"ฮันนีมูน?"
"คุณแม่ถามมาว่าเรามีแพลนจะไปที่ไหนกัน" รพีภัทรเอื้อมมือตักอาหารตรงหน้าไว้ในจานคนที่นั่งตรงข้าม ในขณะที่คนตัวเล็กยังนั่งกะพริบตามึนงง
"เราต้องไปด้วยเหรอคะ"
"ผมก็คิดแบบนั้น" รพีภัทรถอนหายใจเล็กน้อย ลำพังตัวเองงานก็ยุ่งอยู่แล้ว แต่คุณหญิงรจณีคุณแม่ของเขาโทรมาคุยเรื่องนี้เมื่อหลายวันก่อน นี่จึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องกลับมาที่เพนท์เฮ้าส์เพื่อคุยกับเธอเรื่องนี้ "แต่ถ้าคุณไม่สะดวกผมจะคุยกับคุณแม่ดู"
"ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันก็ได้ แค่ในประเทศพอ" เธอไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ อีกอย่างไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงมาก เธอก็ยินดีจะทำ
"ผมขอโทษด้วย ไม่คิดว่าจะต้องดึงคุณมาลำบากใจ" ความคิดทีแรกแค่ตั้งใจให้มารดาเลิกวุ่นวายเรื่องจับคู่ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นต้องไปฮันนีมูนรบกวนเวลางานดาราสาว
"สบายมากค่ะ" ลัลนายกยิ้มน้อยๆ ตอบเขาอย่างไม่คิดมาก ถือว่าไปพักผ่อนด้วย ตัวเธอเองทำงานมาตั้งหลายปี เรียกได้ว่าชีวิตสุขสบายกว่าเมื่อก่อนก็จริง แต่ก็แทบไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวจริงจัง มีอาศัยเวลาไปทำงานหรือถ่ายละครแวะเที่ยวบ้างในบางครั้ง
"คุณกินก่อนเถอะแล้วค่อยมาตกลงกัน"
หลังจากที่ทั้งเธอและเขารับประทานอาหารเรียบร้อย ลัลนาเป็นฝ่ายขอรับหน้าที่ในการล้างจาน ส่วนคุณหมอหนุ่มก็ไม่ขัดอะไรเข้าใจว่าคนตัวเล็กคงไม่อยากเอาเปรียบ จึงออกไปนั่งรอที่โซฟาในห้องนั่งเล่น หยิบเอกสารเรื่องงานมาอ่านรอเวลา ลัลนาเมื่อล้างจานเก็บโต๊ะเรียบร้อยจึงเดินตามเข้ามาในห้องบ้างตั้งใจคุยเรื่องที่ค้างไว้
"คุณว่างช่วงไหนคะ" มะนาวเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นบ้าง ไม่อยากจะรบกวนเวลาเขา แต่อยากรีบคุยให้จบจะได้ขึ้นไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้เธอมีคิวถ่ายละครแต่เช้า
"อาทิตย์หน้าผมมีไปสัมมนาแค่นั้น หลังจากนั้นคุณนัดผมล่วงหน้าก็พอ" เขาเอ่ยตอบเหมือนคิดแผนการไว้หมดแล้ว ในขณะที่เธอหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเห็นว่าช่วงอาทิตย์หน้าเธอมีไปถ่ายละครที่เขาใหญ่เช่นเดียวกัน
"ถ้าเป็นสักปลายเดือนหน้าดีไหมคะ"
"ครับ" เขาตอบรับสั้นๆ ไม่คิดมาก
"ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อน" เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้วเธอจึงเอ่ยขอตัว ตั้งใจขึ้นไปพักผ่อนข้างบน แต่รพีภัทรเอ่ยรั้งไว้ก่อน
"เดี๋ยวก่อน"
"คะ?"
เขาไม่ตอบอะไรแต่เอื้อมมือหยิบไอแพดขึ้นมา ก้มหน้าเหมือนหาอะไรนิดหน่อยก่อนจะเบี่ยงหน้าจอให้เธอดู ลัลนาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพตนเองปรากฏอยู่ ที่นั่งข้างๆ มีอชิระที่รับบทพระเอกในละครที่ตนเองกำลังถ่ายทำอยู่
"พอดีฉันมีธุระกับอชิค่ะ" เธอเริ่มต้นอธิบายกว้างๆ บอกได้เพียงแค่ว่าตนเองไปธุระกับพระเอกหนุ่ม "ความจริงตอนนั้นมีอีกคนด้วยค่ะ แต่เขาแค่ยังมาไม่ถึง อชิมีทำงานต่อ..."
