“คุณเหม...ช่วยขวัญด้วย ได้โปรด...” เธอบิดกายอ้อนวอนเขาโดยไม่เหลือความอายใดๆ เหมันต์ครางลึกในลำคอ ของหวานชิ้นใหญ่ช่างนุ่มละมุนลิ้น หอมหวานจนเขาอยากจะกลืนกินให้หมดทั้งตัว หัวใจชายหนุ่มเต้นระทึก ยิ่งได้ยินคำวิงวอนกระเส่าแว่วหวาน เขาก็ยิ่งเร่งเร้าปรนเปรอจนร่างสาวแอ่นค้าง กลั่นหยดน้ำหวานหลั่งรินให้เขาได้กลืนกินจนอิ่มเปรม ก่อนที่ร่างนั้นจะอ่อนระทวยลงอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรงเหมันต์จัดแจงเสื้อผ้าของหญิงสาวให้เข้าที่เหมือนเดิม แล้วเคลื่อนตัวขึ้นมานอนเคียงข้างกัน ลำแขนแกร่งสอดลงใต้ศีรษะทุยเพื่อให้เธอได้หนุนนอนต่างหมอน เพียงขวัญยังคงหลับตาพริ้ม เห็นได้ชัดว่าจังหวะลมหายใจเธอยังไม่เป็นปกติ ชายหนุ่มกดจูบลงบนขมับสวยชื้นเหงื่อ“ผมบอกคุณหรือยังว่าคุณทำอาหารอร่อยมาก” เพียงขวัญลืมตาขึ้นมองสบตาคมวาวในระยะใกล้ ลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่เหนือขมับของเธอ“แต่คนทำอร่อยกว่ามากกกกก” คนพูดจงใจลากเสียงสุดท้ายยาว และยิ้มกรุ้มกริ่มให้ ใบหน้าสาวร้อนวูบวาบขึ้นมาทันใด เพียงขวัญจึงเลือกที่จะซุกหน้ากับอกกว้างของเขา หัวใจเต้นระรัว ยิ่งพอหลับตาลงแล้วนึกถึงเสียงอ้อนวอนของตน และท่าทางเชื้อเชิญตอบสนองเขาเมื่อสักครู่นี้แล้ว เธอก็
“นี่ยังไม่หยุดสูบอีกเหรอลุง เดี๋ยวก็ได้เป็นมะเร็งตายหรอก” ลุงช่วงหัวเราะแหะๆ ยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อ“ก็ลดลงนิดหน่อยแล้วครับ พกไว้เวลาอยากจริงๆ แก้เครียดครับ” เหมันต์ส่ายหน้ากับคำแก้ตัวข้างๆคูๆของคนสูงวัย“แล้วของคนอื่นล่ะเป็นไงบ้าง เกี่ยวพร้อมกันเลยมั้ย”“พร้อมกันเลยครับ ว่าแต่ส่วนของคุณเหมจะให้ลุงจัดการให้พร้อมกันเลยมั้ยครับ”“อืม...ลุงช่วงจัดการให้ผมด้วยแล้วกัน เสร็จแล้วก็ค่อยมาเอาค่าจ้างเกี่ยวข้าวพร้อมกับค่าแรง อ้อ...แปลงที่เกษตรตำบลเขามาขอทำแปลงนาสาธิตไม่ต้องเกี่ยวนะครับ เดี๋ยวเขาจะให้ชาวบ้านมาลงแขกเกี่ยวช่วยกัน”“ครับคุณเหม เอ่อ...นั่นใครล่ะครับ ไม่เคยเห็นหน้า”“คุณขวัญ...เป็นเมียผม” คุณที่ถูกแนะนำตัวสั้นๆ เม้มปากแน่นแต่ก็คลายออกอย่างรวดเร็ว ยกมือไหว้ผู้สูงอายุอย่างอ่อนน้อม“ไหว้พระเถอะครับคุณ” ลุงช่วงรับไหว้แทบไม่ทัน เมื่อเมียเจ้าของที่นาซึ่งเขาและชาวบ้านหลายคนได้พึ่งใบบุญ ปลูกข้าวทำนาและหากินบนที่ดินผืนใหญ่ยกมือไหว้“เอ่อ...คุณเหมมีอะไรจะให้ลุงทำหรือเปล่าครับ”“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากพาเมียมาดูไร่ดูนาเท่านั้นเอง เผื่อเขาเห็นแล้วไม่ชอบ ไม่อยากอยู่ จะได้เปลี่ยนใจเก็บกระเป๋ากล
