หลิ่วชิงหลานเข้าใจความคิดของพ่อเธอ โดยที่พ่อของเธออยากจะให้เธอคบหากับสวี่เสี่ยวหวา และแม้กระทั่งแม่ของเธอก็เช่นกันเธอต้องยอมรับว่าสวี่เสี่ยวหวานั้นโดดเด่นจริงๆ คุณชายใหญ่ของตระกูลสวี่ ใบหน้าหล่อเหลา อ่อนโยนและสง่างาม ตรงตามเกณฑ์เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่หญิงสาวจะเลือกมาเป็นคู่ครองแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด เธอถึงไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับสวี่เสี่ยวหวาเลยแม้แต่น้อยหลังจากตู๋กูเก้าเข็มได้ฝังเข็มเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิ่วเยว่เฟิงก็ได้ตื่นขึ้นมาไม่นานหลังจากนั้น และมันก็ทำให้ทุกคนในตระกูลหลิ่วตื่นเต้นเป็นอย่างมากบ่ายวันนั้นหลิ่วเยว่เฟิงได้สั่งอาหารและไวน์ชั้นดีในโรงแรมมาเพื่อต้อนรับตู๋กูเก้าเข็มและสวี่เสี่ยวหวา โดยที่ยังมอบเงินอั่งเปาหนาๆ สำหรับค่ารักษาให้กับตู๋กูเก้าเข็มอีกต่างหาก"ชิงหลาน ออกไปเดินเล่นกับผมหน่อยสิ"หลังมื้ออาหาร สวี่เสี่ยวหวาก็ได้เชื้อเชิญหลิ่วชิงหลาน"ชิงหลาน มัวทำอะไรอยู่ รีบตอบรับไปสิ"หลัวฮุ่ยแม่ของหลิ่วชิงหลานรีบผลักเธอออกไป พร้อมบอกให้เธอตอบรับหลิ่วชิงหลานทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ เพราะท้ายที่สุดแล้ว สวี่เสี่ยวหวาเพิ่งจะช่วยพวกเธอไปได้มากแต่ทว่าขณะ
เฉินเทียนเดินมานั่งที่เตียง จากนั้นก็จับชีพจรให้กับหลิ่วเยว่เฟิงเนื่องจากใกล้จะสามวันแล้ว หลิ่วเยว่เฟิงตกอยู่ในสภาพหมดสติอีกครั้ง และสถานการณ์ดูไม่ดีเป็นอย่างมากตู๋กูเก้าเข็มและจางไป่ฉ่าวต่างก็เฝ้าดูอยู่ข้างๆ จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่คิดว่าเฉินเทียนจะรักษาหลิ่วเยว่เฟิงได้เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาได้ตรวจและยืนยันแล้วว่า หลิ่วเยว่เฟิงใกล้จะตายและไม่มีทางที่จะรักษาได้อีกแล้วและการมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสามวันนั้น มันก็พิสูจน์ได้แค่ว่ายาวิเศษที่กินเข้าไปนั้นได้ผลดี และไม่ได้ยืนยันว่าเฉินเทียนเป็นคนที่ทำขึ้นมาหลิ่วไห่ซานและหลิ่วชิงหลานนั้นกังวลมาก โดยเฉพาะตอนที่เฉินเทียนได้ขมวดคิ้วขึ้นมา มันทำให้หัวใจของทั้งสองแทบจะกระโดดออกมาเลยทีเดียวเพราะหลิ่วเยว่เฟิงไม่เพียงแต่เป็นญาติของพวกเขาทั้งนั้น แต่ยังเป็นบุคคลสำคัญของตระกูลหลิ่วอีกต่างหากหากหลิ่วเยว่เฟิงเกิดเป็นอะไรขึ้นมา สำหรับตระกูลหลิ่วของเขา มันคงเป็นความเจ็บปวดที่จู่โจมเข้ามาอย่างไม่ต้องสงสัย"เป็นอย่างไรบ้าง? มีทางรักษาคุณปู่บ้างหรือเปล่า?" เมื่อเห็นเฉินเทียนจับชีพจรเสร็จ หลิ่วชิงหลานก็รีบถามขึ้นมาทันที"ขอแค่เขามีลมหายใจอยู่ ผมก็ส
หลังจากที่ถอดเสื้อคลุมออก หลิ่วชิงหลานก็หยุดชะงัก พร้อมกับมองมาที่เฉินเทียนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ "คุณช่วยหันหลังไปก่อนได้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เคยเห็น ยิ่งไปกว่านั้นอีกเดี๋ยวก็ยังจะให้ผมดูไม่ใช่เหรอ" เฉินเทียนพูดด้วยรอยยิ้มขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลิ่วชิงหลานคิดๆ มันก็ใช่ ดังนั้นเธอจึงกัดฟันแล้วถอดกระโปรงออก เหลือไว้เพียงชุดชั้นในเท่านั้นเฉินเทียนนั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับชื่นชมอย่างไม่กะพริบตา แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็น แต่ทุกครั้งที่ได้ชื่นชม มันก็ทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมากหลิ่วชิงหลานหน้าแดงไปถึงใบหู แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมีอะไรกับเฉินเทียน แต่ครั้งนั้นเธอจำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นสำหรับเธอแล้ว มันแตกต่างจากครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง"ดื่มน้ำสักแก้วก่อน"เฉินเทียนรินน้ำและยื่นส่งให้กับหลิ่วชิงหลาน จากนั้นเธอก็รับมาจิบไปหนึ่งอึกรอยยิ้มขี้เล่นปรากฏบนริมฝีปากของเฉินเทียน จากนั้นเขาก็อุ้มเธอไปที่เตียง และวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล"คุณเบาหน่อย มันเป็นครั้งแรกของฉัน" หลิ่วชิงหลานเขินอาย เป็นกังวลและหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยแต่ทว่าความหวาดกลัวของเธอก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่นานเธ
