"คิดอะไรอยู่"
"คะ?" ลัลนาหันมองคนข้างๆ ที่บังคับพวงมาลัยอยู่ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาถาม
"คุณน่ะ อยู่ๆ ก็เงียบไป" ใช่ว่าเขาจะไม่ได้สังเกตว่าที่ภรรยา ที่อยู่ๆ ก็ดูซึมๆ ไปทั้งๆ ที่ทีแรกก็ดูหัวเราะร่าเริงอยู่แท้ๆ
"อ้อ..ไม่มีอะไรค่ะ" เมื่อเห็นเธอตอบแบบนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ บางคนก็ย่อมมีพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครเข้าไป "แล้วนี่เราจะไปไหนคะ"
ลัลนากวาดสายตามองเส้นทางที่ไม่คุ้น ไม่เหมือนทางกลับคอนโดตัวเอง หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จทุกคนต่างแยกย้าย เธอนึกว่าเขาจะพากลับบ้านเลย แต่ดูจากเส้นทางแล้วไม่ใช่
"เพนท์เฮ้าส์" เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าตึกสูงใจกลางเมือง ลัลนาแหงนหน้ามองตึกสูงชื่อดังที่คุ้นตา เธอรู้จักคอนโดนี้ดี เป็นคอนโดที่ติดหนึ่งในสามของประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย ความลัคชูรี่ และที่สำคัญคือความแพง!
"เดี๋ยวฉันกลับรถไฟฟ้าได้ค่ะ" เธอชี้ไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ไม่ใกล้คอนโด คิดว่าเขาคงมีธุระด่วน
"ไปด้วยกัน" เขาตอบกลับเสียงนิ่ง เปิดประตูลงจากรถ เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงเดินลงตามเขาไป
"นั่งสองป้ายก็ถึงแล้วค่ะ" ถึงเธอจะเป็นดาราแต่ด้วยสถานการณ์การจราจรของกรุงเทพฯ บ่อยครั้งที่เธอต้องพึ่งขนส่งสาธารณะ เพราะฉะนั้นเธอจึงรู้เส้นทางการเดินรถเป็นอย่างดี
"ขึ้นไปดูด้วยกันมันเป็น...เรือนหอ" เมื่อเขาพูดแบบนั้นเธอจึงได้แต่นิ่งอึ้งไป ไม่รู้ควรจะถามหรือตอบอะไร จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่นำกุญแจมายื่นให้เขาจึงทำลายความเงียบด้วยการเรียกเธอให้เดินตามไป
ลัลนาแอบลอบสำรวจบรรยากาศโดยรอบ ทั้งฟิตเนสส่วนกลาง ลิฟต์โดยสาร และส่วนกลางภายในคอนโด เรียกได้ว่าครบครัน เรียบหรูสมราคาเกือบเก้าหลัก มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อห้องที่นี่ไม่ได้ ต้องมีทั้งอำนาจและนามสกุลด้วย ลัลนาลอบกลืนน้ำลายกับความอลังการของห้องเมื่อเขาเปิดประตูเดินนำเข้าไป เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมส่วนกลางที่เธอเดินผ่านแทบไม่มีใครใช้บริการ เพราะทุกอย่างที่ข้างล่างมีรวมอยู่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้หมดแล้ว
เธอเหมือนอยู่คนละโลกกับเขาเลย
คิดว่าอาชีพดาราทำให้ตัวเองสุขสบายไม่ลำบากกว่าสมัยก่อนแล้ว แต่ไม่คิดว่าจริงๆ แล้วยังมีอีกโลกที่เธอไม่เคยสัมผัส ก็คงจะเป็นโลกของครอบครัวเขานี่แหละ
"อยู่ได้ไหม" ร่างสูงหันมาถามเธอเสียงเรียบ
อยู่ไม่ได้ก็บ้าแล้ว!