“จ้องอยู่ได้ มันจะค่ำแล้วเดี๋ยวก็หนาวตายคาหนองน้ำหรอก หรือไม่ชอบขี่หลังจะขี่ข้างหน้า” เหมันต์ไม่พูดเปล่า เขาเคลื่อนมือใหญ่ผ่านสะโพกมนลงไปตามต้นขาเรียว ทำท่าจะจับมันแยกออกอย่างน่าหวาดเสียว“ขี่หลังค่ะ ขี่หลัง” เพียงขวัญระล่ำระลักตอบ แล้วโอบกอดร่างใหญ่หลวมๆ ค่อยๆเคลื่อนตัวไปอยู่ข้างหลังเขา ทุกการขยับเสียดสีแนบเนื้อก่ออารมณ์บางอย่างในกายใหญ่ จนคนที่บอกให้หญิงสาวขี่หลังต้องขบกรามแน่น ข่มอารมณ์ร้อนที่เริ่มปะทุใกล้จะถึงจุดเดือด อยากเปลี่ยนใจจับเธอมาขี่ข้างหน้าแทนจริงๆไม่นานนักคนที่ชวนเก็บผักก็ได้ผักเพียงพอกับความต้องการ หญิงสาวทำหน้าที่ถือผักกระเฉดยอดอวบที่เขาส่งให้อย่างไม่เกี่ยงงอน น้ำในหนองใสจนแทบจะมองเห็นพื้นใต้น้ำ ด้วยสภาพพื้นที่เป็นดินทรายผสมดินเหนียวเมื่อใต้พื้นน้ำถูกก่อกวนจึงไม่ทำให้น้ำขุ่นอย่างที่เธอนึกกลัวเหมันต์พาเธอขึ้นมาจากน้ำแล้ว แต่ไม่ยอมปล่อยให้เธอลงจากหลังตัวเอง อากาศเย็นครอบคลุมอยู่รอบกาย หากแต่ส่วนที่ร่างกายแนบชิดกันกับอบอุ่นจนเกือบร้อน“เอ่อ...ให้ขวัญลงเถอะค่ะ เราจะได้รีบกลับบ้าน” เขายังคงเดินต่อไปโดยไม่ปล่อยเธอลงอย่างที่ต้องการ เพียงขวัญค้อนให้แผ่นหลังกว้าง นึกบ่นในใ
“อยากอยู่อ่อยโจรปล้นสวาทที่บ้านก็เชิญ ได้ข่าวว่าเพิ่งแหกคุกออกมาเมื่อวานนี้เอง” เหมันต์ตวัดหางตามามองหญิงสาวเพียงแวบเดียวก็เดินเข้าห้องไป ค้นหาแจ็คเก็ตในตู้แล้วนำมาสวมใส่ เพียงขวัญยืนตกตะลึงอยู่กลางบ้าน ครู่เดียวก็วิ่งตามเขาเข้าไปในห้องนอน รีบเปิดตู้ค้นหาเสื้อแขนยาวมาสวม แล้วรีบวิ่งตามชายหนุ่มออกไปหน้าบ้าน เหมันต์หันกลับมาล็อกประตูบ้าน แล้วจูงจักรยานออกไปที่ถนน ร่างเล็กได้แต่เดินตามเขาต้อยๆ พอเขาขึ้นประจำตำแหน่งคนปั่น หญิงสาวก็นั่งซ้อนท้ายเกาะเกี่ยวเอวเขาไว้เสียแน่นเหมันต์ปั่นจักรยานมาจนถึงบ้านไม้หลังใหญ่ที่ปลูกอยู่ท้ายหมู่บ้านอีกฟากหนึ่ง เสียงคนคุยกันบนบ้านดังแว่วมาให้ได้ยิน เพียงขวัญก้าวเดินตามชายหนุ่มที่เดินนำขึ้นไปบนบ้านหลังใหญ่ก่อน พอขึ้นไปถึงบนบ้าน หญิงสาวก็ได้รับการแนะนำว่าเธอเป็น ‘เมีย’ ของเขา มือเล็กประนมขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เธอคลี่ยิ้มหวานส่งให้กับทุกคน ซึ่งนั่งอยู่บนพื้นไม้ราวๆสักสิบคนได้“จะยืนอีกนานไหม มานั่งตรงนี้” เหมันต์ใช้เสียงดุกับเธออีกแล้ว ผู้คนมากมายเขาก็ยังวางอำนาจกับเธอ ช่างไม่รู้จักมารยาทเสียจริง เพียงขวัญนึกโกรธอยู่ในใจ แต่ก็เดินไปนั่งลงข้างๆเขาแต่โดยดี“นึกว
“ก็ไม่เห็นจะง่วงสักหน่อย” เพียงขวัญปรือตาขึ้นแล้วกะพริบตาปริบๆ หญิงสาวต้องใช้เวลาหลายอึดใจทีเดียวในการเรียกสติสตังกลับมา น้ำเสียงของเหมันต์เจือไปด้วยความขบขัน เธอสัมผัสได้ อยากจะเขกหัวตัวเองนักที่หลงใหลไปกับจูบแสนหวานของเขา“งะ...ง่วงสิคะ ขวัญจะหลับตาล่ะนะ” เพียงขวัญหลับตาแน่น นอนหงายตัวแข็งทื่อ เหมันต์หัวเราะในลำคอ ขยับพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาหญิงสาว จงใจซุกใบหน้ากับซอกคอหอมกรุ่น ท่อนแขนกำยำจงใจวางพาดทับไว้บนหน้าท้องแบนราบ วางขาพาดทับขาเล็กๆทั้งสองข้างไว้ ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มที่มุมปาก“นอนเถอะ...