“ผมบอกแล้วไง ผมมั่นใจว่าผมทำให้คุณรักผมได้” เขาใช้นิ้วเรียวเร่งเร้าจนร่างบางอ่อนระทวย “ผมอยากให้คุณรู้จักผม อยากให้คุณเจอคนในครอบครัวของผม เราคบกันแบบนี้ก็เหมือนอยู่ก่อนแต่ง คุณได้ศึกษาดูนิสัยใจคอผม ผมได้รู้จักคุณมากขึ้น กิจการทั้งหมดของผม คุณช่วยดูแล หรือคุณอยากลองทำอะไร ผมก็จะสนับสนุนสุดแรง” “อ๊า!” ลลินหลุดเสียงหวีดร้องออกมาเมื่อถูกนิ้วร้ายกายนำพาไปถึงจุดสุดยอด เขาถอนนิ้วออกจากร่องรัก แล้วส่งนิ้วที่เปื้อนคราบน้ำหวานวาววับเข้าปากดูดกลืนน้ำหวานจากกายสาวของเธอ “ครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ แต่เราไม่ถือสาเรื่องพวกนี้ คุณตาคุณยายมีลูกชายสองคน แต่มีลูกสาวคนเดียวคือแม่ของผมที่จากไปแล้ว ตอนเป็นวัยรุ่นผมค่อนข้างเกเร มีเฮียใหญ่กับอาปกรณ์ไม่ใช่ญาติแต่ก็เหมือนญาติ เป็นครอบครัวที่สนิทสนมกับครอบครัวเรา เฮียใหญ่กับอาปกรณ์คอยจิกหัวให้กลับมาเข้าร่องเข้ารอยไม่เสียคนไม่เสียก่อน ส่วนไอ้ยักษ์มันเป็นลูกของคุณลุงของผม-พี่ชายแม่ แต่มันอายุน้อยกว่าผม น่าจะเท่าคุณนี่แหละ ไอ้นี้มันก็ร้ายไม่เบา คงทำอะไรไว้จนคุณตาต้องบังคับให้แต่งงาน” “แล้ว...คุณคิดว่า คุณตาท่านจะยอมรับลินได้
“หลานสบายดีครับ” เขาแนบหน้ากับฝ่ามือของคุณยาย “คิดถึงคุณยายจังเลย คุณยายครับ ผมมีคนจะให้คุณยายรู้จัก” “ใครเหรอ” “คนนี้ครับ ชื่อลลิน เป็นคนรักของผม เป็นคนที่ผมจะแต่งงานด้วย เป็นแม่ของลูกผม” ถ้อยคำของราชันทำให้ลลินอึกอัก แต่แววตาอ่อนโยนของคุณยายที่มองมาทางเธอทำให้หญิงสาวใจอ่อนยวบ เธอยกมือขึ้นกราบบนตัก คุณยายก็ประคองใบหน้าของลลินขึ้น “น่ารักน่าเอ็นดู” คุณยายยิ้ม “ฝากดูแลเจ้าราชันด้วย “เห็นแบบนี้ เขาขี้แยอยู่นะ ขี้ใจน้อย ปั่นจักรยานล้ม หัวเข่าถลอก ร้องไห้จนคนอื่นตกใจนึกว่าขาหัก” “คุณยาย” ราชันทำหน้าแหย แต่ลลินกลับหัวเราะออกมา “ไข่เจียวต้องกรอบๆ ราดซอสมะเขือเทศผสมซอสพริก ชอบกินปลาแต่ไม่ชอบแกะก้างปลาเอง ชอบเอาผ้าห่มไปตากแดด ชอบกลิ่นแดดใช่ไหมหลาน” “พอแล้วครับคุณยาย ผมอายเมีย” ราชันทำหน้าบูดเหมือนเด็กทั้งที่ตัวโตเป็นยักษ์ “คุณยายต้องแข็งแรงนะครับ จะได้มีแรงอุ้มหลาน” “เหลนเว้ย” ตาพูดแทรกแต่กลับยิ้มให้ลลิน “มีเหลนให้ตากับยายเร็วๆนะ” “ใช่ๆ มีเหลน ยายอยากอุ้มเหลน ยายจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เอ
