เดหลีเดินกลับเข้ามาพร้อมกาแฟร้อนและแซนวิชด์หน้าตาน่ากิน ต่อให้มังกรกัณฐ์ไม่หิวก็ทำให้เขาน้ำลายสอได้ “วันนี้มีประชุมตอนสิบโมงเช้านะคะ เอกสารตรงนี้คุณช่วยตรวจอีกรอบและถ้าไม่มีอะไรคัดค้านรบกวนเซ็นอนุมัติภายในวันนี้ให้ด้วยค่ะ” เดหลีเห็นเขาพยักหน้ารับรู้จึงเอ่ยต่อ “ตอนเที่ยงคุณจะกินอาหารที่นี่หรือไปกินข้างนอกคะ ฉันจะได้สั่งไว้ให้ค่ะ” มังกรกัณฐ์รับกาแฟร้อนมาจิบแล้วเงยหน้าสบตากับหญิงสาว “งานกองท่วมโต๊ะขนาดนี้ กินที่นี่ก็ได้” “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะสั่งอาหารชุดไว้ให้คุณนะคะ” เธอทำหน้าพอใจกับคำตอบของเขา “ประชุมผู้ถือหุ้นตกลงเป็นวันพรุ่งนี้นะคะ” ชายหนุ่มหยิบแซนด์วิชส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวคำโต “ได้! ตามคุณบัญชาเลย” หญิงสาวเลิกคิ้วกับคำประชดประชันของเขา เธอโน้มหน้าเข้าไปใกล้หรี่ตามองอย่างประเมิน ท่าทางของเธอทำให้บอสหนุ่มเอนหลังถอยจนแผ่นหลังชิดพนักเก้าอี้ “อะ...อะไร” แทนคำตอบ มือเรียวยื่นไปปัดมุมปากของเขาเบาๆ แล้วดึงตัวเองกลับมายืนหลังตรง “ไม่ต้องรีบกินก็ได้ค่ะ ถ้าไม่อิ่ม ฉันจะเอามาเพิ่มให้” “พอแล้ว!
“ก็อยากมาเจอหน้าด้วย” ลลินยิ้มกว้าง เธอเองก็รู้สึกเอ็นดูเดหลี ยิ่งรู้เรื่องราวชีวิตของเดหลีแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ หากเธอเป็นเดหลี ก็ไม่รู้จะเข้มแข็งได้เท่าเดหลีหรือเปล่าเดหลียิ้มยกมือขึ้นเกี่ยวไรผมทัดใบหูแก้เขิน ใบหน้ายามยิ้มอ่อนโยนน่ามอง เล่นเอาพนักงานหนุ่มๆ ที่เดินผ่านถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง อดหยุดมองมาทางสาวสวยที่ใครๆ ต่างเข้าใจไปว่าเป็นเลขาคนใหม่ของบอสราชันส่ายหน้าไปมา เมื่อไหร่ ‘ไอ้ยักษ์’ ของเขาจะตาสว่างเสียที เขาถอนหายใจเบาๆ ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้เดหลี หญิงสาวรับแล้วเปิดออกดู ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น“มะยมได้เข้าร่วมทีมเหรอคะ ยอดเลยค่ะ ขอบคุณพี่คิงส์มากค่ะ”“มะยมเป็นเด็กมีความสามารถต่างหากล่ะ” ลลินพูดเสริม‘มะยม’ เป็นน้องชายคนเดียวของ ‘เดหลี’ ปีนี้อายุสิบเจ็ดแล้ว เขาเป็นออทิสติกประเภท Mildly autistic group หรือบางครั้งเรียกกลุ่ม Autistic ที่มีศักยภาพสูง (High – functioningautism) มีระดับสติปัญญาปกติหรือสูงกว่าปกติ มีพัฒนาการทางภาษาดี แต่ยังมีความบกพร่องในทักษะด้านสังคม การรับรู้อารมณ์ และความรู้สึกของบุคคลอื่น มีความสามารถพิเศษในสิ่งที่เขาสนใจและมีควา