"ที่นี่โรงแรมของที่บ้านผมคุณรู้ใช่ไหม" เขาพูดแทรกก่อนที่เธอจะอธิบายจบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ลัลนาพยักหน้าตอบรับเมื่อเขาพูดขึ้น ทำไมจะไม่รู้ว่าธุรกิจของสามีตนเองมีอะไรบ้าง "แล้วถ้าไม่ใช่โรงแรมของครอบครัวผม คุณคิดว่าภาพนี้จะถูกเผยแพร่ไปขนาดไหน"
ลัลนาก้มหน้าลงรู้สึกผิดเล็กน้อย ในภาพไม่ได้มีอะไรที่สื่อให้เห็นว่าเธอกับอชิมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน แต่สถานที่ที่เธอและอชิระไปทำธุระกันดันเป็นห้องอาหารโรงแรม เพราะอชิระมีงานต่อที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ติดกับโรงแรม ถึงแม้เธอจะพยายามพรางตัวแล้วแต่ก็มีสิทธิ์ที่จะมีคนจำได้ ถึงเวลานั้นหากมีข่าวออกไปแล้ว ก็ย่อมทำความเสียหายให้หลายๆ ฝ่ายจริงๆ
สมควรแล้วที่เขาจะตำหนิ เธอทำอะไรไม่คิดเอง
"ฉันขอโทษจริงๆ" ลัลนาก้มหน้าตอบอย่างสำนึกผิด
"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร...แต่อย่างที่เคยบอกไว้ คุยจะทำอะไรก็ระมัดระวังหน่อย" ลัลนาเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างของเขา ที่กำลังอ่านเอกสารในมืออยู่ เขาพูดตำหนิโดยไม่มองหน้าเธอสักนิด และดูเหมือนจะไม่ได้ฟังสิ่งที่เธออธิบายไปด้วยซ้ำ ราวกับเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองคิดแล้ว สิ่งที่เธออธิบายเป็นเพียงแค่ลมปากที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป
เมื่อเห็นเป็นแบบนั้นลัลนาจึงลุกขึ้นจากโซฟาเดินเปิดประตูออกจากห้องไปไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ หัวเราะน้อยๆ กับตัวเอง ที่พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ สัมภาษณ์บอกความจริงก็ไม่เชื่อ ไม่พูดอะไรก็หาว่าเงียบกลบเกลื่อน แม้แต่สามีตนเองแท้ๆ ก็ไม่คิดจะฟังสักนิด ที่กลับมาวันนี้ก็คงตั้งใจมาคุยเรื่องวันนี้นั่นแหละ ไม่ได้เป็นห่วงอะไรอย่างที่เธอแอบคิดสักนิด
เธอก็ยังคงเป็นลัลนาคนเดิม คนที่มีแต่คนอยากทอดทิ้งนั่นแหละ
"คุณแม่คะนาวว่าเยอะไปแล้วนะคะ" ลัลนาเอ่ยท้วงแม่สามีที่ยังหยิบชุดคอลเลคชั่นใหม่มาทาบกับตัวเธอไม่หยุด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งตกลงเหมาตัวที่แขวนอยู่ทั้งเซ็ท โดยทุกชุดให้จัดส่งที่อยู่คือเพนท์เฮ้าส์เธอนั่นแหละ"ไม่เยอะเลยลูก ชุดพวกนี้ยังไงหนูก็ต้องใช้" รจณีตอบกลับลูกสะใภ้ก่อนจะเดินไปเมียงมองชุดเดรสสีโอลด์โรสที่ตั้งโชว์อยู่ แล้วหันไปพยักหน้าบอกเอสเอที่เดินตาม เพียงแค่นั้นลัลนาก็รู้ได้ทันทีว่าตู้เสื้อผ้าเธอจะมีชุดนี้เพิ่มเข้าไปอีกชุดไหนคุณรจณีบอกมาเดินดูเฉยๆ แก้เบื่อไงเมื่อเช้าคุณหญิงรจณีโทรหาเธอด้วยน้ำเสียงดูหงอยๆ บอกว่าไม่มีเพื่อนเดินช็อปด้วย เธอที่วันนี้มีงานแค่ช่วงเช้าจึงตกปากรับคำบอกว่าจะมาเดินเป็นเพื่อน แต่ตั้งแต่เจอหน้ากันคุณหญิงรจณีลากเธอเดินไม่หยุด เรียกได้ว่าใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก เข้าออกแทบจะทุกช็อปในห้าง แต่ที่สำคัญคือใช้เธอเป็นหุ่นทดลอง ทีแรกคิดว่าคงตั้งใจให้เป็นแบบเพื่อซื้อให้พระพรหรือวราลี แต่ที่ไหนได้ทุกชุดที่แม่สามีได้จับ ตอนนี้กลายเป็นของเธอทั้งหมด"คุณแม่คะนาวว่ามันเยอะจริงๆ นะคะ" ลัลนาเอ่ยท้วงอีกรอบ เมื่อเห็นคนข้างๆ ยังเลือกชุดไม่หยุด"แม่อยากซื้อให้นาวนี่ลูก ตั้งแต่ยั
