"คุณป้าสวัสดีค่ะ"
"ป้าอะไรกันหนูนาว เรียกแม่สิลูก"
"ค่ะคุณแม่ นาวเอาผลไม้มาฝากค่ะ จำได้ว่ายายบอกคุณป้าชอบทานเสาวรส" ลัลนาไม่ต่อความยาว เปลี่ยนสรรพนามการเรียกตามความต้องการของคุณหญิงรจณี
"ไม่เห็นต้องลำบากเลยลูก แค่มาหาแม่ก็ดีใจแล้ว" ส่วนผู้ใหญ่คนเดียวตรงนี้ก็ยิ่งหน้าบาน เมื่อหญิงสาวที่หมายมาดให้มาเป็นลูกสะใภ้รู้ใจ ซื้อผลไม้ของโปรดมาฝาก
"ไม่ลำบากเลยค่ะคุณแม่ นาวรู้มาว่าคุณแม่คอเลสเตอรอลสูง ทานเสาวรสก็ดีนะคะช่วยได้" เธอเอ่ยตอบด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง
"ขอบใจมากนะลูกที่เป็นห่วงแม่ เป็นห่วงยิ่งกว่าลูกชายแท้ๆ ที่เป็นหมอซะอีก" เมื่อเอ่ยชมว่าที่ลูกสะใภ้แล้วไม่วายเอ่ยแดกดันลูกชายคนกลาง
"ผมเตือนคุณแม่ไม่ให้ทานคุกกี้ ทานเค้กออกบ่อยๆ ไม่เป็นห่วงตรงไหนครับ" คนเป็นลูกตอบกลับน้ำเสียงเนือยๆ รู้อยู่แก่ใจว่าผู้เป็นแม่พูดไปอย่างนั้น ในยามปกติเขาก็เฉยๆ แต่พอเห็นผู้หญิงสองคนตรงหน้าเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
"แกมันเย็นชา" คุณหญิงรจณีบ่นลูกชายเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจูงมือลูกสาวคนใหม่เข้าบ้าน "หนูนาวมานี่ลูก แม่จะพาไปทานขนม ร้านนี้อร่อยมากเลยลูก ยิ่งคุกกี้นะ..."
รพีภัทรมองตามผู้หญิงสองคนที่เดินคุยกะหนุงกะหนิงเข้าไปในบ้าน ก่อนจะส่ายหน้าลอบหัวเราะเสียงเบา ถึงจะหมั่นไส้ไปบ้าง แต่ก็ดีไม่น้อยที่ลัลนาเข้ามาดึงความสนใจจากเขาไป ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่วายโดนซักไซ้ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ อาหารการกิน รวมไปถึงคู่ครอง
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาเหนื่อยหน่ายใจที่สุด ลำพังการที่เวลาเขากลับบ้านทีไร ผู้เป็นแม่สอบถามเรื่องราวในชีวิตประจำวันก็พอเข้าใจได้ เนื่องจากตัวเขาย้ายไปอาศัยอยู่ที่คอนโดใกล้โรงพยาบาล เพื่อการทำงานที่สะดวกขึ้น การที่แม่จะเป็นห่วงการใช้ชีวิตก็เป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องคู่ครองนี่สิ หลังจากที่พัชระพี่ชายของเขาแต่งงานไปเมื่อสองปีก่อน แม่ก็เลิกวุ่นวายกับตัวเขาไปสักพัก นึกว่าตัวเองจะรอดแล้วเพราะได้ลูกสะใภ้สมใจ
แต่อยู่ๆ เมื่อไม่นานมานี้กลับเริ่มแนะนำลูกหลานของเพื่อนๆ ให้เขารู้จัก รวมถึงมีแค็ตตาล็อกส่วนตัวที่เจ้าตัวโปรโมตให้ฟังตลอดเมื่อเจอกัน ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งมากขึ้น จนรพีภัทรคิดว่าควรจะจบเรื่องนี้ได้แล้ว