"ได้ค่ะ" เธอตอบรับสั้นๆ ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาพูดได้ดีกว่านี้ เกินคำว่าอยู่ได้ไปเยอะเลย
"ด้านนอกผมตกแต่งไว้หมดแล้วเหลือห้องคุณ เลือกแบบได้เลย ผมจะให้อินทีเรียจัดการให้" เขาพูดน้ำเสียงสบายๆ พาเธอเดินขึ้นสู่ห้องด้านบน "ห้องนี้ของคุณ ส่วนห้องผมอยู่ทางนั้น แต่คุณไม่ต้องห่วง ส่วนใหญ่ผมจะอยู่คอนโดใกล้โรงพยาบาล อันนี้ก็...เผื่อแม่จะมาเยี่ยม ผมก็จะขอกลับมานอนนี่บ้าง" เขาอธิบายถึงแผนการภายในใจ
"คุณไม่ต้องขอหรอกค่ะ คุณเข้าออกได้ตามสบาย" เขาพูดเหมือนตัวเองไม่ใช่เจ้าของต้องมาขออาศัยนอน
"ต้องขอสิเพราะนี่ห้องคุณ"
"อะไรนะ!!"
บ้าไปแล้ว!
"นี่ห้องคุณ" เขาย้ำคำเดิมส่วนเธอตาโตกว่าเดิม
"จะบ้ารึไงจะเป็นห้องฉันได้ไง" รพีภัทรยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น ชอบใจหน้าเหวอๆ ของคนที่ปกติจะรักษาฟอร์มตลอดเวลาอยู่ข้างนอก
"ก็เป็นชื่อคุณไง เดี๋ยวจบงานแต่งคุณก็เซนต์รับได้เลย"
"เดี๋ยวๆ ฉันว่าเราต้องคุยกันหน่อย นี่มันเรื่องอะไรกัน" ลัลนาเดินไปนั่งบนโซฟาด้านล่าง ในขณะที่คนตัวสูงเดินลงบันไดมาตามที่ร่างเล็กเรียก
"ผมยกห้องนี้ให้คุณ ทำไมเข้าใจอะไรยาก"
"ฉันไม่ได้เข้าใจอะไรยาก แต่คุณต่างหากที่บ้า อยู่ๆ จะมายกห้องราคาเกือบร้อยล้านให้คนอื่นเนี่ยนะ!" รพีภัทรไม่ตอบอะไร ได้แต่คิดอยู่ในใจว่ารวมเฟอร์นิเจอร์และค่าตกแต่งก็ราคานั้นนั่นแหละ
"คุณไม่ใช่คนอื่นนี่" อย่างน้อยก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
"คุณก็รู้ว่าเราตกลงอะไรกัน" เธอยังเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
"นั่นมันก็ส่วนเรื่องข้อตกลง อันนี้ผมยกให้คุณไม่ว่าอนาคตเราจะอยู่ด้วยกัน หรือเลิกกันมันก็จะเป็นของคุณ"
"มีเหตุผลไหมคะ" เธอถามกลับน้ำเสียงจริงจัง
"เหตุผลคือคุณต้องแต่งงานกับผม อนาคตของคุณก็จะไม่เหมือนเดิม" เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่มันก็คือความยินยอมพร้อมใจของเราทั้งคู่
"พวกเราวินๆ ไงคะ ตามที่คุยกัน"
"ถึงอย่างนั้นคุณเป็นผู้หญิงก็ไม่เหมือนกัน"
"ไม่เกี่ยวค่ะ จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่ได้วัดกันที่แต่งงานหรือหย่า"
"ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่...ยังไงดีล่ะ" เขายกมือเกาแก้มอย่างอธิบายไม่ถูก "เอาเป็นว่าให้ผมได้รับผิดชอบชีวิตคุณในเรื่องพวกนี้เถอะ"
"เดี๋ยวๆ ไปกันใหญ่แล้วเพนท์เฮ้าส์เกี่ยวอะไรกับรับผิดชอบชีวิตคะ" ลัลนาถามกลับอย่างมึนงง
"ก็เรายังไม่ตกลงกันเรื่องเงินที่ผมจะโอนให้คุณทุกเดือนเลย"
