เมื่อเห็นคนตัวเล็กยอมตกลงตามนั้นร่างสูงจึงเดินออกจากห้องเพื่อไปทำธุระที่ยังค้างอยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมฝากวิชุดาช่วยดูแลภรรยาตนเอง
ลัลนาจึงหยิบบทละครขึ้นมาอ่านบทเพื่อรอเวลา จนผ่านไปร่วมยี่สิบนาทีเมื่อเห็นเขายังไม่กลับมาจึงเดินออกไปถามทางพี่พยาบาลด้านนอกเพื่อไปเข้าห้องน้ำ จนจัดการทำธุระเสร็จเรียบร้อย จึงเดินกลับมาทางเดิม เลยได้บังเอิญเห็นคนที่ปล่อยให้เธอนั่งรอในห้องทำงานเกือบครึ่งชั่วโมง
ดาราสาวเพ่งสายตามองเห็นคนตัวสูงที่นั่งหันหลังเหมือนคุยกับใครอยู่ เมื่อสังเกตดีๆ ถึงเห็นว่าเป็นเด็กน้อยผมเปียนั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าเปื้อนน้ำตา
"ลุงหมอคะแม่อยู่ข้างในตั้งนานแล้ว พ่อก็บอกว่าเดี๋ยวกลับมาแต่ยังไม่มาเลย พ่อจะทิ้งหนูไปไหม" เสียงสะอื้นเอ่ยถามคนที่แทนตนเองว่าลุงหมอที่นั่งคุยกับเธอมาสักพักแล้ว จนเจ้าตัวเริ่มเปิดใจกล้าซักถาม
"มาสิครับ คุณพ่อแค่ไปคุยกับคุณหมอแป๊บเดียวเอง" รพีภัทรลูบหัวปลอบใจเด็กน้อย เข้าใจดีว่าเด็กตัวแค่นี้เป็นธรรมดาที่กลัวการถูกทอดทิ้ง ยิ่งผู้เป็นแม่ป่วยนอนอยู่ด้านในก็คงยิ่งกลัวจับใจ
"แต่พ่อไปนานมากเลย หนูกลัว" เด็กน้อยจากที่น้ำตาเหือดแห้งไปแล้วเบ้าตาเริ่มมีน้ำตาคลอ
"ไม่เป็นไรนะ ยังไงหนูก็ไม่อยู่คนเดียวลุงหมอจะนั่งเป็นเพื่อนหนูเอง แล้วถ้าหนูไม่ร้องไห้จะมีของขวัญให้ด้วย" คุณหมอหนุ่มเริ่มหาของมาหลอกล่อ ในขณะคนที่แอบดูเริ่มขมวดคิ้วสงสัยตาม
อย่างหมอพีร์จะมีของขวัญอะไรให้เด็ก ไปตั้งความหวังเดี๋ยวก็ยิ่งเสียใจ
"ลุงหมอมีของขวัญให้หนูจริงๆ เหรอคะ"
"แต่หนูต้องห้ามร้องไห้นะครับ ฮึบไว้" คุณหมอเริ่มต่อรองเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยคล้อยตาม
"ค่ะหนูจะไม่ร้อง"
"วีนัส"
"คุณพ่อ!!" ลัลนาที่กำลังค้นกระเป๋าหาพวงกุญแจตุ๊กตาหมีที่ตนเองใช้อยู่ เงยหน้าดูเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง เห็นชายรูปร่างสูงเดินปรี่เข้ามายังรพีภัทรและลูกสาวตนเอง เด็กน้อยเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อก็รีบวิ่งไปหาทันที
"ขอบคุณคุณหมอมากนะครับที่ช่วยดูแลวีนัสให้ก่อน" ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณอย่างซาบซึ้ง ตัวเขาเองมีกันสามคนพ่อแม่ลูก ภรรยาเกิดล้มหัวฟาดพื้นตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู ที่ร้ายไปกว่านั้นคุณหมอคาดว่าอาจจะมีโรคแทรกซ้อนอยู่แล้วเลยทำให้คนรักตนเองหมดสติ
