เพียงขวัญเดินช้าๆ ก้มหน้าเล็กน้อยตรงไปยังเตียงกว้าง ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วเอนกายลงนอนตัวแข็งทื่อ ไออุ่นจากร่างใหญ่แผ่ลามมาถึงผิวเนื้อจนใจสาวสั่นไหว แทบจะวายเอาเสียให้ได้ ผ้าห่มหนาผืนใหญ่ถูกตลบคลุมร่างบาง แล้วไฟทั้งห้องก็ดับลง หญิงสาวหลับตาแน่น กำมือสองข้างไว้ข้างกาย เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะโดนเชือด รอเวลาที่เพชฌฆาตจะลงดาบ อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก แรงขยับของคนตัวโตทำให้หัวใจเธอกระตุกวาบ
“พรุ่งนี้ต้องตื่นไปใส่บาตรแต่เช้า อย่าตื่นสายล่ะ” เหมันต์พลิกกายนอนหันหลังให้หญิงสาว คนนอนรอเชือดรออยู่นานเริ่มสงสัย ดวงตากลมโตลืมขึ้นท่ามกลางความมืด หันใบหน้ามองไปทางที่คนตัวใหญ่นอนอยู่ ในนามความที่มองเห็นอะไรไม่ชัดเจนเท่าไร แต่เพียงขวัญพอมองเห็นได้ว่าเขานอนหันหลังให้เธอ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่ง อกโล่งใจ ร่างบางพลิกกายตะแคงหันหน้าจ้องมองแผ่นหลังกว้างในความมืด อย่างน้อยหากเขาหันกลับมา เธอจะได้ตั้งรับทัน แต่เพราะความเหนื่อย เมื่อยล้าจากการเดินทาง จึงทำให้คนที่พยายามระแวดระวังภัยหลับลึกไปในเวลาอันรวดเร็ว
“กลัวจนตัวสั่น อ่อนจริงๆ” เหมันต์ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอจึงหันกลับมา ยันตัวลุกเล็กน้อยมองคนที่นอนข้างกาย มือใหญ่ไล้แก้มเนียนเบาๆ กระตุกยิ้มที่มุมปาก ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขาจะปล่อยให้ผู้หญิงนอนร่วมเตียงได้โดยไม่ทำอะไร รู้ถึงไหนอับอายไปถึงนั่น แต่แค่เห็นแววตาตื่นๆกับตัวสั่นเทา เขาก็อดสงสารไม่ได้ ให้เวลาหญิงสาวทำใจอีกนิด คนอย่างเขาไม่ปล่อยให้สิทธิ์ที่ได้มาโดยชอบธรรมนี้หลุดมือไปหรอก ในเมื่อเธอยังอยู่กับเขาที่นี่ เขาสามารถเรียกร้องสิทธิ์จากเธอเมื่อไรก็ได้
“อื้อ...” ร่างบางบิดกายหนีเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าถูกก่อกวน ความง่วงและอาการเพลียจากการเดินทางยังเกาะกุมอยู่ ทำให้เพียงขวัญยังไม่อยากลืมตาตื่น แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่กำลังก่อกวนเธอจะไม่รามือง่ายๆ กายสาวพยายามพลิกหนีอะไรสักอย่างที่วุ่นวายอยู่กับทรวงอกของตน มือเล็กผลักไสเบาๆ เนื่องจากยังตื่นไม่เต็มตา แต่ทุกอย่างที่เธอทำ ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดสิ่งที่กำลังรบกวนการนอนหลับของเธอได้เลย หญิงสาวจึงฝืนปรือตาขึ้นช้าๆ
ภาพแรกที่เห็นเมื่อลืมตาตื่นขึ้นคือ อะไรบางอย่างที่คล้ายกับศีรษะ ศีรษะใคร...ทำไมมาอยู่บนตัวของเธอได้ เพียงขวัญเบิกตากว้าง ยกมือขึ้นดันบ่าแกร่งสุดแรง พร้อมทั้งดิ้นรนสุดฤทธิ์