“ใช่” เขาทำหน้าจริงจัง “แบบนี้คุณต้องเลี้ยงผมแล้วล่ะ” ลลินหัวเราะเสียงใส เดินไปคล้องแขนเขาอย่างเอาใจ “ใครนะที่บอกว่าจะสนับสนุนลินทำทุกอย่าง” “นั้นสิใครกัน” ราชันยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูมันวาว “คุณเข้าไปรอที่ห้องทำงานก่อน ผมของคุยกับผู้จัดการร้านสักประเดี๋ยวจะตามเข้าไป” “รับทราบค่ะ” ลลินใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบลิปสติกที่เปื้อนริมฝีปากเขา “ห้ามเถลไถลนะคะ” “รับทราบครับ” ราชันมองร่างของคนรักเดินตรงไปที่ชั้นบนของผับ ใบหน้าระบายยิ้มเมื่อครู่กลายเป็นเงียบขรึม เด็กเสิร์ฟไม่กล้าเข้าใกล้ คนในร้านต่างชอบที่ลลินเข้ามาพร้อมกับราชันเพราะทุกคนกลัวราชันมาก แต่เมื่อมีลลินอยู่ ราชันจะเก็บรังสีอำมหิตของตัวเองไว้มิดชิด และตอนนี้ทุกคนรู้ว่าราชันต้องการพบผู้จัดการร้านก็คือ ‘เอ็มเจย์’ “เอ็มเจย์เข้ามาหรือยัง” “ยังไม่เห็นเลยครับ” เด็กเสิร์ฟตอบเสียงสั่น “เปิดเบียร์มาหน่อย” “ครับ” เด็กเสิร์ฟกุลีกุจอนำเบียร์ขวดเล็กมาเสิร์ฟ ราชันหยิบขวดขึ้นกระดกแล้วกวาดสายตามองทั่วร้าน ขณะที่กำลังคิดว่าจะขึ้น
“นี่ถึงขนาดต้องใช้ผู้หญิงมาเล่นงานกันเลยเหรอ” ราชันหัวเราะเยาะปรายตามองหญิงสาวที่กระถดตัวบนพื้นลานจอดรถ เอ็มเจย์เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เคยระบายยิ้มให้เพื่อนกลับเปลี่ยนเป็นเคียดแค้น “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไม่ดีใจเลยหรือไง” ราชันยังคงท่าทีกวนประสาท “หรือเสียใจที่เห็นว่าเป็นตัวเป็นๆ แบบนี้” “ว่าจะถามอยู่ว่าหายไปไหนมา” เอ็มเจย์กระตุกยิ้มที่มุมปาก “แต่ก็นั้นแหละ ร่ำรวยมีเงินมีทองแล้ว อยากทำอะไรก็ได้ จะทิ้งเพื่อนฝูงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ ใช่ไหม?” “ทิ้งเพื่อน?” ราชันเลิกคิ้ว “ใครทิ้งใครกันแน่” “แล้วไอ้คนที่มันได้ดีแล้วทิ้งคนอื่นนี่เรียกว่าอะไร!” เอ็มเจย์ตวาดอย่างหัวเสีย “กูเลิกชกมวยมันก็เรื่องของกู มึงเป็นเพื่อนกู ทำไมไม่เข้าใจกู” “เพราะมึงไม่เสียเหมือนกูไง!” “มึงเสียอะไร! สิ่งที่มึงได้จากกูไปตั้งกี่ล้าน! มึงเองก็รู้ดี! สักวันกูต้องเลิกชกมวย!” “แต่ไม่ใช่ตอนนี้!” “ทำไม? หรือเพราะกูทำให้มึงขายยาระยำนั้นไม่ได้” คราวนี้เอ็มเจย์หน้าซีดไปแล้วพูดเสียงเบาเหมือนละเมอ “มึงรู