"ว่าไงตกกระป๋องแล้วรึไง ตั้งแต่แม่เราได้ว่าที่ลูกสะใภ้" เมื่อเข้ามาในบ้าน คำพูดของบิดาก็ยิ่งทำให้เซ็ง เห็นผู้เป็นพ่อมองมาด้วยแววตาเป็นประกายก็อดบ่นตอบกลับไม่ได้
"ป๊านั่นแหละสปอยแม่เกินไป" เมื่อลูกชายพูดจบผู้เป็นพ่อยิ่งหัวเราะอารมณ์ดี
"ถ้าเมียมีความสุข เราก็จะมีความสุขจำไว้" พีรพลสอนลูกชายอย่างคนที่มีประสบการณ์มาก่อน "ถ้าแกมีเมียแกจะเข้าใจ อะไรที่จะทำให้เกิดปัญหา แกจะหาทางหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด"
"ถ้ามีแล้วชีวิตยากขนาดนั้น ผมไม่มีดีกว่า" รพีภัทรพูดอย่างขยาด ลำพังเห็นป๊าตัวเองสปอยแม่มาตั้งแต่เด็กๆ แถมยังพี่ชายตนเองที่ตามใจภรรยาจนแทบจะประเคนให้ทุกอย่าง ก็ขยาดชีวิตคู่แล้ว และยิ่งตอนนี้เพื่อนสนิทเขาอวัศย์ที่หลังจากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ก็เรียกได้ว่าหลงจนโงหัวไม่ขึ้น ดีที่ยังมีหมอไทม์ เพื่อนสนิทอีกคนที่ยังไม่มีเมียแล้วมาคลั่งรักให้ดีจนต้องปวดหัว
"ถ้าไม่มีแล้วคนนี้พามาบ้านทำไมล่ะ" พีรพลเพยิดหน้าไปยังส่วนของห้องนั่งเล่นด้านใน ที่มีเสียงพูดคุยกะหนุงกะหนิงเล็ดลอดออกมา
"..."
"อย่าทำเป็นเล่นๆ นะพีร์ ผู้หญิงถ้าไม่จริงจังอย่าพาเข้าบ้าน" พีรพลเอ่ยเตือนเมื่อเห็นลูกชายเงียบไป "ทำอะไรคิดดีๆ เดี๋ยวจะเสียใจทีหลัง"
"คุณพ่อไม่ต้องห่วงครับ ผมกับ...นาวเราโอเค พวกเราจะแต่งงานกัน" ผู้เป็นพ่อมุ่นคิ้วแปลกใจ ทีแรกนึกว่าทั้งสองจะตกลงคบหาดูใจกันไปก่อน แต่นี่ถึงขั้นตกลงแต่งงานกัน มันเกินกว่าสิ่งที่เขาคิดไปมากทีเดียว
"แน่ใจแล้วเหรอ" ผู้เป็นพ่อถามย้ำ สบตาลูกชายนิ่ง
"แน่ใจครับ" เมื่อเห็นลูกชายตอบกลับแบบนั้นก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับ ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของลูกชาย ตัวเขาก็ได้แต่ยอมรับไม่ก้าวก่าย ได้แต่หวังว่าการตัดสินใจของลูกชายตนเองในวันนี้ จะไม่ทำให้รพีภัทรต้องเสียใจในภายหลัง เขาผู้เป็นพ่อก็เลี้ยงลูกได้แต่ตัว ไม่สามารถบังคับจิตใจใครได้
เมื่อครั้งตอนลูกชายตัดสินใจเข้ามาบอกว่าจะเรียนหมอ ซึ่งหมายความว่าจะไม่ดูแลกิจการของครอบครัว ตัวเขาเองลึกๆ ก็นึกค้านในใจ ด้วยอาชีพนี้ต้องเสียสละตัวเองสูงมาก พีรพลสร้างทุกอย่างไว้เพื่อเป็นรากฐานให้กับครอบครัว แต่ในเมื่อลูกชายตัดสินใจแบบนั้นเขาก็ได้แต่ยอมรับและสนับสนุนเต็มที่
การแต่งงานครั้งนี้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าลึกๆ จะคิดได้ว่าต้องมีบางอย่าง ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับข่าวลือต่างๆ เรื่องรักครั้งเก่าที่เขาเคยได้ยินมา แต่ก็หวังว่าลูกชายจะประคองรักครั้งนี้ที่ตัวเองเลือกไปให้ดีที่สุด
