“ใช่” เขาทำหน้าจริงจัง “แบบนี้คุณต้องเลี้ยงผมแล้วล่ะ” ลลินหัวเราะเสียงใส เดินไปคล้องแขนเขาอย่างเอาใจ “ใครนะที่บอกว่าจะสนับสนุนลินทำทุกอย่าง” “นั้นสิใครกัน” ราชันยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูมันวาว “คุณเข้าไปรอที่ห้องทำงานก่อน ผมของคุยกับผู้จัดการร้านสักประเดี๋ยวจะตามเข้าไป” “รับทราบค่ะ” ลลินใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบลิปสติกที่เปื้อนริมฝีปากเขา “ห้ามเถลไถลนะคะ” “รับทราบครับ” ราชันมองร่างของคนรักเดินตรงไปที่ชั้นบนของผับ ใบหน้าระบายยิ้มเมื่อครู่กลายเป็นเงียบขรึม เด็กเสิร์ฟไม่กล้าเข้าใกล้ คนในร้านต่างชอบที่ลลินเข้ามาพร้อมกับราชันเพราะทุกคนกลัวราชันมาก แต่เมื่อมีลลินอยู่ ราชันจะเก็บรังสีอำมหิตของตัวเองไว้มิดชิด และตอนนี้ทุกคนรู้ว่าราชันต้องการพบผู้จัดการร้านก็คือ ‘เอ็มเจย์’ “เอ็มเจย์เข้ามาหรือยัง” “ยังไม่เห็นเลยครับ” เด็กเสิร์ฟตอบเสียงสั่น “เปิดเบียร์มาหน่อย” “ครับ” เด็กเสิร์ฟกุลีกุจอนำเบียร์ขวดเล็กมาเสิร์ฟ ราชันหยิบขวดขึ้นกระดกแล้วกวาดสายตามองทั่วร้าน ขณะที่กำลังคิดว่าจะขึ้น
“นี่ถึงขนาดต้องใช้ผู้หญิงมาเล่นงานกันเลยเหรอ” ราชันหัวเราะเยาะปรายตามองหญิงสาวที่กระถดตัวบนพื้นลานจอดรถ เอ็มเจย์เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เคยระบายยิ้มให้เพื่อนกลับเปลี่ยนเป็นเคียดแค้น “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไม่ดีใจเลยหรือไง” ราชันยังคงท่าทีกวนประสาท “หรือเสียใจที่เห็นว่าเป็นตัวเป็นๆ แบบนี้” “ว่าจะถามอยู่ว่าหายไปไหนมา” เอ็มเจย์กระตุกยิ้มที่มุมปาก “แต่ก็นั้นแหละ ร่ำรวยมีเงินมีทองแล้ว อยากทำอะไรก็ได้ จะทิ้งเพื่อนฝูงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ ใช่ไหม?” “ทิ้งเพื่อน?” ราชันเลิกคิ้ว “ใครทิ้งใครกันแน่” “แล้วไอ้คนที่มันได้ดีแล้วทิ้งคนอื่นนี่เรียกว่าอะไร!” เอ็มเจย์ตวาดอย่างหัวเสีย “กูเลิกชกมวยมันก็เรื่องของกู มึงเป็นเพื่อนกู ทำไมไม่เข้าใจกู” “เพราะมึงไม่เสียเหมือนกูไง!” “มึงเสียอะไร! สิ่งที่มึงได้จากกูไปตั้งกี่ล้าน! มึงเองก็รู้ดี! สักวันกูต้องเลิกชกมวย!” “แต่ไม่ใช่ตอนนี้!” “ทำไม? หรือเพราะกูทำให้มึงขายยาระยำนั้นไม่ได้” คราวนี้เอ็มเจย์หน้าซีดไปแล้วพูดเสียงเบาเหมือนละเมอ “มึงรู