ยังมีเวลาอีกหลายคืน” เพียงขวัญกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามกำหนดลมหายใจให้สม่ำเสมอ ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดอยู่ซอกคอเป็นสิ่งที่รบกวนการข่มตาหลับของเธอได้อย่างดี ไหนจะแขนขาที่เธอพอจะรู้ว่าเขาจงใจเอามันมาพาดทับร่างกายของเธอไว้ เพราะอยากแกล้งอีก“คะ...คุณเหมคะ”“หืม...ไม่ง่วงแล้วเหรอ งั้นต่อเลยนะ”“ง่วงค่ะง่วง” เพียงขวัญคงเป็นคนง่วงที่น้ำเสียงตื่นตัวที่สุด“ง่วงก็หลับเถอะ จะมาสะกิดทำไมล่ะ”สะกิด! เธอไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัวสักนิดสาบานได้“ขวัญหนักค่ะ คุณเหมช่วยเอาแขนกับขาออกไปจากต
เมื่อประตูห้องปิดลงอีกครั้ง หลังจากที่รชายหนุ่มก้าวพ้นจากห้องไปแล้ว เพียงขวัญก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก หญิงสาวค่อยๆพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ปลดเปลื้องชุดนอนอกจากกายแล้วเคลื่อนตัวเข้าอยู่ใต้ฝักบัว สายน้ำอุ่นทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย มือเล็กบีบครีมอาบน้ำใส่มือ แล้วถูไปตามร่างของตน แต่เมื่อก้มลงมองที่อกอวบ เพียงขวัญก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ หนึ่ง สอง สาม สี่...ข้างละสอง เธออยากจะกรี๊ดดังๆให้ลั่นทุ่ง รอยจ้ำสีแดงเข้มบนผิวเนินเนื้ออวบ ต้องเกิดจากฝีมือของเหมันต์แน่ๆ หากเธอไปว่าที่เขาทำแบบนี้ ชายหนุ่มก็คงย้อนกลับมาว่าทำไปเพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกายแน่ๆ ใบหน้านวลร้อนผ่าว เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับร่างกายตนเอง หากเหมันต์ไม่หยุดตัวเองเพราะคำว่าหิวข้าวของเธอเสียก่อน เพียงขวัญเองก็ไม่มั่นใจว่าเธอจะหยุดเขาได้ไหม เพราะร่างกายของเธอมันแสดงออกมาว่าพร้อมที่สุดคนที่อ้างว่าอาบน้ำอีกห้อง กำลังใช้สายน้ำเย็นดับอารมณ์ร้อนที่ปะทุอยู่ภายใน อากาศจะหนาวเพียงใดก็ไม่อาจจะดับไฟพิศวาสลงได้ มันเกร็งเครียด เคร่งครัดไปหมด เหมันต์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะอดทนไปเพื่ออะไร ในเมื่อเธอยินยอมที่จะรับข้อเสนอเขาเอง นี่เขากลา
“แล้วพี่ดินมาทำงานที่นี่นานหรือยังคะ” หญิงสาวชวนเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเห็นสีหน้าของหนุ่มรุ่นพี่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก“ตั้งแต่เรียนจบเมื่อสามปีที่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่สบายใจดี ผู้คนก็น่ารัก เป็นกันเอง แล้วนี่ขวัญมาเป็นแม่บ้านเฉยๆเหรอ” เพียงขวัญพยักหน้ารับ ก็เธอไม่มีอะไรทำนอกจากงานบ้านนี่นา อย่างนี้ก็ต้องเรียกว่าแม่บ้านนั่นแหละถูกแล้ว“พี่ขวัญโชคดีจังเลยนะคะ ได้เป็นภรรยาพี่เหม