เสียงกระดิ่งด้านหน้าดังขึ้น เมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาภายในร้าน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้สองหนุ่มสาวที่กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสหันมาสนใจ คุณหมอหนุ่มชื่อดังของวอร์ดออร์โธปิดิกส์เดินปรี่ไปยังโซนมุมสุดด้านในร้าน โดยไม่ต้องหยุดมองหา เพราะมองเห็นภรรยาในนามนั่งอยู่มาแต่ไกล และที่สำคัญยังพ่วงเพื่อนสนิทเขาอีกคน ที่นั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่"อ้าว! คอนเซาท์เสร็จแล้วเหรอ" รพีภัทรปรายตามองเพื่อนสนิทเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตามายังคนตัวเล็กที่เงยหน้ามองเขาอยู่"มาได้ไง""คุณแม่ให้เอาขนมมาให้ค่ะ" ลัลนาชี้ไปยังถุงขนมโลโก้คุ้นตาที่วางอยู่บนโต๊ะ "ปกติผมก็กลับห้อง" ลัลนาหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อคำตอบที่ได้รับเหมือนเป็นการบอกนัยๆ ว่าไม่อยากให้เธอมาหาที่โรงพยาบาล"พอดีคุณแม่อยากให้คุณกินตอนร้อนๆ""...""ยังไง...ที่คอนเซาท์หาข้อสรุปไม่ได้รึไง?" ธารณ์ที่กอดอกมองดูเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่ม ยกยิ้มมุมปากเอ่ยถามเพื่อนที่กำลังหงุดหงิดอยู่"เปล่า" รพีภัทรตอบห้วนๆ อย่างหงุดหงิด ทั้งๆ ที่เรื่องงานไม่มีปัญหา แต่พอเห็นหน้าเพื่อนตนเองแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล"อ้อ..ไม่ใช่เรื่องนี้" ธารณ์ตอบกลับน้ำเสียงยียวน รอดูเรื่องสนุกต่อ
เมื่อเห็นคนตัวเล็กยอมตกลงตามนั้นร่างสูงจึงเดินออกจากห้องเพื่อไปทำธุระที่ยังค้างอยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมฝากวิชุดาช่วยดูแลภรรยาตนเอง ลัลนาจึงหยิบบทละครขึ้นมาอ่านบทเพื่อรอเวลา จนผ่านไปร่วมยี่สิบนาทีเมื่อเห็นเขายังไม่กลับมาจึงเดินออกไปถามทางพี่พยาบาลด้านนอกเพื่อไปเข้าห้องน้ำ จนจัดการทำธุระเสร็จเรียบร้อย จึงเดินกลับมาทางเดิม เลยได้บังเอิญเห็นคนที่ปล่อยให้เธอนั่งรอในห้องทำงานเกือบครึ่งชั่วโมงดาราสาวเพ่งสายตามองเห็นคนตัวสูงที่นั่งหันหลังเหมือนคุยกับใครอยู่ เมื่อสังเกตดีๆ ถึงเห็นว่าเป็นเด็กน้อยผมเปียนั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าเปื้อนน้ำตา"ลุงหมอคะแม่อยู่ข้างในตั้งนานแล้ว พ่อก็บอกว่าเดี๋ยวกลับมาแต่ยังไม่มาเลย พ่อจะทิ้งหนูไปไหม" เสียงสะอื้นเอ่ยถามคนที่แทนตนเองว่าลุงหมอที่นั่งคุยกับเธอมาสักพักแล้ว จนเจ้าตัวเริ่มเปิดใจกล้าซักถาม"มาสิครับ คุณพ่อแค่ไปคุยกับคุณหมอแป๊บเดียวเอง" รพีภัทรลูบหัวปลอบใจเด็กน้อย เข้าใจดีว่าเด็กตัวแค่นี้เป็นธรรมดาที่กลัวการถูกทอดทิ้ง ยิ่งผู้เป็นแม่ป่วยนอนอยู่ด้านในก็คงยิ่งกลัวจับใจ"แต่พ่อไปนานมากเลย หนูกลัว" เด็กน้อยจากที่น้ำตาเหือดแห้งไปแล้วเบ้าตาเริ่มมีน้ำตาคลอ"ไม่เป็นไรนะ