ลลินกลับเข้ามาที่คอนโด ในห้องเงียบสนิทจนรู้สึกใจคอไม่ดี แต่เธอมั่นใจว่าเขาอยู่ที่นี่ ไม่ได้หลบหน้าเธอไปที่อื่น ลลินกวาดตามองในห้องเห็นแก้วเหล้าวางไว้ มือเรียวหยิบขึ้นมาดูและมองเลยไปชั้นวางเครื่องดื่ม ราชันชอบคราฟท์เบียร์ (Craft Beer) แต่ในครัวมีบรั่นดีชั้นดีอยู่ติดบ้าน หญิงสามกัดริมฝีปากครุ่นคิด ล้างแก้วเหล้าแล้วจึงเดินไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมชุดนอนแล้วเดินไปห้องนอน ลมหายใจระบายออกมาอย่างพอใจที่เจ้าของห้องไม่ได้ล็อกไว้ เธอเปิดประตูห้องเบาๆ เกรงจะรบกวนคนที่นอนตะแคงหันหลังอยู่บนเตียงหนานุ่ม ร่างบางขยับตัวขึ้นเตียง ยื่นหน้ามองเสี้ยวหน้าที่ปิดเปลือกตาอยู่ เธอยื่นมือแตะหน้าผากของเขา “หลับเร็วจัง ไม่สบายหรือเปล่าคะ” อุณหภูมิร่างกายของเขาปกติ ลลินสบายใจไปเปราะหนึ่ง เขาไม่ขานรับและทำเป็นไม่ได้ยินแต่ดวงตาหลังเปลือกตานั้นมีการเคลื่อนไหว หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาแล้วมองแผ่นหลังของเขา เวลานอนราชันจะสวมเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ทำไมเธอถึงคุ้นชินกับผู้ชายคนหนึ่งได้เร็วถึงเพียงนี้นะ หรือเพราะเขามาเปิดหัวใจที่ปิดตายของเธอ มาทำลายกำแพง
มังกรกัณฐ์ นักธุรกิจหนุ่มมีรอยสักบนแผ่นอก ถูกบังคับให้แต่งงานกับ เดหลี ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ดูแลคุณลออ-คุณย่าของมังกรกัณฐ์ โดยคุณบุรินทร์ผู้เป็นปู่เป็นคนยื่นคำขาด หากไม่ยอมแต่งงานกับเดหลีจะไม่รับการรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic valvular stenosis) เปลี่ยนลิ้นหัวใจมังกรกัณฐ์ จำใจแต่งงานกับเดหลี เขาเข้าใจว่าเดหลีล่อลวงให้คุณปู่มาบังคับเขาเช่นนี้ เพื่อหวังทรัพย์สินจากเขา แต่เดหลีมียอมรับข้อเสนอครั้งนี้เพียงเพราะต้องการให้น้องชายที่เป็นทิสติกได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด ครอบครัวของเธอไม่ได้อบอุ่นเหมือนครอบครัวอื่น เธอต้องทำงานหาเงินส่งเสียให้ตัวเองได้เรียนหนังสือ มีคนแนะนำให้ทำงานด้านดูแลผู้สูงอายุ เธอจึงไปเรียนเข้าอบรมจนได้มาทำงานที่บ้านของมังกรกัณฐ์ หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาจนกระทั้งวันที่คุณบุรินทร์ยื่นข้อเสนอนี้ให้‘การรักคุณคือหายนะสำหรับฉัน เพราะฉะนั้น ฉันจึงต้องเตือนหัวใจตัวเองไม่ให้เผลอใจไปรักคุณ’แม้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว เขาก็ไม่ได้มีท่าทีจะลดความเกลียดชังที่มีต่อเธอลงเลย ระหว่างนี้เธอไม่ได้เป็นผู้ช่วยพยาบาลแล้ว แต่มาทำงานเป็นเลขาให้มังกรกัณฐ์ตามคำสั่ง