"สวัสดีค่ะ""สวัสดีค่ะ..คุณนาว!" วิชุดาที่เพิ่งเงยหน้าจากหน้าจอคอมเอ่ยตอบรับผู้ที่มาติดต่อ แต่ต้องอุทานเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ ทั้งตกใจและแปลกใจที่เห็นนักแสดงชื่อดังเข้ามาทักทาย"สวัสดีค่ะพอดีนาวมาขอพบหมอพีร์ค่ะ" ลัลนายิ้มตอบรับด้วยความเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้ ก่อนจะบอกความต้องการของตนเอง"หมอพีร์!?" เมื่อเห็นคุณพยาบาลหน้าห้อง อีกทั้งพยาบาลอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอุทานเอ่ยชื่อคนที่เธอต้องการพบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแปลกใจ ก็ทำให้ลัลนาถอยหลังก้าวหนึ่ง เงยหน้าอ่านป้ายชื่อแผนกอีกครั้งเพื่อความแน่ใจออร์โธปิดิกส์ ก็ถูกแล้วนี่? "หมายถึงหมอรพีภัทรใช่ไหมคะ" วิชุดาทวนชื่อย้ำกับดาราสาวอีกครั้ง"ใช่ค่ะ" ลัลนายิ้มตอบรับ เข้าใจว่าแผนกนี้อาจจะมีคนชื่อเดียวกันมากกว่าหนึ่งคน"อะ..เอ่อ ได้นัดกับหมอพีร์ไว้ไหมคะ" พยาบาลคนด้านหลังเอ่ยถามแทน เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานยังกะพริบตามองคนตรงหน้าอย่างมึนงง"นาวไม่ได้นัดไว้ค่ะ หมอพีร์ไม่อยู่เหรอคะ" เธอตอบรับเสียงอ่อย ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทว่าอาชีพของเขาค่อนข้างจะงานยุ่ง การที่อยู่ๆ เธอเข้ามาเลยอาจจะกระทบกับคนไข้ที่นัดไว้ "หมอพีร์ติดเคสอยู่ค่ะถ้าดูจาก
"แก! เห็นไหมวอร์ดออโธฯ ที่แชร์รูปถ่ายกับดาราใหญ่เลย" ลัลนาที่กำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำชะงักฟังเสียงพูดคุยด้านนอก เมื่อเห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับตนเองจึงหยุดฟังเงียบๆ ไม่แสดงตัว"ดาราที่ไหนวะแก""นาว ลัลนาไง ที่เล่นเป็นนางร้ายดังๆ น่ะแก""อ๋อๆ ที่กำลังเป็นข่าวเรื่องแย่งผัวชาวบ้านนะเหรอ"แล้วแกจะแรงเพื่อ?ลัลนากลอกตามองบนอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินข่าวคาวตัวเองตั้งแต่เดือนก่อน หลังจากที่เธอตกปากรับคำกับรพีภัทร อยู่ๆ ข่าวเรื่องเธอก็หายเข้ากลีบเมฆอย่างไร้ร่องรอย อีกทั้งคิวงานต่างๆ ที่เคยชะลอไว้ก็กลับมาคอนเฟิร์มอีกครั้งอย่างไม่ได้นัดหมาย ทำให้ชีวิตของเธอตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะกลับมาเป็นปกติสุขเดาว่าคงจะเป็นเพราะอิทธิพลครอบครัวเขานั่นแหละจนมาได้ยินเรื่องตัวเองวันนี้เนี่ยแหละ! อย่างว่าแหละ ข่าวในวงการบันเทิงมาไวก็ไปไว แต่ใช่ว่าคนจะลืม แล้วยิ่งตอนนั้นข่าวเธอดังซะขนาดนั้น ไม่แปลกที่ยังเป็นที่พูดถึงกันจนถึงทุกวันนี้เฮ้อ! ไม่น่าลงมาเข้าห้องน้ำข้างล่างเลยหลังจากที่เธอให้พี่พยาบาลถ่ายรูปกันจนครบ เธอจึงอยู่คุยเล่นด้วยนิดหน่อยก่อนจะขอตัวมาเข้าห้องน้ำ แต่พอดีอยู่ในรอบที่แม่บ้านทำความสะอาดพอดี เธอจึง