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา รพีภัทรเอ่ยชวนภรรยาสาวรับประทานอาหารนอกบ้าน ก่อนจะแวะห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของสดเล็กๆ น้อยๆ สำหรับทำอาหารเช้าง่ายๆ ก่อนจะพากันกลับมาเพนท์เฮ้าส์พร้อมกัน "ไว้เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมจะเรียกคนมาซ่อมเครื่องกรองน้ำ" ลัลนาที่เพิ่งนั่งลงบนโซฟา หันมองตามคนตัวสูงที่เดินตามกันมา วางของที่เพิ่งแวะซื้อในห้างบนเคาน์เตอร์ครัว "ความจริงคุณเรียกช่างเลยก็ได้นะคะพรุ่งนี้ฉันอยู่" ลัลนาอาสาช่วยอยู่ดูเนื่องจากพรุ่งนี้เธอไม่มีงานหนึ่งวัน ก่อนที่จะต้องไปถ่ายละครหลายวันที่เขาใหญ่"เดี๋ยวรอผมกลับมา""ไม่เป็นไรค่ะ ฉันช่วยดูให้ได้" คนตัวเล็กยังคงอาสาอย่างหวังดี ในขณะที่ร่างสูงปรายตามองเธอหน้านิ่ง "คุณเป็นผู้หญิง แถมมีชื่อเสียงจะให้ช่างเข้ามาทำอะไรตอนที่ตัวเองอยู่คนเดียวได้ยังไง""..." ก่อนหน้านี้ก็อยู่คนเดียวแล้วก็เรียกช่างแบบนี้ตลอดนี่ ไม่เห็นจะเป็นอะไร!"อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาทำแบบนี้" ดาราสาวไม่พูดอะไรแสร้งลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปหยิบขวดน้ำที่แช่อยู่ในตู้เย็น ตั้งท่าจะเปิดดื่ม แต่เปิดยังไงก็เปิดไม่ออกลัลนากลอกตาเซ็งๆ กับปัญหาเดิมๆ ไม่รู้เป็นอะไรนักหนากับชีวิต เธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ ทำ
"ช่วงนี้ใบหน้าอิ่มเอิบนะคะคุณน้อง""นั่นสิน้องนาวอวบอิ่มขึ้นด้วย ลัลนาแสร้งยิ้มขวยเขินกลบเกลื่อนสีหน้าเบื่อหน่ายที่ได้ยินคนในกองเอ่ยทักมาโดยตลอด ทุกวันนี้เวลาเจอหน้ากันทีไรหลายคนมองท้องเธอก่อนมองหน้าทุกที ทุกคนก็คงนับเดือนรอตามที่ข่าวออกนั่นแหละว่าท้องก่อนแต่ง"ไม่หรอกค่ะพี่การ์ตูนนาวก็เหมือนเดิม เผลอๆ ผอมกว่าเดิมด้วยซ้ำ""โอ๊ยยย อีต้นมึงก็ถามน้องเขาไปสิว่าอยากรู้ว่าท้องไหม" ช่างทำผมที่กำลังทำให้นักแสดงอีกคน หันใบหน้ามาเปิดประเด็นอย่างหงุดหงิด เมื่อเพื่อนสาวตนเองถามอ้อมไปอ้อมมาหลายรอบแล้ว"อีวิทย์กูชื่อการ์ตูน ตบปากเดี๋ยวนี้!""กูก็ไม่ได้ชื่อวิทย์กูชื่อการ์ฟิวส์!!" ลัลนาหัวเราะน้อยๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า ความจริงแล้วพี่ๆ ในกองก็ไม่ได้มีปัญหาให้เธอหนักอกหนักใจอะไร เพียงแต่อยากรู้อยากเห็นตามประสาคนกองนั่นแหละ"ไหนๆ อีฟิวส์ก็เปิดมาแบบนี้แล้ว พี่ขอถามเลยแล้วกันคุณน้องสรุปป่องไหมคะ" การ์ตูนถือโอกาสถามดาราสาวด้วยความอยากรู้ ด้วยความที่รู้จักกันมานานหลายปี จึงกล้าเอ่ยปากถามไปตรงๆ เมื่อมีคนกล้าถามหลายคนในห้องก็เริ่มหูผึ่ง แสร้งหยิบจับนู่นจับนี่ทำตัวไม่ว่าง แต่หูผึ่งรอฟังคำตอบด้วย"ป่องอะไรคะพี
