์มองหญิงสาวที่เพิ่งเปิดประตูบ้านออกมา เขามองตาค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาไปมองกระติบข้าวใบเล็กสองใบที่วางคู่กันอยู่บนโต๊ะเพียงขวัญมองตามแล้วคลี่ยิ้มหวาน“กระติบข้าวน่ารักจัง ว่าแต่ใครนึ่งข้าวเหนียวให้คุณคะ”“มีเมียนอนตื่นสาย ผัวก็ต้องลุกมาทำเอง ก็แค่นั้น” เพียงขวัญก้มหน้ามองเท้าตัวเอง รู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำชายหนุ่มหยิบกระติบข้าวทั้งสองใบขึ้น แล้วก้าวขายาวเดินไปข้างบ้าน ใกล้ๆกับที่จอดรถไว้เมื่อคืน จักรยานสีดำถูกจูงออกมา เขาขึ้นประจำที่คนขับ กระติบข้าววางอยู่ที่ตะกร้าหน้ารถ หญิงสาวกะพริบตามองอย่างไม่แน่ใจ ก็คนตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นดูไม่เข้ากันสักนิดกับจักรยาน“ขึ้นมาสิ ตื่นสายแล้วยังจะมัวโอ้เอ้อยู่ได้” เพียงขวัญยู่ปากใส่แผ่นหลังกว้าง แล้วเดินไปนั่งซ้อนท้าย เหยียดขาสองข้างไปทาง
“ฟ้าไม่ไปนะคะคุณแม่ บ้านนอกบ้านนาอย่างนั้น ฟ้าจะอยู่ได้ยังไง ให้ขวัญไปสิคะ” เพียงฟ้าหน้างอง้ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจอย่างที่เธอเคยใช้แล้วได้ผลประจำ“แต่คุณลุงกับคุณพ่อของเราตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะไว้แล้วนะฟ้า ว่าจะให้ฟ้าแต่งงานกับตาเหม” คุณพรจันทร์ถอนหายใจหลายครั้งแล้ว ในขณะที่พยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว“ก็ในเมื่อคุณพ่อกับคุณลุงเสียไปแล้ว เราก็ยกเลิกสัญญาไปสิคะ ท่านทั้งสองคงไม่ฟื้นคืนชีพมาทวงสัญญากับเราหรอกค่ะ”“ฟ้า! หนูก็รู้ว่าคุณลุงท่านมีพระคุณกับคุณพ่อและครอบครัวเรามากมายแค่ไหน หลังจากคุณพ่อเสีย คุณลุงก็คอยช่วยเหลือเรามาตลอด หนี้ตั้งหลายล้านบาทท่านก็ยกให้ มิหนำซ้ำทางนั้นยังให้ค่าสินสอดในการแต่งงานตั้งสิบล้าน หนูก็รู้ถึงสถานะทางการเงินของเราในตอนนี้ดีไม่ใช่หรือว่าย่ำแย่แค่ไหน” คุณพรจันทร์เหนื่อยใจกับความดื้อรั้นของลูกสาว แต่จะทำอย่างไรได้ หนี้มูลค่ามหาศาลตั้งแต่สามีเสียไปเมื่อห้าปีที่แล้ว มันพอกพูนขึ้นมากมาย คนเป็นเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเพื่อนรักของสามีไม่ได้เรียกร้องเอาคืน ขอเพียงแค่สองครอบครัวเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันเท่านั้นเอง หากแต่พอเจ้าหนี้เสียชีวิตลงไม่ถึงปี ทายาทก็ตามมาทวงสัญญาที
ตอนที่ 2“ขอบใจมากจ้ะขวัญ ลูกสาวของแม่” เย็นวันนั้นคุณพรจันทร์ตัดสินใจโทรแจ้งเหมันต์ว่า ลูกสาวของท่านพร้อมแล้วแต่ขอเวลาอีกหนึ่งเดือน เพื่อลาออกจากงาน หากแต่ปลายสายไม่สนใจฟังในสิ่งที่ผู้สูงวัยบอก เขากำหนดว่าจะมารับเจ้าสาวในวันรุ่งขึ้นทันที เพราะอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเขาไม่สะดวกจะมารับใครทั้งนั้น คุณพรจันทร์ได้แต่ถอนหายใจไม่กล้าแย้งอะไร เพราะน้ำเสียงของปลายสายช่างดุดันเอาแต่ใจจนผู้สูงวัยต้องเงียบ ได้แต่รับปากไปเขาตามที่ต้องการรถยนต์เอสยูวีสีดำยี่ห้อดังรุ่นท็อปที่จอดเทียบข้างรั้วบ้านหลังเล็กชานกรุง