"น้องนาวหิวไหม ถ้าหิวเดี๋ยวพี่ออกไปหาซื้ออะไรมาให้รองท้องก่อน""ไม่เป็นไรค่ะพี่กันต์ เดี๋ยวก็ใกล้เวลาแล้ว" ลัลนาไม่ปฏิเสธว่าไม่หิวเมื่อกันตนาผู้จัดการส่วนตัวของเธอถามขึ้น เพราะจริงๆ เธอก็เริ่มหิวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เนื่องจากดูเวลาแล้วเห็นอีกสิบนาทีจะถึงพิธีบวงสรวงเพื่อเปิดละครเรื่องใหม่แล้ว เธอจึงยังไม่อยากจะกินอะไร เพราะอาจจะทำให้ปากเลอะ ชุดเลอะ กลายเป็นต้องมาดูแลหน้าผมกันใหม่อีก"เวลาอะใกล้ถึงแล้ว แต่คนสำคัญนี่สิ ไม่รู้จะถึงกี่โมง" เมื่อผู้จัดการสาวเอ่ยมาแบบนั้น ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าหมายถึงใคร"ยังไม่มาเหรอคะ" มะนาวเพยิดหน้าไปห้องข้างๆ กัน ซึ่งถูกแยกไว้เป็นห้องรับรองสำหรับมนิสรา ความจริงก็มีบ้างที่บางกองถ่าย แยกห้องสำหรับนักแสดงไว้ แต่โดยปกติถ้าเป็นนักแสดงนำที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง จะถูกจับให้รวมกันแต่ในกรณีของเธอกับมนิสราก็คงเป็นข้อยกเว้นในเรื่องนี้"เห็นพี่ท็อปบ่นอยู่ เพราะมีงานต่อ" พี่ท็อปช่างแต่งหน้าประจำกองที่เพิ่งออกจากห้องเธอไปเมื่อชั่วโมงก่อน เห็นบอกว่าจะไปแต่งหน้าให้มินนี่ต่อ ไม่คิดว่าจนถึงป่านนี้เจ้าตัวยังไม่มาให้แต่ง"แล้วนี่จะเลทเยอะไหมคะ ช่วงบ่ายนาวมีธุระด้วยสิ" มะนาวยกข้อม
"นาวพี่ต้องไปงานต่อคงจะไปส่งเราไม่ทันแล้ว" กันตนาเดินหน้าเครียดมาหาดาราสาวที่เพิ่งออกจากห้องแต่งตัว หลังจากที่ผ่านพิธีการต่างๆ และออกจากวงสัมภาษณ์ของนักข่าว "พอดีวันใหม่มีอีเว้นท์" "ไม่เป็นไรไปเลยค่ะพี่กันต์ เดี๋ยว..คุณพีร์จะมารับ" รึเปล่าไม่รู้... ลัลนาตอบรับง่ายๆ ให้ผู้จัดการสาวสบายใจ ด้วยเข้าใจในอาชีพและหน้าที่ของกันตนาดีว่าไม่ได้มีแค่เธอที่เป็นนักแสดงในสังกัด ยังคงต้องดูแลนักแสดงอีกหลายคน"ว่าที่เจ้าบ่าวจะมารับก็ไม่บอกกัน พี่นี่ก็กังวลอยู่" กัตนายิ้มแซวอย่างโล่งใจ ที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ทิ้งให้ผู้ที่เปรียบเสมือนน้องสาวต้องกลับบ้านเอง"พี่กันต์ไปเถอะค่ะ แถวนั้นรถน่าจะติด" คนตัวเล็กยกเหตุผลรถติดมาเอ่ยเตือน ตั้งใจให้ผู้จัดการส่วนตัวรีบไปจะได้ไม่มีเวลามาเอ่ยแซวกันไปมากกว่านี้"โอ๊ย! ใช่ๆ ลืมไปเลยงั้นพี่ไปก่อนนะนาว เดี๋ยวโทรหา" มะนาวตอบรับเล็กน้อยก่อนจะเก็บกระเป๋าของตนเอง กวาดสายตามองรอบๆ ว่าไม่ได้ลืมอะไร และทิ้งขยะในส่วนของตนเองเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนมาเปิดโปรแกรมสนทนาดูอีกครั้งไม่รู้จะต้องเรียกรถกลับเองด้วยรึเปล่าแต่เมื่อเห็นว่าในบทสนทนามีการตอบรับแล้วก็ยิ้มอย่างโล่งใจเล็กน
บรรยากาศอึดอัดถูกปกคลุมภายในรถหลังจากที่เธอคิดว่าจะไม่เกิดขึ้นแล้ว ความจริงมันคงจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่เธอแยกตัวจากมินนี่และลากเขาขึ้นรถ แต่พอดีมีสายเรียกเข้าจากโรงพยาบาล น่าจะสอบถามเกี่ยวกับคนไข้อะไรสักอย่างที่เธอฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเนื่องจากเป็นศัพท์ทางการแพทย์เขาเปิดบลูทูธคุยสายตลอดทางจนมาถึงร้านที่ตัดชุด เธอจึงได้ฟังสิ่งที่เขาคุยด้วย ยอมรับว่าตอนที่เขาคุยเรื่องงานด้วยท่าทางจริงจัง ยิ่งทำให้เขาดูดีขึ้นไปอีก จากที่ปกติก็ดูดีอยู่แล้ว เมื่อทั้งเธอและเขาลองชุดเรียบร้อยจึงพากันกลับมาขึ้นรถเพื่อเดินทางไปร้านอาหารที่นัดทางครอบครัวเขาไว้ ทีแรกคิดว่ารพีภัทรจะลืมๆ เรื่องที่เธอทำในลานจอดรถไปแล้ว ใครจะคิดว่าจะมารวบยอดกันตอนนี้"มีอะไรคะ?" ลัลนาถามสีหน้าพาซื่อ ก่อนจะเสหลบสายตาคนที่นั่งจ้องกันเงียบๆ"ทำไมไปพูดจาแบบนั้น" รพีภัทรทีแรกว่าจะไม่ดุแต่ก็คงต้องปรามๆ ไว้หน่อยเท่าที่ดูทั้งสองไม่ถูกกันอยู่พอสมควร เขากลัวว่าจะไปแสดงอาการและท่าทีแบบนี้แล้วมีคนบังเอิญมาเห็น"ที่พูดนี่เป็นห่วงใครคะคงไม่ใช่ฉันสินะ" ลัลนาถามย้อนกลับแทนการตอบคำถาม"หมายความว่าไง?""คุณไม่พอใจที่ฉันพูดแบบนี้กับมินนี่""ไม่พอใจน่ะใ
ภัตรคารหรูที่ตกแต่งเป็นสไตล์จีนตามประเภทอาหารขึ้นชื่อของร้าน ภายในห้องรับรองขนาดกลางครึกครื้นไปด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของสาวๆ ต่างวัยที่นั่งชิดติดกันพูดคุยกะหนุงกะหนิงไม่สนใจใคร ขนาดที่ว่าฝั่งผู้ชายคุยกันเรื่องธุรกิจจนจบแล้วก็ยังไม่มีวี่แววที่บรรดาแม่ๆ เมียๆ จะเลิกจับกลุ่มคุยกันรพีภัทรอมยิ้มกับบรรยากาศตรงหน้าเล็กน้อย ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าลัลนาสามารถฝ่าด่านความเยอะของคุณแม่ และความวุ่นวายของน้องสาวตนเอง เข้าไปนั่งรวมกลุ่มอยู่ตรงนั้นได้"แม่แกยิ้มหน้าบานใหญ่ มีเพื่อนคุยเพื่อนช็อป ทั้งลูกสาวทั้งลูกสะใภ้สองคน" พีรพลยกยิ้มมุมปาก สายตาทอดมองภรรยาด้วยความรัก ถึงแม้จะผ่านมาหลายสิบปี จนลูกชายคนโตมีครอบครัว คนกลางกำลังจะแต่งงาน