ลัลนาที่ทีแรกเป็นฝ่ายเดินนำ กลับถูกร่างสูงเดินแซง และให้เธอเป็นคนตามแทน ในขณะที่มือหนายังไม่คลายออกจากกัน เขาพาเธอเดินมายังร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ โรงแรม โชคดีที่ในร้านไม่มีใคร อาจเพราะเป็นช่วงบ่าย คนตัวสูงลากเธอมานั่งด้านในของร้านที่เป็นมุมส่วนตัว เพื่อให้เวลาเธอสงบจิตสงบใจ ในขณะที่ตนเองเดินไปสั่งช็อกโกแลตปั่นให้เธอ และกาแฟให้ตนเองลัลนายกเครื่องดื่มขึ้นดื่ม เมื่อเขาวางลงตรงหน้า ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ และความหวานจากเครื่องดื่มส่งผลให้จิตใจเริ่มสงบขึ้น"ใจเย็นขึ้นรึยัง""ฉันต้องใจเย็น?" เธอจึงยียวนตอบกลับ ในขณะที่คนตรงข้ามมองเธอนิ่ง"มันไม่มีอะไร" รพีภัทรเริ่มต้นอธิบายหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันสักพัก"อะไรที่ว่าคืออะไร" เธอยียวนตอบกลับบ้าง"อย่ากวน""คุณก็ต้องอธิบายมามากกว่านี้สิ""แล้วคุณอยากรู้อะไร" เขาวางถ้วยกาแฟลง ถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ทำไมคุณไม่บอกฉันว่ามาสัมมนาที่นี่ คุณรู้ไหมฉันเกือบหลุดโป๊ะไปแล้วตอนที่มีคนบอกว่าเห็นคุณ" ลัลนาพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ถึงเวลานั้นจริงๆ คนต้องสงสัยถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้แน่ๆ"เอาตรงๆ ผมก็เพิ่งรู้ว่าโรงแรมที่มาพักจะเป็นที่เดียวกั
"มะนาว""อ้าว อชิ ยังไม่ถึงคิวไม่ใช่เหรอ"ลัลนาถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อพระเอกของเรื่องเดินเข้ามาทักทาย อชิระเรียกได้ว่าสนิทกับเธอระดับหนึ่ง เป็นเพราะเรียนการแสดงมาด้วยกัน ตอนนั้นเธอเข้าวงการเป็นนางเอกก่อน ในขณะที่อชิระเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เริ่มมีคนจับตามอง ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้สนิทกันถึงขั้นรับรู้และอัปเดตกันทุกเรื่อง แต่ทุกครั้งที่มาเจอกัน ก็มักมีเรื่องสนุกๆ มาคุยกันเสมอ"มารอก่อนดีกว่า ตื่นเต้น" อชิระลูบมือตนเองไปมาอย่างประหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องขี่ม้าทำการแสดง ถึงแม้จะซ้อมมาหลายรอบแล้วแต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี"อชิทำได้อยู่แล้ว สบายมาก""เราไม่ได้เหมือนมะนาวนี่ เก่งทุกอย่าง ขี่ม้าก็เป็น" เธอเคยรับบทแสดงที่จะต้องขี่ม้าเหมือนกันเมื่อหลายปีก่อน ทีแรกก็กลัวแบบอชินั่นแหละ แต่พอได้ลองครั้งแรกก็ติดใจ หลังจากนั้นหากมีเวลาว่างดาราสาวก็มักจะหาเวลาไปขี่ม้าอยู่บ่อยๆ"ไม่เห็นเกี่ยวเลย แค่ทำความคุ้นเคยกับเขาก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว" "โห...พูดง่ายนี่มะนาว" ลัลนาหัวเราะเสียงใสเมื่อเห็นท่าทีโอดโอยของพระเอกหนุ่ม"ให้นาวช่วยไหมล่ะ""หืมยังไง?""เดี๋ยวนาวสอนวิธีทำให้ม้าไม่กลัวเรา อชิจะได้มั่นใ