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะชอบเธอขึ้นมาเหรอ” เขาถามจ้องเขม็งอย่างจับผิด แต่หญิงสาวกลับเงยหน้าขึ้นแล้วขมวดคิ้วใส่ “หลงตัวเองไปแล้วค่ะ” เดหลีส่ายหน้าไปมา “ที่ฉันทำก็เผื่อบริษัททั้งนั้น แต่ถ้าบริษัทนี้เจ๊งขึ้นมาคนที่ลำบากก็คือพนักงานลูกจ้างอย่างเราๆ คุณรวยอยู่แล้วบริษัทปิดไปก็ไม่เดือดร้อนอะไร อาจจะแค่เสียหน้านิดหน่อยแค่นั้นเอง แต่คนอื่นเขามีครอบครัวที่ต้องดูแล ลูกเต้ายังเรียนหนังสือ ถ้าตกงานไปก็ลำบาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฉันทำก็แค่เอาใจผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเท่านั้นเอง” “นั้นปากเรอะ ใครบอกว่าบริษัทนี้จะเจ๊ง!” เขาแยกเขี้ยวใส่สาวเท้าเข้าไปหา แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวใด “ก็ใช้ปากพูดนี่แหละค่ะ” เดหลีฉีกยิ้มด้วยท่าทีกวนประสาท “อันที่จริงฉันก็ไม่เดือดร้อนว่าบริษัทนี่จะอยู่หรือไป เพราะยังไง เงินที่คุณท่านโอนเข้าบัญชีให้ใช้มันก็ทำให้ฉันไม่ต้องดิ้นรนทำงานเหมือนคนอื่นแล้วค่ะ” “นี่! พูดออกมานี้ไม่อายเลยหรือไง” ผู้หญิงอะไรหน้าด้านเหลือเกิน เฮียคิงส์ก็ยังไง เอะอะก็บอกว่าเดหลีดียังนั้น เดหลีดีอย่างนี้ ให้เขาดูแลเดหลีให้ดี “เอ๋? ขอเหตุ
งานเลี้ยงหรูหราที่แจ้งไว้ว่าจำกัดคนเข้าร่วมงาน แต่ความหรูเลิศอลังการไม่ด้อยลงเลย แสงแฟลชถ่ายภาพจากกองทัพนักข่าวที่อยู่จุดถ่ายภาพทางเข้างานเลี้ยงวูบวาบ โดยเฉพาะเมื่อCEOหนุ่มควงแขนไฮโซสาวเข้ามาในงานพร้อมกัน มังกรกัณฐ์ออกงานสังคมตั้งแต่วัยรุ่น โดยติดตามมารดามาร่วมงานบ่อยๆ เขาจึงไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก ระยะหลังบิดามารดาไม่ค่อยออกงานบ่อยนัก และให้เหตุผลง่ายๆ ว่าถึงเวลาของเด็กรุ่นใหม่แล้ว เขาและพี่น้องคนอื่นต่างคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เด็ก คุณปู่บุรินทร์มาจากตระกูลผู้ดีเก่าสืบทอดมานับร้อยปี เมื่อมาถึงรุ่นคุณปู่ ท่านมีบุตรชายสองคนและบุตรสาวหนึ่ง แต่หนีตามคนรักไปและขาดการติดต่อหลายปีจนกระทั่งทราบข่าวว่าประสบอุบัติเสียชีวิตพร้อมสามี โดยทิ้งลูกชายไว้นั้นก็คือราชัน แต่ถึงจะเป็นลูกของอาหญิงแต่อายุมากกว่าเขา มังกรกัณฐ์จึงต้องเรียกพี่ แรกๆ ไม่สนิทกันนัก แต่ด้วยนิสัยชอบชกต่อยของเขาและราชันทำให้สนิทกันได้รวดเร็ว เบลล่ายิ้มกว้างควงแขนมังกรกัณฐ์แบบไม่ยอมปล่อย เกือบๆ จะกลายเป็นลากพาทักทายคนโน้นที คนนี้ที เดิมทีเธอสนิทสนมกับมังกรกัณฐ์พอสมควร หากไม่เพราะเกิดเรื่องฉาวเมื
ครู่เดียวรถเก๋งสกุลอังกฤษปราดเข้ามาจอด มังกรกัณฐ์เปิดประตูรถจากัวร์สีดำมันวาวของตนแล้วจับไหล่ของหญิงสาวกึ่งบังคับให้เข้าไปในรถ เดหลีไม่อยากเป็นเป้าสายตาจึงยอมเข้าไปนั่งแต่โดยดี เธอรู้ว่ารถคันนี้เป็นรถคันโปรดของเขา เดหลีมองหาเข็มขัดนิรภัย เป็นจังหวะที่มังกรกัณฐ์เปิดประตูฝั่งคนขับแล้ว ชายหนุ่มหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่พอเห็นเลขาคนเก่งกลับทำอะไรงกๆ เงิ่นๆ ก็หงุดหงิดขึ้นไปอีก โน้มตัวไปชัดรัดเข็มขัดนิรภัยให้“ขะ...