Share

บทที่ 2

"ไอ้สารเลว ปล่อยฉันนะ ฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้!"

หลิ่วชิงหลานทั้งตกใจทั้งโกรธเกรี้ยว เธอพยายามดิ้นรนต่อต้านแต่ก็กลับไม่เป็นผลแต่อย่างใด

จากนั้นเธอก็หยุดที่จะต่อต้าน และเพียงหลั่งน้ำตาออกมาจากหางตาเท่านั้น

"เฮ้ สาวน้อย ทำไมคุณถึงไม่ขัดขืนแล้วล่ะ?"

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืนอีกต่อไป เฉินเทียนก็หยุดการกระทำของตัวเองลงด้วยเช่นกัน

"จะทำก็รีบทำ แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยนายไปอย่างแน่นอน" หลิ่วชิงหลานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

"คุณดุดันขนาดนี้ ผมไม่มีอารมณ์ที่จะทำแล้วล่ะ ช่างมันเถอะ คุณไปเถอะ" เฉินเทียนผละออกจากตัวเธอ

หลิ่วชิงหลานจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทะลึ่งตัวลุกขึ้นมาทันที แต่ทว่าวินาทีต่อมาเธอกลับต้องกุมหน้าอก ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ

"คุณเป็นอะไรไป?"

เฉินเทียนรีบจับชีพจรให้เธอ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรวดเร็ว

หลิ่วชิงหลานไม่สามารถที่จะต้านทานใดๆ ได้ เธอเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่กำเนิด และคราวนี้ก็คงจะไม่รอดเสียแล้ว เพียงแต่ว่าการที่ถูกทำแบบนั้นก่อนที่จะตายไป มันทำให้เธอแทบอยากจะตายไปเสียเลยในตอนนี้

แต่ทว่าพายุที่เธอจินตนาการเอาไว้ไม่ได้พัดผ่านเข้ามา เห็นแต่เฉินเทียนหยิบเข็มเงินออกมา และเมื่อเขาขยับนิ้วเข็มนั้นก็ได้ถูกสอดเข้าไปในจุดซานจงของหลิ่วชิงหลาน โดยที่เข็มเล่มอื่นๆ ก็ได้ตามมาอย่างไม่หยุด...

เฉินเทียนทำการฝังเข็มเจ็ดเล่มในลมหายใจเพียงอึดเดียว จากนั้นเขาก็ได้ยื่นมือข้างหนึ่งออกมากดที่หน้าอกของเธอ ต่อมาเข็มทั้งเจ็ดเล่มก็สั่นเล็กน้อย พร้อมเปล่งประกายแสงสลัวๆ ออกมา

"โอเคแล้ว ใส่เสื้อผ้าเถอะ" ไม่กี่นาทีต่อมา เฉินเทียนก็ดึงเข็มกลับและพูดออกมา

เดิมทีหลิ่วชิงหลานหลับตาและรอความตายที่จะมาถึง แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเฉินเทียนเธอก็ตื่นขึ้นมา และพบว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป ไม่มีแม้กระทั่งอาการไม่สบายเพียงเล็กน้อย

หลิ่วชิงหลานตกตะลึง เธอรู้ตัวดีกว่าใครว่าโรคหัวใจของเธอนั้นร้ายแรงแค่ไหน แม้กระทั่งหมอเทวดาอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจวก็ทำได้แค่ยืดอายุของเธอออกไปเท่านั้น และเขายังพูดว่าหากโรคได้กำเริบขึ้นมาอีก เธอก็มีแต่จะตายกับตายเท่านั้น

แต่ตอนนี้เฉินเทียนฝังเข็มแค่เพียงไม่กี่เล่ม และกดที่หน้าอกของเธออีกนิดหน่อยก็สามารถรักษาเธอได้แล้ว ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะดีเกินไปหรือเปล่า?

"สาวน้อย ผมช่วยชีวิตคุณเอาไว้อีกครั้งแล้วนะ คุณจะตอบแทนผมอย่างไรดีล่ะ?" เฉินเทียนถามด้วยรอยยิ้ม

"เมื่อกี้ฉันให้เงินคุณแล้วไม่ใช่เหรอ? ถือว่าเป็นค่ารักษาก็แล้วกันนะ" หลิ่วชิงหลานพูดขึ้นมา

"ผมยังจำสิ่งที่คุณเพิ่งจะพูดไปได้นะ นั่นมันเป็นเงินค่าตอบแทนของเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอ" เฉินเทียนพูด

หลิ่วชิงหลานโกรธจัดจนควันออกหู หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วพูดว่า "ฉันจะโอนให้คุณ คุณบอกจำนวนเงินมาสิ"

"โอนไม่ได้หรอก ถ้าคุณกลับมาแบล็กเมล์ผมจะทำยังไง เงินสดจะดีกว่านะ คุณให้คนนำเงินมาส่งจะดีกว่า" เฉินเทียนพูด

"ไม่ได้"

หลิ่วชิงหลานปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย ไม่มีทางที่เธอจะยอมให้ใครมารู้ว่าเธอมานอนค้างคืนกับชายแปลกหน้าได้อย่างเด็ดขาด

"ถ้างั้นก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น" เฉินเทียนมองไปยังหลิ่วชิงหลาน พร้อมเผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา

"วิธีอะไร?"

"ก่อนหน้านี้ผมให้บริการกับคุณ ตอนนี้กลายเป็นคุณที่ต้องมาให้บริการกับผม ดูแลให้ผมมีความสุขก็โอเคแล้ว" เฉินเทียนเผยรอยยิ้มที่แสนจะชั่วร้ายออกมา

"นาย…"

หลิ่วชิงหลานชี้ไปที่เฉินเทียน โกรธจนตัวสั่นไปหมด

ในที่สุดเธอก็ยังคงวางมือลง หลับตา และยอมให้เขาทำทุกอย่างตามใจปรารถนา

เมื่อเห็นท่าทางของเธอแบบนี้แล้ว เฉินเทียนก็เกิดแรงปรารถนาขึ้นมาจริงๆ แต่เขาก็อดกลั้นมันเอาไว้

"นี่คุณ ผมว่าคุณเข้าใจอะไรผิดไปแล้วล่ะ ผมให้คุณมาบริการผม ไม่ใช่ให้ผมมาบริการคุณนะ"

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หลิ่วชิงหลานก็โกรธจัดจนควันแทบจะออกจากหู

"นายอยากจะทำก็ทำ ไม่ทำก็แล้วแต่"

หลิ่วชิงหลานฉุนเฉียว เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลิ่ว ลูกสาวตระกูลเศรษฐีลำดับต้นๆ ของเมืองเจียงโจว ซึ่งการสูญเสียความบริสุทธิ์นั้นมันทรมานอยู่แล้ว นี่เขายังจะให้เธอเป็นฝ่ายรุกอีก มันจะเป็นไปได้ยังไง

"คุณดุขนาดนี้ผมจะมีอารมณ์ได้ยังไง ช่างมันเถอะ ผมกลับไปหาคู่หมั้นของผมดีกว่า" เฉินเทียนหาว และพูดอย่างเกียจคร้านออกมา

"อันธพาลอย่างนายเนี่ยนะจะมีคู่หมั้น? ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะตาบอดแล้วล่ะที่มาชอบนาย?" หลิ่วชิงหลานหัวเราะเยาะ

"คุณดูถูกใครน่ะ คู่หมั้นของผมหลี่เวย คุณหนูใหญ่ของตระกูลลี่เลยนะ" เฉินเทียนพูดอย่างภาคภูมิใจ

"เชอะ ตระกูลหลี่ก็เป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงโจวเช่นกัน คุณหนูหลี่จะมาชอบนายได้ยังไง อย่ามาคุยโวหน่อยเลย"