คุณหมอจึงเรียกคุยเพื่อชี้แจงรายละเอียด ตัวเขาเองไม่มีปัญหาอะไร แต่กังวลที่ลูกสาวจะต้องมารับฟังด้วย เพราะลูกตนเองก็โตพอที่จะเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างแล้ว โชคดีที่คุณหมอคนนี้อาสาที่จะอยู่ดูแลลูกสาวให้ระหว่างที่ตัวเขาไปพบคุณหมอ
"เก่งจังเลยลูกสาวพ่อไม่ร้องไห้ด้วย"
"ลุงหมอใจดีบอกว่าถ้าไม่ร้องไห้จะมีของขวัญให้" เมื่อเด็กน้อยพูดแบบนั้น รพีภัทรจึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์ หยิบลูกอมเม็ดเล็กยื่นให้
"รางวัลของเด็กเก่งครับ"
"ลูกอมเหรอคะ คุณพ่อหนูกินได้ไหม" เด็กน้อยที่ปกติมักโดนสั่งห้ามให้กินของหวานรีบหันไปถามบิดาด้วยแววตาเป็นประกาย
"ได้สิครับ คนเก่งต้องได้รางวัล"
ลัลนามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกประทับใจทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองสักนิด ทีแรกยังแอบกังวลว่าอย่างเขาจะมีอะไรเป็นของขวัญให้เด็ก ไม่คิดว่าคุณหมอหนุ่มจะพกลูกอมติดตัวไว้
ที่สำคัญยังแอบแกะลูกอมอีกเม็ดโยนเข้าปากด้วย
"อร่อยไหมคะ"
"มาได้ไง?" คนตัวสูงที่เพิ่งโยนลูกอมเข้าปากตีสีหน้านิ่ง เอ่ยถามน้ำเสียงราบเรียบ แต่ใบหูแดงเล็กน้อย
"ฉันมาเข้าห้องน้ำ"
"แอบดูคนอื่นคุยกัน?"
"ฉันแค่บังเอิญผ่านมาเฉยๆ" มะนาวแสร้งตอบหน้าตาย สีหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"นั่นแหละคือการแอบดูคนอื่น" เขายังตำหนิเธอต่อ
"ขอโทษค่าาา ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะมีลูกอมไว้ปลอบใจเด็ก นี่ก็แกะตุ๊กตาหมีเตรียมไว้ให้แล้ว กลัวคุณหลอกเด็ก แล้วไม่มีของให้" เธอชูพวงกุญแจตุ๊กตาหมีในมือให้เขาดู ในขณะที่รพีภัทรสีหน้าอ่อนลงเมื่อเห็นเจตนาดีของเธอ
"ไปเถอะ"คุณหมอหนุ่มไม่สาวความต่อ ออกเดินนำไปยังห้องทำงานตนเองเพื่อเก็บของกลับบ้านตามที่บอกไว้ทีแรก ก่อนจะชะงักปลายเท้าเมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้ หันหลังกลับมามองคนที่เดินตามอยู่
"คะ?"
"รางวัล" เขายื่นลูกอมเม็ดเล็กสีเดียวกับที่ยื่นให้เด็กน้อยเมื่อกี้ส่งให้เธอ
"รางวัล? ให้ฉันเหรอคะ"
"อืม"
"ฉันทำอะไร" ลัลนารับลูกอมมาถือไว้ในมือ เงยหน้าถามเขาด้วยความสงสัย
"ก็ใจดีไง" เขาเพยิดหน้าไปยังพวงกุญแจหมีน้อยในมือเธอ ก่อนจะหันหลังเดินต่อไป ปล่อยให้คนตัวเล็กมองค้อนบ่นพึมพำตามหลัง
"ไม่ใช่เด็กสักหน่อยจะมาให้ลูกอม!"