ขอบคุณ...” ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี รถก็พุ่งทะยานออกไปอย่างเร็วจนหลังของเธอกระแทกกับเบาะรถ พูดออกไปแล้วจะเก็บคำ ‘ขอบคุณ’ กลับคืนก็ไม่ได้ จึงได้แต่กัดฟันข่มความโกรธไว้ชายหนุ่มปรายตามองเสี้ยวหน้าที่ดื้อรั้น ยามราตรีถนนค่อนข้างโล่ง เขาจึงเพิ่มความเร็วได้สมใจอยาก“ถนนหลวงนะคะ ไม่ใช่สนามแข่งรถ” เดหลีพูดขึ้น “ระวังมอ’ไซค์ด้วยค่ะ”“ไม่เชื่อฉันหรือไง” เขาขยับพวงมาลัยเล็กน้อยก็แซงรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง สี่แยกไฟแดงอยู่เบื้องหน้าเขาจึงลดความเร็วลงจนรถมาจอดที่สัญญาณไฟแดงพอดี “ทำไมไม่ปากดีให้ตลอดล่ะ”“ฉันปากดีอะไรคะ” เธอหันไปพูดใส่หน้าเขา “คุณอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ”“โธ่! ฉ
คำพูดของมังกรกัณฐ์ทำให้หญิงสาวนอนไม่หลับ หรือสมองเขากระทบกระเทือน?เขาควรดีใจที่คุณบุรินทร์อนุญาตให้หย่ากันได้แล้วนี่ เธอเองก็เตรียมรับมือกับเรื่องพวกนี้ไว้แล้ว ทำงานที่คฤหาสน์หลังนั้นมาห้าปี ผูกพันเหมือนบ้านแต่ไม่ใช่บ้าน ฐานะของเธอดีกว่าคนรับใช้นิดหน่อย เงินเดือนมากกว่า การอยู่ในคฤหสาน์นั้นสุขสบายมาก แต่เธอตั้งใจไว้แล้ว การทำงานที่นั้นก็เพื่อเก็บเงินสักก้อน ดูแลน้องชายและแม่ เธอเรียนจบแล้ว และต้องการทำงานประจำเพื่อเลี้ยงครอบครัวของเธอ การที่คุณบุรินทร์รับปากจะดูแลน้องมะยมจนบรรลุนิติภาวะ คือเงือนไขหลักที่เธอยอมเล่นเกมจดทะเบียนสมรสกับมังกรกัณฐ์ เขาควรดีใขไม่ใช่หรือ? หัวฟัดหัวเหวี่ยงที่เธอพูดเรื่องหย่ากับเขา? เดหลีพลิกตัวไปมา คว้าโทรศัพท์มือถือมาดูเวลาแล้วก็ถอนหายใจ ‘อยากกลับบ้าน’แม้ที่นั้นจะไม่ใช่บ้าน แต่เธอก็ไม่มีที่อื่นให้ไป ก็ไม่เชิงว่าเธอไม่มีที่ให้ไป อย่างน้อยก็บ้านของป้าที่แม่อาศัยอยู่ด้วยในเวลานี้ เธอไปเยี่ยมทุกเดือน ซื้อของกินของใช้เข้าบ้าน เอาเงินไว้ให้ ส่วนมะยมอยู่โรงเรียนประจำสำหรับเด็กพิเศษ เธอจึงไม่ค่อยกังวลนัก มีคนดูแลตลอด 24. ชั่วโมง และที่สำ
หญิงสาวยิ้มดีใจ ได้กินเพิ่มอีกครึ่งชิ้นก็ยังดี เอาเถอะ เขาอาจจะแค่รู้สึกผิดที่ทำให้เธอเจ็บตัวก็ได้ ถึงได้ทำดีแบบนี้ หรือไม่ก็ดีใจที่จะได้หย่ากันเสียที เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ต้องหย่ากับเขา แต่คิดว่าอย่างน้อย เขาอาจจะมองเธอดีขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เอาแต่พูดจากระแทกแดกดันใส่กันทุกครั้ง หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เขาถามสถานที่จัดงานแล้วพาหญิงสาวไปที่หมาย สตูดิโอถ่ายทำรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เพราะจำกัดคนเข้าชม ผู้คนจึงไม่มากนัก