โรงแรมเจียงโจวเป็นโรงแรมที่ใหญ่และหรูหราที่สุดในเมืองเจียงโจว โดยคนที่มาใช้บริการที่นี่ หากไม่เป็นเศรษฐีก็เป็นผู้รากมากดีกันทั้งนั้นและในวันนี้ บรรยากาศก็ยิ่งเต็มไปด้วยความยินดี จ้าวเลี่ยงและหลี่เวยสวมชุดคู่บ่าวสาว ยืนอยู่ที่ประตูโรงแรมเพื่อคอยต้อนรับแขกแขกเหรื่อที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีนั้นมีจำนวนมาก ซึ่งในจำนวนนี้ยังมีผู้คนจากตระกูลหลักมาร่วมงานอีกต่างหากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลจ้าวได้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยแทบจะสามารถบีบตัวให้ขึ้นทัดเทียมกับตระกูลหลักได้แล้วแต่ทว่าสิ่งที่สามารถดึงดูดตระกูลหลักเหล่านี้จริงๆ กลับเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือท่านประธานสูงสุดนั่นเองไม่กี่วันที่ผ่านมา จ้าวเลี่ยงได้ปล่อยข่าวออกไปแล้วว่า ท่านประธานสูงสุดจะมาร่วมงานแต่งของเขาด้วยและนี่ก็เป็นระเบิดลูกใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหากเป็นความจริง นั่นก็หมายความว่าตระกูลจ้าวจะได้เลื่อนขั้นไปอีกระดับหนึ่งทันที โดยถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับตระกูลหลิ่วด้วยพวกเขาสามารถไม่สนใจต่อหน้าตาของตระกูลจ้าวได้ แต่สำหรับท่านประธานสูงสุดนั้นไม่ได้อย่างเด็ดขาดจ้าวเลี่ยงรอคอยให้ท่านประธานสูงสุดปรากฏตัวมาโดยตลอ
เธอเห็นเพียงชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเท่านั้น และหากจะพูดให้ถูกก็คือ เขาเป็นชายชราคนหนึ่งและบุคคลคนนี้ก็คือเฉินเทียน แต่ทว่าใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่เพียงผมขาวโพลนไปทั้งหัว แต่ยังเต็มไปด้วยรอยตีนกา และรอยแผลเป็นอีกมากมาย ดูแล้วน่าสยดสยองเป็นที่สุด"ท่านคือท่านประธานสูงสุดหรือคะ?" หลี่เวยถามออกมาอย่างหวาดกลัว มีความรู้สึกอยากจะหันหลังกลับในทันทีแม้จะมีข่าวลือบอกว่าท่านประธานสูงสุดทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด และเธอก็ได้เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ เอาไว้แล้ว แต่นี่มันแก่เกินไปและน่าเกลียดเกินไปด้วย อายุของเขาสามารถเป็นปู่ของเธอได้แล้ว รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ และยังเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น แค่เห็นก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาแล้ว"เธอกล้าสงสัยในตัวตนของฉันงั้นเหรอ?"ทันทีที่เฉินเทียนถลึงตาใส่ หลี่เวยก็ตกใจจนขาแทบอ่อนแรง "ฟุ่บ" จากนั้นเธอก็คุกเข่าลงไปที่พื้นโดยตรง "ดิฉันไม่กล้า ท่านประธานสูงสุดอย่าถือสาเลยนะคะ""ลุกขึ้นเถอะ" เฉินเทียนพูด"ขอบคุณค่ะท่านประธาน"หลังจากที่หลี่เวยลุกขึ้นยืน เธอก็ถอนหายใจออกมา พร้อมกับระงับความกลัวภายในจิตใจเอาไว้เธอปลงตกแล้วว่า ไม่ว่าท่านประธานสูงสุดจะมีหน้าต