“อืมมม” เสียงครางในลำคอราวกับจะบอกว่ากำลังถูกขัดใจ เหมันต์เงยหน้าขึ้นสบตาตื่นตกใจของอีกฝ่าย ฝ่ายที่โดนเขาขโมยดอมดมไปแทบจะทั่วร่าง
“ทะ...ทำอะไรคะ” เป็นคำถามที่ไม่น่าถาม ถามไปแล้วเพียงขวัญก็ต้องเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าร้อนผ่าว แก้มนวลแดงเรื่อ หลบสายตาคมวาวแทบไม่ทัน เหมันต์ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง หญิงสาวจึงรีบยันกายลุกขึ้นถอยห่างเขาจนชิดหัวเตียง ก้มมองร่างกายตนเองก็พบว่าท่อนบนเปลือยเปล่า จึงเหลียวซ้ายขวามองหาอะไรที่พอจะมาปิดบังร่างกายได้ ยังดีที่เสื้อยืดซึ่งเคยอยู่บนร่างกายก่อนนอนหลับกองอยู่ใกล้มือ เพียงขวัญจึงไม่รอช้าที่จะคว้ามันขึ้นมาปิดทรวงอกอวบของตน
“ผมก็แค่ปลุกคุณ ไปอาบน้ำสิ จะได้ไปใส่บาตรกัน” เหมันต์บอกเรียบๆ แต่น้ำเสียงนั้นฟังแล้วเหมือนจะเป็นคำสั่งมากกว่าจะบอกกล่าว หญิงสาวพยักหน้ารับ หลุบสายตามองตักตัวเอง เพื่อเลี่ยงการสบตากับเขา และเมื่อรู้สึกว่าร่างใหญ่ลุกจากเตียงไปแล้ว เพียงขวัญจึงชำเลืองตาขึ้นลอบมองตาม ชายหนุ่มอยู่ในชุดผ้าขนหนูพันกายผืนเดียว โชว์แผ่นหลังกว้างกำยำสีแทน มีหยดน้ำเกาะพราวอยู่ตามแผ่นหลัง เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วก็มาปลุกเธอ...ปลุกในแบบที่เธอคิดว่า ต่อไปนี้จะไม่ยอมตื่นทีหลังให้เขาได้ปลุกอีกเด็ดขาด
เพียงขวัญอยากจะกระทืบเท้าเร่าๆเหมือนเด็ก เมื่อมายืนอยู่หน้ากระจกบาน
ใหญ่ในห้องน้ำ ร่องรอยการปลุกของเหมันต์เป็นจ้ำแดงเด่นชัดบนเนินอกอวบหลายจุด
“คนบ้า...ปลุกดีๆไม่เป็นหรือไง” หญิงสาวพ่นลมหายใจแรง สะบัดค้อนให้กับร่องรอยบนร่างตน ราวกับว่าร่องรอยนั้นคือตัวแทนของเขา
“ขวัญยังไม่ได้ทำกับข้าวเลย เราจะเอาอะไรไปใส่บาตรกันคะ” เพียงขวัญเอ่ยถามอย่างเกรงใจ เธอตื่นสาย และยังไม่ได้เข้าครัวทำอะไรสักอย่าง
“ที่นี่ใส่บาตรข้าวเหนียว ส่วนกับข้าวอาหารสำหรับถวายพระ ชาวบ้านจะใส่ปิ่นโตแล้วนำไปถวายพระที่วัดเอง” เหมันต์อธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้มุมห้อง ที่จริงแล้วเขาน่าจะไปนั่งรอเพียงขวัญข้างนอก แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเลือกที่จะนั่งรออยู่ในห้อง แวบหนึ่งของความคิดที่เขาพอจะจำได้คือ หญิงสาวอาจจะออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันกาย และนั่นมันคงจะเซ็กซี่ น่าดูกว่าวิวนอกห้องนอนตั้งเยอะ แต่พอเห็นร่างบางก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีหวานกับกางเกงขายาวห้าส่วน เขาก็แอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างสุดเซ็ง