ลัลนาหน้าเหวอทันทีเมื่อเขาพูดจบ ค่าเลี้ยงดูอะไรอีก!"นี่คุณพีร์! ฉันไม่ใช่เด็กเสี่ยนะ" มะนาวตวาดลั่นทันที ทั้งซื้อเพนท์เฮ้าส์ ทั้งให้เงินเป็นรายเดือน นี่มันข้อเสนอเลี้ยงดูเด็กชัดๆ!"ผมแก่ขนาดดูเป็นเสี่ยเลยเหรอ""หมอพีร์!""โอเคๆ คือกฎของครอบครัวผมน่ะ จะต้องให้เงินเดือนภรรยาด้วย""แต่ฉันก็ทำงาน ทำไมต้องมาให้" ดาราสาวยังไม่เข้าใจอยู่ดี แค่แต่งงานทำไมจะต้องมาเลี้ยงดูอะไรขนาดนั้น"ไม่เกี่ยวกัน ผมก็ไม่ได้ห้ามคุณทำงาน แต่อันนี้เงินเดือนต่างหาก" "มันมากเกินไปคุณพีร์" เธอตอบกลับเสียงอ่อนลงมาบ้าง เมื่อดูท่าแล้วเรื่องราวดูจะหนักขึ้นเรื่อยๆ"ไม่มากหรอก คุณเข้ามาอยู่ในครอบครัวผมก็มีสิทธิ์ได้รับปันผล รับเงินเดือนเหมือนทุกคน""แต่ฉันยังไม่ทำอะไรเลย""ทำสิ คุณเป็นภรรยาผมไง" เมื่อเขาพูดจบบรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความเงียบทันที ลัลนายกมือทาบอกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงอวัยวะภายในที่ดูจะเต้นแรงกว่าปกติคงแค่ตกใจ"คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น""เอาหน่า ถึงผมไม่ให้ ป๊ากับแม่ก็ต้องบังคับให้อยู่ดี คุณอย่าปฏิเสธเลย แค่เดือนละสองแสนเอง" ลัลนาเลิกที่จะตกใจไปแล้ว เพราะวันนี้ทั้งวันเธอผ่านการตกใจจนหัวใจ
ถึงแม้งานแต่งงานที่จัดขึ้นในวันนี้จะเป็นที่เคลือบแคลงใจของใครหลายๆ คน ทั้งเธอที่เพิ่งจะมีข่าวคาวใหญ่โตในวงการ ส่วนเขาที่ไม่เคยมีข่าวอะไรกับเธอมาก่อน แต่อยู่ๆ กลับมีงานแต่งงานใหญ่โต แทบจะจัดได้ว่าเป็นงานแห่งปีเลยก็ได้ ก็งานเลี้ยงในช่วงเย็นคุณหญิงรจณีเล่นชวนแขกแทบจะทุกวงการของธุรกิจมาร่วมงาน ถึงแม้จะเป็นการแต่งงานที่เรียกว่าสายฟ้าแลบ แต่ทุกคนที่ได้รับเชิญก็พร้อมใจกันมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง และทั้งหมดนี้มันกลับถูกจัดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบแทบไม่มีที่ติเธอคิดไว้อยู่แล้วว่าแขกจะต้องเยอะมากๆ ฟังจากที่พี่น้ำตาลภรรยาสาวของพัชระเล่า เพราะรู้ดีว่าครอบครัวเขาค่อนข้างมีอิทธิพลในวงการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่คิดว่าภายในเวลาเดือนเดียวแขกจะมาเยอะได้ขนาดนี้แต่การที่มีแขกมามากมายก็ดีอย่าง เพราะงานระดับนี้ก็เหมือนเป็นการนัดสังสรรค์คุยธุรกิจกันนั่นแหละ เพราะฉะนั้นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวนอกจากการแสดงความยินดีเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็แทบจะไม่มีคนสนใจสักเท่าไหร่"คุณพีร์คะ คุณแม่ให้มาตาม ถึงฤกษ์เข้าหอแล้ว" เธอเดินเข้าไปหากลุ่มเจ้าบ่าว เอ่ยบอกถึงกำหนดการที่คุณแม่แจ้งมาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เพราะเหนื่อยมากกับการยืนป
"คุณ...จะอาบน้ำก่อนไหม" มะนาวมองผ่านกระจกไปยังร่างสูงที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าว ใบหน้าแดงดูกรึ่มเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปพอสมควร"คุณอาบเลย" ลัลนาละมือจากการถอดเครื่องประดับบนศีรษะ หันกลับมามองเขาเต็มตา เห็นคนตัวสูงเดินไปคว้าเสื้อสูทที่ถอดวางไว้บนพนักพิงโซฟา สาวเท้าเดินออกไปทางประตูหน้าห้อง"เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณจะไปไหน""ก็เสร็จพิธีแล้วนี่" "แล้วคุณจะไปเลยเหรอคะไม่นอนนี่เหรอ เอ่อ...ฉันหมายถึงเพิ่งเสร็จพิธีส่งตัว แล้ววันนี้เป็นวันแรก แม่คุณเขาจะว่ารึเปล่า" ลัลนาละล้าละลังรีบอธิบาย กลัวเขาเข้าใจผิดในประโยคแรกคิดว่าเธอชวนนอนที่ห้อง"แม่กลับแล้ว..