ลลินกลับเข้ามาที่คอนโด ในห้องเงียบสนิทจนรู้สึกใจคอไม่ดี แต่เธอมั่นใจว่าเขาอยู่ที่นี่ ไม่ได้หลบหน้าเธอไปที่อื่น ลลินกวาดตามองในห้องเห็นแก้วเหล้าวางไว้ มือเรียวหยิบขึ้นมาดูและมองเลยไปชั้นวางเครื่องดื่ม ราชันชอบคราฟท์เบียร์ (Craft Beer) แต่ในครัวมีบรั่นดีชั้นดีอยู่ติดบ้าน หญิงสามกัดริมฝีปากครุ่นคิด ล้างแก้วเหล้าแล้วจึงเดินไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมชุดนอนแล้วเดินไปห้องนอน ลมหายใจระบายออกมาอย่างพอใจที่เจ้าของห้องไม่ได้ล็อกไว้ เธอเปิดประตูห้องเบาๆ เกรงจะรบกวนคนที่นอนตะแคงหันหลังอยู่บนเตียงหนานุ่ม ร่างบางขยับตัวขึ้นเตียง ยื่นหน้ามองเสี้ยวหน้าที่ปิดเปลือกตาอยู่ เธอยื่นมือแตะหน้าผากของเขา “หลับเร็วจัง ไม่สบายหรือเปล่าคะ” อุณหภูมิร่างกายของเขาปกติ ลลินสบายใจไปเปราะหนึ่ง เขาไม่ขานรับและทำเป็นไม่ได้ยินแต่ดวงตาหลังเปลือกตานั้นมีการเคลื่อนไหว หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาแล้วมองแผ่นหลังของเขา เวลานอนราชันจะสวมเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ทำไมเธอถึงคุ้นชินกับผู้ชายคนหนึ่งได้เร็วถึงเพียงนี้นะ หรือเพราะเขามาเปิดหัวใจที่ปิดตายของเธอ มาทำลายกำแพง
มังกรกัณฐ์ นักธุรกิจหนุ่มมีรอยสักบนแผ่นอก ถูกบังคับให้แต่งงานกับ เดหลี ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ดูแลคุณลออ-คุณย่าของมังกรกัณฐ์ โดยคุณบุรินทร์ผู้เป็นปู่เป็นคนยื่นคำขาด หากไม่ยอมแต่งงานกับเดหลีจะไม่รับการรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic valvular stenosis) เปลี่ยนลิ้นหัวใจมังกรกัณฐ์ จำใจแต่งงานกับเดหลี เขาเข้าใจว่าเดหลีล่อลวงให้คุณปู่มาบังคับเขาเช่นนี้ เพื่อหวังทรัพย์สินจากเขา แต่เดหลีมียอมรับข้อเสนอครั้งนี้เพียงเพราะต้องการให้น้องชายที่เป็นทิสติกได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด ครอบครัวของเธอไม่ได้อบอุ่นเหมือนครอบครัวอื่น เธอต้องทำงานหาเงินส่งเสียให้ตัวเองได้เรียนหนังสือ มีคนแนะนำให้ทำงานด้านดูแลผู้สูงอายุ เธอจึงไปเรียนเข้าอบรมจนได้มาทำงานที่บ้านของมังกรกัณฐ์ หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาจนกระทั้งวันที่คุณบุรินทร์ยื่นข้อเสนอนี้ให้‘การรักคุณคือหายนะสำหรับฉัน เพราะฉะนั้น ฉันจึงต้องเตือนหัวใจตัวเองไม่ให้เผลอใจไปรักคุณ’แม้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว เขาก็ไม่ได้มีท่าทีจะลดความเกลียดชังที่มีต่อเธอลงเลย ระหว่างนี้เธอไม่ได้เป็นผู้ช่วยพยาบาลแล้ว แต่มาทำงานเป็นเลขาให้มังกรกัณฐ์ตามคำสั่ง
เดหลีเห็นมังกรกัณฐ์หันหลังเดินไปเก็บอะไรสักอย่างบนโต๊ะทำงาน เธอลอบถอนหายใจโล่งอก ปกติเธอไม่ใช่คนพูดมาก หรือปากร้ายใส่คนอื่น แต่บางครั้งก็จำเป็น และเธอก็อดแลบลิ้นใส่คนตัวโตไม่ได้ เพราะเขานั้นแหละ ทำให้คนอื่นมองว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้ “ไปเถอะ” “ค่ะ” เดหลีเดินตามชายหนุ่ม เขาวาดวงแขนมาโอบไหล่บังคับให้เธออยู่ใกล้เขา ร่างกายของเดหลีเกร็งขึ้นมาทันที แต่พอเห็นสายตายั่วล้อของเขาแล้ว เธอแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แม้ว่าปลายนิ้วของเขาจะลูบไหล่ของเธอเบาๆ เธอรู้ว่าเขาแค่อยากแกล้งปั่นหัวเธอเล่น ถ้าเห็นเธอร้อนใจเมื่อไหร่นั้นคือชัยชนะของเขาการแต่งงานครั้งนี้มันเกิดขึ้นด้วยความจำเป็นที่เธอต้องรับเงื่อนไขบางอย่างและเขาก็จำใจต้องทำเพื่อเงื่อนไขบางสิ่งเช่นกันปีนี้เดหลีอายุยี่สิบเอ็ด เธอเพิ่งแต่งงานจดทะเบียนกับผู้ชายที่ชื่อมังกรกัณฐ์เมื่อสองเดือนที่แล้ว ความจริงเธอรู้จักมังกรกัณฐ์มานานหลายปี เพราะเธอทำงานที่บ้านคุณท่านหรือคุณบุรินทร์ของคุณมังกรกัณฐ์ แต่เดิมทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล ดูแลคุณยายลออ ตอนนั้นครอบครัวของเธอมีปัญหา ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันทั้งที่เพ
แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเดหลีไม่หิวแสง ไม่แสดงตัวต่อหน้าคนในบริษัท แม้ว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเดหลีคือภรรยาของเขาก็ตาม และหนึ่งในคนที่รู้คือเลขาคนเก่งที่คุณพ่อมอบมาให้ช่วยงานเขา แต่ตอนนี้ลาคลอด... เวลานี้เดหลีจึงเข้ามาดูแลงานแทนที่เลขา เขาแกล้งหญิงสาวสารพัด แต่ไม่คิดว่าเดหลีจะทนได้ คิดว่าสักวันเดหลีต้องแสดงธาตุแท้ออกมา กรีดร้อง โวยวาย ทำลายข้าวของ แล้วเขาจะเอาเรื่องเหล่านั้นมาฟ้องคุณปู่ ให้คุณปู่ได้รู้ว่าผู้หญิงที่คุณปูยัดเยียดให้เขานั้นแท้จริงเป็นอย่างไร แต่ผ่านมานานนับเดือน เขายังไม่เห็นเธอแสดงสิ่งที่เขาต้องการเห็นเลยสักนิด เธอยังคงทำงานในส่วนของเธอ รวมถึงงานของเขาที่แกล้งทิ้งๆขวางๆ ไม่ใส่ใจ ยังไม่นับถึงการที่เขาควงผู้หญิงมาเย้ยต่อหน้าต่อตาอีก เธอต้องการอะไรกันแน่ เดหลี เดหลีเงยหน้าขึ้นถอดแว่นสายตาออกแล้วนวดคลึงเบ้าตาเบาๆ เมื่อความเหนื่อยล้าผ่อนคลายลง เธอจึงเห็นว่ามีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนพิงกรอบประตูอยู่“คุณยักษ์?” “หือ?” มังกรกัณฐ์ตื่นจากภวังค์ เห็นแววตาของหญิงสาวที่มองเขาฉายแววฉงนทำให้เขาแสร้งกระแอมไอ ยกข้อมือขึ้นดูเวลาจากนาฬิกา