“เปลี่ยนกางเกงออก แล้วใส่ผ้าซิ่น” เขาสั่งพร้อมกับชี้นิ้วไปยังผ้าซิ่นทอลายมัดหมี่ซึ่งแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เพียงขวัญมองตาม แล้วหันกลับมาสบตาเขา
“เอ่อ...ขวัญนุ่งผ้าถุงไม่เป็นค่ะ” หญิงสาวบอกเขาเสียงแผ่ว
“มันเป็นแบบสำเร็จรูป เขาตัดเย็บมีตะขอมีซิปใส่ได้เลย เหมาะสำหรับคนที่ใส่ไม่เป็น แล้วก็ชอบโวยวายทั้งที่ยังไม่ดูให้ดี” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปทันที เพียงขวัญยู่ปากให้บานประตูที่เพิ่งปิดลง
“บอกดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องว่าเลย ใครกันแน่ที่ชอบโวยวาย”เพียงขวัญใช้เวลาไม่นานในการแต่งตัวให้เรียบร้อย เสื้อยืดสีหวานถูกใส่ทับไว้ด้านในผ้าซิ่น หญิงสาวเกล้าผมขึ้น เปิดเผยดวงหน้าหวาน และลำคอระหง ใบหน้าไร้การเติมแต่งสีสัน ประแป้งฝุ่นและทาเพียงลิปสติกมันเท่านั้น“แล้วข้าวเหนียวล่ะคะ” เหมันต์มองหญิงสาวที่เพิ่งเปิดประตูบ้านออกมา เขามองตาค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาไปมองกระติบข้าวใบเล็กสองใบที่วางคู่กันอยู่บนโต๊ะเพียงขวัญมองตามแล้วคลี่ยิ้มหวาน“กระติบข้าวน่ารักจัง ว่าแต่ใครนึ่งข้าวเหนียวให้คุณคะ”“มีเมียนอนตื่นสาย ผัวก็ต้องลุกมาทำเอง ก็แค่นั้น” เพียงขวัญก้มหน้ามองเท้าตัวเอง รู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำชายหนุ่มหยิบกระติบข้าวทั้งสองใบขึ้น แล้วก้าวขายาวเดินไปข้างบ้าน ใกล้ๆกับที่จอดรถไว้เมื่อคืน จักรยานสีดำถูกจูงออกมา เขาขึ้นประจำที่คนขับ กระติบข้าววางอยู่ที่ตะกร้าหน้ารถ หญิงสาวกะพริบตามองอย่างไม่แน่ใจ ก็คนตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นดูไม่เข้ากันสักนิดกับจักรยาน“ขึ้นมาสิ ตื่นสายแล้วยังจะมัวโอ้เอ้อยู่ได้” เพียงขวัญยู่ปากใส่แผ่นหลังกว้าง แล้วเดินไปนั่งซ้อนท้าย เหยียดขาสองข้างไปทาง
“ฟ้าไม่ไปนะคะคุณแม่ บ้านนอกบ้านนาอย่างนั้น ฟ้าจะอยู่ได้ยังไง ให้ขวัญไปสิคะ” เพียงฟ้าหน้างอง้ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจอย่างที่เธอเคยใช้แล้วได้ผลประจำ“แต่คุณลุงกับคุณพ่อของเราตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะไว้แล้วนะฟ้า ว่าจะให้ฟ้าแต่งงานกับตาเหม” คุณพรจันทร์ถอนหายใจหลายครั้งแล้ว ในขณะที่พยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว“ก็ในเมื่อคุณพ่อกับคุณลุงเสียไปแล้ว เราก็ยกเลิกสัญญาไปสิคะ ท่านทั้งสองคงไม่ฟื้นคืนชีพมาทวงสัญญากับเราหรอกค่ะ”“ฟ้า! หนูก็รู้ว่าคุณลุงท่านมีพระคุณกับคุณพ่อและครอบครัวเรามากมายแค่ไหน หลังจากคุณพ่อเสีย