เพื่อนผมแชทมาบอก" เขาอธิบายสั้นๆ ไม่ติดใจประโยคกำกวมที่เธอเอ่ยขึ้นทีแรก"คุณนอนได้ใช่ไหม" ลัลลนาพยักหน้าตอบรับอย่างช่วยไม่ได้ จะให้บอกว่านอนไม่ได้รึยังไง! มีอย่างที่ไหนแต่งงานวันแรกทิ้งเธอไว้ที่เรือนหอคนเดียวคนตัวเล็กมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินลับไป สักพักได้ยินเสียงปิดประตูและสตาร์ทรถเป็นสัญญาณว่าเขาออกไปแล้ว ลัลนาทิ้งตัวลงที่นอนกว้างลืมตามองเพดาน ความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ที่ต้องอยู่รับแขกทำให้เปลือกตาเริ่มปิดลง ยกมือก่ายหน้าผาก
ลัลนาสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงกุกกักอยู่ด้านนอกประตู ยกข้อมือดูนาฬิกาเมื่อเห็นเวลาก็ตกใจเล็กน้อย ทีแรกตั้งใจว่าจะนั่งพักในห้องนั่งเล่นสักสิบนาทีแล้วค่อยขึ้นห้องไปนอน เนื่องจากวันนี้เธอมีถ่ายละครตั้งแต่เช้า บวกกับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวตั้งแต่เมื่อวาน พอวันนี้กลับมาถึงห้องก็ล้มตัวลงนอนโดยไม่คิดอะไร ไม่คิดว่าจะเพลินจนเวลาล่วงเลยมาเกือบเข้าวันใหม่ลัลนาสูดหายใจรวบรวมแรงลุกขึ้นจากโซฟากว้าง เปิดประตูห้องนั่งเล่นออกไปตั้งใจดูที่มาของเสียง เมื่อเห็นคนรูปร่างคุ้นตายืนหันหลังอยู่เค้าน์เตอร์ในครัวก็เลิกคิ้วแปลกใจ"คุณพีร์?"มาได้ไง "ขอโทษทีผมนึกว่าคุณอยู่ข้างบน" รพีภัทรเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด เมื่อเห็นดาราสาวเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นด้านล่างใกล้ห้องครัว "ไม่เป็นไรค่ะ...พอดีฉันเผลอหลับไป" ลัลนาตอบกลับเสียงเบา เสหลบตาอย่างเกร็งๆ เล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองอาทิตย์ได้ หลังจากที่แต่งงานกัน ที่เธอและเขาได้มาเจอกันตรงตามที่เขาพูดก่อนแต่งงานไม่มีผิด ทั้งเธอและเขาต่างใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม เหมือนก่อนที่จะแต่งงานกัน มีเพียงนิ้วมือด้านซ้ายของเธอและเขา ที่ยังมีแหวนประดับอยู่ เหมือนเป็นเครื่องเตือนใ
เมื่อคนตัวเล็กพูดมาแบบนั้นรพีภัทรที่กำลังจะดุต่อก็ถึงกับพูดไม่ออก รู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาประชดประชัน แต่เป็นตัวเขาเองที่เริ่มรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ความจริงแล้วเขาก็ไม่ควรปล่อยให้เธออยู่คนเดียวแบบนั้น ทั้งๆ ที่สถานะของพวกเรายังเป็นสามีภรรยากัน"กินได้ไหม" เขาไม่สาวความต่อ เอ่ยถามเธอที่ก้มหน้ากินข้าวต้มด้วยท่าทางฝืนๆ"ได้ค่ะ" ลัลนาตอบกลับสั้นๆ ก็กินได้จริงๆ แต่ถามว่ารู้รสไหม ตอบได้ว่าไม่เลย แค่กลืนน้ำลายยังเจ็บคอ ไม่ต้องไปพูดถึงรสชาติอาหาร เธอไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น"เดี๋ยวผมไปเตรียมยาให้ คุณกินไปก่อน" รพีภัทรก็ไม่ถามอะไรมาก ลุกออกไปข้างนอกเพื่อเตรียมยาตามที่พูด เพราะรู้ดีว่าป่วยแบบนี้ลิ้นรับรสย่อมไม่รู้รสชาติอะไรอยู่แล้วลัลนามองตามร่างสูงที่เพิ่งเดินพ้นประตูไป หัวใจอุ่นวาบเล็กน้อยเมื่อได้รับความห่วงใยจากคนที่ไม่คิดว่าจะได้รับอย่างเขา ลำพังตลอดชีวิตเธอมีแค่ยายผกาที่คอยเป็นห่วงเป็นใยดูแลเธอยามป่วยไข้ เมื่อเธอโตขึ้นมาหน่อย ลัลนาก็ต้องดึงความเข้มแข็งตัวเองออกมาเป็นเสาหลักในบ้านเพื่อไม่ให้ยายเป็นห่วงและลำบาก ที่ผ่านมาเจ็บป่วยยังไงก็ไม่เคยบอกใคร เพราะรู้ดีว่าแค่นี้ตัวเองก็เป็นภาระคนอ