แต่ทุกคนก็มาเชียร์คนของตัวเอง “ไอ้ยักษ์มาด้วยเหรอ” ราชันเอ่ยทักแล้วส่งยิ้มให้เดหลี “ได้ข่าวว่ารถชน นึกว่าไม่มาแล้ว “ “ยังไงก็ต้องมาให้ได้ค่ะ” เธอชะเง้อไปหน้าเวที แต่ราชันกระดิกนิ้วเรียกลูกทีมอีกคนมา เขายื่นเสื้อยืดส่งให้เดหลี “อะไรคะ” เดหลีรับมาอย่างงงๆ เป็นเสื้อยืดสีขาวธรรมดา สกรีนชื่อวงดนตรีที่ราชันดูแลอยู่ ราชันเปิดค่ายเพลงขนาดเล็ก แต่รวบรวมนักดนตรีอินดี้ไว้ในสังกัดมากมาย รวมทั้งสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ด้านนี้ “ขึ้นเวที” “หา!” “มะยมฝันมาตลอดว่าจะได้เล่นดนตรีพร้อมพี่สาว” รา
“ไม่เห็นเป็นไร หรือเธอจะไม่ใส่อะไรเลยก็ได้” เขายักไหล่ “ผมจะลงไปรับอาหารก่อน คุณก็ทำตัวดีๆ อย่าดื้อนัก” เพราะถูกน้ำเสียงที่นุ่มนวลทำให้ตะลึงงัน เขาหันหลังเดินออกไปแล้วทิ้งเธอไว้ในห้องเพียงลำพัง เมื่อครู่เธออาจฟังผิดไป หรือเขาคงลืมตัว ปกติเขาพูดจากับเธอไม่ใช่ ‘ผม’ กับ ‘คุณ’ เดหลีส่ายหน้าไปมา บางเขาอาจจะลืมตัวก็ได้ ไม่ได้ตั้งใจพูดดีๆ กับเธอหรอก หญิงสาวค้นดูตู้เสื้อผ้าของเขา ไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิง แต่ถ้ามี เธอคงไม่กล้าหยิบมาใส่ แค่พยายามหาพวกกางเกงขาสั้น แต่รูปร่างเธอเขาต่างกันมาก เอาเถอะ เสื้อยืดของเขาก็ตัวยาวพอจะคลุมปิดก้นเลยทีเดียว มังกรกัณฐ์เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมอาหารหลายอย่าง และน้ำผลไม้ แต่เมื่อเข้ามาในห้องไม่เห็นร่างของคนที่เขาสั่งให้รอ “เดหลี” เขาเรียกแล้วเอาถุงอาหารไปวางบนโต๊ะที่เคาน์เตอร์ครัว หางตารับรู้การเคลื่อนไหวจึงหันไปมอง แล้วเขาก็กวาดตามองทั่วร่างของหญิงสาวที่สวมเพียงเสื้อยืดของเขา มือเล็กดึงชายเสื้อลงมาให้มากที่สุด “เดี๋ยวเสื้อผมก็ยืดหมดหรอก” เขาหัวเราะแล้วพยักหน้าเรียก “มาจัดโต๊ะนี่ ผมจะไปอาบน้ำบ้าง หิวก็กินก่อนเลย อ
“ก็ยังต้องรอดูนั้นแหละ ถ้าใช้วิธีของผมนะจบง่ายกว่านี้” ราชันยักไหล่ “ก็เดหลีเป็นคนดีนี่ค่ะ” ลลิน ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดๆ ดังลั่นมาถึงด้านนอก คงขู่ให้กลัวได้อยู่บ้าง “คนห่วงหน้าตาอย่างเบลล่า คงไม่กล้าทำอะไรอีกแน่ๆ ค่ะ” “ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เอาล่ะ กลับบ้านเราเถอะ” “อ้าว! แล้วไม่ไปเยี่ยมคุณยักษ์แล้วหรือคะ” “ไปทำไม เจ็บแค่นิดเดียวเอง ให้เมียมันดูแลเถอะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส แสดงว่าที่นอนอยู่นั้นคงตั้งใจ ‘ออเซาะ’สินะ ราชันบีบปลายจมูกของคนรักอย่างหยอกล้อ ที่เขายอมมาช่วยก็เพราะเป็นห่วงเดหลีหรอก ไม่ใช่เพราะอยากมาช่วยเจ้ายักษ์ แต่เอาเถอะ ถึงตอนนี้แล้ว คงจัดการตัวเองได้แล้วล่ะ…………มังกรกัณฐ์ชะเง้อมองไปทางประตู เขารอให้คนรักกลับเข้ามาจะได้แกล้งเจ็บออดอ้อนให้สมใจอยาก แค่โดนรถเฉี่ยวนิดเดียว แต่เดหลีหวีดร้องอย่างกับเขาแขนขาขาดกระเด็น แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนั้นแล้ว เขาจึงสวมบทคนเจ็บให้เต็มที่“โตขนาดนี้แล้วยังเล่นเป็นเด็กอีก” คุณบุรินทร์อดดุหลานชายไม่ได้ ทีแรกได้ยินว่าประสบอุบัติเหตุก็นึกว่าอาการหนัก ยิ่งเห็นเดหลีร้องไห้ต