ทำให้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านเงยหน้าขึ้นมอง เพียงขวัญวางหนังสือในมือลงแล้วจ้องมองไปยังรถ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ลงจากรถแล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน หญิงสาวลุกขึ้นมองด้วยความแปลกใจ วันนี้เป็นวันหยุด เพียงฟ้ากับมารดาไปซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เธออาสาอยู่บ้านทำความสะอาดและเก็บกวาดบ้าน ดังนั้นหากเขาจะมาหาใครที่นี่ นั่นหมายความว่าไม่มีคนที่เขาต้องการพบแน่นอน และคงไม่ใช่เธอแน่ เพราะเพียงขวัญไม่รู้จักผู้ชายคนนี้“ผมมาหาลูกสาวอาจันทร์” เพียงขวัญกะพริบตาปริบๆ พยายามคิดว่
“บอกดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องว่าเลย ใครกันแน่ที่ชอบโวยวาย”เพียงขวัญใช้เวลาไม่นานในการแต่งตัวให้เรียบร้อย เสื้อยืดสีหวานถูกใส่ทับไว้ด้านในผ้าซิ่น หญิงสาวเกล้าผมขึ้น เปิดเผยดวงหน้าหวาน และลำคอระหง ใบหน้าไร้การเติมแต่งสีสัน ประแป้งฝุ่นและทาเพียงลิปสติกมันเท่านั้น“แล้วข้าวเหนียวล่ะคะ” เหมันต์มองหญิงสาวที่เพิ่งเปิดประตูบ้านออกมา เขามองตาค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาไปมองกระติบข้าวใบเล็กสองใบที่วางคู่กันอยู่บนโต๊ะเพียงขวัญมองตามแล้วคลี่ยิ้มหวาน“กระติบข้าวน่ารักจัง ว่าแต่ใครนึ่งข้าวเหนียวให้คุณคะ”“มีเมียนอนตื่นสาย ผัวก็ต้องลุกมาทำเอง ก็แค่นั้น” เพียงขวัญก้มหน้ามองเท้าตัวเอง รู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำชายหนุ่มหยิบกระติบข้าวทั้งสองใบขึ้น แล้วก้าวขายาวเดินไปข้างบ้าน ใกล้ๆกับที่จอดรถไว้เมื่อคืน จักรยานสีดำถูกจูงออกมา เขาขึ้นประจำที่คนขับ กระติบข้าววางอยู่ที่ตะกร้าหน้ารถ หญิงสาวกะพริบตามองอย่างไม่แน่ใจ ก็คนตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นดูไม่เข้ากันสักนิดกับจักรยาน“ขึ้นมาสิ ตื่นสายแล้วยังจะมัวโอ้เอ้อยู่ได้” เพียงขวัญยู่ปากใส่แผ่นหลังกว้าง แล้วเดินไปนั่งซ้อนท้าย เหยียดขาสองข้างไปทาง
เพียงขวัญเดินช้าๆ ก้มหน้าเล็กน้อยตรงไปยังเตียงกว้าง ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วเอนกายลงนอนตัวแข็งทื่อ ไออุ่นจากร่างใหญ่แผ่ลามมาถึงผิวเนื้อจนใจสาวสั่นไหว แทบจะวายเอาเสียให้ได้ ผ้าห่มหนาผืนใหญ่ถูกตลบคลุมร่างบาง แล้วไฟทั้งห้องก็ดับลง หญิงสาวหลับตาแน่น กำมือสองข้างไว้ข้างกาย เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะโดนเชือด รอเวลาที่เพชฌฆาตจะลงดาบ อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก แรงขยับของคนตัวโตทำให้หัวใจเธอกระตุกวาบ“พรุ่งนี้ต้องตื่นไปใส่บาตรแต่เช้า อย่าตื่นสายล่ะ” เหมันต์พลิกกายนอนหันหลังให้หญิงสาว คนนอนรอเชือดรออยู่นานเริ่มสงสัย ดวงตากลมโตลืมขึ้นท่ามกลางความมืด หันใบหน้ามองไปทางที่คนตัวใหญ่นอนอยู่ ในนามความที่มองเห็นอะไรไม่ชัดเจนเท่าไร แต่เพียงขวัญพอมองเห็นได้ว่าเขานอนหันหลังให้เธอ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่ง อกโล่งใจ ร่างบางพลิกกายตะแคงหันหน้าจ้องมองแผ่นหลังกว้างในความมืด อย่างน้อยหากเขาหันกลับมา เธอจะได้ตั้งรับทัน แต่เพราะความเหนื่อย เมื่อยล้าจากการเดินทาง จึงทำให้คนที่พยายามระแวดระวังภัยหลับลึกไปในเวลาอันรวดเร็ว“กลัวจนตัวสั่น อ่อนจริงๆ” เหมันต์ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอจึงหันกลับมา ยันตัวลุกเล็กน้อยมอ
