อ๊อฟและต้อมได้มีวันหยุดตรงกัน ทั้งคู่จึงใช้ชีวิตอยู่ในห้องตามปกติ พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน จึงทำให้ต้อมนั้นได้ลืมเลือหวันไปแต่กลับกลายเป็น มีความรู้สึกดีๆกับอ๊อฟรุ่นพี่ก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ในระหว่างที่ทั้งสองได้นอนดูหนังจากแผ่นดีวีดีในห้องอย่างมีความสุข ต่างหัวเราะชอบใจในอรรถรสที่ได้รับ “พี่ว่าดีกว่าไปดูหนังในโรงอีกนะ เพราะว่าเสียเงินน้อยกว่านอนดูอย่างสบาย”อ๊อฟใช้สองมือสองแขนเป็นที่หนุนศีรษะ ส่วนสายตายังจับจ้องมองทีวีอย่างไม่ละสายตา “ใช่ครับ”ต้อมหันมามองใบหน้าอันคมเข้ม มีเคราเล็กน้อยมองไล่ต่ำลงมาเนินอกที่มีขนระหว่างร่องอกเล็กน้อย เพราะอ๊อฟไม่ชอบใส่เสื้อเวลาอยู่ห้อง เมื่อต้อมมองลงมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณท้องน้อยเต็มไปด้วยขนอันดกดำ จนอยากจะเห็นขนส่วนล่างอีกแต่ใจไม่กล้าจึงได้แต่มอง “มองพี่ทำไม”อ๊อฟมองสายตาของต้อมเรื่อยต่ำลง “เปล่าครับ”ต้อมรีบใช้สายตาไปยังโทรทัศน์ตามเดิม ต้อมมองดูหนังซึ่งเป็นช่วงบทเลิฟซีนระหว่างพระเอกนางเอก มีการดูดปากกันอย่างดูดดื่มต่างถอดเสื้อออกจนหมดไม่มีเหลือ แต่ไม่ได้เห็นของสงวนแต่อย่างใด ต่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนถึงท่าทางร้อนสวาท หลังจากนั้นตัดจบเป็นฉากนอน
ค่ำคืนอันแสนสุขของต้อมอีกครา เมื่ออ๊อฟได้พามายังร้านอาหารหรู ด้วยมีเรื่องราวจะเซอร์ไพร์สต้อมยังจำดีตอนดื่มเบียร์ที่คูเมือง ตั้งแต่วันนั้นมาต้อมคิดว่าอ๊อฟลืมไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่ลืม แต่ที่ต้อมไม่เข้าใจทำไมต้องมาบอกในร้านอาหารหรูขนาดนี้ ลึกๆต้อมยังคิดในใจว่าอ๊อฟอาจจะบอกรักก็เป็นไปได้ เพราะเท่าที่ผ่านมาอ๊อฟได้แสดงออกหลายอย่างเหมือนว่ารัก และอีกอย่างเท่าที่รู้มาอ๊อฟโสดสนิทตั้งแต่มาทำงานที่เชียงใหม่ “พี่อ๊อฟมีอะไรจะเซอร์ไพร์สต้อมเหรอครับ”ต้อมยิ้มอย่างมีความหวังด้วยใจที่ระทึก “กินให้อิ่มก่อนเดี๋ยวพี่บอก” “อาหารเยอะแยะขนาดนี้กว่าจะกินหมด”ต้อมมองอาหารนานาชนิดเต็มโต๊ะไปหมด “กินไม่หมดก็ไม่เป็นไรนิ” “ครับ” ต้อมอยากรู้คำตอบไวๆจึงรีบกินเพื่อจะได้ฟังเรื่องราวที่เซอร์ไพร์ส เฉกเช่นเดียวกับอ๊อฟที่ดูมีความสุขกับการกินมาก ซึ่งแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา ในวันนี้จึงทำให้ต้อมนั้นคลางแคลงใจยิ่งนักว่าอ๊อฟเป็นอะไรไป ทั้งสองใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะอิ่ม แต่อาหารยังอยู่ไม่หมดเหลือพอสมควร ซึ่งทั้งอ๊อฟและต้อมไม่ส