พนักงานในบริษัทต่างลอบมองหญิงสาว แต่เดหลีทำเป็นไม่ใส่ใจ เธอยังคงทำงานของเธอ พูดคุยกับทุกคนเช่นที่เคยผ่านมา ในเมื่อมังกรกัณฐ์ประกาศออกไปอย่างนั้นแล้ว เธอจะก้มหน้าอายอะไรอยู่ ฐานะชาติกำเนิดของเธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือยอมรับความจริงและเผชิญหน้ากับมัน “นี่ๆ เลิกงานแล้วไปซื้อของกันนะ” มังกรกัณฐ์ทักเดหลี ท่าทางของเขาผ่อนคลายลงมาก คิดว่าต่อไปนี้คงไม่มีเรื่องอะไรมารบกวน ‘ชีวิตคู่’ ของเขาอีกแล้ว “ซื้ออะไรคะ” เธอถามสายตายังคงอยู่กับเอกสารตรงหน้า “แหวนไง” “แหวน?” คราวนี้หญิงสาวเงยหน้าขึ้น “แหวนอะไรคะ” มังกรกัณฐ์เบ้ปาก เดินมาจับมือซ้ายของหญิงสาวขึ้น “มือเธอยังไม่มีแหวนแต่งงานเลย” “แหวนแต่งงาน” ใบหน้าหวานขับสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที “เพราะไม่ได้ใส่แหวนแต่งงานละมั้ง คนอื่นถึงไม่รู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว” เขาหัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นคุณยักษ์ก็ต้องใส่ด้วย คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณยักษ์มีเจ้าของแล้ว” เธอพูดใส่เขา แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้าง “มันต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว” เขายกมือข้างซ้ายของเธอขึ้นมาจูบเบาๆ “เรื่องพิธีแต่งงาน ฉันพูดจริงนะ ฉันอยากจัดงานแต่งงาน อยากให้เธอสวมชุดเจ้าสาว” “ไ
“ก็ฉันหวงเธอ อยากให้เธอเป็นเมียฉัน เป็นแม่ของลูก เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้จริงๆ เหรอเดหลี” เพราะปลดปล่อยไปแล้วรอบหนึ่ง รอบสองจึงยาวนานกว่าครั้งแรก เขาขยับตัวเปลี่ยนท่านจับหญิงสาวนอนตะแคงแล้วยกเรียวขาแยกออกสอดใส่จากด้านหลัง มือหนึ่งก็ขยี้จุดเสียวซ่าน อีกมือบีบเคล้นหน้าอกเพิ่มความเสียวกระสัน เขาฟังเสียงครางของหญิงสาวอย่างพอใจ แล้วกระซิบข้างหู “ฉันบอกแล้ว ต่อไปนี้เรื่องของเธอคือเรื่องของฉัน ไม่ว่าปัญหาอะไรของเธอ ที่ฉันพูดกับพ่อเธอวันนี้ก็พูดจากใจจริง ไม่ได้แค่พูดเอาใจใคร” “คุณยักษ์” เธอเอี้ยวหน้าหันมามองเขา วันนี้เธอรู้สึก “รัก” เขามากกว่าทุกวัน รักมากเสียจนอยากกักเก็บเขาไว้เป็นของเธอคนเดียว ไม่ว่าเขาจะทำไปเผื่อรักษาหน้าเขาเองหรือเพราะพูดด้วยความจริงใจ เธออยากรักษาห้วงเวลาพิเศษนี้ไว้ให้เนิ่นนาน “แล้วเลิกคิดเรื่องหย่าไปได้เลย” เขาขบติ่งหูของเธออย่างมันเขี้ยว “โอ๊ย เสียว ขอกระแทกแรงๆนะเมียจ๋า” “อะ..อะ ..อร๊ายยย” “โอ้วว” ชายหนุ่มปลดปล่อยอีกระลอกพร้อมหญิงสาวที่ไปถึงจุดสุดยอดอีกครา คราวนี้เขายอมถอนแก่นกายออกจากร่องรัก เขาโน้มหน้าลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ เขาลุกขึ้นจากเตียง ดึงผ้