คุณลุงก็คอยช่วยเหลือเรามาตลอด หนี้ตั้งหลายล้านบาทท่านก็ยกให้ มิหนำซ้ำทางนั้นยังให้ค่าสินสอดในการแต่งงานตั้งสิบล้าน หนูก็รู้ถึงสถานะทางการเงินของเราในตอนนี้ดีไม่ใช่หรือว่าย่ำแย่แค่ไหน” คุณพรจันทร์เหนื่อยใจกับความดื้อรั้นของลูกสาว แต่จะทำอย่างไรได้ หนี้มูลค่ามหาศาลตั้งแต่สามีเสียไปเมื่อห้าปีที่แล้ว มันพอกพูนขึ้นมากมาย คนเป็นเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเพื่อนรักของสามีไม่ได้เรียกร้องเอาคืน ขอเพียงแค่สองครอบครัวเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันเท่านั้นเอง หากแต่พอเจ้าหนี้เสียชีวิตลงไม่ถึงปี ทายาทก็ตามมาทวงสัญญาที
ตอนที่ 2“ขอบใจมากจ้ะขวัญ ลูกสาวของแม่” เย็นวันนั้นคุณพรจันทร์ตัดสินใจโทรแจ้งเหมันต์ว่า ลูกสาวของท่านพร้อมแล้วแต่ขอเวลาอีกหนึ่งเดือน เพื่อลาออกจากงาน หากแต่ปลายสายไม่สนใจฟังในสิ่งที่ผู้สูงวัยบอก เขากำหนดว่าจะมารับเจ้าสาวในวันรุ่งขึ้นทันที เพราะอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเขาไม่สะดวกจะมารับใครทั้งนั้น คุณพรจันทร์ได้แต่ถอนหายใจไม่กล้าแย้งอะไร เพราะน้ำเสียงของปลายสายช่างดุดันเอาแต่ใจจนผู้สูงวัยต้องเงียบ ได้แต่รับปากไปเขาตามที่ต้องการรถยนต์เอสยูวีสีดำยี่ห้อดังรุ่นท็อปที่จอดเทียบข้างรั้วบ้านหลังเล็กชานกรุง ทำให้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านเงยหน้าขึ้นมอง เพียงขวัญวางหนังสือในมือลงแล้วจ้องมองไปยังรถ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ลงจากรถแล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน หญิงสาวลุกขึ้นมองด้วยความแปลกใจ วันนี้เป็นวันหยุด เพียงฟ้ากับมารดาไปซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เธออาสาอยู่บ้านทำความสะอาดและเก็บกวาดบ้าน ดังนั้นหากเขาจะมาหาใครที่นี่ นั่นหมายความว่าไม่มีคนที่เขาต้องการพบแน่นอน และคงไม่ใช่เธอแน่ เพราะเพียงขวัญไม่รู้จักผู้ชายคนนี้“ผมมาหาลูกสาวอาจันทร์” เพียงขวัญกะพริบตาปริบๆ พยายามคิดว่
ระยะทางจากชานเมืองหลวงถึงจุดหมายปลายทางเกือบห้าร้อยกิโลเมตร ทำให้ผู้โดยสารร่างเล็กเผลอหลับไปด้วยความเพลีย หลังจากที่เธอโทรบอกเพื่อนที่ทำงานว่าไม่ได้ไปทำงานอีกแล้ว และพยายามโทรศัพท์ติดต่อมารดาจนแบตเตอร์รี่โทรศัพท์หมดแต่ก็ไม่มีใครรับสาย เหมันต์ชำเลืองตามองผู้โดยสารข้างกาย แล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ในตอนที่หญิงสาววิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เขากลัวเหลือเกินว่าเธอจะเปลี่ยนใจไม่ยอมไปด้วยกันเสียแล้ว