สองร่างอยู่กันคนละทีอ๊อฟอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์พร้อมเปิดกระจกมอง ส่วนต้อมยืนข้างๆยิ้มเฝือนๆเพราะอดกลั้นความรู้สึกในช่วงเวลานี้ไว้ “พี่ไปแล้วนะ เดี๋ยวพี่โทรหา อย่าลืมโทรหาพี่ด้วยล่ะ”อ๊อฟยิ้มให้อีกครั้งก่อนปิดกระจกลง “ครับ”ต้อมยิ้มครั้งสุดท้ายและมองรถมอเตอร์ไซค์แล่นออกไป ต้อมยืนนิ่งอยู่พักพร้อมน้ำตาไหลริน เมื่อตั้งสติได้จึงปรดน้ำตานั้นทิ้งแล้วก้าวเดินไปยังร้านอาหารฝรั่งที่ตัวเองทำงาน เดินแบบไร้ร่องรอยความรู้สึกไม่มีเหลือ เหมือนกันกับร่างที่ไร้วิญญาณ เดินมาเรื่อยๆจนถึงที่ทำงาน ซึ่งทุกคนต่างมาพร้อมกันหมดขาดเพียงแต่ต้อม “ทำไมวันนี้ถึงมาสายล่ะ ทุกทีมาก่อนใครเลยไม่ใช่เหรอ”นิตยาเจ้าของร้ายเอ่ยขึ้นพร้อมมีสีหน้าสงสัย “พี่คนนั้นไปไหนทำไมไม่มาส่ง”น้อยผู้ช่วยเซฟจ้องมองหน้าของต้อมด้วยความห่วงใย “มีอะไรหรือเปล่า ไอ้หนุ่มนั่นมันทำอะไรต้อม”นิดแม่ครัวรู้สึกว่าต้อมผิดปกติไป “ไม่น่าจะทำร้ายร่างกาย แต่ดูแล้วน่าจะจิตใจมากกว่า ดูสิตาแดงกล่ำขนาดนั้น บอกเรามาได้นะไอ้อ๊อฟทำอะไรบอกมา”จินเด็กล้างจานผู้โผงผางพูดแบบไม่ยั้งคิด
ต้อมย้อนคิดเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ถึงกับจุกที่อกเป็นพักๆเจ็บแต่ก็ทนเอา รอขายของจนหมดแล้วกลับมาบ้าน เพื่อพักผ่อนจิตใจและร่างกายให้พร้อมสำหรับการเดินทางไปงานแต่งหลานที่ชลบุรี หลังจากนั้นก็จะได้ไปหาคงเดชอดีตคนเคยรัก ก่อนที่ต้อมออกเดินทางได้โทรหาคงเดชและได้นัดกันไว้ เมื่อต้อมไปถึงงานแต่งงานก็ไม่ได้มีมีใจจ่ออยู่ที่นานเลยจนกระทั่งงานแต่งเสร็จสิ้น จึงรีบขึ้นรถไประยองทันทีเพื่อหาคนที่เคยรัก ซึ่งเมื่อไปถึงก็รีบเช็คอินที่โรงแรมแล้วโทรหาคงเดช “ฮัลโหลว่าไง”คงเดชพูดขึ้น “เรามาถึงที่ระยองแล้วนะ ตอนนี้อยู่ที่โรงแรมในตัวเมือง” “อืม เดี๋ยวตอนเย็นเราไปรีบนะ ส่งโลเคชั่นมาเลยนะ” “เราจะรอนะ” เมื่อปิดการโทรจึงส่งที่ตั้งของโรงแรมให้คงเดช หลังจากนั้น ต้อมรีบอาบน้ำแต่งตัวรอการมาของเพื่อนรัก ซึ่งก็ไม่นานนักคงเดชได้โทรมาหาว่าอยู่หน้าโรงแรม ก่อนที่จะออกจากห้องได้คว้าของเล่นสองชิ้นที่อยู่ในถุง พร้อมกับของฝากจากบ้านเกิด ต้อมจึงไม่รอช้ารีบลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้แหละที่เฝ้ารอแม่เนิ่นนาน หลังจากที่ต้อมออกมาหน้าโรงแรมก็มองซ้ายแลขวา