ถึงอย่างนั้นคนที่บอกว่าตนเองไม่ใช่เด็กก็แกะซองเล็กๆ ส่งลูกอมเข้าปากไปอีกคน เมื่อได้ลิ้มรสความหวานของสิ่งที่ไม่ได้กินมานาน ใบหน้าหวานจึงยกยิ้มอย่างถูกใจ
ไม่น่าเชื่อว่ารางวัลเล็กๆ จากคนหน้านิ่งแต่แอบใจดี จะอร่อยขนาดนี้
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา รพีภัทรเอ่ยชวนภรรยาสาวรับประทานอาหารนอกบ้าน ก่อนจะแวะห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของสดเล็กๆ น้อยๆ สำหรับทำอาหารเช้าง่ายๆ ก่อนจะพากันกลับมาเพนท์เฮ้าส์พร้อมกัน "ไว้เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมจะเรียกคนมาซ่อมเครื่องกรองน้ำ" ลัลนาที่เพิ่งนั่งลงบนโซฟา หันมองตามคนตัวสูงที่เดินตามกันมา วางของที่เพิ่งแวะซื้อในห้างบนเคาน์เตอร์ครัว "ความจริงคุณเรียกช่างเลยก็ได้นะคะพรุ่งนี้ฉันอยู่" ลัลนาอาสาช่วยอยู่ดูเนื่องจากพรุ่งนี้เธอไม่มีงานหนึ่งวัน ก่อนที่จะต้องไปถ่ายละครหลายวันที่เขาใหญ่"เดี๋ยวรอผมกลับมา""ไม่เป็นไรค่ะ ฉันช่วยดูให้ได้" คนตัวเล็กยังคงอาสาอย่างหวังดี ในขณะที่ร่างสูงปรายตามองเธอหน้านิ่ง "คุณเป็นผู้หญิง แถมมีชื่อเสียงจะให้ช่างเข้ามาทำอะไรตอนที่ตัวเองอยู่คนเดียวได้ยังไง""..." ก่อนหน้านี้ก็อยู่คนเดียวแล้วก็เรียกช่างแบบนี้ตลอดนี่ ไม่เห็นจะเป็นอะไร!"อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาทำแบบนี้" ดาราสาวไม่พูดอะไรแสร้งลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปหยิบขวดน้ำที่แช่อยู่ในตู้เย็น ตั้งท่าจะเปิดดื่ม แต่เปิดยังไงก็เปิดไม่ออกลัลนากลอกตาเซ็งๆ กับปัญหาเดิมๆ ไม่รู้เป็นอะไรนักหนากับชีวิต เธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ ทำ
"ช่วงนี้ใบหน้าอิ่มเอิบนะคะคุณน้อง""นั่นสิน้องนาวอวบอิ่มขึ้นด้วย ลัลนาแสร้งยิ้มขวยเขินกลบเกลื่อนสีหน้าเบื่อหน่ายที่ได้ยินคนในกองเอ่ยทักมาโดยตลอด ทุกวันนี้เวลาเจอหน้ากันทีไรหลายคนมองท้องเธอก่อนมองหน้าทุกที ทุกคนก็คงนับเดือนรอตามที่ข่าวออกนั่นแหละว่าท้องก่อนแต่ง"ไม่หรอกค่ะพี่การ์ตูนนาวก็เหมือนเดิม เผลอๆ ผอมกว่าเดิมด้วยซ้ำ""โอ๊ยยย อีต้นมึงก็ถามน้องเขาไปสิว่าอยากรู้ว่าท้องไหม" ช่างทำผมที่กำลังทำให้นักแสดงอีกคน หันใบหน้ามาเปิดประเด็นอย่างหงุดหงิด เมื่อเพื่อนสาวตนเองถามอ้อมไปอ้อมมาหลายรอบแล้ว"อีวิทย์กูชื่อการ์ตูน ตบปากเดี๋ยวนี้!""