“อย่างไรเราก็คนครอบครัวเดียวกัน หรือคุณอาคิดว่าคนอื่นจะดีกับคุณอาเท่ากับผมหรือเดหลีละครับ แต่ถ้าคุณอาไม่เห็นผมเป็นลูกเขยก็ไม่เป็นไร ผมส่งคุณอาให้เสี่ยศักดิ์ชัยดีไหมครับ ได้ยินว่าเสี่ยศักดิ์ชัยตามหาคุณอาอยู่เหมือนกัน” “ไม่ต้องๆ” พ่อของเดหลีรีบร้อนเอ่ยขึ้น เผลอมองไปทางด้านนอกซึ่งมีรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ และเหมือนคนในรถจะรู้ตัว รีบขับออกไปทันที ทำให้พ่อของเดหลีอึกอักทำอะไรไม่ถูก “เอาอย่างนี้นะครับ ประเดี๋ยวผมให้คุณปกรณ์มารับคุณอา หาที่พักสะดวกๆ เข้าโครงการบำบัดยาเสพติด ถ้าคุณอาเชื่อฟังดีๆ หนี้สินต่างๆ ผมเป็นลูกเขยจะจัดการให้เอง” รอยยิ้มของมังกรกัณฐ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กดดันอีกฝ่าย “แต่ถ้าคุณอาไม่ยินดี ผมคงไม่สามารถช่วยอะไรคุณอาได้ รวมทั้งเรื่องเสี่ยศักดิ์ชัยด้วย หรืออย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าลูกสาวของคุณอา ทำตัวให้สมกับเป็นพ่อที่ดีสักครั้ง” คราวนี้ทำให้พ่อของเดหลีสงบลงไปได้ มังกรกัณฐ์ถอนหายใจเบาๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะโทรหาปกรณ์ แต่คนทนายประจำตระกูลก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาพอดี “จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ” ปกรณ์ทักแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อ เพรา
เขาไม่มีท่าทีจะก่อกวนในที่ทำงานอย่างที่เขาชอบขู่เอาไว้ ทำให้หญิงสาววางใจทำงานอย่างสบายใจ ส่วนเรื่องเสียงนินทานั้น เธอชินแล้ว แต่ก่อนที่จะมาอยู่ดูแลคุณลออ เธอเองเคยถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนไม่ชอบหน้า เบ้ปากมองบนใส่จนเคยชิน บางคนชอบพูดว่าเธอทำตัวเป็นลูกรักของครู-อาจารย์ แต่เธอเพียงแค่ต้องเรียนอย่างหนัก ไม่มีเงินไปลงเรียนพิเศษ และต้องหาทุนให้ตัวเองเรียน การเข้าหาอาจารย์เพื่อติดตามเรื่องขอทุนรวมทั้งหางานพิเศษทำ จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ แต่ที่ไม่ปกติสำหรับเธอก็คือ ทุกวันทำงานหนักหัวหมุนแค่ไหน เรื่องบนเตียงของเขาไม่เคยหยุดพัก ไม่รู้เขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนมากมายขนาดนี้ ‘คนอะไรกินดุ กินจุ ตะกระตะกรามที่สุด!’ “เดหลี” “คะ” “เหม่ออะไร ฉันใช้งานเธอหนักไปเหรอ” มังกรกัณฐ์ถามแล้วดีดนิ้วใส่หน้าผากเธอเบาๆ “เก็บกระเป๋ากลับบ้านได้แล้ว จะหกโมงเย็นแล้ว” “ค่ะ” เดหลียกมือลูบหน้าผากตัวเอง เมื่อไม่มีคนอื่น เขาชอบแกล้งเธอแบบนี้ หญิงสาวปิดคอมพิวเตอร์แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นคล้องไหล่ ทั้งสองเข้าไปในลิฟต์แล้ว มังกรกัณฐ์จึงเอ่ยถาม
เดหลีไปได้พูดอะไร คำพูดของเธอไม่มีความหมาย แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเช่นนี้ เธอเป็นเพียงตัวแทนของลูกสาวที่จากไปแล้วของคุณลออ ท่านมักคิดถึงแต่เรื่องวัยเยาว์ของลูกสาวเสมอ “ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเดินเข้ามาเรียกอย่างสุภาพ คุณลออพยักหน้ารับแต่ไม่ลืมลูบใบหน้าของหญิงสาว“แม่รักหนูนะลูก”‘หนูก็รักคุณท่านค่ะ’เดหลีได้แต่พูดในใจ พลางนึกถึงท่าทีของแม่ที่มีต่อเธอ เป็นเธอเองที่ยังทำใจยอมรับไม่ได้ อย่างที่ป้าคอยพูดกับเธอเสมอ ให้เธอให้อภัยแม่“ร่างกายแข็งแรงดีแล้วรึ” คุณบุรินทร์เอ่ยถามเมื่อคุณลออออกไปพร้อมพยาบาลพิเศษแล้ว“แข็งแรงดีแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเบา นึกถึงเรื่องที่คุณบุรินทร์เอ่ยในโรงพยาบาล ให้เธอหย่ากับมังกรกัณฐ์ คงถึงเวลาที่เธอต้องทำตามคำสั่งของคุณบุรินทร์ เวลาของซินเดอเรลร่าหมดลงแล้วสินะ“หนู...”“คุณปู่ครับ”เดหลีสะดุ้งไม่คิดว่าจู่ๆ มังกรกัณฐ์จะเข้ามาแบบนี้ คุณบุรินทร์หรี่ตามองหลานชายที่เดินเร็วๆ เข้ามาคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้“ผมมีงานค้างอยู่ ขอเอาตัวเดหลีไปก่อนนะครับ”“เออ อ้าว ...เฮ้อ” ยังไม่ทันได้พูดอะไร หลานตัวดีก็แทบลากเดหลีออกจากห้องไป ทั้งคู่เดินออกไปแล้วทิ้งไว้เพียงคนแก่นั
ทั้งที่มังกรกัณฐ์เพิ่งเคยมาบ้านป้าของเดหลีเป็นครั้งแรก แต่เขาก็ทำราวกับว่ามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน เดิมทีเดหลีคิดว่าเขาแค่ขับรถมาส่งเธอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอาสาขนของเข้ามาในบ้านและไหว้ป้ากับแม่ของเธอ “นี่คุณมังกรกัณฐ์ เจ้านายของหนูค่ะ” เดหลีแนะนำชายหนุ่มให้ป้ากับแม่รู้จัก ทั้งสองมีสีหน้างุนงงแต่ก็ยิ้มให้ “เจ้านาย...” ป้าเอ่ยเหมือนอยากถามแต่เกรงใจ ลอบกวาดสายตามองผู้ชายตรงหน้า เขาเหมือนหลุดออกมาจากซีรีย์เกาหลีที่ชอบดูยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่สำคัญ หลานสาวไม่เคยพาใครมาที่บ้าน หลานไม่มีเพื่อนสนิท กลับบ้านทุกเดือนก็จริงแต่ก็แค่ซื้อของเข้าบ้าน เอาเงินเดือนมาให้ ป้ารู้ว่าหลานมีเรื่องผิดใจกับแม่ ซึ่งป้าเพียรพยายามเป็นกาวใจให้สองแม่ลูก แต่หลานสาวก็ปิดกั้นตัวเองเต็มที่ มังกรกัณฐ์อ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เดหลีใช้ศอกกระทุ้งเขาเบาๆ เป็นเชิงเตือน สายตาดุๆ ของเธอทำให้เขาปิดปาก นึกประหลาดใจที่ตัวเองยอมทำตามเธอขู่ได้ “พอดีหนูซื้อของเยอะ เจ้านายเมตตามาส่งค่ะ” “อ้อ...อย่างนั้นเองหรือจ๊ะ ขอบใจมากเลยพ่อคุณ” ป้ายิ้มบางๆ แต่ฝ่ายคนเป็นแม่ได้แต่ยิ้มแห