"คุณพอแล้ว" ลัลนาพูดขึ้นเสียงเบาเมื่อร่างสูงยังคงสำรวจแผลเธออีกรอบ หลังจากที่ก่อนหน้าล้างแผลและทำการพันแผลเรียบร้อย "ฉันไม่เจ็บแล้ว""ตอนนี้ไม่เจ็บแต่คืนนี้ปวดแน่" คนตัวเล็กหน้ามุ่ยเมื่อโดนขู่แต่ถึงอย่างนั้นก็เอ่ยขอบคุณด้วยใจจริง"ขอบคุณนะคะ""ผมเป็นหมอ" ลัลนาเบ้ปากอย่างหมั่นไส้คนข้างๆ แค่รับคำขอบคุณมันจะยากอะไร รู้แล้วว่าเป็นหมอ!"รู้แล้วใช่ไหมว่าต่อไปห้ามอยู่ใกล้ม้าอีก""ปกติฉันก็ขี่ตลอด" เธอเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เรื่องอะไรมาให้เธอเลิกทำกิจกรรมสุดโปรด"ขี่ตลอดแล้วทำไมเป็นแบบนี้""ก็เพราะเสียงกรี๊ดของแฟ...มินนี่นั่นแหละ" ลัลนาที่กำลังจะเอ่ยสถานะเก่าของเขากับนางเอกที่สร้างปัญหา ก็รีบเฉไฉเปลี่ยนสรรพนามเมื่อคนตัวสูงขึงตามองมาดุๆจะดุทำไมก็เป็นแฟนเก่าจริงนี่!"สถานการณ์แบบนี้มันอาจเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมซีเรียสคือต่อให้คุณไม่ได้ขี่ แต่คุณต้องสวมอุปกรณ์เซฟตี้รึเปล่า" ดาราสาวหน้าหงอยทันทีเมื่อถูกดุ เอาเข้าจริงๆ ที่เขาพูดมาก็ถูกนั่นแหละ เธอควรจะป้องกันตัวเองให้ดีกว่านี้"ขอโทษนะคะเลยทำให้คุณเดือดร้อนเลย""ยังจะมาห่วงอะไรแบบนี้อีก คุณควรต้องห่วงตัวเอง""ทำไมวันนี้บ่นยาวจัง""..."
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้
"อ้าวเฮีย" รพีภัทรที่เพิ่งเดินมาถึงบ้าน เอ่ยทักพี่ชายตนเองที่เดินเข้ามาเจอกันที่หน้าบ้านของตนเอง คาดว่าคงมีอะไรจะคุยด้วย เพราะดึกขนาดนี้แล้วพัชระยังอยู่รอ "มีอะไรรึเปล่าเฮีย""ไปคุยในบ้านสิ" รพีภัทรเปิดประตูให้พี่ชายเข้าบ้าน ในขณะที่ตนเองเดินไปนั่งที่โซฟาข้างพี่ชายตนเอง"พรุ่งนี้หยุดรึไงถึงกลับบ้าน" ปกติตัวเขาหากจะกลับมานอนบ้านก็เพราะว่าแม่โทรตาม แต่วันนี้แม่ไม่ได้โทรตาม ก็ไม่แปลกใจที่พัชระจะถามขึ้นเมื่อเห็นรถเขาเข้าบ้านมา"เปล่าหรอกเฮีย ไม่อยากอยู่เพนท์เฮ้าส์" ในนั้นมีแต่ความทรงจำของเธอกับเขาเต็มไปหมด ยิ่งอยู่ยิ่งคิดถึง ทีแรกจะกลับคอนโด แต่อยู่ๆ เกิดคิดถึงบ้านขึ้นมาจึงขับอ้อมกลับมานอนบ้านดีกว่า เพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ บ้านคือที่พักใจที่ดีที่สุด"แม่ให้เอามาให้" รพีภัทรปรายตามองซองเอกสารที่เพิ่งเห็นเมื่อวานจากผู้เป็นแม่ เมื่อวานเขาไม่ยอมรับและออกมาเลย ไม่คิดจะเซนต์อยู่แล้วไอ้เอกสารบ้าๆนี่!"...""วางไว้นี่นะ" พัชระไม่สนใจเช่นเดิม หันหน้ามองนอกหน้าต่าง พยายามคิดว่าตอนนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหนสงสัยจะต้องพึ่งเฮียแล้วจริงๆ"เฮีย""ว่าไง" พัชระที่รอฟังอยู่แล้วตอบรับทันที