กูก็ไม่ได้ชื่อวิทย์กูชื่อการ์ฟิวส์!!" ลัลนาหัวเราะน้อยๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า ความจริงแล้วพี่ๆ ในกองก็ไม่ได้มีปัญหาให้เธอหนักอกหนักใจอะไร เพียงแต่อยากรู้อยากเห็นตามประสาคนกองนั่นแหละ"ไหนๆ อีฟิวส์ก็เปิดมาแบบนี้แล้ว พี่ขอถามเลยแล้วกันคุณน้องสรุปป่องไหมคะ" การ์ตูนถือโอกาสถามดาราสาวด้วยความอยากรู้ ด้วยความที่รู้จักกันมานานหลายปี จึงกล้าเอ่ยปากถามไปตรงๆ เมื่อมีคนกล้าถามหลายคนในห้องก็เริ่มหูผึ่ง แสร้งหยิบจับนู่นจับนี่ทำตัวไม่ว่าง แต่หูผึ่งรอฟังคำตอบด้วย"ป่องอะไรคะพี
ลัลนาที่ทีแรกเป็นฝ่ายเดินนำ กลับถูกร่างสูงเดินแซง และให้เธอเป็นคนตามแทน ในขณะที่มือหนายังไม่คลายออกจากกัน เขาพาเธอเดินมายังร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ โรงแรม โชคดีที่ในร้านไม่มีใคร อาจเพราะเป็นช่วงบ่าย คนตัวสูงลากเธอมานั่งด้านในของร้านที่เป็นมุมส่วนตัว เพื่อให้เวลาเธอสงบจิตสงบใจ ในขณะที่ตนเองเดินไปสั่งช็อกโกแลตปั่นให้เธอ และกาแฟให้ตนเองลัลนายกเครื่องดื่มขึ้นดื่ม เมื่อเขาวางลงตรงหน้า ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ และความหวานจากเครื่องดื่มส่งผลให้จิตใจเริ่มสงบขึ้น"ใจเย็นขึ้นรึยัง""ฉันต้องใจเย็น?" เธอจึงยียวนตอบกลับ ในขณะที่คนตรงข้ามมองเธอนิ่ง"มันไม่มีอะไร" รพีภัทรเริ่มต้นอธิบายหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันสักพัก"อะไรที่ว่าคืออะไร" เธอยียวนตอบกลับบ้าง"อย่ากวน""คุณก็ต้องอธิบายมามากกว่านี้สิ""แล้วคุณอยากรู้อะไร" เขาวางถ้วยกาแฟลง ถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ทำไมคุณไม่บอกฉันว่ามาสัมมนาที่นี่ คุณรู้ไหมฉันเกือบหลุดโป๊ะไปแล้วตอนที่มีคนบอกว่าเห็นคุณ" ลัลนาพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ถึงเวลานั้นจริงๆ คนต้องสงสัยถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้แน่ๆ"เอาตรงๆ ผมก็เพิ่งรู้ว่าโรงแรมที่มาพักจะเป็นที่เดียวกั