คงเดชได้พาต้อมมายังร้านอาหารริมทะเล ซึ่งได้ชมวิวทิวทัศน์ไปในตัว เมื่อทั้งสองได้กินข้าวเสร็จก็ไปต่อร้านเหล้าทีแรกต้อมไม่อยากไป เพราะกลัวฟ้าแฟนของคงเดชจะว่าให้ได้ แต่ในเมื่อไม่สามารถห้ามได้จึงได้ปล่อยตามเลยไป “เราเจอกันตอนงานเลี้ยงรุ่นก็เป็นปีแล้วนะเนี่ย”คงเดชพลางพูดไปพร้อมกระดกเบียร์ไปด้วย “ไม่นานแค่ปีเดียวเอง” “เหรอ” “อืม” “ทำไมก่อนหน้านี้พูดเยอะจัง ทีตอนนี้พูดคำตอบคำมีอะไรหรือเปล่า”คงเดชจ้องหน้าเพื่ออยากทราบคำตอบ “เปล่าไม่มีอะไรหรอกลมมันแรงเลยหนาว”ต้อมแกล้งพูดไปอย่างนั้น เพราะเขายังคิดถึงคำพูดของฟ้าและหน้าตาของเมียคงเดชลอยมาอยู่ตรงหน้า “นึกว่าอะไรแล้วไม่เตรียมมา เอาเสื้อคลุมเราไปใส่ก็แล้วกัน”คงเดชถอดเสื้อออกแล้วยื่นให้ต้อมรับไว้ “นายไม่หนาวเหรอ”ต้อมรับไว้อย่างไม่อิดออด “ไม่หรอกเราชินแล้ว นายนั่นแหละเจอลมแรงๆแบบนี้เดี๋ยวป่วยไปจะลำบากเอานะ ยิ่งไม่มีลูกเมียอยู่ด้วย” “ทำไมไม่มีลูกเมียดูแลตัวเองไม่ได้เหรอ”ต้อมรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดนี้ขึ้นมาทันที แต่ก็ยังใส่เสื้อที่คงเดชถอดให้
ต้อมเมามายอย่างมากมารู้สึกตัวอีกที เมื่อคงเดชได้ปลุกอยู่หน้าโรงแรม ซึ่งต้อมไม่สามารถที่จะพาร่างกายเข้าไปในโรงแรมได้ คงเดชจึงต้องพาต้อมเข้าไปข้างในด้วยตัวเอง เมื่อมาถึงยังห้องนอน คงเดชที่ประคองร่างของต้อมไว้ก็ค่อยๆวางร่างของต้อมอย่างทะนุถนอม สายตาของคงเดชมองต้อมด้วยความรู้สึกที่คล้ายกับสมัยเรียน จึงเกิดความรู้สึกอยากสัมผัสแก้มอันเคยเป็นของเขามาก่อน เพราะตั้งแต่สมัยเรียนคงเดชจะหอมแก้มต้อมทุกเช้าไม่มีขาด เมื่อเห็นเช่นนี้จึงอยากจะทำตามใจอีกครา เพราะแค่หอมแก้มคงไม่ได้ผิดอะไรมาก ใบหน้าของคงเดชค่อยๆเลื่อนเข้าไปใกล้ๆแก้มอันขาวใส แต่ไม่ได้เต็งตึงยังวัยรุ่นถ้าเทียบกับคนรุ่นเดียวกันถือว่าอ่อนวัยอยู่มาก คงเดชค้างริมฝีปากไว้เกือบชนอยู่พัก เพราะอยู่ในช่วงเวลาที่ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ท้ายที่สุดก็ห้ามใจตัวเองไมได้ จึงก้มลงใช้ริมฝีปากสัมผัสแก้มที่คุ้นเคย “ขอโทษ”คงเดชเห็นต้อมลืมตาขึ้นจึงพูดคำนี้ออกมา “ไม่ต้องขอโทษหรอกอยากทำอะไรก็ทำเลย”ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของต้อมได้จางหายไปชั่วครู่ ริมฝีปากของต้อมเผยอเล็กน้อย จนคงเดชไม่สามารถหักห้ามใจได้
การเดินทางกลับบ้านของต้อมต้องพบกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ด้วยรักที่ไม่สามารถเป็นไปได้ในเวลานี้ ซึ่งเป็นความรักที่สายเกินไปจะมาพบกันได้อีกครั้ง การเดินทางจึงเต็มไปด้วยความเศร้าซึมเหงาหงอยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งแตกต่างจากตอนมาอย่างสิ้นเชิงยังดีที่ต้อมไมได้เอารถส่วนตัวมา การมาครั้งนี้ขึ้นรถทัวร์ จึงทำให้นั่งมองวิวสองข้างทางด้วยอารมณ์ถวิลหาไร้ความกังวล แต่เต็มไปด้วยทุกข์กายใจอย่างหาที่เปรียบได้ ในขณะที่กำลังคิดเรื่องราวต่างๆได้มีสายเรียกเข้ามาหลายครั้ง แต่ต้อมไม่อยากจะรับเพราะยังไม่อยู่ในห้วงอารมณ์พูดคุยกับใคร