เขานั่งลุ้นอยู่จนเลยเวลาไปหลายนาทีจากที่กำหนดให้เธอ แต่เขากลับต่อเวลารอออกไปอีก ด้วยความหวังว่าเธอจะกลับออกมาแล้วขึ้นรถมากับเขา เมื่อนึกถึงตอนที่เห็นร่างเล็กหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากบ้าน หัวใจที่เคยสงบนิ่งก็ลิงโลดเต้นแรงอย่างไม่น่าให้อภัย และเผลอยิ้มอย่างพอใจจนน่าเกลียด แค่เจอกันตัวเป็นๆครั้งแรกหัวใจและร่างกายกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเธอจนน่าตกใจ“อาจันทร์ครับ ผมพาน้องกลับไปที่บ้านด้วยแล้วนะครับ เช็คเงินสดห้าล้านอยู่ในซองในตู้จดหมายหน้าบ้านนะครับ” เขาโทรหาพรจันทร์ในตอนที่เห็นเพียงขวัญเดินออกมาจากประตูบ้าน ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะพรจันทร์อุทานเสียงดัง และบอกเขาว่าลืมบอกลูกสาวให้เตรียมตัว
เหมันต์ขบกรามแน่น พยายามห้ามใจไม่หันกลับไปมองเรือนร่างเย้ายวนของคนที่กำลังถูหลังให้ เธอขาวโพลนท่ามกลางสายน้ำพร่างพรม อวบอิ่มในส่วนที่พึงมีของสตรีเพศ ผิวนวลลออตาคงจะเนียนลื่นมือนักหากได้ลูบไล้สัมผัส หัวใจหนุ่มเต้นโครมคราม กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกตอบรับการสัมผัสจากมือน้อยที่แตะโดนผิวกาย ตอนแรกก็คิดว่าแค่รีบๆอาบน้ำนอน คิดว่าเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อะไรๆของผู้หญิงก็คงไม่แตกต่างกันนักหรอก หากแต่เมื่อผลักประตูเข้ามา แล้วเห็นภาพหญิงสาวยืนหลับตาพริ้มเงยหน้าน้อยๆ ร่างกายเขากลับตื่นตัวอย่างรุนแรงจนแทบระเบิด ไม่เหมือน...เพียงขวัญไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเห็นสักนิด“สะ...เสร็จแล้วค่ะ”“ขอบคุณ”เพียงขวัญเหลียวหน้าเหลียวหลัง อยากจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ แต่ขาเจ้ากรรมกลับก้าวไม่ออก จนกระทั่งร่างสูงใหญ่หันกลับมาเผชิญหน้ากัน ดวงตาตื่นกลัวของเธอทำให้ชายหนุ่มหรี่ตามองประเมินสถานการณ์ ปากอิ่มเผยอค้างท่าทางขัดเขินของหญิงสาวทำให้เหมันต์กระตุกยิ้ม ใบหน้าหล่อเข้มก้มลงจนชิดใบหูเล็ก“รู้ใช่ไหมว่าคุณมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร” เป็นน้ำเสียงที่เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยินมา เพียงขวัญผงะใบหน้าออกเล็กน้อย สบสายตาคม
“บอกดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องว่าเลย ใครกันแน่ที่ชอบโวยวาย”เพียงขวัญใช้เวลาไม่นานในการแต่งตัวให้เรียบร้อย เสื้อยืดสีหวานถูกใส่ทับไว้ด้านในผ้าซิ่น หญิงสาวเกล้าผมขึ้น เปิดเผยดวงหน้าหวาน และลำคอระหง ใบหน้าไร้การเติมแต่งสีสัน ประแป้งฝุ่นและทาเพียงลิปสติกมันเท่านั้น“แล้วข้าวเหนียวล่ะคะ” เหมันต์มองหญิงสาวที่เพิ่งเปิดประตูบ้านออกมา