"มะนาว""อ้าว อชิ ยังไม่ถึงคิวไม่ใช่เหรอ"ลัลนาถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อพระเอกของเรื่องเดินเข้ามาทักทาย อชิระเรียกได้ว่าสนิทกับเธอระดับหนึ่ง เป็นเพราะเรียนการแสดงมาด้วยกัน ตอนนั้นเธอเข้าวงการเป็นนางเอกก่อน ในขณะที่อชิระเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เริ่มมีคนจับตามอง ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้สนิทกันถึงขั้นรับรู้และอัปเดตกันทุกเรื่อง แต่ทุกครั้งที่มาเจอกัน ก็มักมีเรื่องสนุกๆ มาคุยกันเสมอ"มารอก่อนดีกว่า ตื่นเต้น" อชิระลูบมือตนเองไปมาอย่างประหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องขี่ม้าทำการแสดง ถึงแม้จะซ้อมมาหลายรอบแล้วแต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี"อชิทำได้อยู่แล้ว สบายมาก""เราไม่ได้เหมือนมะนาวนี่ เก่งทุกอย่าง ขี่ม้าก็เป็น" เธอเคยรับบทแสดงที่จะต้องขี่ม้าเหมือนกันเมื่อหลายปีก่อน ทีแรกก็กลัวแบบอชินั่นแหละ แต่พอได้ลองครั้งแรกก็ติดใจ หลังจากนั้นหากมีเวลาว่างดาราสาวก็มักจะหาเวลาไปขี่ม้าอยู่บ่อยๆ"ไม่เห็นเกี่ยวเลย แค่ทำความคุ้นเคยกับเขาก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว" "โห...พูดง่ายนี่มะนาว" ลัลนาหัวเราะเสียงใสเมื่อเห็นท่าทีโอดโอยของพระเอกหนุ่ม"ให้นาวช่วยไหมล่ะ""หืมยังไง?""เดี๋ยวนาวสอนวิธีทำให้ม้าไม่กลัวเรา อชิจะได้มั่นใ
"คุณพอแล้ว" ลัลนาพูดขึ้นเสียงเบาเมื่อร่างสูงยังคงสำรวจแผลเธออีกรอบ หลังจากที่ก่อนหน้าล้างแผลและทำการพันแผลเรียบร้อย "ฉันไม่เจ็บแล้ว""ตอนนี้ไม่เจ็บแต่คืนนี้ปวดแน่" คนตัวเล็กหน้ามุ่ยเมื่อโดนขู่แต่ถึงอย่างนั้นก็เอ่ยขอบคุณด้วยใจจริง"ขอบคุณนะคะ""ผมเป็นหมอ" ลัลนาเบ้ปากอย่างหมั่นไส้คนข้างๆ แค่รับคำขอบคุณมันจะยากอะไร รู้แล้วว่าเป็นหมอ!"รู้แล้วใช่ไหมว่าต่อไปห้ามอยู่ใกล้ม้าอีก""ปกติฉันก็ขี่ตลอด" เธอเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เรื่องอะไรมาให้เธอเลิกทำกิจกรรมสุดโปรด"ขี่ตลอดแล้วทำไมเป็นแบบนี้""ก็เพราะเสียงกรี๊ดของแฟ...มินนี่นั่นแหละ" ลัลนาที่กำลังจะเอ่ยสถานะเก่าของเขากับนางเอกที่สร้างปัญหา ก็รีบเฉไฉเปลี่ยนสรรพนามเมื่อคนตัวสูงขึงตามองมาดุๆจะดุทำไมก็เป็นแฟนเก่าจริงนี่!"สถานการณ์แบบนี้มันอาจเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมซีเรียสคือต่อให้คุณไม่ได้ขี่ แต่คุณต้องสวมอุปกรณ์เซฟตี้รึเปล่า" ดาราสาวหน้าหงอยทันทีเมื่อถูกดุ เอาเข้าจริงๆ ที่เขาพูดมาก็ถูกนั่นแหละ เธอควรจะป้องกันตัวเองให้ดีกว่านี้"ขอโทษนะคะเลยทำให้คุณเดือดร้อนเลย""ยังจะมาห่วงอะไรแบบนี้อีก คุณควรต้องห่วงตัวเอง""ทำไมวันนี้บ่นยาวจัง""..."