เห็นได้ชัดว่าหลิ่วชิงหลานไม่เชื่อ แม้ว่าตระกูลหลี่จะเทียบกับตระกูลหลิ่วของเธอไม่ได้ แต่ในเมืองเจียงโจวก็ยังถือว่าเป็นตระกูลใหญ่รองลงมา หากคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่จะแต่งงานก็ต้องเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ที่เทียบเทียมกัน จะมาแต่งกับอันธพาลไร้หัวนอนปลายเท้าแบบนี้ได้อย่างไร

"ไม่เชื่อก็ตามใจ ไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปเถอะ หากผมเกิดมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง คุณอยากจะไปก็อย่าได้ฝันไปเลย" เฉินเทียนพูดอย่างมีความหมายออกมา

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หลิ่วชิงหลานก็ตกตะลึงพร้อมกับรีบวิ่งออกไปทันที

เมื่อเห็นท่าทางที่เธอวิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนกตกใจ เฉินเทียนก็รู้สึกขบขันเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็หยิบเงินสดห้าหมื่นขึ้นมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ อย่างไม่รู้ตัว

เพราะในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในจื้อจุนกรุ๊ปที่มีมูลค่าหลายล้านล้านบาท และทักษะทางการแพทย์ก็ยอดเยี่ยมแบบนี้ กลับต้องมาถูกใครเขาตราหน้าว่าเป็นชายบาร์โฮสต์ไปได้ มันช่างน่าขบขันเสียจริงๆ

"ช่างมันเถอะ ไม่อยากจะคิดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว คู่หมั้นยังรอฉันอยู่นี่นา" เฉินเทียนเตรียมตัวและก็เดินจากไป

ในเวลาเดียวกัน ที่ประตูของโรงแรม ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทแบรนด์เนมทั้งตัวได้วางโทรศัพท์ลง ซึ่งเขาก็คือหวังเทียนหมิงบุคคลผู้รับผิดชอบจื้อจุนกรุ๊ปนั่นเอง

ทันทีที่เขาให้สัญญาณ ขบวนรถโรลส์-รอยซ์มากกว่าสิบคันก็ได้ขับเข้ามาทันที

หวังเทียนหมิงท่าทางสำรวม ในฐานะบุคคลที่อยู่บนยอดพีระมิดสูงสุดของเมืองเจียงโจว แต่ในขณะนี้เขากลับไม่ได้วางฟอร์มแต่อย่างใด ในทางกลับกันเขากลับเต็มไปด้วยความนอบน้อมเป็นอย่างมาก เพราะบุคคลที่เขาจะต้องออกมาต้อนรับนี้ยิ่งใหญ่ราวกับเทพเจ้าองค์หนึ่งเลยทีเดียว

หลิ่วชิงหลานสะพายกระเป๋าและเดินออกมา แม้ว่าใบหน้าของเธอจะซีดเซียวไปเล็กน้อย แต่มันก็ไม่สามารถเก็บซ่อนใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเธอเอาไว้ได้

หลังจากที่เธอเดินออกมาจากโรงแรมนั้นแล้ว เธอก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า

นั่นมันหวังเทียนหมิงบุคคลที่รับผิดชอบจื้อจุนกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

แม้ว่าตระกูลหลิ่วจะเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียงโจว แต่พวกเขาก็ยังคงให้ความเคารพและนับถือจื้อจุนกรุ๊ปมาโดยตลอด เพราะท้ายที่สุดแล้ว นั่นคือกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เพียงแต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ หวังเทียนหมิงกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูโรงแรมราวกับรอใครคนหนึ่งอย่างไงอย่างงั้น

แต่ด้วยสถานะของเขา ใครกันนะที่คุ้มค่าที่จะให้เขามารอแบบนี้ได้? หรือว่าผู้บริหารระดับสูงของจื้อจุนกรุ๊ปจะมาที่นี่?