เขามองตาค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาไปมองกระติบข้าวใบเล็กสองใบที่วางคู่กันอยู่บนโต๊ะเพียงขวัญมองตามแล้วคลี่ยิ้มหวาน“กระติบข้าวน่ารักจัง ว่าแต่ใครนึ่งข้าวเหนียวให้คุณคะ”“มีเมียนอนตื่นสาย ผัวก็ต้องลุกมาทำเอง ก็แค่นั้น” เพียงขวัญก้มหน้ามองเท้าตัวเอง รู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำชายหนุ่มหยิบกระติบข้าวทั้งสองใบขึ้น แล้วก้าวขายาวเดินไปข้างบ้าน ใกล้ๆกับที่จอดรถไว้เมื่อคืน จักรยานสีดำถูกจูงออกมา เขาขึ้นประจำที่คนขับ กระติบข้าววางอยู่ที่ตะกร้าหน้ารถ หญิงสาวกะพริบตามองอย่างไม่แน่ใจ ก็คนตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นดูไม่เข้ากันสักนิดกับจักรยาน“ขึ้นมาสิ ตื่นสายแล้วยังจะมัวโอ้เอ้อยู่ได้” เพียงขวัญยู่ปากใส่แผ่นหลังกว้าง แล้วเดินไปนั่งซ้อนท้าย เหยียดขาสองข้างไปทาง
เพียงขวัญเดินช้าๆ ก้มหน้าเล็กน้อยตรงไปยังเตียงกว้าง ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วเอนกายลงนอนตัวแข็งทื่อ ไออุ่นจากร่างใหญ่แผ่ลามมาถึงผิวเนื้อจนใจสาวสั่นไหว แทบจะวายเอาเสียให้ได้ ผ้าห่มหนาผืนใหญ่ถูกตลบคลุมร่างบาง แล้วไฟทั้งห้องก็ดับลง หญิงสาวหลับตาแน่น กำมือสองข้างไว้ข้างกาย เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะโดนเชือด รอเวลาที่เพชฌฆาตจะลงดาบ อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก แรงขยับของคนตัวโตทำให้หัวใจเธอกระตุกวาบ“พรุ่งนี้ต้องตื่นไปใส่บาตรแต่เช้า อย่าตื่นสายล่ะ” เหมันต์พลิกกายนอนหันหลังให้หญิงสาว คนนอนรอเชือดรออยู่นานเริ่มสงสัย ดวงตากลมโตลืมขึ้นท่ามกลางความมืด หันใบหน้ามองไปทางที่คนตัวใหญ่นอนอยู่ ในนามความที่มองเห็นอะไรไม่ชัดเจนเท่าไร แต่เพียงขวัญพอมองเห็นได้ว่าเขานอนหันหลังให้เธอ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่ง อกโล่งใจ ร่างบางพลิกกายตะแคงหันหน้าจ้องมองแผ่นหลังกว้างในความมืด อย่างน้อยหากเขาหันกลับมา เธอจะได้ตั้งรับทัน แต่เพราะความเหนื่อย เมื่อยล้าจากการเดินทาง จึงทำให้คนที่พยายามระแวดระวังภัยหลับลึกไปในเวลาอันรวดเร็ว“กลัวจนตัวสั่น อ่อนจริงๆ” เหมันต์ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอจึงหันกลับมา ยันตัวลุกเล็กน้อยมอ