ซะที่ไหน!ที่บอกไปว่าไม่มีปัญหา เธอคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ใครจะคิดล่ะว่าปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่เธอ แต่อยู่ที่เขา!ลัลนาชำเลืองมองคนที่กำลังบังคับพวงมาลัยอยู่ด้วยใบหน้าเฉยชา นึกถึงเหตุการณ์ในกองถ่ายเมื่อสองชั่วโมงก่อน ที่บอกว่าเขาจะมาดูด้วย เธอก็คิดแค่ว่า รพีภัทรจะนั่งดูอยู่ห่างๆ เหมือนที่ผ่านมาแต่คุณหมอหนุ่มเล่นนั่งข้างผู้กำกับที่คุมมอนิเตอร์อยู่ ที่สำคัญพี่โจ้ที่ปกติด่าทุกคนที่ขัดขวางการทำงาน แต่วันนี้กลับนั่งเงียบกริบด้วยความเกรงอกเกรงใจ เมื่อคนที่นั่งข้างๆ ต่อสายตรงไปยังผู้จัดละครเพื่อขอให้เธอได้พักแขนสองวันหลังจากนั้นทั้งผู้จัด ผู้บริหารค่าย ก็มีคำสั่งลงมาให้ถ่ายฉากที่เขาใหญ่ให้จบเร็วที่สุด ก่อนจะจัดตารางคิวงานใหม่ทั้งหมด ส่วนทีมงานได้แต่รับฟังแต่ไม่กล้าโอดครวญสักคน"มองอะไร" เขาถามเธอเสียงเข้ม ไม่แม้แต่จะปรายตามองกันสักนิดเหอะ! รู้ดีไปหมด"คุณใช้อำนาจในทางที่ผิด!""ตรงไหน?" ยังจะกล้าถามอีก!? มะนาวขึงตามองคนข้างๆ อย่างกรุ่นโกรธ"ก็เรื่องที่กองไง คุณทำแบบนั้นคนอื่นเขาก็ต้องเคลียร์คิวใหม่ เสียหายกันหมด""แล้วยังไง""แล้วยังไงเหรอ? คุณกำลังทำให้กองถ่ายทำงานรวน""แล้วคุณแขนโดนพันเป็นมัมม
"เดี๋ยวผมเอาอาหารใส่จานให้ คุณขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ"ลัลนาพยักหน้าตอบรับอย่าเหนื่อยล้า หลังจากที่พวกเธอตกลงกันว่าจะแวะกินอาหารร้านป้าภา แต่เมื่อมาถึง ร้านกลับแน่นไปด้วยผู้คน แถมยังมีรอคิวอีกหลายคิวเมื่อเห็นดังนั้นรพีภัทรจึงอาสาไปซื้ออาหารมาให้ส่วนเธอนั่งรออยู่ในรถ ระหว่างรอด้วยความที่เหนื่อยมาทั้งวันบวกกับยาแก้ปวดที่ได้กินไปเมื่อช่วงเย็น ทำให้เธออ่อนเพลียจนเผลอหลับไปรู้ตัวอีกทีเมื่อเขาสะกิดเรียก ก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ลานจอดรถของคอนโดแล้ว เมื่อเข้าห้องมาเขาถึงบอกให้เธอไปล้างหน้าล้างตาก่อนลัลนาวางกองกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนเตียง ก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาตามที่เขาบอก หลังจากนั้นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันตา คนตัวเล็กควานหาโทรศัพท์ที่นอนตายอยู่ในกระเป๋า หยิบออกมาดูพบว่าแบตหมดจึงจัดการชาร์จแบตและเปิดเครื่องเมื่อเปิดเครื่องมาพบข้อความอยู่สองสามคน ที่ทักมาถามเรื่องอาการเธอ และความปลอดภัยว่าถึงบ้านรึยัง มะนาวเลื่อนผ่านตั้งใจจะค่อยกลับมาตอบก่อนนอน แต่เมื่อเห็นข้อความจากคนที่เธอรอมาหลายวันก็รีบเปิดเข้าไปอ่านทันทีได้เรื่องแล้วคุณสะดวกนัดเจอวันไหนลัลนาเดินเข้ามาในครัว มีสุกี้แห้งและสุกี้น้ำอย่