"ฮันนีมูน?""คุณแม่ถามมาว่าเรามีแพลนจะไปที่ไหนกัน" รพีภัทรเอื้อมมือตักอาหารตรงหน้าไว้ในจานคนที่นั่งตรงข้าม ในขณะที่คนตัวเล็กยังนั่งกะพริบตามึนงง"เราต้องไปด้วยเหรอคะ""ผมก็คิดแบบนั้น" รพีภัทรถอนหายใจเล็กน้อย ลำพังตัวเองงานก็ยุ่งอยู่แล้ว แต่คุณหญิงรจณีคุณแม่ของเขาโทรมาคุยเรื่องนี้เมื่อหลายวันก่อน นี่จึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องกลับมาที่เพนท์เฮ้าส์เพื่อคุยกับเธอเรื่องนี้ "แต่ถ้าคุณไม่สะดวกผมจะคุยกับคุณแม่ดู""ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันก็ได้ แค่ในประเทศพอ" เธอไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ อีกอย่างไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงมาก เธอก็ยินดีจะทำ"ผมขอโทษด้วย ไม่คิดว่าจะต้องดึงคุณมาลำบากใจ" ความคิดทีแรกแค่ตั้งใจให้มารดาเลิกวุ่นวายเรื่องจับคู่ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นต้องไปฮันนีมูนรบกวนเวลางานดาราสาว"สบายมากค่ะ" ลัลนายกยิ้มน้อยๆ ตอบเขาอย่างไม่คิดมาก ถือว่าไปพักผ่อนด้วย ตัวเธอเองทำงานมาตั้งหลายปี เรียกได้ว่าชีวิตสุขสบายกว่าเมื่อก่อนก็จริง แต่ก็แทบไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวจริงจัง มีอาศัยเวลาไปทำงานหรือถ่ายละครแวะเที่ยวบ้างในบางครั้ง"คุณกินก่อนเถอะแล้วค่อยมาตกลงกัน" หลังจากที่ทั้งเธอและเขารับประทานอาหารเรียบร้อย ลัลน
"คุณแม่คะนาวว่าเยอะไปแล้วนะคะ" ลัลนาเอ่ยท้วงแม่สามีที่ยังหยิบชุดคอลเลคชั่นใหม่มาทาบกับตัวเธอไม่หยุด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งตกลงเหมาตัวที่แขวนอยู่ทั้งเซ็ท โดยทุกชุดให้จัดส่งที่อยู่คือเพนท์เฮ้าส์เธอนั่นแหละ"ไม่เยอะเลยลูก ชุดพวกนี้ยังไงหนูก็ต้องใช้" รจณีตอบกลับลูกสะใภ้ก่อนจะเดินไปเมียงมองชุดเดรสสีโอลด์โรสที่ตั้งโชว์อยู่ แล้วหันไปพยักหน้าบอกเอสเอที่เดินตาม เพียงแค่นั้นลัลนาก็รู้ได้ทันทีว่าตู้เสื้อผ้าเธอจะมีชุดนี้เพิ่มเข้าไปอีกชุดไหนคุณรจณีบอกมาเดินดูเฉยๆ แก้เบื่อไงเมื่อเช้าคุณหญิงรจณีโทรหาเธอด้วยน้ำเสียงดูหงอยๆ บอกว่าไม่มีเพื่อนเดินช็อปด้วย เธอที่วันนี้มีงานแค่ช่วงเช้าจึงตกปากรับคำบอกว่าจะมาเดินเป็นเพื่อน แต่ตั้งแต่เจอหน้ากันคุณหญิงรจณีลากเธอเดินไม่หยุด เรียกได้ว่าใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก เข้าออกแทบจะทุกช็อปในห้าง แต่ที่สำคัญคือใช้เธอเป็นหุ่นทดลอง ทีแรกคิดว่าคงตั้งใจให้เป็นแบบเพื่อซื้อให้พระพรหรือวราลี แต่ที่ไหนได้ทุกชุดที่แม่สามีได้จับ ตอนนี้กลายเป็นของเธอทั้งหมด"คุณแม่คะนาวว่ามันเยอะจริงๆ นะคะ" ลัลนาเอ่ยท้วงอีกรอบ เมื่อเห็นคนข้างๆ ยังเลือกชุดไม่หยุด"แม่อยากซื้อให้นาวนี่ลูก ตั้งแต่ยั