เหมันต์ขบกรามแน่น พยายามห้ามใจไม่หันกลับไปมองเรือนร่างเย้ายวนของคนที่กำลังถูหลังให้ เธอขาวโพลนท่ามกลางสายน้ำพร่างพรม อวบอิ่มในส่วนที่พึงมีของสตรีเพศ ผิวนวลลออตาคงจะเนียนลื่นมือนักหากได้ลูบไล้สัมผัส หัวใจหนุ่มเต้นโครมคราม กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกตอบรับการสัมผัสจากมือน้อยที่แตะโดนผิวกาย ตอนแรกก็คิดว่าแค่รีบๆอาบน้ำนอน คิดว่าเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อะไรๆของผู้หญิงก็คงไม่แตกต่างกันนักหรอก หากแต่เมื่อผลักประตูเข้ามา แล้วเห็นภาพหญิงสาวยืนหลับตาพริ้มเงยหน้าน้อยๆ ร่างกายเขากลับตื่นตัวอย่างรุนแรงจนแทบระเบิด ไม่เหมือน...เพียงขวัญไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเห็นสักนิด“สะ...เสร็จแล้วค่ะ”“ขอบคุณ”เพียงขวัญเหลียวหน้าเหลียวหลัง อยากจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ แต่ขาเจ้ากรรมกลับก้าวไม่ออก จนกระทั่งร่างสูงใหญ่หันกลับมาเผชิญหน้ากัน ดวงตาตื่นกลัวของเธอทำให้ชายหนุ่มหรี่ตามองประเมินสถานการณ์ ปากอิ่มเผยอค้างท่าทางขัดเขินของหญิงสาวทำให้เหมันต์กระตุกยิ้ม ใบหน้าหล่อเข้มก้มลงจนชิดใบหูเล็ก“รู้ใช่ไหมว่าคุณมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร” เป็นน้ำเสียงที่เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยินมา เพียงขวัญผงะใบหน้าออกเล็กน้อย สบสายตาคม
ระยะทางจากชานเมืองหลวงถึงจุดหมายปลายทางเกือบห้าร้อยกิโลเมตร ทำให้ผู้โดยสารร่างเล็กเผลอหลับไปด้วยความเพลีย หลังจากที่เธอโทรบอกเพื่อนที่ทำงานว่าไม่ได้ไปทำงานอีกแล้ว และพยายามโทรศัพท์ติดต่อมารดาจนแบตเตอร์รี่โทรศัพท์หมดแต่ก็ไม่มีใครรับสาย เหมันต์ชำเลืองตามองผู้โดยสารข้างกาย แล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ในตอนที่หญิงสาววิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เขากลัวเหลือเกินว่าเธอจะเปลี่ยนใจไม่ยอมไปด้วยกันเสียแล้ว เขานั่งลุ้นอยู่จนเลยเวลาไปหลายนาทีจากที่กำหนดให้เธอ แต่เขากลับต่อเวลารอออกไปอีก ด้วยความหวังว่าเธอจะกลับออกมาแล้วขึ้นรถมากับเขา เมื่อนึกถึงตอนที่เห็นร่างเล็กหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากบ้าน หัวใจที่เคยสงบนิ่งก็ลิงโลดเต้นแรงอย่างไม่น่าให้อภัย และเผลอยิ้มอย่างพอใจจนน่าเกลียด แค่เจอกันตัวเป็นๆครั้งแรกหัวใจและร่างกายกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเธอจนน่าตกใจ“อาจันทร์ครับ ผมพาน้องกลับไปที่บ้านด้วยแล้วนะครับ เช็คเงินสดห้าล้านอยู่ในซองในตู้จดหมายหน้าบ้านนะครับ” เขาโทรหาพรจันทร์ในตอนที่เห็นเพียงขวัญเดินออกมาจากประตูบ้าน ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะพรจันทร์อุทานเสียงดัง และบอกเขาว่าลืมบอกลูกสาวให้เตรียมตัว