แต่ก็ไม่นานจำใจต้องรับเพราะปลายสายได้โทรมาไม่หยุดหย่อน“ฮัลโหล”“อาต้อมอยู่ไหนผมไปหาที่ตลาดไม่เห็นมาขายของเลยครับ”อาคารลูกของอาคมพูดขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงของต้อม“อามางานแต่งหลาน มีอะไรหรือเปล่าโทรหาอา”“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ไม่เห็นอาที่ตลาดเลยอดเป็นห่วงครับ”“อาไม่เป็นไรหรอกสบายใจได้ ตอนนี้อาอยู่บนรถไม่สะดวกคุยอากลับไปถึงบ้านก่อนนะเราค่อยคุยกัน”“ครับอา เดินทางปลอดภัยนะครับ ผมเป็นห่วงอานะครับ”“ฮืม ขอบใจมากนะ”เมื่อต้อมกดวางมือถือก็อดคิดถึงอดีตอีกครั้งไม่ได้
เมื่อเพชรได้ออกมานอกห้อง ต้อมได้เปลื่ยนไปเข้าห้องน้ำแทนและได้อาบน้ำชำระร่างกายเพื่อมาทำการบางอย่าง หลังจากได้ออกมาจากห้องน้ำได้เห็นเพชรนอนอ้าขากว้างเปิดมือถือดูคลิปโป๊ “พี่ออกมาพอดีเลย พี่อยากทำอะไรผมทำได้ตามสบายเลยครับ”เพชรเอ่ยขึ้นส่วนสายตายังจ้องมองไปยังมือถืออยู่เหมือนเดิม ต้อมถึงแม้จะผ่านเรื่องแบบนี้มาพอสมควร แต่เนื่องด้วยหยุดพักไปนานจึงกล้าๆกลัวๆอยู่ไม่ใช่น้อย และอีกอย่างคนที่ต้อมมีอะไรด้วยส่วนใหญ่จะเป็นคนรักด้วยกันทั้งนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายกับคนที่ไม่ได้รัก ต้อมค่อยๆขึ้นไปเตียงและเข้าไปหว่างขาทันที พร้อมกับมองท่อนเอ็นที่ตั้งผงาดชูชันที่ใหญ่เกินอายุ เป็นครั้งแรกได้เจอท่อนเอ็นอันมหึมา แต่ต้อมก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก เพราะเพชรเป็นเด็กขายก็ต้องมีอะไรดีถึงมาทำอาชีพนี้ได้ “อมเลยครับ”เพชรวางมือถือลงไว้ข้างตัวและจับท่อนเอ็นเขย่าไปมาเป็นการเชิญชวนให้จัดการขั้นเด็ดขาด ใจเรียกร้องความอยากที่ห่างเหินไปนานได้ครอบงำจิตใจ ต้อมจึงไม่รีรออีกต่อไปก้มลงใช้ริมฝีปากรูดส่วนปลายจนถึงรอยหยัก สักพักรูดลงจนสุดโคนรูด
ต้อมนั่งคิดถึงเหตุการณ์รักครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว ก่อนที่จะกลับมาอยู่บ้าน หลังจากวันนี้ด้วยความอับอายและพ่อกับแม่ที่แก่ชรามากแล้ว ต้อมจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างได้กลับมายังบ้านเกิดของตัวเอง ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินในส่วนมะม่วงของตัวเองอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกขานดังมาแต่ไกลต้อมจึงลุกขึ้นยืนมองตรงใต้ต้นมะม่วง ซึ่งคนที่เดินมาหาไม่ใช่ใครอื่นเป็นเพื่อนรักนั่นเอง “อาคมนี่เองนึกว่าใครมาหาเราถึงที่นี่เลย”ต้อมยิ้มให้อย่างใคร่ยินดี “ปัก ปัก ปัก”อาคมรัวหมัดใส่ใบหน้าของต้อมไม่ยั้งจนล้มลงกองนอนกับพื้น “นายต่อยเราทำไมอาคม”ต้อมใช้มือกุมปากไว้ที่เลือดออกมานองอุ้งมือ “ไอ้ต้อมกูรักมึง