ผู้ชายที่หญิงครึ่งค่อนจังหวัดอยากแต่งงานด้วยมากที่สุด” เพียงขวัญยิ้มแหยๆ พานคิดไปถึงหน้าคนที่เป็นที่หมายปองของผู้หญิงครึ่งค่อนจังหวัด แล้วเผลอทำปากยื่น ปากร้ายขนาดนั้น ดุก็ดุจะตาย ยังมีคนอยากได้อีกเหรอเนี่ยเสียงเพลงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเด็กสาวดังขึ้น แก้วใจจึงขอตัวเดินไปรับโทรศัพท์ด้านนอก เด็กสาวกลับเข้ามาด้วยใบหน้างอง้ำ“พี่ดินแก้วจะกลับบ้านแล้วนะ พ่อโทรมาตาม”“อือๆ กลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่รอคุณเหมเอง ขอบใจมากนะแก้วที่มาเป็นเพื่อน”แก้วใจกลับบ้านไปแล้ว เพียงขวัญจึงนั่งคุยกับบดินทร์อย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปจนกระทั่งความมืดโรยตัวปกคลุมไปทั่วบริเวณ“ขวัญว่าพี่ดินลองโทรหาคุณเหมใหม่ดีกว่านะคะ ป่านนี้ทำไมยังไม่มานะ มืดค่ำแล
เพียงขวัญจัดการปิดล็อกตรวจตรารอบบ้านแล้วจึงกลับเข้าห้องนอน ผู้ชายตัวโตนอนห่มผ้าหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข น่าหมั่นไส้นัก...คนบ้าอะไรระรานคนอื่นทั้งที่เขามาคุยธุระด้วยแท้ๆ ตัวแต่โต...นิสัยเหมือนเด็กห้าขวบ จมูกรั้นย่นใส่พร้อมกับสะบัดหน้าหนี ร่างเล็กเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบเชียบ หลับไปก่อนก็ดีแล้ว...จะได้ไม่มากวนใจให้เธอต้องขวัญผวาร่างบางค่อยๆสอดตัวเองเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ หญิงสาวระวังตัวสุดๆ เพราะกลัวว่าคนที่หลับไปแล้วจะตื่นขึ้นมาก่อกวนให้เธอต้องใจเต้นแรงอีกครั้ง เพียงขวัญผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆเมื่อประสบความสำเร็จในการเอนตัวลงนอน หญิงสาวนอนตะแคงหันหลังให้คนตัวโตแล้วหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราเมื่อตกดึกอากาศค่อนข้างเย็น ร่างเล็กจึงซุกตัวเข้าหาความอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว คนที่นอนหลับไปก่อนเมื่อตอนหัวค่ำรู้สึกตัวตื่น เมื่อมีร่างนุ่มนิ่มมาเบียดกายเข้าหา ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มพอใจ วงแขนแกร่งรวบร่างคนขี้หนาวเข้ามาไว้เต็มอ้อมกอด จมูกโด่งกดหอมขมับสวยแรงๆ“อืมมม” คนถูกก่อกวนส่งเสียงครางในลำคอ หากแต่ยังคงหลับตามีความสุขอยู่ในห้วงนิทรา“ขี้เซาจริง” ริมฝีปากหนาไล่จูบไปตามแก้มเนียน วนเวียนซ้ำๆอย่างไ
“พี่แดน!” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงอน จนเผลอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มบูดบึ้งจนน่าขำ“ดูทำหน้าสิ ไม่น่ารักเลย”“ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารัก พี่แดนอยากมาหัวเราะพี่ข้าวก่อนทำไม” บุรินทร์วางจอบที่แบกไว้บนบ่าลง แล้วกอดอกพิงหลังกับต้นทองกวาว ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีหม่น