"เข้ามา หักแขนหักเขาแล้วโยนมันออกไปซะ!"ทันทีที่จ้าวหมิงฮุยออกคำสั่ง นักเลงที่อยู่โดยรอบก็ได้กระโจนเข้ามาทันที"เดี๋ยวก่อน!"หลิ่วชิงหลานรีบตะโกนห้ามออกมา จากนั้นก็มองเฉินเทียนแล้วพูดว่า "คุณอยากจะกลายเป็นคนพิการจริงๆ เหรอไง?""แค่พวกหมัดไรแบบนี้เนี่ยนะจะทำให้ผมพิการได้?" เฉินเทียนพูดอย่างไม่แยแสออกมา"ถ้าขืนคุณยังเป็นแบบนี้ ฉันก็ช่วยคุณไม่ได้หรอกนะ" หลิ่วชิงหลานโกรธจัด เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินเทียนจะดื้อรั้นได้ขนาดนี้เฉินเทียนเผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมา จากนั้นก็พูดอย่างแน่วแน่ขึ้นมาว่า "ผมไม่จำเป็นต้องให้คุณช่วยหรอก ผมไม่เคยเห็นพวกมดแมลงเม่าพวกนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว""ไอ้หมอนี่มันกล้าจริงๆ จะตายอยู่แล้วยังกล้าหยิ่งผยองขนาดนี้ แต่ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะปากแข็งไปถึงไหน! หักแขนขาของมัน แล้วก็ฉีกปากของมันด้วย!" จ้าวหมิงฮุยเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า"เดี๋ยวก่อน หัวหน้าจ้าว ให้ฉันเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้งเถอะนะ"หลิ่วชิงหลานยืนอยู่หน้าเฉินเทียน และมันก็ทำให้เฉินเทียนซาบซึ้งเป็นอย่างมากจ้าวหมิงฮุยห้ามพวกนักเลงเอาไว้ เขาจำเป็นต้องไว้หน้าหลิ่วชิงหลาน ไม่อย่างนั้นหากตระกูลหลิ่วโกรธเคืองขึ้นมา
"คารวะท่านหู่!"หลังจากจ้าวหมิงฮุยเดินมาถึงตัวของท่านหู่แล้ว เขาก็รีบโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพทันทีหลังจากนั้นหลัวเหม่ยหงภรรยาและจ้าวเลี่ยงลูกชายของเขา รวมไปถึงครอบครัวของหลี่ลี่ฉวินทั้งหมดก็รีบโค้งคำนับตามมาติดๆ โดยที่ดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงดวงตาของท่านหู่มองสำรวจไปยังจ้าวเลี่ยงและหลี่เวย"จุ๊ จุ๊ จุ๊ ถูกทุบตีในวันมงคลแบบนี้ ช่างน่าอนาถเสียจริงๆ""ท่านหู่ครับ ท่านจะต้องแก้แค้นให้พวกเรานะครับ!"จ้าวเลี่ยงพูดใส่สีตีไข่ขึ้นมาว่า "ท่านไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมันหยิ่งผยองแค่ไหน ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าท่านจะมา มันไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย และยังบอกว่ามันไม่เห็นท่านหู่รวมถึงสำนักเสือดำอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย กระทั่งยังพูดว่าท่านกระจอกอีกด้วยนะครับ""สามหาว!"ท่านหู่ตะคอกออกมาด้วยความโกรธ และบรรยากาศก็ตลบอบอวลไปด้วยความอาฆาตจู่ๆ ผู้คนที่อยู่โดยรอบก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเพราะเมื่อใดก็ตามที่ท่านหู่เกิดโกรธขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ตามมาจะร้ายแรงอย่างแน่นอน"อีกฝ่ายเป็นใครมาจากไหน?"ท่านหู่ระมัดระวังเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเป็นราชาใต้ดินของเมืองเจียงโจว แต่ก็ยังมีบุคคลพิเศษที่เขารุกรานไ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของเจียงยวี่โหรว แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังต้องหมอบลงกับพื้นและกินอาหารหมาอย่างเชื่อฟังอยู่ดีโดยพวกเขาไม่มีเวลามาสนใจเกี่ยวกับหน้าตาอะไรทั้งนั้น เพราะการรักษาชีวิตไว้เป็นสิ่งที่เร่งด่วนที่สุดดวงตาของหลี่ลี่ฉวินและคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความไม่พอใจ และทั้งหมดมันก็เป็นเฉินเทียนที่ทำให้เขาต้องกินอาหารหมาจนอับอายขายหน้า เขาแอบสาบานเอาไว้ว่า เขาจะต้องทำให้เฉินเทียนชดใช้อย่างสาสมแน่นอนในเวลานี้ หลิ่วเยว่เฟิง รวมถึงหลิ่วชิงหลานและคนอื่นๆ ต่างก็ยืนรออยู่ที่หน้าประตูของโรงแรม เมื่อได้เห็นคนของสำนักเสือดำได้จากไปแล้ว เดิมทีพวกเขาก็อยากจะเข้าไปดูด้วยเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ให้พวกเขาเข้าไป ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นกังวลเอาเสียมากๆแน่นอนว่า มีเพียงหลิ่วเยว่เฟิงและหลิ่วชิงหลานเท่านั้นที่เป็นกังวล ส่วนหลิ่วไห่ซานและหลัวฮุ่ย หลิ่วไห่หลิน หยางเจี๋ย รวมถึงหลิ่วเหวินหย่วนนั้นไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใดพวกเขาไม่ได้เป็นห่วงความเป็นความตายของเฉินเทียนเลยแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะกลัวคุณท่านจะโกรธเคือง พวกเขาก็จากไปตั้งนานแล้วหลิ่วเหวินหย่วนรอจน