ถึงมึงจะเป็นอย่างไรแบบไหนก็รักมึงแบบเพื่อน ไม่เคยรังเกียจมึงเลยแม้แต่น้อย ทำไมมึงทำกับกูได้ลงคอ”อาคมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เราไปทำอะไรให้นาย”ต้อมพยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืน “มึงยังมีหน้ามาพูดอีก เมื่อคืนมึงทำอะไรลูกกู”เมื่ออาคมพูดจบก็หันหน้าไปทางอื่น “อ่อ เมื่อคืนอาคารมานอนกับเราเอง”ต้อมพูดพาซื่อ “เพลี้ยะ
สองสามวันมานี้เรื่องราวของต่อและต่อมไมได้มีปัญหาอะไร เพราะต้อมไม่ได้ให้เงินต่อแม้แต่บาทเดียว จึงเป็นเหตุให้ต่อไม่สามารถที่จะไปเมาที่ไหนได้อีก แต่สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงด้วยที่ต่อยังไม่ได้งานทำเลย ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมาตกที่ต้อมทั้งหมด ในค่ำคืนนี้ทั้งต่อและต้อมต่างนอนนิ่งไม่คุยกันเท่าไรนัก แต่ในความรู้สึกของต้อมในตอนนี้ก็รู้สึกที่ดีด้วยต่อไม่ได้เมามาย เพราะทำให้สบายใจนอนอิ่มหลับสนิทมาหลายคืน แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายอะไรกันอย่างครั้งก่อนๆหน้านี้ “ไม่ได้ดื่มเหล้ามันเลยทำให้มีอารมณ์”ต่อเอ่ยขึ้นแล้วมองหน้าต้อมด้วยความใคร่อยากขึ้นมา “แล้วไง”ต้อมพูดขึ้นลอยๆถึงแม้จะอยากมีอะไรกับต่อ “ไม่อยากเหรอ” “ไม่อยาก” “แต่เราอยาก” “ก็ทำเองสิ” “อยากให้นายทำได้ไหม ถือว่าให้ของขวัญเราที่ไมได้เมา และ อีกอย่างพรุ่งนี้เราจะไปหางานแล้วนะ” “ให้ทำอะไร” ต้อมพูดทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต่อต้องการให้ทำอะไร แต่ก็แกล้งไปอย่างนั้นเพื่อให้ชีวิตมีสีสัน สายตาของต้อมจึงได้เหล่ไปมอง แล้วก็เห็นในสิ่งที่เคยเห็นเป
ค่ำคืนดึกดื่นเงียบสงัดต้อมได้ยินเสียงสุนัขที่บ้านเห่า จึงแอบส่องทางหน้าต่าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นอาคารลูกชายอาคมที่เป็นเพื่อนสมัยเรียน “อาต้อมครับเปิดประตูให้ผมหน่อย” ต้อมไม่สามารถที่จะให้อาคารอยู่หน้าบ้านได้เพียงลำพัง จึงได้เดินออกไปเปิดประตูเพื่อสอบถามทำไมมาตอนดึกขนาดนี้ เมื่อต้อมเดินไปถึงก็ได้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจตรงหน้า “มีอะไรเหรอ” “เดี่ยวค่อยบอกผมขอเข้าไปข้างในก่อนได้ไหม ยุงกัดผมจนคันไปหมดแล้วครับ” ต้อมไม่สามารถที่จะปฏิเสธเหตุการณ์และคำของจากอาคารได้ จึงเปิดประตูให้เข้ามาอย่างง่ายดายและพาขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง “ห้องอาต้อมใหญ่จังเลย ใหญ๋กว่าห้องผมที่บ้านพ่ออีก”ต่อนั่งลงบนเตียงนอน เพราะที่ห้องของต้อมไม่ได้มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งแต่อย่างใด “มาหาอามีธุระอะไรหรือเปล่า ดึกดื่นขนาดนี้แล้วมาอย่างไงเนี่ยไม่เห็นมีรถเลย อ้าว กระเป๋าเสื้อผ้าด้วยยังไม่ได้กลับบ้านเหรอ”ต้อมมีท่าทีตกใจพอสมควร “ถามผมหลายอย่างเลยจนผมไม่อยากจะตอบอะไรสักอย่าง แต่ในเมื่ออาต้อมถามผมก็จะตอบให้หมดอาต้อมจะได้ไม่คาใจในตัวผมไงครับ”