ชายหนุ่มส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูด “เธอหึงฉันละสิ เลขาที่อาปกรณ์ส่งมาให้เป็นผู้ชายนะ” “ไม่ได้หึงเสียหน่อย” เดหลีขึงตาใส่ “แค่เป็นห่วงเรื่องงานเท่านั้น” “ให้นั่งๆ นอนๆ เป็นคุณนายอยู่ที่นี่ไม่ดีหรือไง” เขาถาม “อยากกินอะไรหรือช้อปปิ้งอะไรก็ทำได้เลย ฉันทำบัตรเครดิตไว้ให้แล้ว” “ก็ชอบทำงานนี่ค่ะ” หญิงสาวพูดไปตามจริง “อีกอย่าง เดหลีรับเงินเดือนจากคุณบุรินทร์ หยุดงานมาเป็นหลายวันแล้ว เกรงว่า...” “เรื่องนั้นเลิกคิดได้เลย ต่อไปนี้ค่าใช้จ่ายของเธอ ฉันจัดการเอง” เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “ค่าใช้จ่ายของน้องมะยม ค่ายาของแม่ เงินเดือนของเธอ ฉันรับผิดชอบเองทั้งหมด ต่อไปนี้เงินในบัญชีฉันก็เหมือนเงินของเธอ” “ไม่ได้นะคะ คุณยักษ์ทำแบบนั้นไม่ได้” เดหลีเผลอลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “ทำไมจะไม่ได้ เธอเป็นเมียฉัน ฉันก็ต้องเลี้ยงดูเธอสิ” “แต่เดหลีอยากทำงานมีรายได้ของตัวเองค่ะ” แววตาของเธอจริงจังไม่ได้ล้อเล่น “กลัวฉันดูแลเธอไม่ได้หรือไง” มังกรกัณฐ์ขมวดคิ้ว “วันนี้คุณยักษ์ดูแลเดหลีดีมากค่ะ แต่วันข้างหน้า สถานะของเ
“จะบ้าเรอะ! ใครจะเอากันที่ทำงาน! เธอไม่เห็นหรือไง งานมันกองท่วมโต๊ะเป็นภูเขาขนาดนั้น ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปซั่มกับใคร ก็แค่แกล้งเธอเท่านั้นแหละ” “แล้วคุณยักษ์แกล้งเดหลีทำไมคะ” “ก็เธอมันน่าแกล้งไหมละ ฉันเคยเสนอแล้วให้รับเงินจากฉันจะได้ไม่ต้องมาฝืนใจแต่งงานกันแบบนี้” “ก็...ไม่ได้ฝืนใจนี่ค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่วแล้วขยับตัวถอยห่าง แต่กลับถูกเขาคว้าเอวไว้ก่อน “หมายความว่ายังไง เธอทำไปเพราะอยากได้เงินจากคุณปู่ไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธออยากจับฉัน หรือรักฉันจริงๆ” ถูกเขาดูถูกครั้งแล้วครั้งเล่า เธอจะไม่เสียใจได้หรือไร เดหลีข่มความโกรธที่มีอยู่ในอก แต่ถูกสายตาที่จ้องมองแบบดูแคลน เอาเถอะ ไหนก็จะหย่าอยู่และก็จะย้ายออกไปแล้ว เธอจึงเชิดหน้าพูดขึ้น“การรักคุณคือหายนะสำหรับฉัน เพราะฉะนั้น ฉันจึงต้องเตือนหัวใจตัวเองไม่ให้เผลอใจไปรักคุณ”“รักกับฉันมันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาไม่รู้ว่าควรโกรธหรือเสียใจดี“ไม่แย่หรอกค่ะ ถ้าเป็นคนที่คุณรัก แต่ฉันไม่ใช่คนที่อยู่ในสายตาคุณ ถ้าฉันรักคุณ ตัวฉันก็ต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานกับรักข้างเดียว หรือถ้าคุณรู้ว่าฉันรักคุ