"ไม่รับจริงเหรอ เขาน่าจะโทรเป็นร้อยสายแล้วมั้ง""ไม่ถึงหรอก..." แค่เกือบๆ เท่านั้นเองหลังจากเมื่อวันก่อนที่ลัลนาคุยกับรพีภัทรจบ เห็นสีหน้าอึ้งตกใจของคนตัวสูง ตัวเธอก็รีบออกจากบ้านมาทันที ปล่อยให้เขายืนช็อกอยู่นั่นแหละ คงไม่คิดว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เมื่อวานช่วงเช้าเธอจึงตัดสินใจทำบางอย่าง นั่นคือจัดการเรื่องหย่า เธอเซนต์ใบหย่าทิ้งไว้โดยนำไปฝากไว้กับคุณหญิงรจณี เหลือแค่เขาเซนต์ในส่วนของตนเองทุกอย่างก็จบ นี่คงเป็นคำกล่าวที่เธอมักได้ยินมาเสมอ เจ็บแต่จบมันเป็นอย่างนี้นี่เองตอนนี้เธอทั้งเจ็บ ทั้งทรมานเลยล่ะ แต่ใครจะไปคิด ว่าคนเพื่อนไม่มีอย่างเธอ สุดท้ายเวลาแบบนี้ ดันมาอาศัยอยู่กับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะญาติดีกันได้"ไม่ถึงอะไร ฉันเห็นเขาโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อวาน" มนิสราบ่นคนที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟากลางห้องเสียงเครียด ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์ดังเป็นระยะๆ ตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็น"..." ลัลนาไม่ตอบอะไร ได้แต่มองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีทั้งข้อความสลับกับสายเรียกเข้าไม่หยุดไม่ทำการทำงานรึไงส่วนคนข้างๆ ก็พูดเป่าหูตลอดว่าให้เธอรับสาย เรื่องของเรื่องคือเธอนัดคุยกับอชิระและมนิสราเรื่องที่เป
ลัลนาเดินเข้าห้องมาด้วยใจลอยๆ สมองคิดถึงแต่เรื่องที่เพิ่งเจอมา ภายในใจบอบช้ำจนไม่เหลือชิ้นดี ที่ผ่านมาเคยคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองถูกทิ้ง แต่ไม่มีครั้งไหนจะยืนยันความคิดนั้นได้ดีเท่าครั้งนี้เลยเธอถูกทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะนับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่อชิระไปเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้เลยว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ยังไงลัลนาค่อนข้างมั่นใจว่าพระเอกหนุ่มน่าจะได้ยินทุกอย่างที่เธอคุยกับมารดา เพราะดูจากสีหน้าเจื่อนๆ ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไร พาเธอกลับมาส่งบ้านโดยไม่ถามอะไรสักคำ ปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองเงียบๆลัลนาเปิดไฟในห้องนอนคอนโดของตนเอง เธอพักอยู่ที่คอนโดเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ก็ตั้งแต่กลับจากหัวหินนั่นแหละ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นงานเลี้ยงก็กร่อยๆ ไปโดยปริยาย เธอเห็นท่าทางแปลกๆ ของหมอทั้งสามคนแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร บวกกับพัชระออกความเห็นให้นอนหนึ่งคืนและแยกย้ายกันกลับเลย เพราะวราลีดูขวัญเสียไม่น้อยหลังจากนั้นเธอก็เริ่มหาข้ออ้างกลับมานอนคอนโดตนเองที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จ อ้างถึงเรื่องถ่ายละครที่ช่วงนี้ต้องเลิกดึก บวกกับกองถ่ายใกล้กับคอนโดมากกว่า ประจวบกับเขามีขึ้นเวรต