เหมันต์ขบกรามแน่น พยายามห้ามใจไม่หันกลับไปมองเรือนร่างเย้ายวนของคนที่กำลังถูหลังให้ เธอขาวโพลนท่ามกลางสายน้ำพร่างพรม อวบอิ่มในส่วนที่พึงมีของสตรีเพศ ผิวนวลลออตาคงจะเนียนลื่นมือนักหากได้ลูบไล้สัมผัส หัวใจหนุ่มเต้นโครมคราม กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกตอบรับการสัมผัสจากมือน้อยที่แตะโดนผิวกาย ตอนแรกก็คิดว่าแค่รีบๆอาบน้ำนอน คิดว่าเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อะไรๆของผู้หญิงก็คงไม่แตกต่างกันนักหรอก หากแต่เมื่อผลักประตูเข้ามา แล้วเห็นภาพหญิงสาวยืนหลับตาพริ้มเงยหน้าน้อยๆ ร่างกายเขากลับตื่นตัวอย่างรุนแรงจนแทบระเบิด ไม่เหมือน...เพียงขวัญไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเห็นสักนิด“สะ...เสร็จแล้วค่ะ”“ขอบคุณ”เพียงขวัญเหลียวหน้าเหลียวหลัง อยากจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ แต่ขาเจ้ากรรมกลับก้าวไม่ออก จนกระทั่งร่างสูงใหญ่หันกลับมาเผชิญหน้ากัน ดวงตาตื่นกลัวของเธอทำให้ชายหนุ่มหรี่ตามองประเมินสถานการณ์ ปากอิ่มเผยอค้างท่าทางขัดเขินของหญิงสาวทำให้เหมันต์กระตุกยิ้ม ใบหน้าหล่อเข้มก้มลงจนชิดใบหูเล็ก“รู้ใช่ไหมว่าคุณมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร” เป็นน้ำเสียงที่เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยินมา เพียงขวัญผงะใบหน้าออกเล็กน้อย สบสายตาคม
ระยะทางจากชานเมืองหลวงถึงจุดหมายปลายทางเกือบห้าร้อยกิโลเมตร ทำให้ผู้โดยสารร่างเล็กเผลอหลับไปด้วยความเพลีย หลังจากที่เธอโทรบอกเพื่อนที่ทำงานว่าไม่ได้ไปทำงานอีกแล้ว และพยายามโทรศัพท์ติดต่อมารดาจนแบตเตอร์รี่โทรศัพท์หมดแต่ก็ไม่มีใครรับสาย เหมันต์ชำเลืองตามองผู้โดยสารข้างกาย แล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ในตอนที่หญิงสาววิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เขากลัวเหลือเกินว่าเธอจะเปลี่ยนใจไม่ยอมไปด้วยกันเสียแล้ว เขานั่งลุ้นอยู่จนเลยเวลาไปหลายนาทีจากที่กำหนดให้เธอ แต่เขากลับต่อเวลารอออกไปอีก ด้วยความหวังว่าเธอจะกลับออกมาแล้วขึ้นรถมากับเขา เมื่อนึกถึงตอนที่เห็นร่างเล็กหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากบ้าน หัวใจที่เคยสงบนิ่งก็ลิงโลดเต้นแรงอย่างไม่น่าให้อภัย และเผลอยิ้มอย่างพอใจจนน่าเกลียด แค่เจอกันตัวเป็นๆครั้งแรกหัวใจและร่างกายกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเธอจนน่าตกใจ“อาจันทร์ครับ ผมพาน้องกลับไปที่บ้านด้วยแล้วนะครับ เช็คเงินสดห้าล้านอยู่ในซองในตู้จดหมายหน้าบ้านนะครับ” เขาโทรหาพรจันทร์ในตอนที่เห็นเพียงขวัญเดินออกมาจากประตูบ้าน ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะพรจันทร์อุทานเสียงดัง และบอกเขาว่าลืมบอกลูกสาวให้เตรียมตัว