เสียงกระดิ่งด้านหน้าดังขึ้น เมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาภายในร้าน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้สองหนุ่มสาวที่กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสหันมาสนใจ คุณหมอหนุ่มชื่อดังของวอร์ดออร์โธปิดิกส์เดินปรี่ไปยังโซนมุมสุดด้านในร้าน โดยไม่ต้องหยุดมองหา เพราะมองเห็นภรรยาในนามนั่งอยู่มาแต่ไกล และที่สำคัญยังพ่วงเพื่อนสนิทเขาอีกคน ที่นั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่"อ้าว! คอนเซาท์เสร็จแล้วเหรอ" รพีภัทรปรายตามองเพื่อนสนิทเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตามายังคนตัวเล็กที่เงยหน้ามองเขาอยู่"มาได้ไง""คุณแม่ให้เอาขนมมาให้ค่ะ" ลัลนาชี้ไปยังถุงขนมโลโก้คุ้นตาที่วางอยู่บนโต๊ะ "ปกติผมก็กลับห้อง" ลัลนาหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อคำตอบที่ได้รับเหมือนเป็นการบอกนัยๆ ว่าไม่อยากให้เธอมาหาที่โรงพยาบาล"พอดีคุณแม่อยากให้คุณกินตอนร้อนๆ""...""ยังไง...ที่คอนเซาท์หาข้อสรุปไม่ได้รึไง?" ธารณ์ที่กอดอกมองดูเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่ม ยกยิ้มมุมปากเอ่ยถามเพื่อนที่กำลังหงุดหงิดอยู่"เปล่า" รพีภัทรตอบห้วนๆ อย่างหงุดหงิด ทั้งๆ ที่เรื่องงานไม่มีปัญหา แต่พอเห็นหน้าเพื่อนตนเองแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล"อ้อ..ไม่ใช่เรื่องนี้" ธารณ์ตอบกลับน้ำเสียงยียวน รอดูเรื่องสนุกต่อ
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้
"อ้าวเฮีย" รพีภัทรที่เพิ่งเดินมาถึงบ้าน เอ่ยทักพี่ชายตนเองที่เดินเข้ามาเจอกันที่หน้าบ้านของตนเอง คาดว่าคงมีอะไรจะคุยด้วย เพราะดึกขนาดนี้แล้วพัชระยังอยู่รอ "มีอะไรรึเปล่าเฮีย""ไปคุยในบ้านสิ" รพีภัทรเปิดประตูให้พี่ชายเข้าบ้าน ในขณะที่ตนเองเดินไปนั่งที่โซฟาข้างพี่ชายตนเอง"พรุ่งนี้หยุดรึไงถึงกลับบ้าน" ปกติตัวเขาหากจะกลับมานอนบ้านก็เพราะว่าแม่โทรตาม แต่วันนี้แม่ไม่ได้โทรตาม ก็ไม่แปลกใจที่พัชระจะถามขึ้นเมื่อเห็นรถเขาเข้าบ้านมา"เปล่าหรอกเฮีย ไม่อยากอยู่เพนท์เฮ้าส์" ในนั้นมีแต่ความทรงจำของเธอกับเขาเต็มไปหมด ยิ่งอยู่ยิ่งคิดถึง ทีแรกจะกลับคอนโด แต่อยู่ๆ เกิดคิดถึงบ้านขึ้นมาจึงขับอ้อมกลับมานอนบ้านดีกว่า เพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ บ้านคือที่พักใจที่ดีที่สุด"แม่ให้เอามาให้" รพีภัทรปรายตามองซองเอกสารที่เพิ่งเห็นเมื่อวานจากผู้เป็นแม่ เมื่อวานเขาไม่ยอมรับและออกมาเลย ไม่คิดจะเซนต์อยู่แล้วไอ้เอกสารบ้าๆนี่!"...""วางไว้นี่นะ" พัชระไม่สนใจเช่นเดิม หันหน้ามองนอกหน้าต่าง พยายามคิดว่าตอนนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหนสงสัยจะต้องพึ่งเฮียแล้วจริงๆ"เฮีย""ว่าไง" พัชระที่รอฟังอยู่แล้วตอบรับทันที