กางเกงยีนส์สีซีดกับรองเท้าบูธสีดำ โดยมีผ้าขาวม้าคาดเอวไว้ด้วย เพราะเขาถือว่ามันเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ต้องคาดติดเอวไว้ตลอดเวลา“พี่ไม่ได้หัวเราะพี่ข้าวสักหน่อย พี่หัวเราะไอ้หน้าแหลมโน่น” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปยังควายเพศผู้ที่และเล็มหญ้าอยู่ไม่ไกล ไอ้หน้าแหลมเป็นควายที่บุรินทร์รับซื้อมาตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าของเดิมเป็นชาวบ้านแถวนี้ขอร้องให้เขารับซื้อมันไว้เพราะเดือดร้อนเงิน ชายหนุ่มจึงรับซื้อไว้ด้วยความสงสาร และเลี้ยงมันมาจนโต“ไอ้หน้าแหลมมันจะทำอะไรให้พี่แดนหัวเราะได้ ในเมื่อมันก้มหน้าก้มตากินหญ้าอยู่อย่างเดียว”“อ้าว! ก็พี่ข้าวมัวแต่เซลฟี่อยู่ไง ก็เลยไม่เห็น ควายอะไรไม่รู้กินหญ้าอยู่ดีๆก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตัวเดียว เดี๋ยวก็ทำแก้มป่อง เดี๋ยวก็ขยิบ
“แก้วจ๋า” คนไม่อยากนอนเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน“พ่อง่วง เลิกคุยกันเสียที” หนุ่มสาวสะดุ้งจ้องมองตากันในความมืด ทำได้แค่เพียงนอนจับมือกันไว้แค่นั้น เข้าหอคืนแรกก็โดนพ่อตากันท่าซะแล้ว แล้วคืนพรุ่งนี้ และคืนต่อๆไปล่ะ ถ้าพ่อตาเข้ามานอนด้วยทุกคืน เขาจะทำเช่นไร บดินทร์อยากจะกรีดร้อง มันแน่นอกมากปังๆๆ เสียงทุบประตูยามดึกสงัดดังจนคนทั้งสามสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง บดินทร์ลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที“พี่กำนัน! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” กำนันเกื้อเหลียวหน้าเหลียวหลัง ก็นึกว่าเมียหลับแล้ว เลยแอบย่องออกมาเป็นไม้กันหมาให้ลูกสาว คนเกรงใจเมียหน้าซีดเผือด“พี่กำนันจะออกมาดีๆ หรือออกมาด้วยน้ำตา” เสียงตวาดแหวถามเข้ามาทำเอากำนันเกื้อสะดุ้งโหยง“พ่อดิน พ่อลูกเขยคนดี พ่อยอดขมองอิ่มของพ่อ ช่วยบอกแม่ติ๋มให้ทีว่าพ่อหลับแล้ว แล้วก็อย่าเปิดประตูนะ” บดินทร์สบสายตาเว้าวอนของพ่อตา ชายหนุ่มมีสีหน้าเห็นใจ“ได้ครับพ่อตา” ร่างสูงเดินไปใกล้ประตูแล้วเอ่ยเสียงดังให้ได้ยินทั้งคนข้างนอกข้างใน“แม่ติ๋มครับ พ่อตาให้บอกว่าพ่อตาหลับแล้วครับ” กำนันเกื้อถึงกับสะดุ้ง มองหน้าลูกเขยด้วยความแค้นใจ
“แดนมาก็ดีเหมือนกัน พี่ขวัญฝากให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ข้าวแป๊บหนึ่งนะคะ พี่ขวัญจะพาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถ นี่เริ่มงอแงแล้ว สงสัยจะหิวนม” เด็กหนุ่มยิ้มบาง“ครับ”“พี่ข้าวอยู่กับพี่แดนก่อนนะลูก คุณแม่พาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถแป๊บเดียวนะคะ”“ค่า” เด็กหญิงตอบรับเสียงสดใสเมื่ออยู่ลำพังสองคน บดินทร์ขยับเข้าใกล้ไกวชิงช้าเบาๆ เด็กหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน“พี่แดนค้า