เดหลีเห็นมังกรกัณฐ์หันหลังเดินไปเก็บอะไรสักอย่างบนโต๊ะทำงาน เธอลอบถอนหายใจโล่งอก ปกติเธอไม่ใช่คนพูดมาก หรือปากร้ายใส่คนอื่น แต่บางครั้งก็จำเป็น และเธอก็อดแลบลิ้นใส่คนตัวโตไม่ได้ เพราะเขานั้นแหละ ทำให้คนอื่นมองว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้ “ไปเถอะ” “ค่ะ” เดหลีเดินตามชายหนุ่ม เขาวาดวงแขนมาโอบไหล่บังคับให้เธออยู่ใกล้เขา ร่างกายของเดหลีเกร็งขึ้นมาทันที แต่พอเห็นสายตายั่วล้อของเขาแล้ว เธอแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แม้ว่าปลายนิ้วของเขาจะลูบไหล่ของเธอเบาๆ เธอรู้ว่าเขาแค่อยากแกล้งปั่นหัวเธอเล่น ถ้าเห็นเธอร้อนใจเมื่อไหร่นั้นคือชัยชนะของเขาการแต่งงานครั้งนี้มันเกิดขึ้นด้วยความจำเป็นที่เธอต้องรับเงื่อนไขบางอย่างและเขาก็จำใจต้องทำเพื่อเงื่อนไขบางสิ่งเช่นกันปีนี้เดหลีอายุยี่สิบเอ็ด เธอเพิ่งแต่งงานจดทะเบียนกับผู้ชายที่ชื่อมังกรกัณฐ์เมื่อสองเดือนที่แล้ว ความจริงเธอรู้จักมังกรกัณฐ์มานานหลายปี เพราะเธอทำงานที่บ้านคุณท่านหรือคุณบุรินทร์ของคุณมังกรกัณฐ์ แต่เดิมทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล ดูแลคุณยายลออ ตอนนั้นครอบครัวของเธอมีปัญหา ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันทั้งที่เพ
แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเดหลีไม่หิวแสง ไม่แสดงตัวต่อหน้าคนในบริษัท แม้ว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเดหลีคือภรรยาของเขาก็ตาม และหนึ่งในคนที่รู้คือเลขาคนเก่งที่คุณพ่อมอบมาให้ช่วยงานเขา แต่ตอนนี้ลาคลอด... เวลานี้เดหลีจึงเข้ามาดูแลงานแทนที่เลขา เขาแกล้งหญิงสาวสารพัด แต่ไม่คิดว่าเดหลีจะทนได้ คิดว่าสักวันเดหลีต้องแสดงธาตุแท้ออกมา กรีดร้อง โวยวาย ทำลายข้าวของ แล้วเขาจะเอาเรื่องเหล่านั้นมาฟ้องคุณปู่ ให้คุณปู่ได้รู้ว่าผู้หญิงที่คุณปูยัดเยียดให้เขานั้นแท้จริงเป็นอย่างไร แต่ผ่านมานานนับเดือน เขายังไม่เห็นเธอแสดงสิ่งที่เขาต้องการเห็นเลยสักนิด เธอยังคงทำงานในส่วนของเธอ รวมถึงงานของเขาที่แกล้งทิ้งๆขวางๆ ไม่ใส่ใจ ยังไม่นับถึงการที่เขาควงผู้หญิงมาเย้ยต่อหน้าต่อตาอีก เธอต้องการอะไรกันแน่ เดหลี เดหลีเงยหน้าขึ้นถอดแว่นสายตาออกแล้วนวดคลึงเบ้าตาเบาๆ เมื่อความเหนื่อยล้าผ่อนคลายลง เธอจึงเห็นว่ามีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนพิงกรอบประตูอยู่“คุณยักษ์?” “หือ?” มังกรกัณฐ์ตื่นจากภวังค์ เห็นแววตาของหญิงสาวที่มองเขาฉายแววฉงนทำให้เขาแสร้งกระแอมไอ ยกข้อมือขึ้นดูเวลาจากนาฬิกา