"ไม่รับจริงเหรอ เขาน่าจะโทรเป็นร้อยสายแล้วมั้ง""ไม่ถึงหรอก..." แค่เกือบๆ เท่านั้นเองหลังจากเมื่อวันก่อนที่ลัลนาคุยกับรพีภัทรจบ เห็นสีหน้าอึ้งตกใจของคนตัวสูง ตัวเธอก็รีบออกจากบ้านมาทันที ปล่อยให้เขายืนช็อกอยู่นั่นแหละ คงไม่คิดว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เมื่อวานช่วงเช้าเธอจึงตัดสินใจทำบางอย่าง นั่นคือจัดการเรื่องหย่า เธอเซนต์ใบหย่าทิ้งไว้โดยนำไปฝากไว้กับคุณหญิงรจณี เหลือแค่เขาเซนต์ในส่วนของตนเองทุกอย่างก็จบ นี่คงเป็นคำกล่าวที่เธอมักได้ยินมาเสมอ เจ็บแต่จบมันเป็นอย่างนี้นี่เองตอนนี้เธอทั้งเจ็บ ทั้งทรมานเลยล่ะ แต่ใครจะไปคิด ว่าคนเพื่อนไม่มีอย่างเธอ สุดท้ายเวลาแบบนี้ ดันมาอาศัยอยู่กับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะญาติดีกันได้"ไม่ถึงอะไร ฉันเห็นเขาโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อวาน" มนิสราบ่นคนที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟากลางห้องเสียงเครียด ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์ดังเป็นระยะๆ ตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็น"..." ลัลนาไม่ตอบอะไร ได้แต่มองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีทั้งข้อความสลับกับสายเรียกเข้าไม่หยุดไม่ทำการทำงานรึไงส่วนคนข้างๆ ก็พูดเป่าหูตลอดว่าให้เธอรับสาย เรื่องของเรื่องคือเธอนัดคุยกับอชิระและมนิสราเรื่องที่เป
ลัลนาเดินเข้าห้องมาด้วยใจลอยๆ สมองคิดถึงแต่เรื่องที่เพิ่งเจอมา ภายในใจบอบช้ำจนไม่เหลือชิ้นดี ที่ผ่านมาเคยคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองถูกทิ้ง แต่ไม่มีครั้งไหนจะยืนยันความคิดนั้นได้ดีเท่าครั้งนี้เลยเธอถูกทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะนับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่อชิระไปเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้เลยว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ยังไงลัลนาค่อนข้างมั่นใจว่าพระเอกหนุ่มน่าจะได้ยินทุกอย่างที่เธอคุยกับมารดา เพราะดูจากสีหน้าเจื่อนๆ ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไร พาเธอกลับมาส่งบ้านโดยไม่ถามอะไรสักคำ ปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองเงียบๆลัลนาเปิดไฟในห้องนอนคอนโดของตนเอง เธอพักอยู่ที่คอนโดเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ก็ตั้งแต่กลับจากหัวหินนั่นแหละ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นงานเลี้ยงก็กร่อยๆ ไปโดยปริยาย เธอเห็นท่าทางแปลกๆ ของหมอทั้งสามคนแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร บวกกับพัชระออกความเห็นให้นอนหนึ่งคืนและแยกย้ายกันกลับเลย เพราะวราลีดูขวัญเสียไม่น้อยหลังจากนั้นเธอก็เริ่มหาข้ออ้างกลับมานอนคอนโดตนเองที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จ อ้างถึงเรื่องถ่ายละครที่ช่วงนี้ต้องเลิกดึก บวกกับกองถ่ายใกล้กับคอนโดมากกว่า ประจวบกับเขามีขึ้นเวรต