ไกวชิงช้าแรงๆหน่อยสิค้า พี่ข้าวอยากไกวแรงๆ”“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวตก” เด็กหญิงเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มงอง้ำเมื่อถูกขัดใจ“พี่แดนใจร้าย พี่ข้าวอยากไกวชิงช้าแรงๆ ฮึกๆ” เมื่อเห็นน้องน้อยร้องไห้บุรินทร์จึงใจอ่อน“เอาอย่างนี้นะครับ พี่แดนจะนั่งด้วย แล้วให้พี่ข้าวนั่งตัก เราถึงจะไกวชิงช้าแรงๆได้” เด็กหนุ่มแหงนมองเชือก ดูความแข็งแรงของชิงช้าและกิ่งไม้ใหญ่ ประเมินแล้วว่ามันแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักเขาและเด็กหญิงได้แน่นอน หทัยรักยิ้มกว้างทั้งน้ำตา“พร้อมมั้ยครับเจ้าหญิงน้อย” เมื่อคนที่มีฐานะเป็นพี่นั่งก่อนแล้วให้น้องน้อย
“แก้วจ๋า แก้วของพี่สวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับความสวยงามที่เขาพร่ำเพ้อ แก้วใจสะท้านไปทั้งร่าง สองมือจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ริมฝีปากสีสวยเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เธอไม่กล้าส่งเสียงน่าอายออกไปทั้งที่หวามไหวซ่านกระสันแทบคลั่ง “แก้วจ๋า หวานหอมที่สุด” บดินทร์ครางแนบชิดเนื้อนาง จูบซ้ำๆ ดูดดึงและซอกซอนรีดเค้นเอาความหวานจากร่างเล็ก แก้วใจเกินจะเก็บกักความวาบหวามไว้ในอกได้ หญิงสาวครวญครางแว่วหวาน กระถดสะโพกหนีความซ่านหวิวที่ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ หากแต่ถูกดึงรั้งตรึงเอาไว้มั่น เธอจึงทำให้แค่เพียงส่ายสะบัดหน้าเร็วๆและกรีดร้องออกมาในที่สุด “อ๊า! พี่ดิน! กรี๊ดดด!” หน้าท้องแบนราบเกร็ง ร่างกายเบาหวิวปลิดปลิวไปกับสายลมรัก บดินทร์เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมร่างบางไว้ พรมจูบไปบนใบหน้าชื้นเหงื่อจนทั่ว ไปหยุดอยู่ตรงปากนุ่มๆ คลอเคลียดูดดึงเบาๆ ก่อนจะปรนเปรอเจ้าสาวของตนด้วยจูบ แสนหวานปานจะกลืนกินเธอลงท้องเสียให้ได้ “พี่รักแก้ว” ชายหนุ่มกระซิบคำบอกรักแนบอยู่กับกลีบปากบาง แก้วใจลืมตาขึ้นมาสบตาเข
หลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อไม้ข้อมือกันแล้ว ก็เป็นการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในห้องกันลำพังเพื่อให้บ่าวสาวได้พักผ่อน ก่อนจะออกมาต้อนรับแขกอีกครั้งในงานเลี้ยงตอนเย็นแก้วใจนอนนิ่งอยู่บนเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแดงรูปหัวใจสองดวง โดยมีเจ้าบ่าวนอนกอดตัวเธออยู่ ประตูห้องถูกปิดลงเมื่อสักครู่ แว่วเสียงพ่อเจ้าบ่าวกับพ่อเจ้าสาวถกเถียงกันจะไม่ยอมให้ล็อกประตู หากแต่สุดท้ายแล้วแม่ ติ๋มก็จัดการล็อกประตูจากด้านนอกจนได้“พะ...พี่ดิน” หญิงสาวขยับกาย พยายามขยับออกห่างจากร่างใหญ่ที่กอดเธอไว้เสียแน่น แต่เขาไม่ยอมปล่อย“หืม...