"ขอต้อนรับคุณชายหมอกลับจากเขาใหญ่คร้าบบบ" รพีภัทรถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เมื่อเดินเข้ามาถึงโต๊ะ ยังไม่ทันนั่งก็โดนหมอไทม์เพื่อนสนิทเอ่ยแซวซะก่อน"ทำหน้าอะไรแบบนั้น พวกกูนัดมากินเหล้าแป๊บเดียวจะเป็นจะตาย""มึงมากกว่ามั้งไอ้หมอก" รพีภัทรตอบกลับทันที เมื่ออวัศย์เอ่ยพูดในสิ่งที่ปกติจะเป็นตัวเองที่มีปัญหาเรื่องนี้ ตั้งแต่มันมีแฟนก็เล่นหายหน้าหายตาออกจากวงสังคม จะนัดมันมากินเหล้าทั้งที เล่นชักแม่น้ำเป็นร้อยสาย จนพวกเขาถึงขั้นต้องโทรขอให้ใบชาเป็นคนเอ่ยปากพูด แต่ไอ้ตัวดีมาถึงก็นั่งซังกะตายจ้องแต่จะกลับบ้าน ถ้าวันนี้ไม่มีเหตุจริงๆ มันคงไม่โผล่มาอยู่ตรงนี้ เลิกงานแล้วหายหัวตลอดแล้วก็เดาได้ไม่ยากว่าสาเหตุที่ทำให้มันต้องทิ้งเมียมานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพราะเขา"กูก็อยากเจอเพื่อนเจอฝูงบ้างไง แล้วอยากรู้ด้วยว่าเพื่อนรักจะซื้ออะไรจากเขาใหญ่มาฝากบ้าง""นั่นดิ มีอะไรมาฝากเพื่อนบ้างน้าาา" ธารณ์ลากเสียงยาวถามต่อ"มีตีนนี่ไง""ไอ้พีร์ไอ้คนหยาบ การมีเมียไม่ได้ทำให้มึงอ่อนโยนขึ้นเลยรึไง" ไทม์บ่นเพื่อนเซ็งๆ แสร้งทำสีหน้ารับไม่ได้"พวกมึงไม่มีอะไรทำกันแล้วรึไง ถึงต้องมาตามเสือกเรื่องกูเนี่ย" รพีภัทรส่ายหน้าเซ็งๆ ก่อนจ
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้
"อ้าวเฮีย" รพีภัทรที่เพิ่งเดินมาถึงบ้าน เอ่ยทักพี่ชายตนเองที่เดินเข้ามาเจอกันที่หน้าบ้านของตนเอง คาดว่าคงมีอะไรจะคุยด้วย เพราะดึกขนาดนี้แล้วพัชระยังอยู่รอ "มีอะไรรึเปล่าเฮีย""ไปคุยในบ้านสิ" รพีภัทรเปิดประตูให้พี่ชายเข้าบ้าน ในขณะที่ตนเองเดินไปนั่งที่โซฟาข้างพี่ชายตนเอง"พรุ่งนี้หยุดรึไงถึงกลับบ้าน" ปกติตัวเขาหากจะกลับมานอนบ้านก็เพราะว่าแม่โทรตาม แต่วันนี้แม่ไม่ได้โทรตาม ก็ไม่แปลกใจที่พัชระจะถามขึ้นเมื่อเห็นรถเขาเข้าบ้านมา"เปล่าหรอกเฮีย ไม่อยากอยู่เพนท์เฮ้าส์" ในนั้นมีแต่ความทรงจำของเธอกับเขาเต็มไปหมด ยิ่งอยู่ยิ่งคิดถึง ทีแรกจะกลับคอนโด แต่อยู่ๆ เกิดคิดถึงบ้านขึ้นมาจึงขับอ้อมกลับมานอนบ้านดีกว่า เพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ บ้านคือที่พักใจที่ดีที่สุด"แม่ให้เอามาให้" รพีภัทรปรายตามองซองเอกสารที่เพิ่งเห็นเมื่อวานจากผู้เป็นแม่ เมื่อวานเขาไม่ยอมรับและออกมาเลย ไม่คิดจะเซนต์อยู่แล้วไอ้เอกสารบ้าๆนี่!"...""วางไว้นี่นะ" พัชระไม่สนใจเช่นเดิม หันหน้ามองนอกหน้าต่าง พยายามคิดว่าตอนนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหนสงสัยจะต้องพึ่งเฮียแล้วจริงๆ"เฮีย""ว่าไง" พัชระที่รอฟังอยู่แล้วตอบรับทันที