ด้วยเหตุที่ต่อได้พักงานหลายวันจึงถูกให้ออก สาเหตุนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักเท่าไร เพราะมีเหตุร้ายแรงกว่านี้อีก ด้วยต่อได้เมามายไปทำงานจึงเกิดภาพที่ดูไม่ดีหลายครั้ง ทางนายจ้างจึงต้องตัดใจเลิกจ้าง เพราะด้วยความประพฤตินั้นเกินเยียวยา “เราบอกนายหลายครั้งแล้วว่าให้เลิกดื่มเหล้า เห็นไหมโดนไล่ออกจากงานต่อไปจะทำอย่างไรล่ะ”ต้อมนั่งลงบนเตียงด้วยอารมณ์กลัดกลุ้ม ส่วนต่อนั้นหากลุ้มใจไม่นอนเล่นโทรศัพท์มือถือย่างสบายใจสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรแม้แต่น้อย “เอาน่า ตอนนี้ถือว่าพักผ่อนเดี๋ยวเราก็ออกไปหางานเองนั่นแหละนายไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” “ให้มันจริงเถอะ”ต้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” ต้อมไม่อยากจะพูดอะไรต่อไปอีก เรพาะขืนพูดอาจมีปากเสียงกันได้ และอีกอย่างหนึ่งไปกดดดันคนตกงานมันก็เป็นอะไรที่ดูไม่ค่อยดี ด้วยเป็นครั้งแรกที่ต่อไม่ได้ทำงานซึ่งแต่ก่อนหน้านี้ขยันไปทำงานทุกวัน ได้เงินมาก็แบ่งให้ใช้จ่าย ไม่เหมือนตอนนี้แม้แต่เงินก็ไม่มีให้ต้อมแม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้อยู่กินกับต้อมทั้งนั้น “อืม” “ดีมากที่รัก ขอเง
ความรักของต้อมกับต่อคืบหน้าไปได้พอสมควร ต่างรักใคร่กันมีอะไรเผื่อแผให้แก่กันไม่ขาด แต่มีอยู่สิ่งที่หนึ่งต้อมเริ่มรู้สึกระอาในเมื่อใจยังรักจึงต้องทน ถึงค่ำคืนต่อจะเมามายไม่มีวันหยุดพักเช่นเดียวกันกับตอนนี้ “เมื่อไรนายจะเลิกดื่มเหล้าซะที นายดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องเหล้า”ต้อมนั่งบนเก้าอี้มองต่อนอนเกือกกลั้วกองกับพื้น “ใครเมา อย่ามาพูดแบบนี้นะ”ต่อพยายามลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหาต้อม พร้อมกับลากขึ้นไปบนเตียงนอน “ปล่อยนะเราเหม็นเหล้า”ต้อมดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมกอดของต่อ “อ่อ เดี๋ยวนี้รังเกียจเรามากเลยนะ” “เปล่า แต่นายเมาเกินไป”ต้อมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายแต่ในเมื่อยังรักอยู่ จำใจต้องฝืนทนต่อไปอีก “ได้เลย ถ้างั้นคืนนี้นายอยู่คนเดียวก็แล้วกัน เราจะออกไปเที่ยวข้างนอก” เมื่อต่อพูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป อย่างไม่เหลียวหลังมามองต้อมแม้แต่น้อย จนต้อมได้แต่ถอดถอนหายใจถึงแม้จะรู้สึกสบายกายและใจเมื่อได้อยู่คนเดียว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับต่อ เพราะไปในสภาพเมามายอย่างนั้น แต่ต้อมก็พยายามทำใจแข็งฝืนทนความคิด