ว่าไงครับ” ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบลงบนหน้าผากมน แก้วใจเงยหน้าขึ้นสานสบกับดวงตาวาววับคู่คมแล้วสะเทิ้นอาย จนต้องก้มหน้าหลบเสียเอง“เขาออกกันไปหมดแล้ว ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ”“อยากนอนกอดแก้วแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอกอดต่ออีกนิดนะ” บดินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด“ฮื่อ...แก้วเมื่อย ลุกเถอะค่ะ” ร่างใหญ่ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี คนที่ตื่นเต้นกับสัมผัสแนบชิดจนแทบจะเป็นลมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งตาม วงแขนแข็งแรงรีบกอดเกี
“อือ...” การขานรับในลำคอแบบไม่ค่อยเต็มใจของสามีทำให้แม่ติ๋มส่ายหน้า คงต้องรอให้เวลาผ่านไปสักหน่อย เดี๋ยวคงทำใจยอมรับลูกเขยได้เองเหมันต์และเพียงขวัญมาร่วมงานแต่เช้า โดยมีลูกๆทั้งสามติดตามมาด้วย หทัยรักหรือพี่ข้าวของน้องๆลูกสาวคนโตอายุสี่ขวบ หทัยกานต์หรือเข้มลูกชายคนกลางอายุสองขวบ และหทัยชนกหรือน้องขิงลูกสาวคนเล็กอายุหนึ่งขวบ คุณแม่ยังสาวจัดชุดครอบครัวใส่โทนสีเดียวกันคือสีฟ้า ลูกสาวทั้งสองอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ ลูกชายและสามีสวมเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์และรองเท้าหนังสีน้ำตาล ส่วนเธอสวมชุดเดรสสีฟ้ายาวคลุมเข่าสวมรองเท้าสานสีขาวเหมือนกับลูกสาวทั้งสองนิธิและเพียงฟ้าพานิดาหรือหนูดาลูกสาวคนโตวัยสี่ขวบกว่า และนทีหรือนทวัยหนึ่งขวบมาร่วมงานด้วย เพียงฟ้าได้กล่าวคำขอโทษกับแก้วใจ เรื่องที่เธอเคยทำร้ายหญิงสาวเมื่อหลายปีที่แล้ว ทั้งสองปรับความเข้าใจกันและตกลงนับถือกันเป็นพี่น้องพิธีการเริ่มขึ้นหลังจากวางสินสอดซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าวจัดมาสมกับฐานะเจ้าสาวแล้ว ขณะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน เหมันต์และเพียงขวัญจึงพาลูกๆเลี่ยงไปนั่งเล่น
“ตื่นกันหรือยังคะ” เพียงขวัญส่งเสียงดังมาก่อน“ตื่นแล้วครับ” นิธิตอบกลับไป ยกมุ้งครอบขึ้น พาตัวเองลงมายืนอยู่ข้างศาลาเรือนไทย หนุ่มใหญ่จัดการสวมชุดให้ตัวเองและภรรยาหลังจากที่บทเพลงรักสุดท้ายจบลงอย่างเร่าร้อน จึงไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็น“ป๊ะป๊า” ลูกสาวส่งเสียงเรียกอย่างดีใจ เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นพ่อ นิธิยื่นมือออกไปรับลูกมาไว้ในอ้อมกอด“ว่าไงคะ หนูดาดื้อกับป้าขวัญหรือเปล่าลูก” คุณพ่อหอมแก้มลูกสาวอย่างรักใคร่“หนูดาเพิ่งตื่นค่ะ ตื่นมาไม่เจอคุณพ่อคุณแม่ แกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขวัญเลยอุ้มมานี่ล่ะค่ะ เอ่อ...ฟ้ายังไม่ตื่นเหรอคะ” เพียงขวัญชะเง้อคอมองเข้าไปในมุ้งครอบ เห็นแต่ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างน้องสาวอยู่“ยังครับ” นิธิตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย“เอ่อ...เดี๋ยวขวัญไปเตรียมอาหารเช้ารอนะคะ”“ขอบคุณครับ” หนุ่มใหญ่กล่าวคำขอบคุณแล้วพาลูกน้อยมุดเข้าไปในมุ้งครอบหลังใหญ่ เพียงขวัญมองแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้านแรงดูดจ๊วบๆที่ยอดอกทำให้คุณแม่ที่หลับใหลอยู่สะดุ้งตื่น แล้วหลุบตามองหน้าอกตัวเองด้วยความตกใจเล็กน