ส่วนลูกสาวคนเล็กโตจนเรียนจบไปแล้ว ความรักที่เขามีต่อภรรยาไม่เคยลดน้อยลงสักนิด"ถูกใจสายสปอยเมียอย่างป๊าด้วยละสิ" รพีภัทรไม่วายแซวพ่อ แถมยังส่งสายตาไปหาพี่ชายที่น่าจะได้เชื้อนี้มาไม่ต่างกัน"มองอะไรไอ้พีร์ เรื่องสปอยมันอยู่ในสายเลือดเว้ย" พัชระเบนสายตาจากวราลีผู้เป็นคนรักมาคุยกับน้องชาย"เป็นแค่เฮียกับป๊านี่แหละ" "เดี๋ยวมึงก็เป็น" พัชระยักคิ้วตอบน้องชายอย่างมั่นอกมั่นใ
"คิดอะไรอยู่""คะ?" ลัลนาหันมองคนข้างๆ ที่บังคับพวงมาลัยอยู่ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาถาม"คุณน่ะ อยู่ๆ ก็เงียบไป" ใช่ว่าเขาจะไม่ได้สังเกตว่าที่ภรรยา ที่อยู่ๆ ก็ดูซึมๆ ไปทั้งๆ ที่ทีแรกก็ดูหัวเราะร่าเริงอยู่แท้ๆ"อ้อ..ไม่มีอะไรค่ะ" เมื่อเห็นเธอตอบแบบนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ บางคนก็ย่อมมีพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครเข้าไป "แล้วนี่เราจะไปไหนคะ"ลัลนากวาดสายตามองเส้นทางที่ไม่คุ้น ไม่เหมือนทางกลับคอนโดตัวเอง หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จทุกคนต่างแยกย้าย เธอนึกว่าเขาจะพากลับบ้านเลย แต่ดูจากเส้นทางแล้วไม่ใช่"เพนท์เฮ้าส์" เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าตึกสูงใจกลางเมือง ลัลนาแหงนหน้ามองตึกสูงชื่อดังที่คุ้นตา เธอรู้จักคอนโดนี้ดี เป็นคอนโดที่ติดหนึ่งในสามของประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย ความลัคชูรี่ และที่สำคัญคือความแพง!"เดี๋ยวฉันกลับรถไฟฟ้าได้ค่ะ" เธอชี้ไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ไม่ใกล้คอนโด คิดว่าเขาคงมีธุระด่วน"ไปด้วยกัน" เขาตอบกลับเสียงนิ่ง เปิดประตูลงจากรถ เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงเดินลงตามเขาไป"นั่งสองป้ายก็ถึงแล้วค่ะ" ถึงเธอจะเป็นดาราแต่ด้วยสถานการณ์การจราจรของกรุงเทพฯ บ่อยครั้งที่เธอ
ลัลนาหน้าเหวอทันทีเมื่อเขาพูดจบ ค่าเลี้ยงดูอะไรอีก!"นี่คุณพีร์! ฉันไม่ใช่เด็กเสี่ยนะ" มะนาวตวาดลั่นทันที ทั้งซื้อเพนท์เฮ้าส์ ทั้งให้เงินเป็นรายเดือน นี่มันข้อเสนอเลี้ยงดูเด็กชัดๆ!"ผมแก่ขนาดดูเป็นเสี่ยเลยเหรอ""หมอพีร์!""