"โรงแรมได้ทำการเคลียร์สถานที่แล้ว บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรบกวนออกไปให้เร็วที่สุด" บอดี้การ์ดเดินเข้ามาและพูดกับเธอ

"คุณลุงหวังคะ คุณลุงกำลังรอบุคคลสำคัญอยู่หรือเปล่าคะ?" หลิ่วชิงหลานเดินเข้าไปถาม

"คุณหนูหลิ่วนั่นเอง ผมกำลังรอคนจริงๆ เพียงแต่ว่าไม่สะดวกที่จะแจ้งให้คุณทราบ ต้องขออภัยจริงๆ นะครับ" หวังเทียนหมิงปฏิเสธอย่างสุภาพ

และหลิ่วชิงหลานก็เดินจากไปอย่างรู้ตัว เธอเพิ่งจะสูญเสียความบริสุทธิ์ไป ในใจยังรู้สึกเจ็บปวด จึงไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่ดีบุคคลสำคัญอะไรทั้งนั้น

และในเวลานี้เฉินเทียนก็ได้เดินออกมาด้วยชุดราคาถูกๆ มันดูบ้านนอกและล้าสมัยเป็นอย่างมาก

"ทำไมต้องมาเจอไอ้สารเลวคนนี้อีกแล้วนะ"

หลิ่วชิงหลานโกรธจัดจนควันออกหู และรีบเดินไปที่ลานจอดรถในทันที

และในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ได้ดังขึ้น เมื่อหลิ่วชิงหลานหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าแม่ของเธอได้โทรมา เธอจึงรีบรับสายในทันที

"ชิงหลาน ทำไมลูกไม่ได้กลับมาทั้งคืน ลูกอยู่ที่ไหน?"

"หนูนอนบ้านเพื่อนหนึ่งคืนน่ะค่ะ" หลิ่วชิงหลานพูดโกหกออกมา เพราะการไปนอนกับผู้ชายแปลกหน้าแบบนั้นมา จะให้เธอพูดออกมาได้อย่างไร

"งั้นลูกก็รีบกลับมาเร็วเข้า คุณปู่จะไม่ไหวอยู่แล้วนะ"

"อะไรนะคะ!" หลิ่วชิงหลานตกใจ "หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้ค่ะ"

แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้รออยู่อีกสองสามวินาที ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องจำภาพที่อยู่ตรงหน้าไปตลอดอย่างแน่นอน

เพราะในตอนนี้หวังเทียนหมิงได้คุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเฉินเทียนไปเสียแล้ว

"คารวะท่านผู้สูงสุด!"

"คารวะท่านผู้สูงสุด!"

ทุกคนต่างก็ให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขารู้ดีเป็นที่สุดว่า ผู้ชายที่ดูแสนจะธรรมดาคนนี้กลับมีความน่ากลัวแฝงอยู่ราวกับเทพเจ้า

"ทุกคนลุกขึ้นเถอะ พาฉันไปตระกูลหลี่หน่อยสิ" เฉินเทียนพูดอย่างเรียบๆ ออกมา

"ขอบคุณครับท่าน เชิญท่านขึ้นรถนะครับ" หวังเทียนหมิงพาเฉินเทียนขึ้นรถโรลส์-รอยซ์ที่อยู่ตรงกลาง และตัวเขาเองก็นั่งอยู่ในที่นั่งคนขับในฐานะคนขับ

มีรถโรลส์-รอยซ์หกคันคอยคุ้มกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ฉากนี้ช่างน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง

"โอเค งั้นจอดรถตรงนี้เถอะ"

เมื่อใกล้จะถึงบ้านของตระกูลหลี่ เฉินเทียนก็ได้ลงมาจากรถก่อนเวลา

แม้ว่าจะเป็นการหมั้นหมาย แต่เขาก็ต้องเข้าใจสถานการณ์บ้านของฝ่ายหญิงบ้าง อย่างน้อยๆ เขาก็จำเป็นต้องรู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหน และการที่เขาเข้าไปเพียงลำพังจะเป็นการดีที่สุด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status