เดหลีเดินกลับเข้ามาพร้อมกาแฟร้อนและแซนวิชด์หน้าตาน่ากิน ต่อให้มังกรกัณฐ์ไม่หิวก็ทำให้เขาน้ำลายสอได้ “วันนี้มีประชุมตอนสิบโมงเช้านะคะ เอกสารตรงนี้คุณช่วยตรวจอีกรอบและถ้าไม่มีอะไรคัดค้านรบกวนเซ็นอนุมัติภายในวันนี้ให้ด้วยค่ะ” เดหลีเห็นเขาพยักหน้ารับรู้จึงเอ่ยต่อ “ตอนเที่ยงคุณจะกินอาหารที่นี่หรือไปกินข้างนอกคะ ฉันจะได้สั่งไว้ให้ค่ะ” มังกรกัณฐ์รับกาแฟร้อนมาจิบแล้วเงยหน้าสบตากับหญิงสาว “งานกองท่วมโต๊ะขนาดนี้ กินที่นี่ก็ได้” “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะสั่งอาหารชุดไว้ให้คุณนะคะ” เธอทำหน้าพอใจกับคำตอบของเขา “ประชุมผู้ถือหุ้นตกลงเป็นวันพรุ่งนี้นะคะ” ชายหนุ่มหยิบแซนด์วิชส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวคำโต “ได้! ตามคุณบัญชาเลย” หญิงสาวเลิกคิ้วกับคำประชดประชันของเขา เธอโน้มหน้าเข้าไปใกล้หรี่ตามองอย่างประเมิน ท่าทางของเธอทำให้บอสหนุ่มเอนหลังถอยจนแผ่นหลังชิดพนักเก้าอี้ “อะ...อะไร” แทนคำตอบ มือเรียวยื่นไปปัดมุมปากของเขาเบาๆ แล้วดึงตัวเองกลับมายืนหลังตรง “ไม่ต้องรีบกินก็ได้ค่ะ ถ้าไม่อิ่ม ฉันจะเอามาเพิ่มให้” “พอแล้ว!
“ก็อยากมาเจอหน้าด้วย” ลลินยิ้มกว้าง เธอเองก็รู้สึกเอ็นดูเดหลี ยิ่งรู้เรื่องราวชีวิตของเดหลีแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ หากเธอเป็นเดหลี ก็ไม่รู้จะเข้มแข็งได้เท่าเดหลีหรือเปล่าเดหลียิ้มยกมือขึ้นเกี่ยวไรผมทัดใบหูแก้เขิน ใบหน้ายามยิ้มอ่อนโยนน่ามอง เล่นเอาพนักงานหนุ่มๆ ที่เดินผ่านถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง อดหยุดมองมาทางสาวสวยที่ใครๆ ต่างเข้าใจไปว่าเป็นเลขาคนใหม่ของบอสราชันส่ายหน้าไปมา เมื่อไหร่ ‘ไอ้ยักษ์’ ของเขาจะตาสว่างเสียที เขาถอนหายใจเบาๆ ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้เดหลี หญิงสาวรับแล้วเปิดออกดู ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น“มะยมได้เข้าร่วมทีมเหรอคะ ยอดเลยค่ะ ขอบคุณพี่คิงส์มากค่ะ”“มะยมเป็นเด็กมีความสามารถต่างหากล่ะ” ลลินพูดเสริม‘มะยม’ เป็นน้องชายคนเดียวของ ‘เดหลี’ ปีนี้อายุสิบเจ็ดแล้ว เขาเป็นออทิสติกประเภท Mildly autistic group หรือบางครั้งเรียกกลุ่ม Autistic ที่มีศักยภาพสูง (High – functioningautism) มีระดับสติปัญญาปกติหรือสูงกว่าปกติ มีพัฒนาการทางภาษาดี แต่ยังมีความบกพร่องในทักษะด้านสังคม การรับรู้อารมณ์ และความรู้สึกของบุคคลอื่น มีความสามารถพิเศษในสิ่งที่เขาสนใจและมีควา