ตอนที่ 2“ขอบใจมากจ้ะขวัญ ลูกสาวของแม่” เย็นวันนั้นคุณพรจันทร์ตัดสินใจโทรแจ้งเหมันต์ว่า ลูกสาวของท่านพร้อมแล้วแต่ขอเวลาอีกหนึ่งเดือน เพื่อลาออกจากงาน หากแต่ปลายสายไม่สนใจฟังในสิ่งที่ผู้สูงวัยบอก เขากำหนดว่าจะมารับเจ้าสาวในวันรุ่งขึ้นทันที เพราะอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเขาไม่สะดวกจะมารับใครทั้งนั้น คุณพรจันทร์ได้แต่ถอนหายใจไม่กล้าแย้งอะไร เพราะน้ำเสียงของปลายสายช่างดุดันเอาแต่ใจจนผู้สูงวัยต้องเงียบ ได้แต่รับปากไปเขาตามที่ต้องการรถยนต์เอสยูวีสีดำยี่ห้อดังรุ่นท็อปที่จอดเทียบข้างรั้วบ้านหลังเล็กชานกรุง ทำให้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านเงยหน้าขึ้นมอง เพียงขวัญวางหนังสือในมือลงแล้วจ้องมองไปยังรถ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ลงจากรถแล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน หญิงสาวลุกขึ้นมองด้วยความแปลกใจ วันนี้เป็นวันหยุด เพียงฟ้ากับมารดาไปซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เธออาสาอยู่บ้านทำความสะอาดและเก็บกวาดบ้าน ดังนั้นหากเขาจะมาหาใครที่นี่ นั่นหมายความว่าไม่มีคนที่เขาต้องการพบแน่นอน และคงไม่ใช่เธอแน่ เพราะเพียงขวัญไม่รู้จักผู้ชายคนนี้“ผมมาหาลูกสาวอาจันทร์” เพียงขวัญกะพริบตาปริบๆ พยายามคิดว่
“ฟ้าไม่ไปนะคะคุณแม่ บ้านนอกบ้านนาอย่างนั้น ฟ้าจะอยู่ได้ยังไง ให้ขวัญไปสิคะ” เพียงฟ้าหน้างอง้ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจอย่างที่เธอเคยใช้แล้วได้ผลประจำ“แต่คุณลุงกับคุณพ่อของเราตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะไว้แล้วนะฟ้า ว่าจะให้ฟ้าแต่งงานกับตาเหม” คุณพรจันทร์ถอนหายใจหลายครั้งแล้ว ในขณะที่พยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว“ก็ในเมื่อคุณพ่อกับคุณลุงเสียไปแล้ว เราก็ยกเลิกสัญญาไปสิคะ ท่านทั้งสองคงไม่ฟื้นคืนชีพมาทวงสัญญากับเราหรอกค่ะ”“ฟ้า! หนูก็รู้ว่าคุณลุงท่านมีพระคุณกับคุณพ่อและครอบครัวเรามากมายแค่ไหน หลังจากคุณพ่อเสีย คุณลุงก็คอยช่วยเหลือเรามาตลอด หนี้ตั้งหลายล้านบาทท่านก็ยกให้ มิหนำซ้ำทางนั้นยังให้ค่าสินสอดในการแต่งงานตั้งสิบล้าน หนูก็รู้ถึงสถานะทางการเงินของเราในตอนนี้ดีไม่ใช่หรือว่าย่ำแย่แค่ไหน” คุณพรจันทร์เหนื่อยใจกับความดื้อรั้นของลูกสาว แต่จะทำอย่างไรได้ หนี้มูลค่ามหาศาลตั้งแต่สามีเสียไปเมื่อห้าปีที่แล้ว มันพอกพูนขึ้นมากมาย คนเป็นเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเพื่อนรักของสามีไม่ได้เรียกร้องเอาคืน ขอเพียงแค่สองครอบครัวเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันเท่านั้นเอง หากแต่พอเจ้าหนี้เสียชีวิตลงไม่ถึงปี ทายาทก็ตามมาทวงสัญญาที