พักหลังอาคารได้มาหาต้อมบ่อยๆบางครั้งก็อยู่ทั้งวันกว่าจะได้กลับใช้เวลานานพอสมควร วันนี้เช่นเดียวกันเป็นวันอาทิตย์ซี่งอาคารต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพ แต่ยังไม่วายแวะเวียนเข้ามาหาต้อมอยู่ก่อนจากไปอีกหลายวัน “มาหาอาทำไมแต่เช้า วันนี้ไม่ไปกรุงเทพเหรอ”ต้อมนั่งลงตรงหน้าอาคารซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วตรงเรือนชานหน้าบ้าน “วันนี้ผมจะไปแล้วไง ก็อยากมาเห็นหน้าอาต้อมสักหน่อยไม่ได้เหรอครับ”อาคารยิ้มอย่างมีความสุข “มันก็ดี เดี๋ยวไปไม่ทันรถหรอกจะทำไง” “ถ้าไปไม่ทันก็มาอยู่กับอาต้อมไงครับ” “จะมาอยู่กับอาได้ไงบ้านของอาคารก็มี” “อยู่กับพ่อกับแม่ไม่เหมือนอยู่กับอาต้อมเลย ผมอยู่กับอามีความสุขมากที่สุด อยากหยุดเวลาทั้งหมดไว้ที่นี่” “พูดเป็นนิยายไปได้ คนเราต้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบนะอาคาร อย่าเอาชีวิตมายึดติดกับอาเลย” สาเหตุที่ต้อมพูดเช่นนี้ออกไป เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่อาคารได้ทำให้นั่น สามารถบอกได้เป็นลางๆว่าคิดเช่นไร แต่ยังเผื่อใจว่าอาจคิดไปเองบ้างนิดหน่อย เมื่อเป็นเช่นนี้ต้อมจึงไม่อยากที่จะให้มีความสัมพันธ์มากไปกว่
ค่ำคืนนี้อีกเช่นเคยต้อมได้มารอการกลับห้องของต่อ รอมาเนิ่นนานจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มา ต้อมทนไม่ไหวจนกินข้าวคนเดียวที่เหลือเททิ้งหลังจากนั้นเข้านอนในทันที แล้วมาตกใจตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ ช่วงแรกต้อมขึ้เกียจไปเปิดแต่ในเมื่อนานเข้าก็เกรงใจข้างห้องจึงได้ตัดสินใจไปเปิดประตูห้อง เมื่อแง้มประตูออกไปต่อก็ผลักประตูเข้ามาในทันที หลังจากนั้นอุ้มร่างของต้อมไว้ในอ้อมแขน เดินพาไปยังเตียงนอนค่อยๆวางอย่างทะนุถนอม เพียงชั่วอึดใจเสื้อกางเกงของต่อหลุดจากเรือนร่างไม่มีเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว เห็นเพียงแต่ท่อนเอ็นที่ตั้งชูสง่า “นายจะทำอะไร”ต้อมเอ่ยขึ้นแต่ไม่ลุกไปไหน ถึงแม้กลิ่นเหล้าจะฟุ้งไปทั่วห้อง “ทำในสิ่งที่เราอยากทำไง” ต่อไม่พูดอะไรจากนี้อีกต่อไป เขาได้ขึ้นไปบนเตียงและนอนทาบทับเรือนร่างของต้อม พร้อมกับจับสองมือให้อยู่เหนือศรีษะ หลังจากนั้นก้มหลงไซร้ซอกคออย่างบ้าคลั่งกระหายในรักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ริมฝีปากซุกซอนไซอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ให้มีพื้นที่เหลือแต่อย่างใด ช่วงแรกต้อมขัดขืนเล็กน้อยก่อนปล่อยกายปล่อยใจให้เตลิดตามไปอย่างง่