โอเคๆ คือกฎของครอบครัวผมน่ะ จะต้องให้เงินเดือนภรรยาด้วย""แต่ฉันก็ทำงาน ทำไมต้องมาให้" ดาราสาวยังไม่เข้าใจอยู่ดี แค่แต่งงานทำไมจะต้องมาเลี้ยงดูอะไรขนาดนั้น"ไม่เกี่ยวกัน ผมก็ไม่ได้ห้ามคุณทำงาน แต่อันนี้เงินเดือนต่างหาก" "มันมากเกินไปคุณพีร์" เธอตอบกลับเสียงอ่อนลงมาบ้าง เมื่อดูท่าแล้วเรื่องราวดูจะหนักขึ้นเรื่อยๆ"ไม่มากหรอก คุณเข้ามาอยู่ในครอบครัวผมก็มีสิทธิ์ได้รับปันผล รับเงินเดือนเหมือนทุกคน""แต่ฉันยังไม่ทำอะไรเลย""ทำสิ คุณเป็นภรรยาผมไง" เมื่อเขาพูดจบบรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความเงียบทันที ลัลนายกมือทาบอกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงอวัยวะภายในที่ดูจะเต้นแรงกว่าปกติคงแค่ตกใจ"คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น""เอาหน่า ถึงผมไม่ให้ ป๊ากับแม่ก็ต้องบังคับให้อยู่ดี คุณอย่าปฏิเสธเลย แค่เดือนละสองแสนเอง" ลัลนาเลิกที่จะตกใจไปแล้ว เพราะวันนี้ทั้งวันเธอผ่านการตกใจจนหัวใจ
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้
"อ้าวเฮีย" รพีภัทรที่เพิ่งเดินมาถึงบ้าน เอ่ยทักพี่ชายตนเองที่เดินเข้ามาเจอกันที่หน้าบ้านของตนเอง คาดว่าคงมีอะไรจะคุยด้วย เพราะดึกขนาดนี้แล้วพัชระยังอยู่รอ "มีอะไรรึเปล่าเฮีย""ไปคุยในบ้านสิ" รพีภัทรเปิดประตูให้พี่ชายเข้าบ้าน ในขณะที่ตนเองเดินไปนั่งที่โซฟาข้างพี่ชายตนเอง"พรุ่งนี้หยุดรึไงถึงกลับบ้าน" ปกติตัวเขาหากจะกลับมานอนบ้านก็เพราะว่าแม่โทรตาม แต่วันนี้แม่ไม่ได้โทรตาม ก็ไม่แปลกใจที่พัชระจะถามขึ้นเมื่อเห็นรถเขาเข้าบ้านมา"เปล่าหรอกเฮีย ไม่อยากอยู่เพนท์เฮ้าส์" ในนั้นมีแต่ความทรงจำของเธอกับเขาเต็มไปหมด ยิ่งอยู่ยิ่งคิดถึง ทีแรกจะกลับคอนโด แต่อยู่ๆ เกิดคิดถึงบ้านขึ้นมาจึงขับอ้อมกลับมานอนบ้านดีกว่า เพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ บ้านคือที่พักใจที่ดีที่สุด"แม่ให้เอามาให้" รพีภัทรปรายตามองซองเอกสารที่เพิ่งเห็นเมื่อวานจากผู้เป็นแม่ เมื่อวานเขาไม่ยอมรับและออกมาเลย ไม่คิดจะเซนต์อยู่แล้วไอ้เอกสารบ้าๆนี่!"...""วางไว้นี่นะ" พัชระไม่สนใจเช่นเดิม หันหน้ามองนอกหน้าต่าง พยายามคิดว่าตอนนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหนสงสัยจะต้องพึ่งเฮียแล้วจริงๆ"เฮีย""ว่าไง" พัชระที่รอฟังอยู่แล้วตอบรับทันที
"ไม่รับจริงเหรอ เขาน่าจะโทรเป็นร้อยสายแล้วมั้ง""ไม่ถึงหรอก..." แค่เกือบๆ เท่านั้นเองหลังจากเมื่อวันก่อนที่ลัลนาคุยกับรพีภัทรจบ เห็นสีหน้าอึ้งตกใจของคนตัวสูง ตัวเธอก็รีบออกจากบ้านมาทันที ปล่อยให้เขายืนช็อกอยู่นั่นแหละ คงไม่คิดว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เมื่อวานช่วงเช้าเธอจึงตัดสินใจทำบางอย่าง นั่นคือจัดการเรื่องหย่า เธอเซนต์ใบหย่าทิ้งไว้โดยนำไปฝากไว้กับคุณหญิงรจณี เหลือแค่เขาเซนต์ในส่วนของตนเองทุกอย่างก็จบ นี่คงเป็นคำกล่าวที่เธอมักได้ยินมาเสมอ เจ็บแต่จบมันเป็นอย่างนี้นี่เองตอนนี้เธอทั้งเจ็บ ทั้งทรมานเลยล่ะ แต่ใครจะไปคิด ว่าคนเพื่อนไม่มีอย่างเธอ สุดท้ายเวลาแบบนี้ ดันมาอาศัยอยู่กับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะญาติดีกันได้"ไม่ถึงอะไร ฉันเห็นเขาโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อวาน" มนิสราบ่นคนที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟากลางห้องเสียงเครียด ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์ดังเป็นระยะๆ ตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็น"..." ลัลนาไม่ตอบอะไร ได้แต่มองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีทั้งข้อความสลับกับสายเรียกเข้าไม่หยุดไม่ทำการทำงานรึไงส่วนคนข้างๆ ก็พูดเป่าหูตลอดว่าให้เธอรับสาย เรื่องของเรื่องคือเธอนัดคุยกับอชิระและมนิสราเรื่องที่เป
ลัลนาเดินเข้าห้องมาด้วยใจลอยๆ สมองคิดถึงแต่เรื่องที่เพิ่งเจอมา ภายในใจบอบช้ำจนไม่เหลือชิ้นดี ที่ผ่านมาเคยคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองถูกทิ้ง แต่ไม่มีครั้งไหนจะยืนยันความคิดนั้นได้ดีเท่าครั้งนี้เลยเธอถูกทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะนับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่อชิระไปเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้เลยว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ยังไงลัลนาค่อนข้างมั่นใจว่าพระเอกหนุ่มน่าจะได้ยินทุกอย่างที่เธอคุยกับมารดา เพราะดูจากสีหน้าเจื่อนๆ ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไร พาเธอกลับมาส่งบ้านโดยไม่ถามอะไรสักคำ ปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองเงียบๆลัลนาเปิดไฟในห้องนอนคอนโดของตนเอง เธอพักอยู่ที่คอนโดเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ก็ตั้งแต่กลับจากหัวหินนั่นแหละ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นงานเลี้ยงก็กร่อยๆ ไปโดยปริยาย เธอเห็นท่าทางแปลกๆ ของหมอทั้งสามคนแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร บวกกับพัชระออกความเห็นให้นอนหนึ่งคืนและแยกย้ายกันกลับเลย เพราะวราลีดูขวัญเสียไม่น้อยหลังจากนั้นเธอก็เริ่มหาข้ออ้างกลับมานอนคอนโดตนเองที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จ อ้างถึงเรื่องถ่ายละครที่ช่วงนี้ต้องเลิกดึก บวกกับกองถ่ายใกล้กับคอนโดมากกว่า ประจวบกับเขามีขึ้นเวรต