“ก็ฟ้าหมายถึงเมื่อก่อนนี้ ไม่ได้หมายถึงตอนนี้” แก้ตัวอุบอิบ“งั้นก็ไม่ต้องไปง้อ เพราะฟ้าไม่ผิด คุณนิธิเข้าใจผิดไปเอง” เพียงขวัญสรุปแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ ก่อนเอนกายลงนอน หันหลังให้น้องสาว“อ้าว!” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนำผ้าห่มผืนหนามากั้นฝั่งตัวเองไว้ แล้วก้าวลงจากเตียง เปิดประตูห้องออกไป เพียงขวัญหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นเปิดไฟมองดูความเรียบร้อยบนเตียงกว้างอีกครั้ง“นอนกับป้านะคะหนูดา ให้คุณพ่อคุณแม่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สักคืนนะคะ อุ๊ย!” วงแขนแกร่งที่กอดรัดเอาร่างตัวเองลอยขึ้นจากเตียงทำให้เพียงขวัญอุทานตกใจ“คุณเหม”“ฟ้าออกไปหาคุณนิธิแล้ว เราลงไปนอนพื้นกันเถอะ ปล่อยให้เด็กๆนอนบนเตียง”“นอนด้วยก็ได้ แต่ไม่ทำอะไรนะคะ เกรงใจลูกกับหลาน” เพียงขวัญต่อรอง ขณะยืนมองสามีปูที่นอนลงข้างเตียง“อือ...” เหมันต์ส่งเสียงในลำคอ เมื่อปูที่นอนเสร็จก็หันมารวบร่างภรรยาเอนกายลงนอนพร้อมกัน“คุณเหม...” เพียงขวัญปรามเสียงเบา เพราะกลัวลูกกับหลานจะตื่นขึ้นมา“ครับ”“ไหนบอกไม่ทำอะไรไงคะ”“ใครบอก”
“เดี๋ยวเรียกป้าโอ๋มาอยู่เป็นเพื่อนหนูดาก็ได้นะคะ” เพียงฟ้าหันมายิ้มให้สามี“ไม่เป็นไร ลุงนิจะอยู่กับลูกเองนะคะ” หญิงสาวหน้างอง้ำ สะบัดหน้าหนีงอนๆ“ลูกหลับอยู่ เรารึก็อุตส่าห์จะอาบน้ำให้ แต่ถ้าลุงนิอยากอยู่กับลูกก็ตามใจนะคะ” พูดจบก็เดินสะบัดก้นออกจากห้องไปทันที หนุ่มใหญ่ยืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ มองประตูห้องปิดลงงงๆ หลังจากนั้นไม่ถึงห้าวินาที เพียงฟ้าที่เดินขึ้นบนบ้านไปก่อนก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงสามีตะโกนดังลั่นบ้าน“ป้าโอ๋! ป้าโอ๋ครับ ป้าโอ๋อยู่หนายยย”เช้าวันต่อมานิธิไปส่งลูกเมียไว้ที่บ้านสวนของเหมันต์ แล้วรีบกลับเข้าเมืองไปทำงานทันที เพียงฟ้ากับลูกน้อยจึงอยู่กับเพียงขวัญ เหมันต์และเด็กหญิงหทัยรัก“อ้อนให้คุณนิธิพามาส่งจนได้นะเราน่ะ” เพียงขวัญเอ่ยกับน้องสาวยิ้มๆ ขณะที่นั่งป้อนข้าวลูกสาวอยู่ที่ศาลาเรือนไทยหลังบ้าน“ก็ฟ้าอยากคุยกับขวัญ อยากพาหนูดามาเล่นกับน้องข้าว” น้องสาวอ้อนพี่สาวยิ้มๆ“น้องข้าวคิดถึงน้าฟ้ากับหนูดามั้ยคะ” หทัยรักฉีกยิ้มกว้าง เด็กหญิงแย่งช้อนในมือมารดามาถือไว้ แล้วยื่นไปใกล้ปากเด็กหญิงอีกค