ในระหว่างที่ต้อมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่บ้าน หลังจากหาข้าวหาน้ำให้พ่อแม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นหน้าที่ได้ทำเป็นประจำหลังจากกับมาอยู่บ้าน โดยมีพี่คอยส่งเงินมาให้ใช้ในการดูแลพ่อแม่ และด้วยยังมีเวลาว่างจึงได้หางานเล็กๆน้อยหารายได้เสริมไว้ยามแก่เฒ่าชราภาพ “อาต้อม”เสียงของอาคารดังมาก่อนที่ตัวจะมาถึง ต้อมหันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคย ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจากอาคารลูกชายเพื่อนที่กำลังเดินเข้ามาหาต้อมยังใต้ถุนบ้าน “เอ้ามาหาอามีธุระอะไรเหรอ” “คิดถึงอาต้อมจะมาหาไม่ได้เลยเหรอ”อาคารนั่งลงบนแคร่ไม้ซึ่งอยู่ไม่ห่างต้อมเท่าไรหนัก “ได้ ใครไปว่าอะไร คิดถึงอย่างเดียวหรือว่ามีเรื่องแฟนมาปรึกษาด้วยหรือเปล่า”ต้อมวางมือถือลงไว้ข้างๆตัวเพื่อจะได้คุยกับอาคารอย่างสะดวก “แฟนอะไรกัน ตอนนี้ผมเลิกหมดแล้วเบื่อมีแฟนรุ่นเดียวกัน”อาคารถอนหายใจออกมา “เพื่อนที่มหาวิทยาลัยไม่มีเหรอ” “เบื่อมากๆครับรุ่นเดียวกัน” “แหม เบื่ออีกแล้ว ถ้างั้นก็ตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอเดี๋ยวถึงเวลามันมาเองอยู่แล้วเรื่องแบบนี้”ต้อมมองอาคารด้วยสาย
วันหยุดสุดสัปดาห์ต้อมไมได้ออกไปเที่ยวไหน ได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่แต่ในห้องอย่างเดียวดาย ด้วยเพื่อนที่คบกันมาตอนอยู่ร้านอาหารได้ห่างหายกันไปตามกาลเวลา เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องทำ ซึ่งได้สร้างความเหงาขาดคนพูดคุย จึงได้แต่ดูทีวีวนมาวนไปอยู่หลายรอบในช่องที่พึ่งเพิ่มมาใหม่หลายช่องในยุคดิจิตอล “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ต้อมรู้สึกดีใจอย่างมากเพราะในความคิดว่าต้องเป็นเพื่อนที่ห่างหายกันไปนานอย่างแน่นอน ความคิดกับการกระทำไปพร้อมกัน รีบเดินไปยังประตูห้องเพื่อเปิดดูว่าเป็นใครกัน “สวัสดีครับ”ต่อหนุ่มข้างห้องยืนนิ่งพร้อมอมยิ้ม “ครับ”ต้อมรู้สึกผิดหวังที่ไม่ใช่เพื่อนแต่ก็ดีใจที่ได้เจอชายหนุ่มข้างห้อง “เราพึ่งย้ายมาจากจังหวัดอื่น ได้ซื้อของฝากมาด้วย”ต้อมยื่นผลไม้รวมกวนให้ต้อม “ขอบใจนะ”ต้อมยิ้มให้อย่างยินดี “เราเหงาๆเข้าไปคุยด้วยกันได้ไหม” “ได้สิ”ต้อมยิ้มอย่างยินดี เพราะช่วงนี้กำลังเหงาอยู่เหมือนกัน เมื่อต่อได้เข้ามาในห้องของต้อมก็รู้สึกว่าห้องนี้ดีกว่าของตัวเองอย่างมาก อย่างแรกเรื่องความสะอ