ตอนที่ 2“ขอบใจมากจ้ะขวัญ ลูกสาวของแม่” เย็นวันนั้นคุณพรจันทร์ตัดสินใจโทรแจ้งเหมันต์ว่า ลูกสาวของท่านพร้อมแล้วแต่ขอเวลาอีกหนึ่งเดือน เพื่อลาออกจากงาน หากแต่ปลายสายไม่สนใจฟังในสิ่งที่ผู้สูงวัยบอก เขากำหนดว่าจะมารับเจ้าสาวในวันรุ่งขึ้นทันที เพราะอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเขาไม่สะดวกจะมารับใครทั้งนั้น คุณพรจันทร์ได้แต่ถอนหายใจไม่กล้าแย้งอะไร เพราะน้ำเสียงของปลายสายช่างดุดันเอาแต่ใจจนผู้สูงวัยต้องเงียบ ได้แต่รับปากไปเขาตามที่ต้องการรถยนต์เอสยูวีสีดำยี่ห้อดังรุ่นท็อปที่จอดเทียบข้างรั้วบ้านหลังเล็กชานกรุง ทำให้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านเงยหน้าขึ้นมอง เพียงขวัญวางหนังสือในมือลงแล้วจ้องมองไปยังรถ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ลงจากรถแล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน หญิงสาวลุกขึ้นมองด้วยความแปลกใจ วันนี้เป็นวันหยุด เพียงฟ้ากับมารดาไปซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เธออาสาอยู่บ้านทำความสะอาดและเก็บกวาดบ้าน ดังนั้นหากเขาจะมาหาใครที่นี่ นั่นหมายความว่าไม่มีคนที่เขาต้องการพบแน่นอน และคงไม่ใช่เธอแน่ เพราะเพียงขวัญไม่รู้จักผู้ชายคนนี้“ผมมาหาลูกสาวอาจันทร์” เพียงขวัญกะพริบตาปริบๆ พยายามคิดว่
“ฟ้าไม่ไปนะคะคุณแม่ บ้านนอกบ้านนาอย่างนั้น ฟ้าจะอยู่ได้ยังไง ให้ขวัญไปสิคะ” เพียงฟ้าหน้างอง้ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจอย่างที่เธอเคยใช้แล้วได้ผลประจำ“แต่คุณลุงกับคุณพ่อของเราตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะไว้แล้วนะฟ้า ว่าจะให้ฟ้าแต่งงานกับตาเหม” คุณพรจันทร์ถอนหายใจหลายครั้งแล้ว ในขณะที่พยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว“ก็ในเมื่อคุณพ่อกับคุณลุงเสียไปแล้ว เราก็ยกเลิกสัญญาไปสิคะ ท่านทั้งสองคงไม่ฟื้นคืนชีพมาทวงสัญญากับเราหรอกค่ะ”“ฟ้า! หนูก็รู้ว่าคุณลุงท่านมีพระคุณกับคุณพ่อและครอบครัวเรามากมายแค่ไหน หลังจากคุณพ่อเสีย คุณลุงก็คอยช่วยเหลือเรามาตลอด หนี้ตั้งหลายล้านบาทท่านก็ยกให้ มิหนำซ้ำทางนั้นยังให้ค่าสินสอดในการแต่งงานตั้งสิบล้าน หนูก็รู้ถึงสถานะทางการเงินของเราในตอนนี้ดีไม่ใช่หรือว่าย่ำแย่แค่ไหน” คุณพรจันทร์เหนื่อยใจกับความดื้อรั้นของลูกสาว แต่จะทำอย่างไรได้ หนี้มูลค่ามหาศาลตั้งแต่สามีเสียไปเมื่อห้าปีที่แล้ว มันพอกพูนขึ้นมากมาย คนเป็นเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเพื่อนรักของสามีไม่ได้เรียกร้องเอาคืน ขอเพียงแค่สองครอบครัวเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันเท่านั้นเอง หากแต่พอเจ้าหนี้เสียชีวิตลงไม่ถึงปี ทายาทก็ตามมาทวงสัญญาที