"ไม่รับจริงเหรอ เขาน่าจะโทรเป็นร้อยสายแล้วมั้ง""ไม่ถึงหรอก..." แค่เกือบๆ เท่านั้นเองหลังจากเมื่อวันก่อนที่ลัลนาคุยกับรพีภัทรจบ เห็นสีหน้าอึ้งตกใจของคนตัวสูง ตัวเธอก็รีบออกจากบ้านมาทันที ปล่อยให้เขายืนช็อกอยู่นั่นแหละ คงไม่คิดว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เมื่อวานช่วงเช้าเธอจึงตัดสินใจทำบางอย่าง นั่นคือจัดการเรื่องหย่า เธอเซนต์ใบหย่าทิ้งไว้โดยนำไปฝากไว้กับคุณหญิงรจณี เหลือแค่เขาเซนต์ในส่วนของตนเองทุกอย่างก็จบ นี่คงเป็นคำกล่าวที่เธอมักได้ยินมาเสมอ เจ็บแต่จบมันเป็นอย่างนี้นี่เองตอนนี้เธอทั้งเจ็บ ทั้งทรมานเลยล่ะ แต่ใครจะไปคิด ว่าคนเพื่อนไม่มีอย่างเธอ สุดท้ายเวลาแบบนี้ ดันมาอาศัยอยู่กับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะญาติดีกันได้"ไม่ถึงอะไร ฉันเห็นเขาโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อวาน" มนิสราบ่นคนที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟากลางห้องเสียงเครียด ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์ดังเป็นระยะๆ ตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็น"..." ลัลนาไม่ตอบอะไร ได้แต่มองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีทั้งข้อความสลับกับสายเรียกเข้าไม่หยุดไม่ทำการทำงานรึไงส่วนคนข้างๆ ก็พูดเป่าหูตลอดว่าให้เธอรับสาย เรื่องของเรื่องคือเธอนัดคุยกับอชิระและมนิสราเรื่องที่เป
ลัลนาเดินเข้าห้องมาด้วยใจลอยๆ สมองคิดถึงแต่เรื่องที่เพิ่งเจอมา ภายในใจบอบช้ำจนไม่เหลือชิ้นดี ที่ผ่านมาเคยคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองถูกทิ้ง แต่ไม่มีครั้งไหนจะยืนยันความคิดนั้นได้ดีเท่าครั้งนี้เลยเธอถูกทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะนับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่อชิระไปเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้เลยว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ยังไงลัลนาค่อนข้างมั่นใจว่าพระเอกหนุ่มน่าจะได้ยินทุกอย่างที่เธอคุยกับมารดา เพราะดูจากสีหน้าเจื่อนๆ ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไร พาเธอกลับมาส่งบ้านโดยไม่ถามอะไรสักคำ ปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองเงียบๆลัลนาเปิดไฟในห้องนอนคอนโดของตนเอง เธอพักอยู่ที่คอนโดเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ก็ตั้งแต่กลับจากหัวหินนั่นแหละ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นงานเลี้ยงก็กร่อยๆ ไปโดยปริยาย เธอเห็นท่าทางแปลกๆ ของหมอทั้งสามคนแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร บวกกับพัชระออกความเห็นให้นอนหนึ่งคืนและแยกย้ายกันกลับเลย เพราะวราลีดูขวัญเสียไม่น้อยหลังจากนั้นเธอก็เริ่มหาข้ออ้างกลับมานอนคอนโดตนเองที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จ อ้างถึงเรื่องถ่ายละครที่ช่วงนี้ต้องเลิกดึก บวกกับกองถ่ายใกล้กับคอนโดมากกว่า ประจวบกับเขามีขึ้นเวรต